Mag-log in"นี่คือของที่ท่านพ่อให้ข้านำมาให้ท่าน"
เยว่ฉินจื่อหยิบกล่องไม้สลักลายสวยงามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เยว่จิ้นกงสั่งไว้ในจดหมายมอบให้เฉินปู้เกา
"ขอบคุณคุณชายใหญ่ มะรืนวันมงคลของท่าน แต่ข้าน้อยกลับเสียมารยาทมิได้มาร่วมงานเพราะต้องเดินทางตามคำสั่งแม่ทัพใหญ่ หวังว่าคุณชายใหญ่จะไม่ถือสา"
"ธุระที่ท่านพ่อไหว้วานย่อมเป็นเรื่องสำคัญ ท่านเฉินอย่าได้เกรงใจ ไว้กลับจากงานค่อยมาดื่มเหล้าฉลองให้ข้าทีหลังย่อมได้"
"คุณชายใหญ่ใจกว้างและเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก ข้าน้อยขอให้ท่านกับว่าที่ฮูหยินครองรักยาวนาน มีลูกหลานสืบสกุลเร็ว ๆ"
"ฮ่า ๆ ขอบคุณท่านเฉิน เร่งเดินทางเถิด กว่าจะเดินทางถึงเมืองตู้คงกินเวลาค่อนวัน"
"เช่นนั้นข้าน้อยกับบุตรชายขอลา"
"เดินทางปลอดภัย"
เมื่อทั้งสองพ่อลูกสกุลเฉินกลับออกไปแล้ว เยว่ฉินจื่อหยิบจดหมายฉบับเดิมออกมาอ่านทวนอีกรอบ
จู่ ๆ เขากลับรู้สึกว่าในกล่องใบนั้นที่เฉินปู้เการับไปจะต้องเป็นของที่สำคัญและอาจนำพามาถึงความวุ่นวายในภายภาคหน้า
"ท่านพ่อ หรือว่าท่านกำลังปิดบังอันใดกับพวกเรา"
คนอย่างเยว่จิ้นกงมิเคยติดต่อผ่านจดหมายเช่นนี้ ของทุกชิ้นในห้องเขาหากจะมอบให้ใครเขาจะเป็นคนหยิบจับมันเอง หากแต่ครานี้เหมือนเจ้าของห้องมิต้องการให้ใครรับรู้ว่าได้มอบของบางสิ่งให้กับผู้อื่นจึงได้จัดการมากเรื่องเช่นนี้
"พี่ใหญ่ ข้าจัดการน้องเล็กให้กลับห้องได้แล้วขอรับ"
หลังหลอกล่อให้เยว่อันหนิงกลับห้องพักตนเองสำเร็จ เยว่อินกวานเลยรีบตามพี่ชายมาถึงที่นี่
"อืม ทำดีแล้ว"
เยว่อินกวานได้ยินสุ้มเสียงพี่ใหญ่รู้สึกถึงความผิดปรกติจึงเอ่ยถาม
"พี่ใหญ่มีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือขอรับ"
เป็นพี่น้องที่ห่างกันเพียงหัวปีท้ายปี อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ออกศึกรบด้วยกันมาตั้งหลายหนจึงจับพิรุธของอีกคนได้อย่างไม่ต้องรอให้เจ้าตัวเอ่ยปรึกษา
"จู่ ๆ จิตใจข้าก็ไม่สงบ คล้ายกับอาจจะมีเรื่องใหญ่ตามมาไม่ช้าก็เร็วนี้"
ลางสังหรณ์ของเยว่ฉินจื่อแม่นแทบจะทุกครั้ง ทำให้เขามักได้นำทัพหน้าออกไปหยั่งเชิงศัตรูก่อนทุกหน
"เมื่อครู่ เฉินปู้เกานำของสิ่งใดไปหรือขอรับ"
เยว่อินกวานเดินมาทันได้เห็นตอนพี่ใหญ่เขายื่นกล่องไม้ให้เฉินปู้เกาพอดีจึงใคร่อยากรู้
เยว่ฉินจื่นได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้เปิดดูของสิ่งนั้นว่ามีอะไรอยู่ด้านใน
จังหวะที่บุรุษทั้งสองกำลังจะสนทนากันต่อ เสียงโวยวายจากลานหน้าจวนจึงดังขัดจังหวะขึ้นพอดิบพอดี
"จับกุมคนในจวนเยว่ให้หมดทุกคน!"
เสียงทรงอำนาจดังก้องกังวาลไปทั้งจวนเยว่
เหล่าทหารแต่งชุดเกราะเต็มยศราวกำลังจะออกศึกวิ่งกรูเรียงแถวเข้ามาคุมตัวบ่าวสาวรับใช้ในเรือนราวนักโทษฉกรรจ์
"นี่มันเรื่องอันใด"
เยว่ฉินจื่อที่ได้ยินเสียงโวยวายของข้ารับใช้ในเรือนรีบวิ่งออกมาดู
ภาพตรงหน้าทำให้กระบี่ในมือเขาสั่นแทบจะออกจากฝัก เหล่าบ่าวสาวรับใช้ ไม่ว่าจะเด็ก คนแก่ สตรีหรือบุรุษต่างถูกกระบี่แสนแหลมคมจ่อไปที่บ่าหนึ่งต่อหนึ่งเยี่ยงนักโทษต้องประหาร
"จับกุมตัว!"
หากแต่ผู้มาเยือนในชุดว่าราชการเต็มยศสีแดงเลือดหมูกลับมิสนใจตอบคำถามของบุตรชายเจ้าบ้าน เปล่งคำสั่งเด็ดขาดจบ ทั้งคุณชายใหญ่และคุณชายรองสกุลเยว่ต่างถูกจับกุมตัวให้นั่งคุกเข่าลงพื้นเฉกเช่นคนอื่น ๆ อย่างไม่ทันจะได้ขัดขืน
"ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!"
"โอ้ย! เจ้ากล้ากัดข้าหรือ นางเด็กนี่!"
"อย่าทำร้ายหนิงเอ๋อร์"
เสียงโวยวายของสตรีมากกว่าสามคนดังขึ้นทางด้านหลัง ครั้นหันไปมองจึงเห็นทหารสี่ห้าคนจับกุมตัวฮูหยินใหญ่ของจวนเยว่พร้อมกับบุตรีอีกสามคน
หากแต่เยว่อันหนิงน้องเล็กของบ้านกลับดื้อรั้น นางไม่ยอมให้ทหารจับกุมตัวอย่างไร้เหตุผล พยายามหนีการจับกุมและทำร้ายคนที่ตามจับนางอย่างไม่เกรงกลัว
ปลายกระบี่คมวับง้างขึ้นเตรียมฟาดฟันเด็กน้อยหากแต่ถูกเยว่ฮูหยินวิ่งเข้ามารั้งไว้เสียก่อน
"หนิงเอ๋อร์!"
"ท่านแม่!"
เสียงเยว่ฉินจื่อกับเยว่อินกวานตะโกนอย่างเสียวไส้เมื่อเห็นเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อครู่
"ใต้เท้า ได้โปรดไว้ชีวิตลูกสาวข้าด้วยเถิด นางยังเด็กนักไม่รู้ประสาที่ล่วงเกินลูกน้องท่าน"
เยว่ฮูหยินยอมลดศักดิ์ศรีของภรรยาแม่ทัพใหญ่ที่สร้างชื่อเสียงและความดีความชอบให้เมืองเทียนติ่งมานับไม่ถ้วน โขกศีรษะลงกับพื้นวอนขอความเมตตาจากมือกระบี่ที่หมายคร่าชีวิตบุตรสาวนางอย่างไร้ปรานี
"เลิกเสียเวลาได้แล้ว ทุกคนในจวนเยว่รับราชโองการ"
เสียงดุดันตะเบ็งจนดังสะท้อนทั่วลานกว้างของจวนเยว่ ม้วนหนังสือสีทองอร่ามถูกหยิบออกมาจากกล่องอันหรูหรา
มู่ตงหยวนเจ้ากรมตุลาการแห่งศาลเทียนอวี่ค่อย ๆ คลี่ราชโองการพร้อมอ่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"แม่ทัพใหญ่เยว่จิ้นกงมักใหญ่ใฝ่สูงหวังยึดอำนาจ แอบลักลอบซ่อนสุมกำลังลับเอาไว้ห้าหมื่นนายหมายสั่นคลอนความสงบสุขของราชบัลลังก์ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ลงโทษสถานหนัก ปลดตำแหน่งแม่ทัพใหญ่และลงโทษประหารชีวิตพร้อมบุตรชายทั้งสอง เยว่ฉินจื่อและเยว่อินกวาน จากนั้นนำหัวเสียบประจานหน้าประตูเมือง ฮูหยินใหญ่ไฉอันปิงและอนุถูกส่งไปเป็นทาสให้แคว้นพันธมิตร บุตรสาวทั้งสาม เยว่จินจิน เยว่อิงเถา เยว่อันหนิง ถูกส่งเป็นเครื่องบรรณาการแก่แคว้นเสียนหย่ง บ่าวไพร่ที่เหลือถูกเนรเทศออกนอกเมืองห้าพันลี้ตลอดชีวิต จบราชโองการ"
"ส่วนพวกเจ้า อวดดีไปก่อนเถิด อีกไม่นานท่านอาจะต้องมาช่วยข้าแน่"หลิงอันเซียวไร้ความกลัวต่อโทษทัณฑ์ที่ก่อ ส่วนองค์ชายสามไป๋จิ้นซือได้แต่นั่งเสียใจกับการกระทำของตนเองที่วางยาพระบิดาด้วยมือคู่นี้อยู่เงียบ ๆ"เช่นนั้นก็ดี แค้นของสกุลเยว่จะได้สะสางให้จบในวันนี้!""สกุลเยว่ เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลกบฏผู้นั้น"หลิงอันเซียวเริ่มหวาดระแวงในตัวของสตรีที่เพิ่งพบหน้า"ข้าคือบุตรีคนที่ห้า น้องเล็กของสกุลเยว่ อันหนิง"ดวงตาเรียวรีของหลิงอันเซียวเบิกกว้าง ตลอดเก้าปีที่ผ่านมานางคิดว่ากำจัดทายาทของสกุลเยว่จนสิ้นซากหมดแล้วเสียอีก"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ข้าส่งนักฆ่าไปปิดปากคนทั้งขบวนเนรเทศนั่นสิ้นแล้วนี่"เยว่อันหนิงค่อย ๆ ก้าวย่างเข้าไปหาหลิงอันเซียวช้า ๆ ในนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมองใบหน้าหลิงอันเซียวด้วยความชิงชัง"ที่แท้เป็นฝีมือท่านนี่เองที่ส่งโจรกลุ่มนั้นไป"เยว่อันหนิงค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าหลิงอันเซียว มือบางเอื้อมไปบีบคางมนนั้นเพื่อให้เงยสบตานางที่ดุกร้าว"อย่าทำร้ายพระชายา"ไป๋จิ้นซือพยายามจะเข้าไปช่วยหากแต่ถูกสายตาเย็นชาของหลิงอันเซียวห้ามไว้จึไดแต่ห่วงอยู่ห่าง ๆ"ขออภัยที่ข้ามิอาจทำต
:: สตรีชั่วช้า ::"ใต้เท้า! ใต้เท้าเกิดเรื่องแล้วขอรับ"หม่าเย่าวิ่งหน้าตื่นเข้าไปยังห้องใต้ดินจวนสกุลมู่ที่ตอนนี้มู่ตงหยวนกำลังจัดการกับคนทรยศอยู่"โหวกเหวกเรื่องอันใด" มู่อานจิ่วกำลังฝังเข็มลงบนศีรษะมนุษย์หุ่นเชิดคนใหม่ถามขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ"ขออภัยคุณหนู เรียนใต้เท้า คนของเราในวังส่งข่าวมาบอกว่าตำหนักองค์ชายสามกับพระชายาหลิงถูกคนของรัชทายาทล้อมไว้ข้อหากบฏขอรับ""เจ้าว่าอย่างไรนะ!"มู่ตงหยวนถึงกับคำรามเหี้ยมรัชทายาทกล้าลงมือกับหลานสาวสุดที่รักของตนโจ่งแจ้งเช่นนี้ฝ่าบาทคงฟื้นสติคืนมาแล้วเป็นแน่"รวบรวมกองกำลังของเราทั้งหมดเตรียมบุกวังหลวง อย่าลืมรีบส่งข่าวถึงเจ้าสำนักพญายมส่งนักฆ่ามือดีมาสมทบด้วย""ขอรับ"หม่าเย่ารีบจัดการตามคำสั่งผู้เป็นเจ้านาย"เป็นอย่างไรบ้าง"มู่ตงหยวนหันไปถามบุตรีที่กำลังฝังเข็มเพื่อใช้วิชาควบคุมหุ่นเชิดแบบรวบรัดและเร่งด่วน"ต่อให้เป็นเทพเซียนมีตะบะแก่กล้ามากเพียงใดเจอวิชาฝังเข็มของข้าเข้าไปมีหรือจะรอดจากการควบคุมได้"มู่ตงหยวนมองบุตรีอย่างชื่นชมสมแล้วที่เขาฝึกนางฝังเข็ม จับกระบี่ตั้งแต่สิบขวบ"ดีที่เจ้ารอบคอบส่งแม่เจ้ากลับบ้านเกิดที่หลิงเจินตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
"ช้าก่อนเพคะ" เยว่อันหนิงรีบขัดขึ้น"เหตุใดเจ้าถึงขัดประสงค์รัชทายาทเล่า""ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเดาว่าเรื่องนี้ต้องเป็นแผนบุกศึกสองด้านของคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเพคะ""ไหนลองว่ามาสิ""กราบทูลฝ่าบาทอย่างไม่ปิดบัง ตลอดเวลาเก้าปีที่หม่อมฉันหนีตายมาได้ หม่อมฉันสงสัยราชโองการของพระองค์จึงสืบหาความจริงมาตลอด จวบจนพบว่าเบื้องหลังโศกนาฏกรรมนองเลือดของสกุลเยว่คือเจ้ากรมตุลาการมู่และพระชายาในองค์ชายสามหลิงอันเซียวเพคะ""บังอาจ! กล้าใส่ร้ายโอรสกษัตริย์โทษประหารเก้าชั่วโคตร" หลี่กงกงรีบเอ่ยปกป้องราชนิกูลสวรรค์"หม่อมฉันมีหลักฐานทุกอย่าง"ฮ่องเต้มองหน้าเยว่อันหนิงอย่างพิจารณา"เจ้าช่างถอดแบบบิดาเสียจริง หลี่กงกง เจ้าไปเรียกแม่ทัพน้อยเฉินมาเข้าเฝ้าเราที""น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"หลี่กงกงรีบรุดไปทำตามคำสั่ง ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบที่ตึงเครียดกว่าเดิม"คุณหนูห้ามีแผนการหรือไม่" รัชทายาทร้อนใจกลัวว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้านกองกำลังข้าศึกไม่ไหวจึงอยากหากุนซือมาช่วยวางแผนอีกที"ข้าศึกที่บุกแดนประจิมคงเป็นกองกำลังลับของแคว้นชิงเหิงที่ใต้เท้ามู่ตงหยวนซ่อนสุมไว้""เช่นนั้นเราควรรับมืออย่างไรดี"
:: ความขมขื่นของจักรพรรดิ ::"เรื่องราวทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง"เสียงสลดอย่างสำนึกผิดดังอย่างแผ่วเบาฮ่องเต้ค่อย ๆ เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้นอย่างช้า ๆ"วันนั้นเรายังจำทุกอย่างได้ดี ซือเอ๋อร์เข้ามาหาเราที่ห้องบรรทมพร้อมกับโอสถถ้วยหนึ่ง บอกว่าพระชายาหลิงรู้ว่าเรานอนไม่ค่อยหลับจึงต้มโอสถนั้นมาให้""...""ครั้นเราดื่มแล้วก็รู้สึกมีกำลังวังชา เลือดลมในกายเดินดีกว่าปกติ หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว หูเริ่มอื้ออึง สติเริ่มประคองไม่อยู่ ร่างกายเหมือนไม่เชื่อฟังความคิดสั่งการของตัวเราเอง""...""จากนั้นม้วนกระดาษก็ถูกคลี่ลงตรงหน้า เสียง ๆ หนึ่งบอกให้เราเขียนบางอย่างลงไป""หรือว่าจะเป็นราชโองการนั้น" รัชทายาทไป๋ต่งเหลียนเอ่ยขึ้นฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ พระเนตรเศร้าหมองเหมือนจะฝ้าฟางไปด้วยมวลน้ำที่เอ่อคลอแต่ไม่อาจหลั่งออกมาได้"เรารู้สึกตัวอีกทีก็ได้รับข่าวร้ายของสกุลเยว่ไปแล้ว""หลังจากนั้นเสด็จพ่อก็ล้มป่วย สามวันดี สี่วันนอนป่วยบนเตียง เป็นเช่นนี้มาตลอดเก้าปีที่ผ่านมา"เสียงห่วงใยของไป๋ต่งเหลียนที่เล่าถึงอาการประชวรของพระบิดาดังขึ้น"คนพวกนั้นมากเล่ห์นัก ใช้องค์ชายส
"อื้อ~"ความป่าเถื่อนนี้เขาได้แต่ใดมา โชคดีที่ลูกกวาดนั้นไม่ไหลติดคอนางจนสิ้นใจแทน"อืม"เสียงคำรามอย่างพึงพอใจที่ได้ตบท้ายความขมด้วยลูกกวาดหวาน ๆ ที่หวานเป็นร้อยเท่าเมื่อลิ้มรสจากปากของคนรักอีกทีเฉินเจียนหลางบดเบียดจุมพิตเอาแต่ใจนั้นอย่างเสน่หาและเร่าร้อนความหวานจากลูกกวาดในโพรงปากนางหรือความหวานจากน้ำผึ้งแท้ของนางกันหนอที่หวานกว่ากันจนเขาเคลิ้มไหวเช่นนี้"ว้าย! ข...ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ"นางกำนัลที่นำเสื้อผ้ามาให้ตามคำสั่งของรัชทายาทรีบหันหลังอย่างรู้สึกผิดเยว่อันหนิงรีบผลักบุรุษหื่นกามออกให้ห่างกายก่อนจะเดินไปยังนางกำนัลผู้นั้น"เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที"แก้มนวลแดงปลั่ง ทั้งอายทั้งขายขี้หน้า แต่นางคงลงโทษคนเอาแต่ใจหื่นไม่เลือกที่อย่างเขาตอนนี้ไม่ได้ ทำได้เพียงหนีหน้าเขาก่อนเพื่อสงบจิตสงบใจที่เต้นรัวนี้ให้สงบลงห้องบรรทมฮ่องเต้รัชทายาทพาเยว่อันหนิงที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัลเข้ามายังห้องบรรทมของฮ่องเต้แล้ว โดยมีหลี่กงกงที่ไว้ใจได้เฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนัก"อาการเสด็จพ่อเป็นเช่นไรบ้าง"เยว่อันหนิงจับชีพจรฝ่าบาทแล้วฝังเข็มลงไปที่ศีรษะสามจุด ตรงหน้าอกสามจุดแล้วจึงลุก
:: เข้าเฝ้า ::ตำหนักบูรพา...หลังจากที่ทั้งคู่หนีออกมาจากกองเพลิงได้อย่างหวุดหวิว ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับศาลเทียนอวี่ก็พากันออกมามุงดูเพลิงไหม้ใหญ่ในครั้งนี้มู่ตงหยวนประกาศถึงการตายในกองเพลิงของแม่ทัพน้อยเฉินเจียนหลางแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าจวนสกุลเฉินตกอยู่ในสภาพโศกเศร้ากับข่าวเท็จของผู้เป็นนายน้อยของจวน"พวกเจ้าเล่นใหญ่กันแล้ว"รัชทายาทไป๋ต่งเหลียนเอ่ยตำหนิเล็กน้อยกับแผนการแกล้งตายเพื่อตลบหลังศัตรูของคู่รักคู่นี้"จักจั่นลอกคราบ"เยว่อันหนิงกล่าวขึ้นเสียงพอใจกับผลงานของแผนการแกล้งตายเพื่อเกิดใหม่ในครั้งนี้"ไม่รู้ว่าทางศิษย์พี่เจ้าจะราบรื่นหรือไม่"เฉินเจียนหลางถามขึ้นหลังจากออกมาจากศาลเทียนอวี่สำเร็จ เฉินเจียนหลางก็รีบส่งข่าวให้ทางรัชทายาททราบถึงแผนการจักจั่นลอกคราบในครั้งนี้ รัชทายาทจึงรีบให้คนสนิทจัดเตรียมรถม้ารอและพาเข้าวังมาอย่างลับ ๆนี่ก็ผ่านมาสองชั่วยามกลายเป็นสายของวันใหม่ไปแล้วแต่ยังไม่มีข่าวคราวของเสียนต้วนอี้ส่งมาเลย"ไม่ต้องห่วง ต้วนอี้เก่งเรื่องการปลอมตัว"เยว่อันหนิงเอ่ยบอก"ไม่ทราบว่ายาที่หม่อมฉันให้รัชทายาทถวายแก่ฝ่าบาททรงได้ผลหรือไม่เพคะ"เยว่อันหนิงเปลี่ยนถาม







