“แต่คนต้นเหตุอีกคนก็ยังอยู่นี่ครับ เธอจะต้องได้รับรู้บ้างว่าสิ่งที่เธอรวมหัวกันกับไอ้วายุทำร้ายเมรี่นั้นมันเลวร้ายแค่ไหน และเมรี่ต้องทุกข์ทรมานยังไงบ้าง ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นสุขแน่ๆ หากอาการของน้องยังไม่ดีขึ้น...” ชายหนุ่มยืนยันด้วยน้ำเสียงและแววตามั่นคงจนผู้เป็นพ่อต้องถอนใจออกมาพรืดใหญ่
“แมท... พ่อจะบอกว่าแมทต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรเป็นอะไรอีกอย่าง เรื่องนี้แม่หนูคนนั้นเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย คนของเราต่างหากที่ไปวุ่นวายกับเขาแม้แต่ตอนที่เมรี่เจ็บปางตายหนูพราวเขาก็เป็นคนเรียกรถพยาบาลและคอยให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเมรี่อย่างละเอียด คนเกลียดกันเขาจะทำอย่างนี้มั้ย แมทอย่าเชื่อน้องมากเกินไป...”
คุณมาร์คบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงออกไปด้วยไม่รู้จะอธิบายให้บุตรชายเข้าใจได้อย่างไร ทำให้แมทธิวยืนคิดแค้นเคืองอยู่คนเดียว คนอย่างแมทธิวนั้นหัวรั้นและหากเชื่อมั่นอะไรแล้วก็เปลี่ยนความคิดเขาได้อยาก และที่สำคัญคุณมาร์คเชื่อว่าสิ่งที่แมทธิวได้ยินได้ฟังจากน้องสาวที่รักก่อนเกิดเรื่องนั้นมันได้ฝังในใจของเขาไปแล้วว่าพราวแสงแขคือส่วนหนึ่งของเหตุการณ์อันนำมาซึ่งความสูญเสียของเมริสาและเขาก็จะเชื่อเช่นนั้นไปอีกนาน...
แต่เหตุการณ์ในวันนั้นไม่มีใครรู้ดีไปว่าคนทั้งสามคือ พราวแสงแข วายุ และเมริสา ซึ่งคุณมาร์คกับคุณมาลินีเองก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าพราวแสงแขเป็นผู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องเพราะพวกตนรู้นิสัยใจคอของบุตรสาวดี และในวันนั้นพวกตนก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะไปต่างจังหวัดมารู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่หลุยส์โทรศัพท์มารายงานข่าวให้ทราบ
ซึ่งเมื่อรู้ข่าวพวกเขาก็รีบมาดูอาการของเมริสาและพอมาถึงโรงพยาบาลตนก็ได้พบว่าพราวแสงแขอยู่ให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเมริสากับหมออย่างละเอียดบ่งบอกถึงความใส่ใจและความมีน้ำใจของเธอได้เป็นอย่างดี พวกตนก็พยายามติดต่อกับวายุที่เอาแต่หลบหน้าไม่กล้าแม้แต่จะมาเยี่ยมภรรยาของตัวเองซ้ำยังจะให้เมริสาหย่าให้เขาด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเมริสาอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล และยังขอแบ่งสินสมรสให้กับตัวเขาเองเป็นเงินจำนวนมหาศาลในการขอหย่าและหากไม่ได้อย่างที่ต้องการวายุจะไม่หย่า
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คุณมาร์คกับคุณมาลินีเครียดพอๆ กับการรอให้เมริสากลับคืนมาเป็นคนเดิมและหายเป็นปกติเพื่อจะได้รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เธอประสบอุบัติเหตุจนแท้งลูกนั้นมาจากสาเหตุใดและใครเป็นคนทำร้ายเมริสา แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาเมริสาก็ไม่พูดกับใครและจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตัวเอง นั่นต่างหากที่ทำให้คุณมาร์คและคุณมาลินีเจ็บปวดมากกว่า...
พราวแสงแขมองใบหน้าสวยจัดทว่าซีดเซียวของคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิท และเมื่อหลายเดือนก่อนเธอก็ได้มางานแต่งงานของเจ้าหล่อนกับอดีตคู่หมั้นของเธอ ในวันนั้นเมริสายังคงสดใสเต็มไปด้วยความสุขและมองเธอด้วยประกายเหยียดหยันอย่างผู้ชนะ แต่บัดนี้ตรงหน้าเธอมีเพียงหญิงสาวที่ซูบผอมจนเห็นโหนกแก้มชัดเจนแววตาสีมรกตที่เคยเปล่งประกายสดใสก็แห้งผากเลื่อนลอยไร้จุดหมาย...
“พราวไม่นึกเลยว่าเมรี่จะอาการหนักขนาดนี้ พราวรู้เพียงแต่ว่าเขาทะเลาะกันและเมรี่แท้งลูก...”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่พยายามกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในอก แม้จะเคยเจ็บปวดเพราะการกระทำของผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่เธอก็ไม่ได้โกรธเกลียดเมริสาพอที่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมในสิ่งที่เมริสาได้รับ พราวแสงแขคิดว่าตนเองนั้นโชคดีที่ตนไม่ได้เจอเรื่องราวแบบนี้...
“แล้ววันนั้นเหตุการณ์มันเป็นอย่างไรล่ะหนูพราว บอกพวกเราได้ไหม...”
“พราว เอ่อ... พราวไม่ทราบค่ะ แต่พราวบอกได้แต่เพียงว่า พราวไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้นั่นคือความจริงค่ะ” หญิงสาวบอกเบาๆ แล้วสบสายตาของผู้สูงวัยอย่างมั่นคง
“แล้วทำไมเมรี่ถึงได้อาการหนักขนาดนี้ล่ะ หากหนูจะบอกพวกเราถึงสาเหตุจริงๆ เราจะได้จัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้อง หากหนูไม่บอกความจริง หนูเองที่จะต้องลำบากเพราะตาแมทไม่ยอมให้หนูอยู่เป็นสุขแน่ๆ”
“พราวไม่รู้จริงๆ ค่ะ พราวเห็นแค่ตอนที่เมรี่นอนจมกองเลือดแล้วและพราวก็เรียกรถพยาบาลทันทีหลังจากนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พราวอยากมาเยี่ยมเมรี่ แต่คิดว่าทางคุณท่านคงรังเกียจพราวและคงคิดว่าพราวเป็นต้นเหตุพราวก็เลยไม่กล้ามา อีกอย่างช่วงนั้นพราวก็ต้องซ้อมการแสดงให้เด็กๆ ด้วย เลยไม่ว่างจะมาเยี่ยมเมรี่ จนกระทั่งพราวเจอกับ เอ่อ.. คุณ แมทธิว... พราวบอกได้เท่านี้ค่ะ” พราวแสงแขบอกหนักแน่นจนคุณมาลินีไม่ถามเซ้าซี้
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูก็อยู่เป็นเป็นเมรี่ไปก่อนก็แล้วกัน อีกประเดี๋ยวก็คงตื่น...” คุณมาลินีเดินออกไปจากห้องพราวแสงแขจึงละสายตามามองเมริสาที่ค่อยๆ ขยับกายเบาๆ ก่อนดวงตาสีมรกตจะลืมขึ้นช้าๆ
“เมรี่... เป็นไงบ้าง...”
พราวแสงแขเดินมานั่งข้างเตียงเฝ้ามองปฏิกิริยาของเมริสาด้วยใจที่สั่นไหวด้วยความเวทนาอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนี้ภาพหญิงสาวตรงหน้านั้นแทบไม่เหลือเค้าคุณหนูเมริสาผู้เลอโฉมและสูงส่งเลยแม้แต่น้อย มีเพียงหญิงสาวร่างกายซูบผอมผมเผ้ายุ่งเหยิงดวงตาแดงก่ำคลอด้วยหยาดน้ำตาและเหม่อลอยไร้จุดหมาย...
ความรัก ความหลง มันทำให้คนเราเจ็บปวดได้เพียงนี้เชียวหรือ
“หิวมั้ย พราวจะหาอะไรมาให้ทาน หรือว่าเมรี่อยากจะไปเดินเล่น...” หญิงสาวถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่พยายามกลั้นสะอื้นเมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่าและเงียบงันของอีกคนที่นั่งพิงหัวเตียงนิ่ง...
“นี่พราวเองนะเมรี่ จำพราวได้มั้ย เราเป็นเพื่อนกันนะ เราสนิทกันมากเลย ตอนรับน้องน่ะ พราวกับเมรี่ทำอะไรโก๊ะๆ เปิ่นๆ ด้วยกันจำได้มั้ย...”
พราวแสงแขขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ เมริสาอีกนิดแล้วค่อยๆ ชวนคุยเรื่องต่างๆ ที่พวกเธอเคยใช้เวลาในวัยเรียนด้วยกัน พราวแสงแขบีบมือเมริสาเบาๆ โดยเธอเองก็ไม่รู้ว่าหากเมริสาจำเรื่องราวต่างๆ ได้จริงๆ เจ้าหล่อนจะมีอาการเช่นไรที่พบหน้าตนในตอนนี้ แต่ตอนนี้พราวแสงแขคิดแต่เพียงว่าขอให้เมริสาคนเดิมกลับมาเร็วๆ กลับมาเพื่อบอกเล่าให้ทุกคนฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตนเองเพื่อเธอจะได้พ้นข้อกล่าวหาอันร้ายกาจจากแมทธิว...
ตอนที่61. อวสานแมทธิวมองใบหน้ากลมป้อมแก้มยุ้ยแดงปลั่งของลูกชายอย่างแสนรัก ดวงตาสีมรกตที่ถอดแบบจากเขานั้นใสแจ๋วไร้เดียงสา จมูกเล็กๆ โด่งเป็นสันมีเหงื่อซึมเพราะวิ่งเล่นอย่างซุกซน ริมฝีปากแดงสดที่ได้มาจากคุณแม่นั้นทำให้ผู้เป็นพ่อไพล่นึกถึงริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของผู้เป็นภรรยาเสียร่ำไป ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำเท้าแขนแกร่งกับพื้นหญ้าแล้วถามลูกชายตัวน้อยเมื่อพ่อหนูเอาแต่มองหน้าเขานิ่ง“มีอะไรน้อง มองหน้าพ่อนิ่งเชียว”“ปาปา แก่...” คำตอบของลูกชายที่ไม่ค่อยชัดนั้นทำให้แมทธิวแทบสำลักน้ำลายตัวเอง จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก แต่คุณมาร์คกลับหัวเราะลั่นเลยทีเดียว แมทธิวจึงหันไปมองค้อนบิดาเสียยกใหญ่“ฮ่าๆๆ หลานปู่มันฉลาดเหมือนปู่เลย มานี่มาลูกมาหาปู่ดีกว่า”“ปูๆ หาปู หล่อๆ” เด็กชายลุกขึ้นเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนต้อนรอรับแล้วหอมแก้มคุณปู่อย่างประจบออดอ้อน แมทธิวได้แต่เข่นเขี้ยวเจ้าตัวแสบที่มีแววแสบสันได้ใจตั้งแต่เล็กแต่น้อย“ทำอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ มากินของว่างกันได
ตอนที่60.“แหวะหลงตัวเอง”“บอกรักพี่แมทอีกครั้งสิจ๊ะทูนหัว”“ไม่...” หญิงสาวเง้างอดหน้าแดงก่ำ“บอกหน่อยไม่ได้เหรอครับ พี่แมทอยากฟังอีกจัง”“ตัวเองก็บอกเขาก่อนสิ” หญิงสาวต่อรองพร้อมทั้งเอนพิงอกกว้างของเขาอย่างยอมจำนนหลุบตามองมือเล็กของตนในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นของเขาด้วยหัวใจพองโต น้ำตาเหือดแห้งไปพร้อมกับความอุ่นซ่านแผ่กระจายครอบคลุมไปทั้งดวงใจที่มืดมิดหนาวเหน็บมานานด้วยความหวั่นระแวง“ผม แมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ รัก นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเธอกับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และผมจะบอกรักเธอกับลูกๆ ทุกวัน ตราบเท่าชีวิตของผม...” เสียงทุ่มนุ่มนวลบอกเบาๆ กับใบหูบางทว่าหนักแน่นเต็มไปด้วยพลังแห่งรักที่เธอสัมผัสได้ด้วยใจ“ฉัน นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ ก็จะรัก นายแมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเขากับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และจะบอกรักเขากับล
ตอนที่59.หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วพราวแสงแขก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนซึ่งสามีสุดหล่อของเธอกำลังปูที่นอนของตนเองหน้าเตียงเล็กๆ ของเธอเช่นทุกวัน หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของเขาอย่างหลงใหลและแอบหน้าแดงที่ตนกลายเป็นสาวใจแตกชอบมองแผงอกล่ำๆ กล้ามสวยๆ ของสามีไปเสียแล้ว จากแรกๆ ที่เคยต่อว่าที่เขาไม่ใส่เสื้อเข้านอน ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอชอบให้เขาเปลือยอกล่ำๆ ให้มอง และอยากมองทุกวัน...“พราวมานอนเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวพี่เอาแก้วนมไปเก็บก่อนนะครับ”เขาลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วนมออกไปเก็บแต่ขณะที่เดินผ่านเธอก็โน้มใบหน้าลงมาจุ๊บแก้มนวลใสเสียฟอดใหญ่แล้วก็ผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เธอค้อนลมค้อนฟ้าอยู่คนเดียว“คนบ้า ฉวยโอกาสตลอดเลย”หญิงสาวบ่นเขาด้วยหัวใจพองโตแล้วคลานขึ้นเตียงอย่างง่วงงุนแต่ก็พยายามฝืนความง่วงไว้เพราะเธอยังมีเรื่องจะคุยกับเขามากมาย และจะต้องคุยกันให้จบในคืนนี้“ทำไมยังไม่นอนล่ะครับคนสวย เอ.. หรือว่าเจ้าตัวเล็กอยากใ
ตอนที่58.“คุณพ่อคุณแม่ให้พรผมกับพราวมั่งสิครับ” แมทธิวเอ่ยขึ้นบ้างพลางรั้งให้พราวแสงแขมานั่งตรงหน้าบิดามารดาของตนพร้อมทั้งมารดาของพราวแสงแขด้วย“อะไรกันแมทนี่ล่ะก็ เราก็ได้พรจากพ่อกับแม่ไปแล้วไงจ๊ะ”“ก็ผมอยากได้อีกนี่นา แล้วก็ยังอยากได้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพรของคุณพ่อคุณแม่จะหมดนั่นล่ะครับ”ชายหนุ่มพูดอย่างนุ่มนวลร่างสูงนั่งพับเพียบดูนอบน้อมพราวแสงแขมองสามีด้วยความชื่นชม แมทธิวเป็นคนทำงานเอาจริงเอาจังเสียงดังและเด็ดขาดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องแมทธิวจะเป็นเจ้านายที่เข้มงวดจริงจัง ในการทำงานของเขานั้นจะเต็มไปด้วยความเฉียบขาดดุดันจนเป็นที่กล่าวขวัญและใครๆ ต่างก็ยำเกรง แต่เมื่อเขาอยู่กับคนในครอบครัว แมทธิวจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยนและเอาใจใส่ทุกคนในครอบครัวอย่างดี และเขายังปฏิบัติต่อมารดาของเธออย่างนอบน้อมไม่มีท่าทางที่ทำให้รู้สึกว่าเขารังเกียจเธอกับมารดาว่าต่ำต้อย นั่นคือสิ่งที่พราวแสงแขสัมผัสได้แม้ในคราแรกที่พบกันเขามักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงและดูถูกเธอก็ตาม แต่ในวันนี้แมทธิวให้เกียรติเธอกับม
ตอนที่57.“เหรอจ๊ะ แหม.. แม่ก็นึกว่าพราวจะแกล้งอะไรแมทอีก”“แม่น่ะ ชอบมองพราวเป็นเด็กเกเรไปได้”“ก็เราน่ะเหลือเกินจริงๆ นี่พราว เรื่องมันก็แล้วไปแล้วอย่างอนนักเลยลูก เดี๋ยวพี่เขาก็เบื่อกันพอดี” คำพูดของมารดาทำให้พราวแสงแขหน้างอ“ใช่สิ.. แม่มีลูกใหม่แล้วนี่พราวก็เป็นหมาหัวเน่า” พราวแสงแขตัดพ้อน้ำตาคลอๆ เหมือนจะร้องไห้“แล้วกันไปกันใหญ่แล้วลูกคนนี้ เฮ้อ.. แมทอย่าตามใจพราวนักนะลูก ยายพราวน่ะเขาดื้อเงียบ ดูสิ.. แค่นี้ก็ว่าแม่รักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง เอาล่ะแม่ไม่กวนแล้วแม่จะไปช่วยคุณมาลินีเตรียมของจัดงานเลี้ยงคืนนี้ เย็นนี้เราจะไปทานข้าวที่บ้านโน้นนะจ๊ะ แล้วคืนนี้จะเป็นวันฉลองการแต่งงานของหนูเมรี่กับหลุยส์ด้วย” ผู้เป็นแม่บอกอ่อนโยนดังเดิมแล้วขยี้เรือนผมของลูกสาวแสนงอนเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถที่คนจากบ้านของแมทธิวมารอรับ”คืนนี้เมียพี่จะต้องสวยพอๆ กับเจ้าสาวแน่ๆ เราไปดูชุดที่จะไปคืนนี้กันมั้ยครับ”“
ตอนที่56.“จะหน้าด้านอยู่ที่บ้านฉันอีกนานแค่ไหนคะ” หญิงสาวเท้าสะเอวมองคนที่กำลังรีดผ้าหน้าเป็นมันอยู่อย่างฉุนๆ ตอนนี้แม่แขของเธอรักลูกเขยมากคอยปกป้องเข้าข้างเขาทุกอย่าง ยิ่งเธอพยายามแกล้งเขามากเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะทำงานบ้านซักผ้ารีดผ้า เอาผ้าไปส่งลูกค้า ดูแลบ้านและทำสวนผักเล็กๆ ไว้รับประทานเองแมทธิวก็ทำได้ และทำหน้าที่ทุกอย่างที่เธอตั้งกฎไว้ได้ดีไม่มีที่ติซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิดประสาคนท้องที่อารมณ์แปรปรวนง่าย“เมียอยู่ที่ไหน ผัวก็อยู่ที่นั่นจ้ะ พราวไปนั่งสิจ๊ะ ยืนนานๆ เดี๋ยวก็เมื่อย ลูกเราจะเมื่อยด้วยนะครับ” นอกจากจะไม่สนใจความฉุนเฉียวเธอแล้วแมทธิวยังเจ้ากี้เจ้าการพาเธอมานั่งที่เก้าอี้หวายตัวใหญ่แสนสบายที่เขาซื้อให้เธอนั่งพักผ่อน พอเห็นเก้าอี้ตัวนี้พราวแสงแขก็นึกถึงที่มาของมันอย่างเสียไม่ได้และนึกดีใจที่เขามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเมื่อวันก่อนที่ไปฝากครรภ์เธอเดินผ่านร้านขายเก้าอี้หวายข้างทางเท้าก่อนถึงโรงพยาบาล ซึ่งคนขายเป็นตาแก่ๆ คนหนึ่งกับหลานชายตัวเล็กๆ มาช่วยกันขาย