LOGINบทที่ 2
ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เตียงที่เธอนอนอยู่ รัศมีบางอย่างในตัวเขาทำให้ปริมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ แต่รัชภาคย์กลับรู้สึกพอใจเมื่อมองเห็นแววตาตื่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยหลงฝูงของเธอ จนเขาต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาซึ่งยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมนั้นหล่อเหลาขึ้นเป็นทวีคูณ
“ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ยังมึนๆ ค่ะ” ปริมาบอกอย่างพยายามรวบรวมสติไม่ให้จดจ่ออยู่ที่เขามากจนเกินไป
“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอบอกว่าคุณต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”
“สามวันเลยเหรอ” หญิงสาวพูดแผ่วเบาเหมือนน้ำเสียงบ่นของเด็กขี้งอแง
“ครับ” ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกอย่างอดนึกขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกเห็นและพอได้คุยด้วยก็ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีก
และก่อนที่ปริมาจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้การพูดคุยของทั้งสองคนต้องหยุดชะงักไป ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็คือแม่พิมและพ่อทองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของปริมานั่นเอง ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวถูกรถชนจึงต้องรีบขับรถจากต่างอำเภอเข้ามาดูอาการของ ปริมาที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดแห่งนี้
“ปริม!”
คนเป็นแม่กระวีกระวาดเข้ามากอดลูกสาวคนเดียวเอาไว้อย่างห่วงใยทันที
“เจ็บตรงไหนบ้างลูก” นางเอ่ยถามต่อพร้อมกับสำรวจไปทั่วร่างของลูกสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ชื่อเล่นของหญิงสาวถูกเรียกให้ได้ยินเป็นครั้งแรก ‘ปริม’ ชื่อนี้ช่างน่ารักสมตัวเสียจริง รัชภาคย์แอบยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ปริมไม่เป็นอะไรจ้ะแม่ รถแค่เฉี่ยวๆ เอง พอดีได้คุณเขาช่วยพามาส่งโรงพยาบาลน่ะจ้ะ” ปริมาคลี่ยิ้มเพื่อให้ผู้เป็นมารดาคลายความกังวลใจพร้อมกับเอ่ยถึงรัชภาคย์ทำให้สายตาของบุพการีสูงวัยทั้งสองจับจ้องไปที่เขาพร้อมกันอย่างเพิ่งนึกได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย
“สวัสดีครับ” รัชภาคย์ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม “ผมเป็นคนขับรถชนน้องเขา ต้องขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะพ่อหนุ่ม ปริมไม่เป็นอะไรมากพวกเราก็สบายใจแล้ว” พ่อทองบอกเรียบๆ รัชภาคย์ยกมือไหว้เพื่อขอบคุณในความกรุณาของครอบครัวนี้อีกครั้งที่ไม่ถือโทษโกรธเขา
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตมาดูแลคุณปริมจนกว่าจะหายดีนะครับ และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมจะรับผิดชอบให้เอง” ชายหนุ่มเอ่ยอาสาพร้อมทั้งถือโอกาสเรียกชื่อเล่นตามที่พ่อแม่ของเธอเรียกทันที
พ่อทองพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาตอย่างรู้สึกถูกชะตากับบุคลิกและความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย รัชภาคย์จึงขอตัวกลับหลังจากที่พ่อแม่ของปริมาบอกเขาว่าจะเป็นคนเฝ้าหญิงสาวเองในคืนนี้
รัชภาคย์ขับรถมาถึงบ้าน เขาก็ตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ก่อนจะล้มตัวลงที่เตียงกว้าง
‘ปริม’ ชื่อและใบหน้าหวานๆ ของเธอผุดขึ้นในความคิดของเขาอีกครั้ง วันนี้เขาเกือบจะขโมยจูบเธอเพียงเพราะรู้สึกว่าเธอช่างดึงดูดจนเขาอดใจไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ปกติผู้ชายอย่างเขามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่ ชายหนุ่มขยับตัวอย่างหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น...
รัชภาคย์หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่เข้ามาในห้องคนป่วยในขณะที่ปริมานอนอยู่เตียงตามลำพังเพราะพ่อทองและแม่พิมกลับบ้านไปอาบน้ำตั้งแต่เช้าตรู่
“มาแล้วครับ” เขาทักทายพร้อมกับยิ้มอวดฟันขาวสะอาดเป็นระเบียบ
ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาแต่เช้าขนาดนี้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนเขาแทบจะนอนไม่หลับเมื่อคิดถึงดวงหน้าสวยหวานของคนที่กำลังนอนอยู่ อยากให้ถึงตอนเช้าเร็วๆ เพื่อจะได้มามองเธอใกล้ๆ แบบนี้ ใบหน้าหล่ออดหัวเราะตัวเองไม่ได้ที่มีอาการเหมือนหนุ่มน้อยแรกรักซึ่งมีอาการทุรนทุรายอยากเจอหน้าสาวอยู่ตลอดเวลา
“มาแต่เช้าจังเลยนะคะ...” เสียงแผ่วหวานเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มบางๆ อย่างทักทายพลางถือโอกาสมองเขาอย่างสำรวจ วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมสองเม็ดบนเผยให้เห็นหน้าอกกำยำและกล้ามเนื้อแข็งแรงจนนึกจะลองสัมผัสเล่น หญิงสาวอยากจะโกหกตัวเองว่าไม่ได้หัวใจกระตุกเพียงเพราะสบตากับผู้ชายตรงหน้า แต่หัวใจดวงน้อยที่กำลังแกว่งไหวมันย้ำชัดว่าเธอเกิดอาการเช่นนั้นจริงๆ
“เอาดอกไม้มาเยี่ยมคนป่วย ไม่รู้จะชอบหรือเปล่านะครับ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ” หญิงสาวพูดและทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มจึงวางดอกไม้และรีบเข้าไปช่วยประคองให้ปริมานั่งพิงหัวเตียง แต่ในขณะที่ถอยมือกลับ มือหนาก็เฉียดไปโดนยอดอกของเธอเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที อะไรบางอย่างแข็งขึงและขยายตัวขึ้นเป็นลำ ร่างกายเขาเหมือนตอบสนองต่อสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ นั้นอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าปริมาก็ตัวแข็งทื่อไปเช่นกัน
“เอ่อ...ค่ะ” เสียงหวานตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเก้อเขินพร้อมกับหลุบตาลงเพื่อปิดบังความหวั่นไหวของตัวเอง ใบหน้าเรียวมนแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกอย่างชวนมอง
“ปริมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” หญิงสาวรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเมื่อรู้สึกว่าห้องทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของเขาและเธอดังผาดแผ่วเท่านั้น
“เอ่อ... ลืมไป ผมชื่อกันต์ครับ” เขาแนะนำตัวเอง ก่อนจะยื่นนามบัตรไปให้กับเธอ
ปริมารับมาและกวาดสายตาลงไปดูตัวหนังสือบนบัตรนั้น รัชภาคย์ รักษ์เกียรติธนาคุณ เจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ‘ไม่ผิดตัวแน่’ หญิงสาวคิดในใจอย่างสมหวัง เมื่อแผนการของเธอเริ่มก้าวหน้าไปอีกขั้น
“นามสกุลยาวจังเลยนะคะ” เธอหัวเราะเบาๆ แต่ดูเหมือนจะทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันที
...ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าทึ่งและดึงดูดเขาได้อย่างไม่ยากเย็นเลย...
รัชภาคย์ตาพร่าไปชั่วขณะ
บทที่ 5“ปริมขอโทษค่ะ”“ถ้าเป็นคนอื่น ผมจะไม่ยกโทษให้ที่เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นเรื่องตลกแบบนี้” น้ำเสียงนั้นฟังดูเคร่งเครียดไม่มีแววขี้เล่นแฝงอยู่เหมือนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ปริมาหน้าเจื่อนไปทันทีเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันแบบนี้“โธ่...ก็มันเร็วขนาดนี้ ปริมจะไปเชื่อได้ยังไงล่ะคะ”“ผมยังไม่ได้ขอให้ปริมเชื่อผมในวันนี้นะครับ แต่ผมจะพิสูจน์ให้ปริมเห็นว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง”“โดยที่คุณไม่คิดจะถามปริมอย่างนั้นเหรอคะว่าปริมต้องการหรือเปล่า”“ไม่ถามครับ เพราะไม่ว่าคำตอบของปริมจะเป็นอย่างไร ผมก็จะไม่ยอมแพ้”“แล้วถ้าปริมมีใครอยู่แล้วล่ะคะ คุณจะยอมแพ้หรือเปล่า”คำถามนั้นทำเอารัชภาคย์อึ้งไป ใช่สินะทำไมเขาไม่ทันได้ฉุกคิดเรื่องนี้เลย ผู้หญิงที่สวยและน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างปริมาถ้าจะมีใครเป็นเจ้าของหัวใจอยู่แล้วก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกเลย“ผมขอโทษ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะเลิกตอแยคุณ”“ปริมบอกว่า ‘ถ้า’ นะคะ” เธอเน้นคำนั้น และประโยคของเธอก็ทำให้รัชภาคย์ยิ้มออกได้อีกครั้ง“ฝากไว้ก่อนเถอะ...” เขาคาดโทษด้วยน้ำเสียงและแววตา“ไม่รับฝากค่ะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนรัชภาคย์ชอบรอยยิ้มนั
บทที่ 4เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น“ลิเกค่ะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่พร้อมกับหัวเราะ และคนถูกหัวเราะก็ต้องหน้างอ...เวลาคนหล่อหน้างอนี่ก็น่าดูรักไปอีกแบบนะ...ปริมารีบสลัดความคิดที่เผลอไผลของตัวเองออกไปทันทีที่ตั้งสติได้“ปากเก่งแบบนี้ น่าจับมาจูบลงโทษซะให้เข็ด” เขายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ จากริมฝีปากหยักสวยนั้น“คุณ!” มือบางรีบยกขึ้นผลักเขาออกห่าง“นี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ไม่งั้นคุณปริมคนสวยโดนจูบแน่ๆ” รัชภาคย์พูดอย่างคาดโทษทีเล่นทีจริงและหลิ่วตามองคนตรงหน้าอย่างนึกอยากจะจูบเธอขึ้นมาจริงๆ“อย่ามาหาเรื่องเอาเปรียบซะให้ยาก” หญิงสาวเบ้ปาก สะบัดหน้าหนีเพื่อหลบสายตาวาววามที่จ้องมองมาแทบจะไม่กะพริบ“เฮ้อ...” รัชภาคย์ได้แต่ถอนหายใจและพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองในขณะนี้ลงเพราะไม่อยากให้ปริมาตกใจจนเตลิดกลัวเขาไปมากกว่านี้….“ก็เคยฝันใฝ่และเคยมั่นใจในวันนี้ ว่าคงต้องดีต้องเป็นได้ดังที่ตั้งใจ แต่คนทั้งคนที่เป็นความฝันของหัวใจ กลับมาทิ้งกันไปต้องสูญสิ้นไปหมดทุกอย่าง ปวดใจเหลือเกินแต่คงต้องทนข่มความทรมาน ฉันจะ ต้องก้าวผ่านตราบฉันยังคงหายใจ แม้ว่าจะต้องเ
บทที่ 3“ปริมสนใจอยากใช้นามสกุลนี้บ้างไหมล่ะครับ” เขาเรียกอย่างสนิทสนมและถามอย่างสัพยอก อะไรบางอย่างบอกเขาในนาทีนั้นว่าได้ตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าแล้ว‘รักแรกพบ’ รัชภาคย์บอกตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา ในขณะที่ปริมาตอบคำถามนั้นของเขาอยู่ในใจ...ทำไมเธอจะไม่อยากให้นามสกุลนี้ แต่เป็นกับอีกคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอแล้ว... แววตาเธอหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อหวนคิดมาถึงเรื่องนี้ รัชภาคย์สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นทันทีและไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดจึงทำให้ปริมามีอาการเช่นนี้“อาการคุณเหมือนคุณที่เพิ่งอกหัก” เขาพูดตามที่ตัวเองรู้สึกและจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยราวกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในนั้น“อกหักอะไรกันคะ” ปริมาแสร้งยิ้ม แพขนตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ“แล้วโกรธผมหรือเปล่าที่บอกว่าอยากให้ปริมาใช้นามสกุลด้วย”“คนเจ้าชู้ก็อย่างนี้แหละค่ะ” จมูกเรียวย่นใส่“เปล่านะครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”ปริมาแอบยิ้มในใจกับคำตอบนั้น “นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้สองวันเองนะคะ”“ปริมเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือเปล่า”หญิงสาวส่ายหัวน้อยแทนคำตอบว่าไม่เชื่อ“ถ้าอย่างนั้นผมจะพิสูจน์ใ
บทที่ 2ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เตียงที่เธอนอนอยู่ รัศมีบางอย่างในตัวเขาทำให้ปริมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ แต่รัชภาคย์กลับรู้สึกพอใจเมื่อมองเห็นแววตาตื่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยหลงฝูงของเธอ จนเขาต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาซึ่งยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมนั้นหล่อเหลาขึ้นเป็นทวีคูณ“ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ยังมึนๆ ค่ะ” ปริมาบอกอย่างพยายามรวบรวมสติไม่ให้จดจ่ออยู่ที่เขามากจนเกินไป“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอบอกว่าคุณต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”“สามวันเลยเหรอ” หญิงสาวพูดแผ่วเบาเหมือนน้ำเสียงบ่นของเด็กขี้งอแง“ครับ” ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกอย่างอดนึกขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกเห็นและพอได้คุยด้วยก็ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกและก่อนที่ปริมาจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้การพูดคุยของทั้งสองคนต้องหยุดชะงักไป ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็คือแม่พิมและพ่อทองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของปริมานั่นเอง ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวถูกรถชนจึงต้องรีบขับรถจากต่างอำเภอเข้ามาดูอาการของ ปริมาท
บทที่ 1สายลมเอื่อยๆ ที่พัดพลิ้วหวิวไหวมากระทบกับต้นหูกวางต้นใหญ่ซึ่งสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมถนนเป็นระยะๆ พอจะช่วยทำให้ความร้อนอบอ้าวในยามบ่ายแก่ๆ ผ่อนคลายลงได้บ้าง เมื่อมองไปยังสวนหย่อมที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ก็เห็นลำน้ำพุพุ่งทะยานขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง สายน้ำแตกกระเซ็นให้ความชุ่มชื้นกับต้นหญ้าเล็กๆ อยู่รอบๆ จนดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุซึ่งกำลังสาดส่องลงบนพื้นถนนจนทำให้สายตาคู่สวยดุจประกายเพชรต้องหรี่มองพร้อมบังยกมือป้องแสงที่หน้าผากอย่างใจจดใจจ่อเนื่องด้วยกำลังรอคอยอะไรบางอย่างรถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตเอสแอลเครุ่นใหม่ล่าสุดบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้ขับได้เป็นอย่างดีกำลังแล่นใกล้เข้ามายังบริเวณสี่แยกไฟแดง รถคันดังกล่าวก็ชะลอความเร็วลงเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีแดงสว่างวาบขึ้น ‘รัชภาคย์ รักเกียรติธนาคุณ’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบปี แตะเบรกอย่างคล่องแคล่วและหยุดรถหลังเส้นสีขาวก่อนจะถึงทางม้าลายเพื่อให้คนเดินข้ามถนน อีกงสองนาทีต่อมามือหนาก็เลื่อนไปเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติเพื่อเตรียมออกรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทันใดนั้น!! เท้าที่กำลังแตะคันเร่งก็เปลี่ยนมากระทืบเบรกแท







