บริษัทเอเจกรุ๊ป
ห้องประธาน
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายดวงตาสีนิลประกายแรงกล้าหยุดอยู่บนร่างกำยำของผู้ใต้บังคับบัญชา สำรวจความสง่าโดดเด่นของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอ่ย
“ที่นั่นมีอะไรทำให้นายต้องเดินทางไปติด ๆ กันแบบนี้”
“เรื่องสำคัญครับ ก็เลยขึ้นมาบอกคุณด้วยตัวเอง”
เสียงหัวเราะในลำคอทุ้มต่ำจากผู้ตั้งคำถาม เมื่อคำตอบที่ได้มาไม่ได้ต่างไปจากที่รายงานก่อนหน้านี้สักนิด อยากรู้มากก็คือ ‘สำคัญ’ นั้นคือเรื่องใดกันแน่ ที่สมุทรปราการมีอะไรน่าสนใจมากกว่าชลบุรีถึงขั้นทำให้คนรักการทำงาน ยึดติดห้องของตัวเองเป็นนิจถึงกับต้องละทิ้งพวกมันไปครั้งละหลาย ๆ วัน?
“ไม่ได้ไปทิ้งไข่ไว้ที่นั่นแล้วต้องรับผิดชอบหรอกนะ”
ธาวินสัพยอกการันต์ ก่อนจะได้รับยิ้มมาดร้ายตอบกลับจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รู้จักกันมานานและรู้นิสัยของผู้บริหารมือทองอย่างการันต์แล้วละก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวไปนั้นเป็นความจริง
“ถ้าจะมีเรื่องแบบนั้นขึ้นผมไม่ให้อยู่ไกลตัวหรอกครับ คุณวินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิผมเสียหายนะ”
นอกจากดลธีก็เห็นจะเป็นเจ้านายนี่แหละกล้าเอ่ยคำพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนถือยศถืออย่าง เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในสังคมหมู่มากพอเอาตัวลงไปเล่นเกินไป ผลที่ได้รับกลับมามักไม่คุ้มเท่าที่สัมผัสมาล้วนหวังผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า...ฉันก็อำนายเล่นน่า ว่าแต่มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า ติดขัดอะไรบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ มีก็คงขอให้คุณวินอนุมัติการลาของผมให้หน่อย งานทั้งหมดคุณพริมาจะเป็นคนประสานระหว่างนี้ ถ้าคุณวินต้องการให้ผมเร่งตรงส่วนไหนก็โทรหาผมแล้วกัน”
“บอกขนาดนี้ฉันยังมีอะไรที่จะเร่งนายได้อีก ถ้ามีก็คงไม่ใช่ฉันแล้วล่ะ”
ธาวินยิ้มกริ่มให้หลังจากพูดจบประโยค ซึ่งการันต์ก็เข้าใจคำพูดนั้นด้วย เพียงแต่เขาไม่นึกเก็บมาคิดก็แค่นั้น
สองวันต่อมา...
“ใครมันกล้าตลบหลังกู มึงสืบดูหรือยัง?”
ผู้ถูกตำรวจเล่นงานโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำงานสายนี้มานานไม่เคยมีใครกล้าเข้ามายุ่ง แต่สองวันมานี้ลูกน้องถูกรวบไปหลายสาย ซ้ำ ‘ทางเดิน’ ยังถูกปิดอีก เรื่องวุ่นวายเข้ามาพร้อม ๆ กันจนเขานี้หัวหมุนไปหมด
“ตามแล้วครับกำนันแต่ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน สายของเราบอกยิงตรงจากเบื้องบนเจาะจงลงพื้นที่ตำบลเราด้วยครับ”
ชายร่างใหญ่บึกบึนใบหน้าด้านขวามีรอยแผลเป็นทางยาวจากคมมีดแลดูน่ากลัว ก้มหัวให้กับผู้เป็นเจ้านายตอบด้วยเสียงเบาเพราะกลัวจะถูกเล่นงานเมื่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้น
“ไม่ว่าจะเป็นใครมันคิดผิดแล้วที่กล้าเล่นกับกู” ดวงตาวาวโรจน์ของผู้มีอำนาจในมือมาตลอดสบถอย่างเคียดแค้น
“กำนันจะทำยังไงต่อไปครับ” เสียงหวาด ๆ ถามความเห็นต่อจากนั้น
“ถามโง่ ๆ ก็ต้องหยุดทุกอย่างก่อนสิวะ มึงจะออกไปให้พ่อมึงจับไปกินข้าวแดงในตารางหรือไง” หันมาตวาดลูกน้องที่ไม่มีสมองของตนเองเสียงเครียด
“ครับกำนันผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ชายร่างยักษ์ตอบรับอย่างนอบน้อมต่างจากบุคลิกของตัวเองโดยชิ้นเชิง
“รีบไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วก็สั่งพวกมันให้ปิดปากให้หมดถ้าใครกล้าปริปากถึงกูก็เก็บมันซะ”
“ครับกำนัน”
ลูกน้องคนสนิทออกจากบ้านไปนานแล้วทว่ากำนันเทพก็ไม่มีทีท่าจะคลายความกระวนกระวายลดน้อยลง กลัวว่าทั้งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดและเดิน ‘ของ’ จะสาวมาถึงตน ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงตำแหน่งที่ยึดไว้นานหลายปีรวมถึงเงินทองมากมายและอำนาจก็จะหลุดมือไป
เขายอมไม่ได้แน่ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้บานปลายมากไปกว่านี้!
ทิมพึ่งออกไปจัดการเคลียร์ของในโกดังกลับเข้ามาช่วงบ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามบิดา
“ผมเอาของที่เหลือไปเก็บไว้อีกฝั่งแล้วครับ”
“ไม่มีใครตามแกไปใช่ไหม”
“ไม่มีครับ ยังดีที่ตำรวจเพ่งไปกับปล่อยเงินมากกว่าของในโกดัง”
พอได้ยินอย่างนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ทุบลงโต๊ะอย่างแรง
“มันจงใจตัดสายในพื้นที่ฉันรับผิดชอบ?”
“หรือจะเป็นพวกที่จะลงสมัยหน้าครับ” ทิมออกความคิดเห็นหากทำแบบนี้บิดาของตนก็จะถูกตำหนิเรื่องละเลยหน้าที่ ส่งผลถึงอนาคตแน่นอน
“ถ้าใช่ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ ยังไงช่วงนี้ก็เงียบ ๆ ไว้ก่อนอย่าพึ่งทำอะไรให้ถูกจับตามอง”
“ครับ แล้วเรื่องผมกับน้องเปรมล่ะพ่อจะจัดการอีกทีวันไหน”
“ไว้ก่อน ยังไงเด็กนั่นก็ไม่ไปไหนหรอก เอาเรื่องนี้ให้ผ่านไปให้ได้แค่นี้ก็ปวดกบาลจะแย่อยู่แล้ว”
ว่าจบกำนันเทพก็ลุกขึ้น เดินไปยังห้องพักของตัวเอง
ทิมถอนหายใจอย่างแรง เขาหรืออุตส่าห์ดีใจที่จะได้ครอบครองเปรมยุดาหลังจากหมายปองเจ้าของใบหน้าแสนสวยมานาน แต่เรื่องบ้า ๆ พวกนี้กลับมาทำให้เสียเรื่องจนได้แล้วต้องรอไปอีกนานแค่ไหน?
มินิมาร์ท
“หนูเปรมจัดของในตู้เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยที่เหลือป้าทำเอง”
“ได้ค่ะหนูใกล้เสร็จแล้ว”
เธออยู่ถึงสี่โมงเย็นหลังจากนั้นป้าแหม่มจะดูร้านต่อจนสองทุ่ม
“หนูกลับแล้วนะคะป้าเหม่ม”
“จ้า ขอบใจมากนะไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ค่ะ”
ต่อมา...
เปรมยุดาขับมอเตอร์ไซค์ตามทางถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน ทว่ายังไม่ทันได้เลี้ยวก็ต้องแตะเบรกกะทันหัน เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกตัดหน้า ยิ่งหัวเสียเมื่อเห็นว่าคนทำนั้นเป็นใคร
“น้องเปรมเลิกงานแล้วเหรอครับ”
ทิมก้าวมาหาคนที่นั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันเก่า วางมือบนแฮนด์อย่างเอาแต่ใจแม้อีกฝ่ายจะรีบชักมือหนีเขาก็ไม่สะทกสะท้านกับสายตาตำหนิของเธอ
“คุณไม่ควรทำแบบนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง”
บาดแผลในใจเรื่องของพ่อและแม่ยังฝังลึก เมื่อเจอสถานการณ์อย่างนี้ก็ยิ่งทำให้เกิดโทสะจนใบหน้าแดงก่ำ ทว่าก็ยังควบคุมสติเพื่อรับมือกับผู้ทำตัวอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำที่สุ่มเสี่ยงเกิดอันตราย
“พี่ขอโทษครับ แต่ก็กะระยะแล้วว่ายังไงน้องเปรมก็ต้องหลบทันแน่ ๆ”
ยังมีหน้ามายิ้มภูมิใจอีกเหรอ สุดจะทนกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของพวกเขา แต่ไม่อยากรั้งตัวเองให้อยู่ตรงนี้นาน เพราะเป็นเส้นทางเข้าหมู่บ้านจึงไม่มีรถสัญจรไปมาบ่อยนัก หากยังต่อปากต่อคำกับเขามีแต่ทำให้ตนเองตกอยู่ในอุ้งมือคนจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอดเวลา
“งั้นก็ช่วยหลบให้หน่อย จะกลับบ้านแล้ว”
“ไปรถพี่ดีกว่าขี่มอเตอร์ไซค์ร้อนจะตาย”
“ปล่อยแขนเปรมค่ะ คุณทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลยนะคะ”
“จะต้องกลัวทำไมล่ะครับ ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกัน พี่จับว่าที่เมียตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”
“ใครจะแต่งกับคุณ เปรมไม่เคยรับปากและไม่ตกลงอะไรกับพวกคุณเลยสักครั้ง อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดอีกปล่อยนะ...เปรมเจ็บ!”
เปรมยุดาหมุนข้อแขนให้หลุดจากการเกาะกุม คำพูดของเธอไปสะกิดต่อมโมโหของทิมเป็นอย่างดี ความตั้งใจจะตามมาคุยด้วยพังทลายลงเพราะถูกหญิงสาวซึ่งตนหมายปองปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไร้เยื่อใย
ทิมกระชากร่างบางอย่างแรงจนมืออีกข้างจับแฮนด์ไว้หลุด การทรงตัวของมันขาดสมดุลจึงล้มกลิ้งลงไปข้างทาง เปรมยุดามองสภาพรถที่เก่าอยู่แล้วย่อยยับไม่เป็นท่า มันเป็นคันเดียวที่ผู้ลาลับทิ้งไว้ให้ ขอบตาของเธอร้อนผ่าว ขบริมฝีปากแน่นด้วยความขึ้งโกรธ แล้วหันกลับมาตวาดเสียงเกรี้ยวกราดใส่อีกคน
“ปล่อยฉัน” สะบัดแขนอย่างแรงทว่าก็ไม่สามารถหลุดมาจากอุ้งมือใหญ่ได้
“พี่ไม่ยอมปล่อยน้องเปรมไปไหนหรอกนะ รู้ไหมว่าพี่เสียเงินไปเท่าไหร่กว่าจะได้เข้าหาน้องเปรม แล้วคิดว่าบอกจะไม่แต่งก็ทำได้เหรอ”
“ฉันไม่ได้เอาอะไรของคุณมานี่ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยนะ” ยื้อสุดชีวิตไม่ยอมเดินตามเขาไปที่รถ
“ใครจะช่วยพี่ถามจริง ๆ ตอนนี้มีใครไม่รู้บ้างป้าจันของน้องเปรมได้หมั้นหมายพี่ไว้นานแล้ว ยอมพี่ดี ๆ ต่อไปน้องเปรมอยากได้อะไรพี่ก็จะหามาให้ทั้งหมดเลย”
ยิ้มร้ายกาจพลางโอ้อวด ทิมไม่เกรงต่อสิ่งใดด้วยคิดว่าอำนาจที่อยู่ในมือของพ่อตนนั้นทุกคนต่างก็เกรงกลัว จึงย่ามใจว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาสอดให้เดือดร้อนแน่
เปรมยุดาถูกฉุดกระชากจากผู้ที่มีกำลังเยอะกว่า เสียงร้องโวยวายไม่ได้ทำให้คนขับรถผ่านไปใส่ใจเลยสักนิด เพียงแค่เห็นว่าชายหนุ่มผู้โอบกอดเธอเป็นใครพวกเขาก็ทำเหมือนกับคนหูหนวกตาบอด
ริมฝีปากบางขบกัดเข้าหากันจนห้อเลือดด้วยความคิดแค้น ผู้คนเป็นอะไรกันไปหมดเห็นคนเดือดร้อนกลับไม่คิดช่วยสักนิด!
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร