เข้าสู่ระบบฉัวะ...
ฉึก...
เกร้ง!
เสียงคมกระบี่ทั้งสองดังเสียดหูผู้คนที่อยู่ในระแวกนั้น
บุรุษรูปงามสวมชุดทะมัดทะแมงกำลังซ้อมวิชากระบี่ที่ลานกว้างของจวนสกุลเยว่
"พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านออกกระบี่เร็วเกินไปแล้ว ข้าตามไม่ทัน"
เสียงเจื้อยแจ้วของสตรีอายุแปดขวบเอ่ยค้อนพี่ใหญ่ทั้งสองของนาง
"หนิงเอ๋อร์? เจ้าแอบดูพวกข้าอีกแล้ว ระวังเถอะ ท่านพ่อรู้เข้าจะถูกลงโทษเอา"
เยว่ฉินจื่อบุตรคนโตของเยว่จิ้นกงตำหนิน้องเล็กสุดของตระกูล
"พี่ใหญ่พี่รองปกป้องข้าอยู่แล้ว ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
เสียงเล็กช่างฉอเลาะเอาตัวรอดเก่งประหนึ่งหญิงสาวที่ผ่านพิธีปักปิ่นมาแล้ว
"แน่นอน หากพี่ใหญ่ไม่ยื่นมือช่วย ยังมีพี่รองผู้หล่อเหลาอยู่ทั้งคน"
"เย่ ๆ ข้ารักพี่รองที่สุดเลย"
ร่างน้อยรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดคุณชายรองเยว่อินกวานอยากออดอ้อน
ตัวนางเท่าเพียงเอวของเขา แต่ท่าทางช่างดูโตกว่าวัยเป็นอันมาก
"เพราะมีน้องรองให้ท้าย หนิงเอ๋อร์ของเราถึงได้ยิ่งโตยิ่งเหมือนบุรุษเช่นนี้"
ปากกล่าวตำหนิ ทว่าเยว่ฉินจื่อกลับก้าวเข้าไปลูบผมน้องเล็กเยว่อันหนิงอย่างเอ็นดู
"พี่ใหญ่ ท่ารำกระบี่เมื่อครู่คือกระเรียนเหินนภาใช่หรือไม่เจ้าคะ"
ทางสะดวกไร้เงาของบิดา เยว่อันหนิงจึงต้องรีบรวบรวมข้อมูลเก็บไว้ศึกษาลับ ๆ
"น้องเล็กความจำดียิ่ง กระเรียนเหินนภาพวกเราฝึกซ้อมกันนับครั้งได้เจ้ายังจำแม่นถึงเพียงนี้"
เยว่อินกวานกล่าวจบจึงนั่งยอง ๆ ลงพลางลูบผมน้องสาวอย่างเอ็นดูความเฉลียวฉลาดนี้ของนาง
เดิมทีเยว่อันหนิงเป็นเด็กค่อนข้างพิเศษ นางอยู่ในครรภ์มารดาเพียงแค่เจ็ดเดือนก็คลอดก่อนกำหนด ใคร ๆ ต่างมองว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นคนขี้โรค ป่วยออด ๆ แอด ๆ เพราะอายุครรภ์ไม่ครบเฉกเช่นคนทั่วไป
แต่ทุกอย่างกลับกันหมด...
เพียงเก้าเดือนเยว่อันหนิงก็สามารถวิ่งได้คล่องแคล่วราวกับเด็กหนึ่งขวบขึ้น แถมยังสามารถพูดได้ชัดถ้อยชัดคำในเวลายังไม่ถึงสิบเดือนดี ลมปราณภายในยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางมีมากกว่าสตรีทั่วไปที่โตกว่าถึงครึ่งส่วน
ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างบอกว่าเยว่อันหนิงคือเด็กที่สวรรค์ประทานมาให้เยว่ฮูหยิน
หากแต่เรื่องเหนือธรรมชาติที่ไร้หลักฐานพิสูจน์ใครจะกล้ายอมรับ ทุกคนในตระกูลต่างมองว่าที่เยว่อันหนิงเก่งและฉลาดเพราะตัวนางใฝ่หาความรู้เข้าตัวเสียมากกว่า
เยว่อันหนิงเริ่มเรียน เขียน อ่าน ตั้งแต่ยังไม่สองขวบ ความรู้ทั่วไปก็เริ่มแตกฉาน เพียงแค่นางมักเก็บความฉลาดเหล่านี้เอาไว้เพราะไม่อยากถูกเด็กวัยเดียวกันมองว่านางแตกต่างจากพวกเขาจนไร้สหายคบหา
ครั้นอายุเจ็ดขวบก็เริ่มอยากลองจับกระบี่ของมีคม หากแต่ตอนนั้นเรี่ยวแรงเด็กหรือจะควงกระบี่เล่มใหญ่เช่นบุรุษตัวโตได้ เยว่อันหนิงจึงใช้เพียงแค่กิ่งไม้ร่ายรำกระบี่ตามพี่ใหญ่กับพี่รองของนาง
นานวันเข้าเยว่จิ้นกงทนพฤติกรรมของบุตรสาวคนเล็กที่ทำตัวราวเป็นบุรุษมากกว่าสตรีไม่ไหวจึงสั่งห้ามไม่ให้เยว่อันหนิงแอบมาฝึกกระบี่กับพี่ชายทั้งสอง
แต่มีหรือคนดื้อรั้นเช่นนางจะยอม เยว่อันหนิงจดจำท่วงท่าที่พี่ใหญ่กับพี่รองสอนให้แล้วแอบฝึกเองตามลำพัง หากวันไหนมีข่าวว่าพี่ชายทั้งสองซ้อมประลองดาบกันที่ลานแห่งนี้เยว่อันหนิงก็จะแอบมาดูและจดจำกระบวนท่าใหม่ ๆ ของพวกเขา เป็นเช่นนี้จนถึงแปดขวบ เยว่อันหนิงสะสมทั้งวิชาบุ๋นและบู๊มากกว่าสตรีวัยเดียวกันเสียอีก
"ข้าได้ข่าวว่าท่านพ่อให้เจ้าเย็บถุงหอมให้น้องสามมิใช่หรือ"
เยว่ฉินจื่อหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดกระบี่แล้วเก็บลงฝักพลางถามจี้ใจดำอีกคน
"พี่ใหญ่เจ้าคะ การเย็บถุงหอมจะทำอย่างลวก ๆ มิได้ หนิงเอ๋อร์จึงต้องออกมาทำหัวให้โล่งค่อยกลับไปปักต่อ โอ้ย!"
"เจ้านี่ต่อปากต่อคำเก่งที่หนึ่ง นับวันจะยิ่งเหมือนพี่รองเจ้าที่ชอบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ไปแล้ว"
"อ้าว พี่ใหญ่พูดเช่นนี้ข้าเคืองนะขอรับ"
เสียงหัวเราะของทั้งสามดังลั่นเมื่อต่างคนต่างพูดจาหยอกล้อกันได้เข้าขาเสียเหลือเกิน
"มีคนมา!"
ทว่าเสียงหัวเราะนั้นกลับเงียบลงในเวลาต่อมาเมื่อเยว่ฉินจื่อได้ยินเสียงฝีเท้าผู้มาเยือนกำลังตรงมาทางนี้
"เช่นนั้นข้าไปซ่อนก่อนนะเจ้าคะ"
เยว่อันหนิงรีบวิ่งไปยังใต้ต้นไห่ถังและแอบซ่อนด้านหลังรูปปั้นกระต่ายพ่อลูกตัวโตเกือบห้าฉื่อ
ทันใดนั้นเจ้าของฝีเท้าก็ปรากฎขึ้น
"เป็นท่านนี่เอง" เยว่อินกวานเอ่ยอย่างโล่งใจ
"คาราวะคุณชายใหญ่ คุณชายรอง"
เฉินปู้เกาคนสนิทของแม่ทัพใหญ่เยว่จิ้นกงทำความเคารพคุณชายของสกุลเยว่
ด้านหลังเขามีเด็กหนุ่มวัยราว ๆ สิบสี่ปียืนรออยู่ไม่ไกล สายตาเฉียบคมของดรุณผู้นั้นผินมองเด็กน้อยที่แอบซ่อนอยู่ด้านหลังรูปปั้นกระต่าย
ทั้งคู่เผลอสบตากันในระยะไกล
"รองแม่ทัพเฉินมาที่จวนเยว่ด้วยเรื่องด่วนอันใดหรือ"
คุณชายใหญ่เยว่ฉินจื่อเอ่ยถามพลางครุ่นคิด
ในเวลาเช่นนี้เฉินปู้เกาต้องอยู่ข้างกายบิดาในกองทัพมิใช่หรือ เหตุใดเขาถึงได้มาปรากฎตัวที่นี่โดยที่ไร้เงาของบิดามาด้วย
"แม่ทัพใหญ่ให้ข้านำสิ่งนี้มาให้คุณชายใหญ่"
จดหมายฉบับหนึ่งถูกเฉินปู้เกายื่นให้
หลังจากรับมาอ่านแล้วจึงโคลงศีรษะเข้าใจการมาในครั้งนี้ของคนสนิทบิดา
"เช่นนั้นท่านตามข้ามา น้องรองเจ้าจัดการทางนี้ด้วย"
คำว่า 'จัดการทางนี้' ที่เยว่ฉินจื่อสั่งหมายถึงเจ้าน้องเล็กที่แสนซนที่แอบซ่อนอยู่
"เข้าใจแล้วพี่ใหญ่"
"เช่นนั้นข้าน้อยขอลาตรงนี้เลย"
เฉินปู้เกาค้อมศีรษะกล่าวลาเยว่อินกวานแล้วเดินตามหลังบุตรคนโตของเยว่จิ้นกงโดยมีบุตรชายของตนที่อยากมาเปิดหูเปิดตาจวนสกุลเยว่สักครั้งรั้งท้าย
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







