LOGINตอนนี้เป็นเวลายามจื่อแล้ว เยว่อันหนิงค่อย ๆ เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดรัดกุมสีดำ โดยมีเสื้อตัวบางสีแดงซ่อนอยู่ด้านใน
ผมยาวสลวยถูกรวบตึงมัดตรงกลางศีรษะ ปล่อยให้ปลายผมลู่ลงคล้ายหางของม้า
ใบหน้าสวยถูกปกปิดด้วยผ้าบางสีดำเช่นเดียวกับสีชุด
ดวงตาคู่สวยคล้ายไข่มุกยามต้องแสงราตรีผินมองไปยังพระจันทร์เสี้ยวเหมาะแก่การลงมือลดประชากรคนชั่วให้แผ่นดินถังเฉียนสูงขึ้นอีกหนึ่ง
มือเรียวสวยหยิบเอาอาวุธคู่กายเป็นมีดสั้นสลักดอกจวี๋ฮวาที่ด้ามจับเสียบไว้ด้านหลังสามเล่ม ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะใช้วิชาตัวเบาไต่ไปตามหลังคาบ้านเรือนผู้คนโดยใช้ความมืดอำพรางซ่อนเร้นกายจนถึงจวนสกุลซุย
เป็นดั่งคาด ยามนี้ทหารยามของสกุลซุยเบาบางจนนางมิต้องลงมือสังหารผู้ใดให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
แผนผังเรือนพักของซุยฉีเฉียนถูกนางจดจำไว้ในสมองอย่างแจ่มแจ้ง เรือนปีกซ้ายคือห้องนอนของเป้าหมายในครั้งนี้
เยว่อันหนิงในชุดสีดำค่อย ๆ ย่องด้วยวิชาตัวเบาเพื่อไปยังห้องพักของขุนนางชั่วที่ว่า หากแต่พอเลี้ยวตรงมุมด้านหน้าที่เป็นห้องรับรองของเรือนกลางกลับได้ยินเสียงคนสนทนากันในยามวิกาล
"วันนี้คุณหนูถูกคนลอบทำร้ายที่หออี้เฉิงหลัน ข้าน้อยให้คนของเราจับกุมตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาขังไว้ที่ห้องใต้ดินแล้ว ทุกคนต่างไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนลอบทำร้ายคุณหนู ใต้เท้าจะลงไปสอบสวนเองอีกครั้งหรือไม่ขอรับ"
เสียงองครักษ์คู่กายของซุยฉีเฉียนดังรายงานเจ้านาย
"ชาวบ้านพวกนี้นับวันยิ่งเหิมเกริม สงสัยต้องส่งแพะสักคนไปที่ศาลเทียนอวี่เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูแล้วกระมัง"
เสียงเบ่งอำนาจบาทใหญ่ดังอย่างไม่สนว่าใครจะมาได้ยิน
ซุยฉีเฉียนมองเปลวเทียนที่ส่องสว่างตรงหน้าเหมือนเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่เขาจับตัวมาก่อนจะสะบัดชายแขนเสื้อให้เทียนดวงนั้นดับลง บ่งบอกว่าเขาจะไม่ให้โอกาสคนที่โชคร้ายผู้นั้นได้รอดกลับมา
เยว่อันหนิงที่แอบฟังถึงกับแสยะยิ้มให้กับความโฉดชั่วของคนผู้นี้ นางเตรียมตัวลงมือสังหารเป้าหมายตามคำสั่งในสาส์นจากปรโลกแผ่นนั้น
มือบางเอื้อมไปกำด้ามมีดสั้นที่อยู่ด้านหลังไว้ให้มั่นทั้งสองมือ ก่อนจะบุกเข้าไปในห้องที่มีซุยฉีเฉียนและองครักษ์ฝีมือดีอยู่ในห้องด้วย
"มีคนร้า...ย"
เสียงตะโกนของซุยฉีเฉียนดับลงพร้อมเส้นหลอดลมที่ขาดสะบั้นเพียงหนึ่งกรีด จากนั้นก็เป็นลมหายใจขององครักษ์ข้างกายเขาที่ยังไม่ทันได้ชักกระบี่ก็ถูกเยว่อันหนิงปักมีดลงต้นคอจนสิ้นใจตามนายไป
มือบางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบเลือดที่น่าสะอิดสะเอียดของพวกคนชั่วเหล่านี้ก่อนจะทิ้งมันลงพื้นพร้อมกับดอกจวี๋ฮวาสีขาวที่นางพกติดตัวมาด้วยทุกครั้งยามทำภารกิจ
"ใต้เท้า! ด้านในเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ขอรับ เมื่อครู่ข้าน้อยเหมือนได้ยินเสียงท่านตะโกนเรียก"
ทหารยามที่เดินตรวจตราอยู่แถวนี้บังเอิญได้ยินเสียงซุยฉีเฉียนก่อนสิ้นใจเข้าจึงรีบวิ่งมาดูความเรียบร้อย
เยว่อันหนิงไม่รอช้ารีบกระโดดออกหน้าต่างทางด้านหลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งทันที
คราแรกนางคิดว่าจะไปช่วยชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่เดือดร้อนแทนนางก่อนค่อยจากมา แต่ทหารยามกลับจมูกเร็วเกินไปทำให้นางไม่มีเวลามากนัก
ครั้งนี้จึงขอเสี่ยงมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลเฉิน
จวนแม่ทัพใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างยกย่องว่าเป็นขุนนางน้ำดีทุกคน
ฉึก!
ธนูหัวแหลมปักเข้ายังเสาหน้าจวนสกุลเฉินอย่างแม่นยำ
"มีคนร้าย!"
ทหารเฝ้าประตูรีบชักกระบี่เตรียมปกป้องภัยจากผู้มาเยือนที่มองไม่เห็นแม้เงา
"ธนูนี้มีจดหมายมาด้วย"
ทหารอีกนายเดินมาดูธนูปริศนาที่ไม่รู้มาจากทิศทางไหนและผู้ใดยิงมาก่อนจะเห็นว่ามีกระดาษม้วนเล็ก ๆ ถูกผูกติดอยู่
"ข้าจะไปรายงานแม่ทัพใหญ่ ส่วนเจ้าคุ้มกันที่นี่ หากมีอะไรผิดปกติให้ลั่นกลองทันที"
หน้าจวนสกุลเฉินจะมีกลองแขวนไว้สำหรับส่งสัญญาณยามมีคนร้ายหรือเหตุการณ์ฉุกระหุกจวนตัวเกิดขึ้น
เยว่อันหนิงที่ซ่อนอยู่บนระเบียงชั้นสองฝั่งตรงข้ามเห็นทหารของจวนเฉินนำจดหมายที่ตนเขียนข้อความบางอย่างส่งไปให้เข้าไปในจวนแล้วจึงวางใจไปส่วนหนึ่ง
"หวังว่าคนสกุลเฉินจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง"
กล่าวจบเยว่อันหนิงก็รีบถอยออกจากพื้นที่กึ่งอันตรายนี้ทันที
จวนสกุลซุย
"ท่านพี่! ใครกันช่างโหดร้าย กล้าบุกมาทำเรื่องโหดเหี้ยมถึงในจวนซุยเช่นนี้"
ซุยฮูหยินร้องไห้แทบจะเป็นลมเมื่อรู้ข่าวว่าสามีถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด
แม้นางจะไม่กล้าดูสภาพร่างไร้วิญญาณของซุยฉีเฉียน แต่มองจากเลือดที่ไหลนองพื้นพรมนี้แล้วสามีนางคงทรมานไม่ใช่น้อยก่อนจะสิ้นใจไป
"ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงจากพวกเราไปไวเช่นนี้ แล้วข้ากับท่านแม่จะอยู่อย่างไรเจ้าคะ"
ซุยผิงผิงบุตรีเพียงคนเดียวของเขาร้องไห้กอดมารดาอยู่ข้างศพบิดา
"ต้องเป็นนาง! ใครก็ได้ไปจับตัวเสวี่ยอีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!"
ซุยผิงผิงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้นางมีเรื่องกับสาวใช้นามว่าเสวี่ยอีจึงคิดว่าการตายของบิดาคงเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้
"เรียนฮูหยิน แม่ทัพน้อยสกุลเฉินมาขอรับ"
แต่ก่อนที่จะได้นำตัวสาวใช้นางนั้นมา ทหารยามนายหนึ่งเดินเข้ามารายงานด้วยความร้อนรนก่อน
"แม่ทัพน้อยสกุลเฉิน? เหตุใดถึงไม่ใช่คนของศาลเทียนอวี่"
ซุยฮูหยินที่กำลังเศร้าอยู่ใคร่สงสัย
เรื่องเช่นนี้ต้องเป็นหน้าที่ของศาลเทียนอวี่ส่งคนมาตรวจสอบถึงจะถูก เหตุใดถึงเป็นคนของจวนแม่ทัพยื่นมือเข้ามาเช่นนี้
"ข้าน้อยเฉินเจียนหลางคาราวะซุยฮูหยิน"
ยังไม่ทันได้สั่งการให้คนเชื้อเชิญแขกเข้าพบ เฉินเจียนหลางที่พาคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่ามาด้วยห้านายก็ปรากฎตัวที่หน้าประตูห้องโถงนี้แล้ว
"แม่ทัพน้อยเฉิน เหตุใดท่านถึงรู้ข่าวเร็วเช่นนี้"
ซุยฮูหยินสลัดคราบสตรีโศกเศร้าเมื่อครู่ ทำตัวเข้มแข็งเพื่อเป็นผู้นำตระกูลในยามนี้แทนสามีที่ล่วงลับไปหมาด ๆ
"เจียนหลางเสียมารยาทที่ไม่รอซุยฮูหยินเอ่ยอนุญาต บุกเข้ามาในจวนสกุลซุย หากแต่ผู้น้อยได้รับการร้องเรียนจากบุคคลผู้หนึ่งให้มาตรวจสอบการลักพาตัวชาวบ้านมาขังไว้ในจวนแห่งนี้"
"บังอาจ! สามีข้ายังนอนเป็นศพอยู่ตรงนั้น เจ้ายังกล้าสามหาวใส่ร้ายสกุลซุยว่าแอบลักพาตัวชาวบ้านมาอีก หรือว่านี่คือฝีมือของสกุลเฉินกัน!"
ซุยฮูหยินหน้าคล้ำไปหลายส่วนด้วยความโมโหที่ได้ยินเฉินเจียนหลางกล่าวหาเช่นนั้น
เดิมทีทั้งสองสกุลแทบจะไม่เคยไปมาหาสู่กันแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เพราะเวลาประชุมขุนนางภายในท้องพระโรงทีไร บิดาของเฉินเจียนหลางมักจะกระทบกระทั่งกับสามีตนบ่อยครั้ง
พอมาได้ยินเรื่องเช่นนั้นจึงคิดว่าสามีถูกคนใส่ร้ายและคนผู้นั้นคือแม่ทัพน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้านางไม่ผิดแน่
"ข้าใส่ร้ายหรือไม่ขอเพียงซุยฮูหยินอนุญาตให้คนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าค้นจวนดูก็รู้แล้ว"
ใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาเย็นชาไร้ความกลัวเกรงคนของจวนซุยที่ล้อมวงเขาไว้พร้อมเปิดศึกได้ทุกเมื่อหากเฉินเจียนหลางกระทำการล่วงเกินนายหญิงของพวกเขา
"ได้! หากแม่ทัพน้อยไม่เจอหลักฐานที่ว่า แม้ข้าจะเป็นเพียงสตรีไร้กำลังก็จะขอเอาเรื่องสกุลเฉินของพวกเจ้าให้ถึงที่สุด!"
"ท่านแม่! ระวังสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ"
ซุยผิงผิงรีบประคองปลอบมารดาที่ในใจบอบช้ำกับการจากไปของสามีเป็นทุนเดิมแต่ต้องสวมหน้ากากเข้มแข็งเพื่อปกป้องสกุลซุยจนเกือบจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีกคน
"กระจายกำลังค้นหาให้ทั่ว!"
เฉินเจียนหลางออกคำสั่งทหารห้านายที่พามา หากแต่ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าตอนนี้ซ่างฮ้วนที่ถูกสั่งให้ลอบเข้ามาก่อนหน้าพวกเขาได้ค้นเจอห้องลับในจดหมายปริศนานั่นแล้ว
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







