LOGINเช้าวันใหม่
เมฆาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เขาจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องลงบันไดมาชั้นล่าง เจอกับป้าสมหมายแม่บ้านที่กำลังเตรียมอาหารใส่บาตรพระสงฆ์
“สวัสดีจ้ะพ่อเลี้ยง วันนี้พ่อเลี้ยงลงมาเช้าจัง จะรับกาแฟเลยไหมจ๊ะ เดี๋ยวป้าเตรียมให้”
“ไม่เป็นไรครับ ป้าหมายไปใส่บาตรได้เลย เดี๋ยวผมเข้าไปเดินเล่นในไร่ก่อน”
เมฆาเดินไปเรื่อยๆ อากาศยามเช้าเย็นสบายมีไอหมอกลอยฟุ้งพัดมาปะทะร่างกาย บนยอดหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยหยาดน้ำค้าง ช่วงเวลาหกโมงกว่าๆ อย่างนี้ คนงานในไร่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้ามา ต้องรอใกล้ๆ 07.00 น. จึงจะทะยอยเข้ามาทำงานกัน เวลาทำงานในไร่ของเมฆาจะเริ่มที่ 07.00 น. แล้วเลิกงานเวลา 16.00 น. เพราะทางภาคเหนือช่วงกลางวันอากาศจะร้อนจัด จึงปรับเวลาให้เริ่มงานเร็ว และเลิกงานเร็วเพื่อความเหมาะสมของสภาพอากาศ
“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง วันนี้เข้าไร่แต่เช้าเลยนะครับ”
เสียงคนงานเก่าแก่กล่าวทักทายเจ้านายหนุ่ม
“ลุงเสริมก็มาเช้าเหมือนกันนะครับ นี่ยังอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะเริ่มงาน”
“พอดีทำอะไรที่บ้านเสร็จแล้วก็มาที่ไร่เลยดีกว่า ขี้เกียจอยู่ฟังอีแก่ที่บ้านมันบ่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เมฆาจะมีความคุ้นเคยกับกลุ่มคนงานรุ่นเก่าๆ เพราะบางคนทำงานในไร่นี้มาตั้งแต่วัยรุ่น เคยเป็นลูกน้องตั้งแต่รุ่นพ่อของเมฆา แล้วพอรุ่นพ่อวางมือ พวกเขาก็มาเป็นลูกน้องรุ่นลูกอย่างเมฆาต่อ เขาเหล่านั้นจะรู้สึกเอ็นดูเมฆาเหมือนลูกหลาน แต่ก็ให้ความเคารพนับถือเมฆาไม่ต่างจากรุ่นพ่อ
ต่างกับกลุ่มคนงานรุ่นหลัง กลุ่มที่เข้ามาทำงานช่วงที่เมฆามาดูแลไร่แห่งนี้แล้ว คนกลุ่มนี้มักจะเกรงกลัวเมฆาเป็นพิเศษ เรียกว่ากลัวแบบขี้หดตดหายเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขามักจะเห็นภาพเมฆาที่เย็นชา หน้านิ่ง ไหนยังจะมีข่าวโคมลอยเรื่องความโหดร้ายอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่เล่าเพื่อความสนุกปากกันแน่ บ้างก็ว่าเมฆาเลือดเย็นใครก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจ จะถูกนำตัวไปลงโทษด้วยการซ้อมทุบตี หรือไม่ก็โดนสั่งเก็บยิงทิ้งแล้วนำร่างไปฝังที่ทางท้ายไร่ และที่สำคัญตัวเจ้าของไร่ก็ไม่เคยออกมาแก้ข่าวเสียด้วยสิ เขาดันชอบเสียอีกที่มีข่าวแบบนั้น เพราะจะได้เพิ่มความยำเกรง ไม่มีใครกล้ามายุ่งวุ่นวายกับเขา
สองขาพาเขาเดินสำรวจไปทั่วไร่ แล้วไปหยุดยืนที่หน้าเรือนไม้หลังเล็กของเวหามือขวาคนสนิทของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวหามันไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่มันเป็นมากกว่านั้น เป็นเหมือนเพื่อนสนิท เหมือนพี่เหมือนน้อง เพราะฉะนั้นเวลาเขาสองคนก็จะพูดคุยกันเหมือนเพื่อน แต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย เวหาก็อ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติเมฆาเสมอ
“ลมอะไรพัดคุณพ่อเลี้ยงมาท้ายไร่ในยามเช้าแบบนี้ครับ”
“วันนี้ตื่นเร็ว ก็เลยเดินเล่นมาเรื่อยๆ”
“เฮ้ย..ระดับพ่อเลี้ยงเมฆานี่มีคำว่าเดินเล่นด้วยหรือวะ”
เวหาพูดแหย่กวนประสาทเจ้านาย พลางหันไปตักเม็ดกาแฟที่เขากับเมฆาทดลองปลูกไว้หลังไร่แล้วนำมาคั่วเองตักใส่เครื่องบดกาแฟด้วยมือ มือหมุนบดกาแฟไป ปากก็พูดไปด้วย
เมื่อเม็ดกาแฟคั่วถูกบดจนละเอียด เขาก็เทใส่หม้อมอคคาพอทแล้วเตรียมทำการต้มกาแฟ ส่งกลิ่นกาแฟลอยฟุ้งหอมอบอวลไปทั่ว เขารินกาแฟใส่แก้วแล้วส่งให้เจ้านายหนึ่งแก้ว
“เติมคาเฟอีนซะหน่อย คาดว่าออกมาเช้าแบบนี้ป้าหมายน่าจะยังไม่ได้เตรียมไว้ให้ใช่ไหม”
“แสนรู้”
“โฮ่ง โฮ่ง .. เอ๊ย.. ไม่ใช่หมานะเว้ย”
เมฆารับแก้วกาแฟมาจิบ
“พอจะรู้หรือยังว่า ไอ้พวกเมื่อคืนมันเป็นใคร”
“นี่คุณเจ้านาย คุณไม่ให้เวลาผมทำงานหน่อยหรือครับ ผมพึ่งแยกกับคุณเมื่อคืนนี้เอง จะเอาเวลาไหนไปสืบเล่า ใจเย็นสิ ปกติก็ไม่ค่อยเห็นอยากรู้เรื่องอะไรแบบนี้ซะหน่อย ทำไมครั้งนี้ดูใส่ใจจัง”
“ก็นี่มันเรื่องความปลอดภัยของคนในไร่ไง อยู่ดีดีก็มีคนจากข้างนอกเข้ามาทำร้ายคนในไร่ รู้ไปถึงไหนได้โดนเขาด่าประณามไปถึงนั่น เสียชื่อพ่อเลี้ยงเมฆาหมด”
“เออ.. ก็พอรู้มาบ้าง คิดว่าลุงพันแกน่าจะไปเล่นพนันแล้วเสียก็เลยถูกไอ้คนในบ่อนมาตามทวงหนี้ เพราะเคยได้ยินมาว่าแกชอบไปเข้าบ่อน”
“เมื่อไหร่เรื่องการพนันนี้มันจะหมดไปจากโลกใบนี้เสียทีนะ ไปออกกฏบอกคนในไร่ทีว่าห้ามเล่นการพนัน ถ้ารู้ให้ออกทันที”
“เอ่อ.. เจ้านายครับนี่เอาจริงหรือครับ”
“หรือว่านายต้องเห็นคนมานอนตายในไร่ก่อนล่ะ อ้อแล้วก็รีบเคลียร์เรื่องเมื่อคืนด้วย เหมือนได้ยินมาว่าลุงพันต้องคืนเงินไอ้พวกนั้นเร็วๆ นี้ มีอะไรช่วยได้ก็ช่วย อย่าให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคืนในไร่นี้อีก เดี๋ยวกูจะเขาไปในเมืองเสียหน่อย ส่วนนายเคลียร์เรื่องลุงพันให้เรียบร้อยแล้วมาคุยกันตอนเย็น”
พูดจบเขาก็เดินจาก ปล่อยให้เวหายืนงุนงงกับคำสั่งใหม่ของเจ้าของไร่
“ฮึ วันนี้ดูแปลกๆ อย่าบอกนะว่าที่ตื่นแต่เช้าเดินมาหาก็เพื่อสั่งงานเรื่องลุงพัน ปกติไม่เคยเห็นใส่ใจเรื่องคนงานอะไรแบบนี้เลย”
เวหาส่ายหน้าด้วยความงุนงง เขาเก็บอุปกรณ์ต้มกาแฟเข้าที่ แล้วเตรียมตัวเข้าไปดูงานในไร่ ช่วงบ่ายเขาจะแวะไปดูอาการของลุงพันสักหน่อย
ปลายฝนส่งยิ้มให้ คุณหญิงมัณฑนามองแล้วค้อนไปสองทีหันไปคุยกับเลขาคนสนิท“ดูเอาเถอะนะอุษา ลูกชายฉันคงเห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารไปแล้วมั้ง นี่คงจะคิดว่าฉันจะทำอะไรเมียเขานะสิ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ว่าแต่คุณแม่คุยอะไรกับปลายฝนหรือครับ”“แม่จะคุยอะไรก็เรื่องของแม่ แล้วแม่ก็จะกลับกรุงเทพแล้วด้วย อุษาเธอเตรียมจองตั๋วเครื่องบินได้เลย จองให้หนูนิดด้วย หนูนิดกลับพร้อมป้านะลูก”“ค่ะ คุณหญิง” / “เอ่อ..ค่ะ คุณป้า”อุษาและสกุณาตอบรับคุณหญิงมัณฑนาพร้อมกัน ส่วนเวหาที่ได้ยินว่าคนที่มาจากกรุงเทพกำลังจะกลับ เขาเผลอชำเลืองตามองไปที่หญิงสาวที่พึ่งตอบรับการเดินทางกลับกรุงเทพเมื่อครู่ แล้วรู้สึกใจหายกับการที่จะไม่มีใครบางคนให้เขาชวนทะเลาะด้วย“ทำไมคุณแม่รีบกลับละครับ ไม่อยู่ต่ออีกสักสัปดาห์”“จะให้แม่อยู่ต่อทำไม มีอะไรรอให้แม่ทำที่กรุงเทพเยอะแยะ อุษาพอถึงกรุงเทพเธอเช็คคิวหลวงพ่อให้ใหม่ ฉันจะต้องเอาดวงไปเช็คดูฤกษ์ดูยามใหม่ หวังว่าแกคงจะไม่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวอีกแล้วนะตาเมฆ รู้ไหมว่ามันเหนื่อยทั้งแม่ เหนื่อยทั้งพระต้องมาเช็คดวง ผูกดวง หาฤกษ์ใหม่กันอีก”“อะไรนะครับคุณแม่ เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะ”“อุษาขอหงส์ไทยให
เมฆาจากที่งงอยู่แล้ว พอรับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเขากลับงงหนักกว่าเดิม“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะให้เธอเอาเด็กออกล่ะ”“ก็.. พ่อเลี้ยงเคยบอกว่า ห้ามไม่ให้ปลายท้อง ถ้าปลายท้องพ่อเลี้ยงจะ.. ฮือ”ปลายฝนปล่อยโฮออกมา เมฆาดึงร่างบางเข้ามากอดเอามือลูบหลังปลอบประโลมอย่างเบามือเพราะเขากลัวว่าจะไปกระทบกับบาดแผลด้านหลังของปลายฝนแล้วทำให้เธอเจ็บ“เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ร้องนะคะ ฉันขอโทษที่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับเธอ เธอลืมมันไปได้ไหม ยกโทษให้ฉันได้ไหม อย่าโกรธฉันนะที่ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นออกไป”“...”“ฉันไม่ใช่คนใจร้ายที่จะฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอหรอกนะปลายฝน เด็กคนนี้ฉันพิถีพิถันตั้งใจทำให้เขาเกิดมาจริงๆ นะ”“หมายความว่าอย่างไรคะ”“ก็หมายความตามที่บอกนี่แหละ เด็กคนนี้เขาคือคนที่ฉันตั้งใจทำให้เกิดขึ้นมา แล้วฉันก็จะทำน้องให้ออกมาเล่นเป็นเพื่อนเขาด้วยอีกหลายๆ คนดีไหม”“พ่อเลี้ยง..ฮือ”ปลายฝนดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นมาครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่ เนื่องจากครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี พ่อเลี้ยงหนุ่มใช้นิ้วมือปาดน้ำตาแล้วก้มมาจูบซับน้ำตาของหญิงสาว“นี่แม่ของลูกฉันกลายเป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อ
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกับถกเถียงกัน ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เมฆาหันไปให้ความสนใจกับคุณหมอที่เดินออกมาจากห้อง“เอ่อ.. คุณหมอครับ ปลายฝนเป็นอย่างไรบ้างครับ เธอปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”คุณหมอพูดพร้อมยิ้มผ่านแววตาเพราะยังคงสวมแมสอยู่“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ ปลอดภัยดีทั้งแม่ทั้งลูกครับ”“ขอบคุณครับ เอ๊ะ.. เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะครับ”“ครับคนไข้ท้องได้สองเดือนแล้วครับ ดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ได้กระทบกระเทือนกับเด็กในท้อง ตอนนี้นี่ก็ดึกแล้วหมอคิดว่าให้คนไข้พักผ่อนก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ญาติค่อยมาเยี่ยมใหม่ ไม่ต้องห่วงคุณแม่สุขภาพแข็งแรงดีมากครับ”“อะ.. ครับ ขอบคุณครับ”เมฆายืนนิ่ง เขาได้แต่ทบทวนในสิ่งที่คุณหมอพูด ‘หมอบอกว่าปลายฝนท้องได้สองเดือน นั่นหมายความว่า เขากำลังจะมีลูกกับปลายฝนหรือนี่’“เฮ้ย.. เมฆ นายโอเคไหม”“เวย์ เมื่อกี้นายได้ยินที่หมอพูดหรือเปล่าวะ”เวหาพยักหน้า เมฆาจับที่ต้นแขนของเวหาเขย่า“ปลายฝนท้องได้สองเดือน แสดงว่าฉันกำลังจะมีลูกแล้วใช่ไหม ลูกของฉันอยู่ในท้องปลายฝน”“โอ๊ย.. เบาหน่อยไอ้เมฆ แผลกู”เวหาโวยลั่นเมื่อโดนเมฆาจับเข้าที่ต้นแขนและโดนแผลที่พึ่งผ่านการเย็บมาหมาดๆ เ
ปัง‼️ปลายฝนพุ่งตัวสุดแรงเข้าไปหาเมฆา เธอใช้ร่างของเธอเข้าบังพ่อเลี้ยงรับกระสุนแทนเขา เข่าของเธอค่อยๆ ทรุดลง เมฆาหันมาเห็นภาพที่ปลายฝนกำลังทรุดลงกับพื้นเขาตกใจตะโกนเรียกเสียงดัง“ปลายฝน”แล้วพุ่งตัวเข้าไปรับร่างบางดึงมาไว้แนบอกได้ทัน สายตาแข็งกร้าวและดุดันมองไปที่หัวหน้าโจรคนที่ทำให้ปลายฝนเจ็บ เมฆาเล็งปากกระบอกปืนไปที่เป้าหมายแล้วลั่นไกทันทีปัง!!“มึงยิงเมียกู ตายเสียเถอะ”กระสุนปืนเข้าที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายปลิดชีพทำให้ร่างไร้วิญญาณร่วงลงกับพื้นทันทีจากเสียงปืนที่ดังกระหึ่มทำให้ชาวไร่หลายคนในแถบนั้นกรูกันเข้ามาดู โดยมีนายสนหัวหน้าคนงานขับมอเตอร์ไซค์นำหน้ามา เวหารีบไปสั่งให้นายสนเคลียร์พื้นที่แล้วโทรเรียกเจ้าหน้าที่มา“ปลายฝน ปลายฝน ตื่น ตื่น เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”เมฆาเขย่าตัวหญิงสาวแล้วเขาก็เห็นว่ามีเลือดไหลจากแผ่นหลัง เขารีบอุ้มหญิงสาวที่ตอนนี้เริ่มหายใจรวยริน เวหาเคลียร์กับหัวหน้าคนงานเสร็จก็รู้หน้าที่รีบกระโดดขึ้นไปสตาร์ทรถ สกุณาเห็นก็วิ่งตามมา“ฉันไปด้วย”เวหาหันมามองแล้วมองไปที่คุณหญิงมัณฑนาและอุษา“แม่ก็ไปด้วย”เวหาหันไปบอกสกุณาด้วยน้ำเสียงเบาว่า“นั่งกระบะหลังได้หรือเปล่า”
คุณหญิงมัณฑนาอยู่ที่ไร่เมฆามาได้สามสี่วัน เธอพยายามจับตาดูเด็กสาวที่เป็นแม่บ้านที่ชื่อปลายฝนก็ไม่เห็นมีสิ่งอะไรที่น่าสงสัย เด็กคนนี้ดูมีสัมมาคารวะ ทำงานเรียบร้อย ที่สำคัญต้องยอมรับว่าหล่อนทำอาหารได้อร่อยจริงๆ ส่วนลูกชายของเธอที่เป็นเจ้าของไร่นี่นะสิที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมแต่งงานกับสกุณาลูกสาวเพื่อนเธอเป็นแน่แท้ แต่กลับแสดงออกให้เห็นว่าสนใจและใส่ใจในตัวแม่บ้านเด็กสาวคนนี้เป็นพิเศษ ถ้าไม่ติดเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์หรือหน้าตาในสังคม เด็กสาวบ้านไร่คนนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่ หน้าตาใช้ได้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน กิริยามารยาทดี การบ้านการเรือนก็ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังอยากได้ลูกสะใภ้คนที่เธอเลือกเองที่มีฐานะทางสังคมเท่าเทียมกัน“แม่ครับวันนี้ผมจะเข้าไปในจังหวัดนะครับ แม่จะเข้าไปเดินเที่ยวเล่นที่ตัวจังหวัดไหมครับ”“ไม่ไปดีกว่า ลูกไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงแม่ วันนี้แม่จะเข้าไปเดินดูในไร่เสียหน่อย”ระหว่างที่สองแม่ลูกคุยกัน เวหาก็เดินหน้าเครียดเข้ามาแล้วมากระซิบที่ข้างหูเมฆาเบาๆ พูดจบเมฆาก็ทำหน้านิ่งแล้วพยักหน้า“มีอะไรกันหรือเปล่าลูก”คุณหญิงเห็นท่าทางสองคนดูตึงเครียดจึงเอ่ยปากขึ้
ปลายฝนนั่งมองข้อความที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ได้กดเปิดเข้าไปอ่าน น้ำตายังคงไหลริน นี่เธอเป็นอะไรไปนี่ เธอจะไปตกหลุมรักเขาไม่ได้ สถานะของเขาและเธอมันต่างกัน เขาก็ชัดเจนว่าการที่เขามีความสัมพันธ์กับเธอนั้นเป็นเพราะเขากำลังเก็บดอกที่เธอเอาเงินเขาไปใช้หนี้พนันแทนพ่อ เธอจะรู้สึกอะไรไม่ได้ เธอพร่ำบอกกับตัวเองมาตลอด และเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพักหลังมานี้เธอรู้สึกอ่อนไหวกับเขาง่ายเหลือเกินจากข้อความตัวอักษรเปลี่ยนเป็นเสียงโทรศัพท์เข้ามาแทน ปลายฝนชั่งใจอยู่พักก็ปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรับสาย“ทำไมไม่อ่านข้อความฉัน”“ปลายไปเข้าห้องน้ำ พึ่งออกมาค่ะ”“ทำไมเสียงเธอฟังดูอู้อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เปิดกล้อง”“...”“ฉันบอกให้เปิดกล้อง”ปลายฝนหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดกล้อง ซึ่งในห้องนอนของเธอตอนนี้เปิดเพียงไฟหัวเตียงจึงทำให้แสงในห้องเป็นแสงสลัว เมฆาจึงมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“ไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่แม่ฉันพูด จะไม่มีงานแต่งงานใดใดเกิดขึ้นทั้งนั้น”ปลายฝนพยักหน้ารับในสิ่งที่เขาบอก แต่ก็สงสัยว่าเขามาบอกหล่อน







