สายวันต่อมา อิงฮวาถูกหมัวมัวจับมาลองชุดก่อนงานเลี้ยงในค่ำวันพรุ่งนี้ อีกทั้งนางยังกำชับเรื่องกิริยามารยาทในงาน พร้อมกับเรื่องการแสดงความสามารถที่อิงฮวาต้องแสดงในงานครั้งนี้ด้วย โดยอิงฮวาเลือกที่จะเขียนอักษรมงคลเพื่อถวายแด่ฮองเฮาเป็นพิเศษ
หลังลองชุดและเครื่องประดับเสร็จ อิงฮวายังต้องซ้อมการเขียนอักษรร่วมกับการบรรเลงเพลงพิณ ซึ่งนางกำนัลอาวุโสที่สอนดนตรีให้นางเป็นผู้บรรเลงให้ทั้งวันก่อนขึ้นแสดงจริงในวันพรุ่งนี้
แปะๆ
“คุณหนูแสดงได้ดีมากเจ้าค่ะ อักษรที่เขียนก็มีพลังและอ่อนช้อย ความหมายของอักษรที่เขียนยังดีมากด้วย การแสดงในวันพรุ่งนี้จะต้องสร้างชื่อเสียงให้คุณหนูมากเป็นแน่เจ้าค่ะ” หมัวมัวปรบมือและเอ่ยชมอย่างภาคภูมิใจที่อิงฮวาเรียนรู้สิ่งที่พวกนางสอนได้เป็นอย่างดี ทั้งที่นางยังเรียนได้ไม่ถึงหนึ่งปีเสียด้วยซ้ำ
“หมัวมัวชมข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ต้องขอบคุณพวกท่านที่สอนข้าเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นข้าจะสามารถทำได้ดีเช่นนี้หรือเจ้าคะ” อิงฮวายิ้มพร
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเตียหย่งรายงานเรื่องที่ให้คนของเขาไปสอบถามค่ายในภูเขา แต่กลับต้องได้รับข่าวร้ายว่าคนที่อยู่ในค่ายเกือบ 500 คนถูกจับและถูกฆ่าตายไปจนไม่มีใครเหลืออยู่ในค่ายแม้แต่คนเดียว คนของเตียหย่งยังต้องเร่งรีบหลบหนีการตามล่าของทางการที่ซุ่มดูจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กว่าที่เขาจะกลับมาถึงเมืองเฉิงกุยได้ปัง!!!“บัดซบ! เรื่องค่ายลับของเราเหตุใดจึงรั่วไหลได้” จูเค่ออี้หมิงโกรธมากจนแทบทุบโต๊ะหนังสือพังลงกับมือ“บ่าวไม่ทราบขอรับ ตอนที่บ่าวกลับเมืองหลวงคราก่อนก็ไม่เห็นว่าจะมีใครติดตามบ่าวไปที่ค่ายบนภูเขานะขอรับ” เตียหย่งไม่เห็นจริง ๆ ว่าคนขององค์ชายรองตามเขาไปและลอบกลับไปแจ้งข่าวเสียก่อน จึงทำให้เตียหย่งไม่มีร่องรอยเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งการทลายค่ายลับยังไม่มีข่าวจากทางการ“เรื่องนี้ไม่ต้องแจ้งให้ท่านพ่อทราบ ข้าจะติดต่อกับแม่ทัพแคว้นอู่ให้นำทหารประชิดชายแดนเสียก่อน ระหว่
องค์ชายใหญ่ที่ไม่สนใจราชกิจ พระองค์กลับได้รับการต้อนรับจากบุตรีเจ้าเมืองที่คิดอยากเป็นพระชายาองค์ชาย ด้วยนิสัยขององค์ชายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่านางเข้าหาพระองค์เพราะสิ่งใด แต่ในเมื่อมีสตรีให้เล่นสนุกฆ่าเวลาระหว่างที่คนของพระองค์แก้ไขปัญหาเขื่อน องค์ชายใหญ่ก็ไม่รังเกียจที่จะรับนางมาเป็นอนุกว่าที่จูเค่ออี้หมิงจะรู้ว่าองค์ชายใหญ่รับอนุคนใหม่ก็เป็นตอนที่เขาเข้าไปรายงานสถานการณ์การขุดลอกเขื่อนในอีก 7 วันหลังจากมาถึงเมืองเฉิงกุย จูเค่ออี้หมิงยิ่งนึกโกรธเคืององค์ชายใหญ่ที่ไม่รู้กาลเทศะ หากฝ่าบาททราบว่าพระองค์รับอนุทั้งที่มาทำภารกิจสำคัญ เขาไม่รู้ว่าตำแหน่งรัชทายาทยังจะตกมาอยู่ในมือขององค์ชายใหญ่ได้หรือไม่ ไม่ว่าการแก้ไขปัญหาเขื่อนจะทำได้ดีเพียงใด แต่เรื่องไม่เหมาะสมที่องค์ชายใหญ่กระทำก็คงจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เป็นแน่จูเค่ออี้หมิงเรียกเตียหย่งมาสั่งงานในคืนนั้นทันที เขามัวแต่ยุ่งกับการดูแลปัญหาเขื่อนจึงหลงลืมไปว่าตนเองไม่ทราบข่าวขององค์ชายรองกับพระชายาเลย“เรียนนายน้อย ข้า
หลังตั้งค่ายเสร็จ องค์ชายรองพาพระชายาและหมอหลวงเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมองครักษ์หลวงอีกจำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านที่ติดเชื้อเข้าใกล้มากนักจนคนอื่น ๆ ติดโรคไปด้วย ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไป อิงฮวาสั่งให้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเพื่อป้องกันเชื้อโรคระบาดที่ยังไม่รู้ว่าเป็นโรคใดกันแน่ชาวบ้านที่ได้รับเสบียงก่อนหน้านี้ต่างรอคอยความช่วยเหลือจากหมอซึ่งมาจากเมืองหลวงตามที่ทหารป้องกันเมืองบอกเอาไว้ พวกเขามีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่อีกครั้งหลังจากมองดูชาวบ้านหลายคนตายไปต่อหน้าต่อตา“ทุกคนเข้าแถวให้เป็นระเบียบ 10 แถวตอน เราจะให้หมอหลวงแยกกันตรวจพวกเจ้าทีละคน คนที่อาการหนัก พระชายาจะเป็นคนเข้าไปตรวจอาการด้วยพระองค์เอง” องค์ชายรองตรัสสั่งเสียงดัง พระองค์จะติดตามพระชายาเข้าไปด้านในซึ่งมีผู้ป่วยหนักกำลังรอการรักษาอยู่ ส่วนด้านนอกพระองค์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอหลวงที่ติดตามมา“ขอบพระทัยองค์ชายและพระชายาที่เมตตาพวกเราพะย่ะค่ะ/เพคะ” ชาวบ้านคุกเข่ากราบอย่างซาบซึ้งใจ พวกเขาไม่คิดว่า
สองเค่อต่อมา องค์ชายใหญ่พร้อมขบวนสิ่งของจำเป็นและขุนนางจำนวนหนึ่งจากกรมโยธาที่มีราชโองการให้ติดตามไปต่างมาพร้อมกันที่หน้าพระราชวัง ฮ่องเต้ไม่สนใจว่าองค์ชายใหญ่จะนำสิ่งใดไปด้วย ส่วนเงินช่วยเหลือที่ขอมานั้น พระองค์ก็ไม่ได้มอบให้เช่นเดียวกัน สร้างความไม่พอพระทัยให้องค์ชายใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่ามหาเสนาบดีจะอธิบายถึงความจำเป็นในการใช้เงินเหล่านั้นมากเพียงใดก็ตาม ฮ่องเต้ก็ไม่ทรงใจอ่อนอีก และไล่ให้องค์ชายใหญ่รีบออกเดินทางจูเค่ออี้หมิงขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจไม่ต่างจากองค์ชายใหญ่ ขบวนที่เขาคิดว่าจะมีทหารองครักษ์กลับไม่มีแม้สักคนเดียว ขุนนางคนอื่นที่ติดตามมาก็มีคนของตนเองเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ทำให้ขบวนขององค์ชายใหญ่มีผู้คนรวมทั้งหมดไม่ถึง 200 คนด้วยซ้ำไป แผนการสังหารองค์ชายรองของจูเค่ออี้หมิงที่วางเอาไว้จึงต้องรอคอยให้คนของเขาจัดการองค์ชายรองระหว่างทางได้เท่านั้นฮ่องเต้ไม่สนใจขบวนขององค์ชายใหญ่ที่กำลังเดินทางออกไป พระองค์กลับเข้าไปในพระราชวังเพื่อสะสางราชกิจต่อ มหาเสนาบดีและขุนนางส่วนหนึ่งต่างถวายพระพรลา จากนั้น
“เฮ้อ! หากพวกท่านต้องการติดตามไปจริง ๆ ทุกคนต้องระวังตัวให้มาก แต่พวกท่านบางส่วนจะต้องอยู่เมืองหลวงเพื่อคอยส่งข่าวให้เราที่เมืองเฉิงกุยด้วย ไม่จำเป็นต้องติดตามเราไปทั้งหมด” องค์ชายรองถอนหายใจอย่างปลดปลง พระองค์ไม่อาจขัดความหวังดีของพวกเขาได้จึงต้องอนุญาต“ขอบพระทัยองค์ชายพะย่ะค่ะ พวกเราจะแบ่งกันทำงานและจะไม่ทำให้องค์ชายต้องลำบากพระทัย” ซูต้าเหรินยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าครานี้เขาจะได้เดินทางไปช่วยเหลืองานขององค์ชายรองก่อนเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า“รบกวนซูต้าเหรินจัดการเรื่องแทนเราด้วย พวกท่านแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเถอะ”“กระหม่อมรับบัญชาพะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทูลลา” ซูจินค้อมกายคำนับองค์ชายรองและออกไปจากตำหนักพร้อมขุนนางทั้งหมด เขายังต้องคัดเลือกคนที่จะติดตามไปยังเมืองเฉิงกุยแทนองค์ชายรองด้วยไป๋จิ่นหลินที่ได้รับรายงานจากคนขององค์ชายรอง เขาสั่งฮูต้าให้ไปรวบรวมยาทั้งหมดในร้านค้าทันที ส่วนสิ่งของจำเป็นสำหร
หนึ่งเดือนต่อมาท้องพระโรงวันนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่าบาทได้รับข่าวจากเมืองเฉิงกุยว่าเกิดน้ำท่วมและโรคระบาดครั้งใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรจำนวนมากโดยรอบเมืองเฉิงกุย“พวกเจ้ามีใครต้องการจะเดินทางไปแก้ไขปัญหาที่เมืองเฉิงกุยหรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามขุนนางทั้งหลายที่อยู่ในท้องพระโรง“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้เจ้าเมืองเฉิงกุยน่าจะจัดการได้พะย่ะค่ะ เราเพียงส่งเงินช่วยเหลือไปให้พวกเขาก็น่าจะเพียงพอแล้ว” มหาเสนาบดีกล่าวอย่างรู้ดีว่าเจ้าเมืองเฉิงกุยเป็นคนของเขา หากนำเงินจากท้องพระคลังส่งไปยังเมืองนั้น เขาเองก็จะได้รับส่วนแบ่งเงินบรรเทาทุกข์ครานี้ด้วย“กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกคิดว่าการมอบเงินให้อย่างเดียวไม่น่าจะเพียงพอพะย่ะค่ะ หากหมอที่เมืองเฉิงกุยไม่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ แล้วมีคนหนีออกจากเมืองจนแพร่โรคไปทั่วแคว้น พอถึงตอนนั้นจะแก้ไขปัญหาก็คงยากราวกับขึ้นสวรรค์” องค์ชายรองรู้ดีว่ามหาเสนา