LOGIN“ปล่อยฉัน..ปล่อยฉันสิ..ไอ้คนชั่ว”
“เออ..แหกปากไปเถอะมึง เดี๋ยวคืนนี้กูจะเย็บให้ร้องไม่หยุดทั้งคืนไปเลย”
ทันใดนั้นแสงไฟสูงก็สาดใส่วาบเข้ามา นับว่ายังไม่ถึงคราวเคราะห์ของปลายฝนเลยเสียทีเดียว เมื่อมีรถกระบะโฟว์วิลไดร์ฟวิ่งผ่านมาจอดตรงหน้า
“เฮ้ย.. อะไรวะ ไม่ใช่เรื่องของพวกมึงอย่าเสือกดีกว่า”
ชายหนุ่มอีกสามคนเดินเข้ามาหาผู้มาใหม่อย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงจากรถโฟว์วิลไดร์ฟฝั่งคนขับ เขาเป็นคนผิวเข้มใบหน้าคมใส่เสื้อแขนยาวลายสก๊อต
“ไม่เสือกไม่ได้ว่ะ นี่เป็นอาณาเขตของพ่อเลี้ยงเมฆา พวกหมาหมู่อย่างพวกมึงปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้ แล้วก็ออกไปจากที่ตรงนี้เร็วๆ ด้วย”
“ปากดีนะมึง กินหมัดกูหน่อยเป็นไร”
ชายสามคนปรี่เข้ามาหมายจะทำร้าย คนที่มาใหม่ แต่คนนั้นกลับควักปืนสั้นออกจากเอวแล้วชี้ไปที่หน้าหนึ่งในสามคนนั้น
“หรือมึงอยากจะลองกินลูกตะกั่วสักเม็ดไหมล่ะ มึงคงเป็นนักเลงรับจ้างปลายแถวที่พึ่งมาอยู่แถวนี้เลยไม่รู้จักกูสินะ จำชื่อกูไว้กูเวหามือขวาของพ่อเลี้ยงเมฆา ฉายา เวหานัดเดียว รึมึงอยากลอง บอกเลยกูไม่เคยพลาด ยิ่งระยะใกล้ๆ แบบนี้ด้วยกูยิ่งถนัด”
ปัง!! เสียงกระสุนยิงเฉียดหน้าหนึ่งในสามไปนิดเดียว แต่กระสุนนัดนี้ไม่ได้ออกมาจากปลายกระบอกปืนของเวหา แต่เป็นของอีกคนที่พึ่งจะก้าวลงจากรถ ใบหน้านิ่งหล่อเข้มราวฟ้าประทาน สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมสองเม็ดสวมทับในกางเกงยีนส์สีเข้ม
“ไอ้เวย์กูให้มึงมาเคลียร์ทาง มึงมัวมาเสียน้ำลายทำไม ท้ายไร่กูมีที่ให้ฝังอีกเยอะ พวกผีไม่มีญาติคงอยากได้เพื่อนเพิ่ม จะทำอะไรก็รีบทำเวลากูมีค่า”
ชายหนุ่มผู้เป็นนายสั่ง เขาจึงพยักหน้าเล็งปลายกระบอกปืนไปที่กลุ่มชายชั่วทั้งห้าเตรียมเหนี่ยวไก ชายฉกรรจ์ทั้งห้าวิ่งหนีขึ้นรถพร้อมตะโกนฝากฝังก่อนขับหนีออกไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
“มึงจะมาเอาคืนเมื่อไหร่ก็บอก กูพร้อม”
เวหาตะโกนไล่หลังไป ซ่อนกลิ่นเดินเข้ามายกมือไหว้ทั้งสองคน
“ขอบคุณพ่อเลี้ยงกับพ่อเวหามากเลยนะจ๊ะ นี่ถ้าไม่ได้พ่อเลี้ยงกับพ่อเวหานังหนูของน้าคงแย่”
ส่วนตัวลูกสาวพอเป็นอิสระวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อและแม่ แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนทั้งคู่ ใบหน้าสวยเปื้อนคราบหน้าตา กับดวงตาที่บวมช้ำแลดูหมองเศร้า เธอสบตาคนที่มาช่วยตนแล้วต้องหลบสายตาวูบ เพราะสายตาที่มองมานั้นไม่ต่างจากราชสีห์ผู้ทรงอำนาจ ที่กำลังจ้องมองหนูตัวเล็กๆ อย่างเธอ
“เวหา”
“ครับพ่อเลี้ยง เดี๋ยวผมจัดการให้”
เวหาที่เพียงมองตาผู้เป็นนายก็รู้ใจ เขาเดินเข้าไปดูอาการลุงพัน
“ไปหาหมอกันลุงพัน ลุกไหวไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อเวหา ลุงไม่ได้เป็นอะไรมาก นอนพักสักสองสามวันเดี๋ยวก็หาย”
“อย่ามาทำเกรงใจตอนนี้เลยลุง ไปให้หมอดูอาการเสียหน่อยก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันกับพ่อเลี้ยงพาไปส่งที่อนามัย”
สามพ่อแม่ลูกปีนขึ้นมานั่งที่เบาะหลังคนขับ บรรยากาศในรถเงียบแทบได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคน เวหาจึงพยายามทำลายความเงียบด้วยการชวนทุกคนคุยจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางสถานีอนามัย
เมื่อมาถึงพยาบาลสาวใหญ่วัยใกล้เลขห้า เดินเข้ามาตรวจดูอาการ ทำแผลและจัดยาให้
ปลายฝนยกมือไหว้ขอบคุณพยาบาล แล้วหันไปไหว้ขอบคุณเวหา
“หนูขอขอบคุณพี่พยาบาลและพี่เวย์มากนะคะ”
เวหายิ้มรับพร้อมชี้ออกไปทางด้านนอกที่มีเจ้านายของเขายืนอยู่
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกปลาย คนที่ปลายต้องขอบคุณก็คือพ่อเลี้ยงโน่น”
ปลายฝนหันไปทางที่เวหาชี้ เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าสถานีอนามัย เธอจึงเดินเข้าไปหาด้วยความประหม่ากลัวในบุคลิกที่น่าเกรงขามของอีกคน เธอยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวคำขอบคุณกับเขา ซึ่งเขาก็หันหน้ามามองแล้วพยักหน้าว่ารับรู้โดยไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา
หลังจากเสร็จภารกิจที่สถานีอนามัย เวหาก็ขับรถไปส่งสามพ่อแม่ลูกที่บ้านแล้วจึงค่อยขับเข้ามาส่งพ่อเลี้ยงที่เรือนพักในไร่
“เดี๋ยวช่วยไปสืบทีว่า ครอบครัวนี้ไปมีเรื่องกับใคร ถึงต้องตามมากระทืบกันถึงในเขตไร่ของฉัน ได้เรื่องอย่างไรมารายงานฉันด้วย”
“ครับพ่อเลี้ยง”
ทั้งคู่แยกย้ายกัน เวหากับเมฆาถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อของเวหาก็เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ดของพ่อเมฆา และเมื่อเวหาอายุได้สิบแปดพ่อเขาก็เสียชีวิตลงจากการช่วยคุ้มกันพ่อของเมฆา หลังจากนั้นเวหาถูกเลี้ยงและดูแลโดยครอบครัวของเมฆา ซึ่งเลี้ยงดูไม่ต่างไปจากเมฆาประดุจเหมือนเป็นลูกอีกคนหนึ่งของครอบครัว
แต่เวหาจะเจียมตัวและให้ความเคารพเมฆาประดุจเจ้านายคนหนึ่งเหมือนกับที่พ่อของเขาปฏิบัติกับพ่อของเมฆา เขาจึงเป็นทั้งมือขวา เป็นทั้งบอดี้การ์ด บางครั้งเป็นพี่ชาย บางครั้งเป็นเหมือนเพื่อน เรียกว่าชีวิตของเวหานี้ได้มอบให้เมฆาไปแล้ว ทั้งคู่จึงรู้ใจซึ่งกันและกัน
เมฆาจึงสร้างเรือนพักหลังเล็กๆ ตามความต้องการของเวหา แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อยู่ในบริเวณไร่ไม่ไกลจากเรือนพักของเมฆาเท่าไรนัก
พอแยกย้ายกัน เมฆากลับเข้าที่พัก อาบน้ำเสร็จเขาล้มตัวลงนอน แต่กลับไม่สามารถข่มสายตาให้หลับลงได้ เพราะใบหน้าหวาน ดวงตาแสนเศร้าที่บวมช้ำจากการร้องไห้ได้เข้ามาก่อกวนหัวใจเขาไม่หยุดหย่อน กว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ใช้เวลาไปเกือบค่อนคืน
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“พ่อเลี้ยง.. เหมือนที่บ้านลุงพันลูกจ้างในไร่พ่อเลี้ยงจะมีปัญหานะครับ”
“ใครมันมาก่อเรื่องในนี้วะ ถ้าเป็นเรื่องทะเลาะกันธรรมดาก็ปล่อยให้มันเคลียร์กันเอง”
“น่าจะไม่ธรรมดาแล้วพ่อเลี้ยง ดูเหมือนมันจะฉุดลูกสาวลุงพันขึ้นรถด้วย”
“ไปเวย์เราต้องเอาตีนไปแกว่งหาเรื่องหน่อยแล้ว ใครแม่งบังอาจมาทำตัวเกะกะในถิ่นพ่อเลี้ยงเมฆา เดี๋ยวมันจะไม่ได้ตายดี”
“ไม่เป็นไรครับพ่อเลี้ยง เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
ปลายฝนส่งยิ้มให้ คุณหญิงมัณฑนามองแล้วค้อนไปสองทีหันไปคุยกับเลขาคนสนิท“ดูเอาเถอะนะอุษา ลูกชายฉันคงเห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารไปแล้วมั้ง นี่คงจะคิดว่าฉันจะทำอะไรเมียเขานะสิ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ว่าแต่คุณแม่คุยอะไรกับปลายฝนหรือครับ”“แม่จะคุยอะไรก็เรื่องของแม่ แล้วแม่ก็จะกลับกรุงเทพแล้วด้วย อุษาเธอเตรียมจองตั๋วเครื่องบินได้เลย จองให้หนูนิดด้วย หนูนิดกลับพร้อมป้านะลูก”“ค่ะ คุณหญิง” / “เอ่อ..ค่ะ คุณป้า”อุษาและสกุณาตอบรับคุณหญิงมัณฑนาพร้อมกัน ส่วนเวหาที่ได้ยินว่าคนที่มาจากกรุงเทพกำลังจะกลับ เขาเผลอชำเลืองตามองไปที่หญิงสาวที่พึ่งตอบรับการเดินทางกลับกรุงเทพเมื่อครู่ แล้วรู้สึกใจหายกับการที่จะไม่มีใครบางคนให้เขาชวนทะเลาะด้วย“ทำไมคุณแม่รีบกลับละครับ ไม่อยู่ต่ออีกสักสัปดาห์”“จะให้แม่อยู่ต่อทำไม มีอะไรรอให้แม่ทำที่กรุงเทพเยอะแยะ อุษาพอถึงกรุงเทพเธอเช็คคิวหลวงพ่อให้ใหม่ ฉันจะต้องเอาดวงไปเช็คดูฤกษ์ดูยามใหม่ หวังว่าแกคงจะไม่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวอีกแล้วนะตาเมฆ รู้ไหมว่ามันเหนื่อยทั้งแม่ เหนื่อยทั้งพระต้องมาเช็คดวง ผูกดวง หาฤกษ์ใหม่กันอีก”“อะไรนะครับคุณแม่ เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะ”“อุษาขอหงส์ไทยให
เมฆาจากที่งงอยู่แล้ว พอรับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเขากลับงงหนักกว่าเดิม“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะให้เธอเอาเด็กออกล่ะ”“ก็.. พ่อเลี้ยงเคยบอกว่า ห้ามไม่ให้ปลายท้อง ถ้าปลายท้องพ่อเลี้ยงจะ.. ฮือ”ปลายฝนปล่อยโฮออกมา เมฆาดึงร่างบางเข้ามากอดเอามือลูบหลังปลอบประโลมอย่างเบามือเพราะเขากลัวว่าจะไปกระทบกับบาดแผลด้านหลังของปลายฝนแล้วทำให้เธอเจ็บ“เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ร้องนะคะ ฉันขอโทษที่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับเธอ เธอลืมมันไปได้ไหม ยกโทษให้ฉันได้ไหม อย่าโกรธฉันนะที่ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นออกไป”“...”“ฉันไม่ใช่คนใจร้ายที่จะฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอหรอกนะปลายฝน เด็กคนนี้ฉันพิถีพิถันตั้งใจทำให้เขาเกิดมาจริงๆ นะ”“หมายความว่าอย่างไรคะ”“ก็หมายความตามที่บอกนี่แหละ เด็กคนนี้เขาคือคนที่ฉันตั้งใจทำให้เกิดขึ้นมา แล้วฉันก็จะทำน้องให้ออกมาเล่นเป็นเพื่อนเขาด้วยอีกหลายๆ คนดีไหม”“พ่อเลี้ยง..ฮือ”ปลายฝนดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นมาครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่ เนื่องจากครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี พ่อเลี้ยงหนุ่มใช้นิ้วมือปาดน้ำตาแล้วก้มมาจูบซับน้ำตาของหญิงสาว“นี่แม่ของลูกฉันกลายเป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อ
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกับถกเถียงกัน ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เมฆาหันไปให้ความสนใจกับคุณหมอที่เดินออกมาจากห้อง“เอ่อ.. คุณหมอครับ ปลายฝนเป็นอย่างไรบ้างครับ เธอปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”คุณหมอพูดพร้อมยิ้มผ่านแววตาเพราะยังคงสวมแมสอยู่“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ ปลอดภัยดีทั้งแม่ทั้งลูกครับ”“ขอบคุณครับ เอ๊ะ.. เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะครับ”“ครับคนไข้ท้องได้สองเดือนแล้วครับ ดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ได้กระทบกระเทือนกับเด็กในท้อง ตอนนี้นี่ก็ดึกแล้วหมอคิดว่าให้คนไข้พักผ่อนก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ญาติค่อยมาเยี่ยมใหม่ ไม่ต้องห่วงคุณแม่สุขภาพแข็งแรงดีมากครับ”“อะ.. ครับ ขอบคุณครับ”เมฆายืนนิ่ง เขาได้แต่ทบทวนในสิ่งที่คุณหมอพูด ‘หมอบอกว่าปลายฝนท้องได้สองเดือน นั่นหมายความว่า เขากำลังจะมีลูกกับปลายฝนหรือนี่’“เฮ้ย.. เมฆ นายโอเคไหม”“เวย์ เมื่อกี้นายได้ยินที่หมอพูดหรือเปล่าวะ”เวหาพยักหน้า เมฆาจับที่ต้นแขนของเวหาเขย่า“ปลายฝนท้องได้สองเดือน แสดงว่าฉันกำลังจะมีลูกแล้วใช่ไหม ลูกของฉันอยู่ในท้องปลายฝน”“โอ๊ย.. เบาหน่อยไอ้เมฆ แผลกู”เวหาโวยลั่นเมื่อโดนเมฆาจับเข้าที่ต้นแขนและโดนแผลที่พึ่งผ่านการเย็บมาหมาดๆ เ
ปัง‼️ปลายฝนพุ่งตัวสุดแรงเข้าไปหาเมฆา เธอใช้ร่างของเธอเข้าบังพ่อเลี้ยงรับกระสุนแทนเขา เข่าของเธอค่อยๆ ทรุดลง เมฆาหันมาเห็นภาพที่ปลายฝนกำลังทรุดลงกับพื้นเขาตกใจตะโกนเรียกเสียงดัง“ปลายฝน”แล้วพุ่งตัวเข้าไปรับร่างบางดึงมาไว้แนบอกได้ทัน สายตาแข็งกร้าวและดุดันมองไปที่หัวหน้าโจรคนที่ทำให้ปลายฝนเจ็บ เมฆาเล็งปากกระบอกปืนไปที่เป้าหมายแล้วลั่นไกทันทีปัง!!“มึงยิงเมียกู ตายเสียเถอะ”กระสุนปืนเข้าที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายปลิดชีพทำให้ร่างไร้วิญญาณร่วงลงกับพื้นทันทีจากเสียงปืนที่ดังกระหึ่มทำให้ชาวไร่หลายคนในแถบนั้นกรูกันเข้ามาดู โดยมีนายสนหัวหน้าคนงานขับมอเตอร์ไซค์นำหน้ามา เวหารีบไปสั่งให้นายสนเคลียร์พื้นที่แล้วโทรเรียกเจ้าหน้าที่มา“ปลายฝน ปลายฝน ตื่น ตื่น เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”เมฆาเขย่าตัวหญิงสาวแล้วเขาก็เห็นว่ามีเลือดไหลจากแผ่นหลัง เขารีบอุ้มหญิงสาวที่ตอนนี้เริ่มหายใจรวยริน เวหาเคลียร์กับหัวหน้าคนงานเสร็จก็รู้หน้าที่รีบกระโดดขึ้นไปสตาร์ทรถ สกุณาเห็นก็วิ่งตามมา“ฉันไปด้วย”เวหาหันมามองแล้วมองไปที่คุณหญิงมัณฑนาและอุษา“แม่ก็ไปด้วย”เวหาหันไปบอกสกุณาด้วยน้ำเสียงเบาว่า“นั่งกระบะหลังได้หรือเปล่า”
คุณหญิงมัณฑนาอยู่ที่ไร่เมฆามาได้สามสี่วัน เธอพยายามจับตาดูเด็กสาวที่เป็นแม่บ้านที่ชื่อปลายฝนก็ไม่เห็นมีสิ่งอะไรที่น่าสงสัย เด็กคนนี้ดูมีสัมมาคารวะ ทำงานเรียบร้อย ที่สำคัญต้องยอมรับว่าหล่อนทำอาหารได้อร่อยจริงๆ ส่วนลูกชายของเธอที่เป็นเจ้าของไร่นี่นะสิที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมแต่งงานกับสกุณาลูกสาวเพื่อนเธอเป็นแน่แท้ แต่กลับแสดงออกให้เห็นว่าสนใจและใส่ใจในตัวแม่บ้านเด็กสาวคนนี้เป็นพิเศษ ถ้าไม่ติดเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์หรือหน้าตาในสังคม เด็กสาวบ้านไร่คนนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่ หน้าตาใช้ได้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน กิริยามารยาทดี การบ้านการเรือนก็ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังอยากได้ลูกสะใภ้คนที่เธอเลือกเองที่มีฐานะทางสังคมเท่าเทียมกัน“แม่ครับวันนี้ผมจะเข้าไปในจังหวัดนะครับ แม่จะเข้าไปเดินเที่ยวเล่นที่ตัวจังหวัดไหมครับ”“ไม่ไปดีกว่า ลูกไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงแม่ วันนี้แม่จะเข้าไปเดินดูในไร่เสียหน่อย”ระหว่างที่สองแม่ลูกคุยกัน เวหาก็เดินหน้าเครียดเข้ามาแล้วมากระซิบที่ข้างหูเมฆาเบาๆ พูดจบเมฆาก็ทำหน้านิ่งแล้วพยักหน้า“มีอะไรกันหรือเปล่าลูก”คุณหญิงเห็นท่าทางสองคนดูตึงเครียดจึงเอ่ยปากขึ้
ปลายฝนนั่งมองข้อความที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ได้กดเปิดเข้าไปอ่าน น้ำตายังคงไหลริน นี่เธอเป็นอะไรไปนี่ เธอจะไปตกหลุมรักเขาไม่ได้ สถานะของเขาและเธอมันต่างกัน เขาก็ชัดเจนว่าการที่เขามีความสัมพันธ์กับเธอนั้นเป็นเพราะเขากำลังเก็บดอกที่เธอเอาเงินเขาไปใช้หนี้พนันแทนพ่อ เธอจะรู้สึกอะไรไม่ได้ เธอพร่ำบอกกับตัวเองมาตลอด และเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพักหลังมานี้เธอรู้สึกอ่อนไหวกับเขาง่ายเหลือเกินจากข้อความตัวอักษรเปลี่ยนเป็นเสียงโทรศัพท์เข้ามาแทน ปลายฝนชั่งใจอยู่พักก็ปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรับสาย“ทำไมไม่อ่านข้อความฉัน”“ปลายไปเข้าห้องน้ำ พึ่งออกมาค่ะ”“ทำไมเสียงเธอฟังดูอู้อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เปิดกล้อง”“...”“ฉันบอกให้เปิดกล้อง”ปลายฝนหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดกล้อง ซึ่งในห้องนอนของเธอตอนนี้เปิดเพียงไฟหัวเตียงจึงทำให้แสงในห้องเป็นแสงสลัว เมฆาจึงมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“ไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่แม่ฉันพูด จะไม่มีงานแต่งงานใดใดเกิดขึ้นทั้งนั้น”ปลายฝนพยักหน้ารับในสิ่งที่เขาบอก แต่ก็สงสัยว่าเขามาบอกหล่อน