เข้าสู่ระบบ"เข้าไป!"
"โอ้ย!"
"ท่านแม่ น้องสามระวังด้วย" เยว่ฉินจื่อกล่าว
บัดนี้ทหารของมู่ตงหยวนได้ควบคุมตัวเยว่ฮูหยินกับเหล่าคุณชายคุณหนูทั้งห้ามาที่คุกใต้ดินของศาลเทียนอวี่ตามคำสั่งเจ้ากรมตุลาการมู่
"ข้าไม่เป็นอะไร พี่ใหญ่น้องห้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ"
เสียงคุณหนูสามเยว่จินจินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเยว่ฉินจื่อ
"น้องห้าแค่สลบ เดี๋ยวผ่านไปสักประเดี๋ยวนางก็ฟื้น"
ได้ยินบุตรชายคนโตบอกเช่นนี้ทุกคนจึงเบาใจลง
"จื่อเอ๋อร์ นั่นเจ้าหรือ"
หากแต่เสียงที่แหบแห้งแต่แสนคุ้นหูกลับดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
ทุกคนจึงมองหาต้นทางของเสียงจนพบเข้ากับห้องขังที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
แม้สภาพของคนที่ถูกล่ามข้อมือทั้งสองขึงไว้กลางห้องจะไม่น่าชม ทว่าพวกเขากลับจำได้ดีว่าคนผู้นั้นคือใคร
"ท่านพี่!"
เยว่ฮูหยินรีบถลาเข้ามาเกาะไม้ท่อนใหญ่สอดใบหน้าตรงช่องว่างที่พอให้มองเห็นภายนอกเพื่อพูดคุยกับคนที่อยู่ห้องขังตรงข้ามได้
ในใจนางเจ็บปวดรวดร้าวแทบลืมหายใจเมื่อเห็นสภาพสามีที่ไม่เหลือความสง่าของแม่ทัพใหญ่ที่น่าเกรงขาม
"ฮูหยิน ครั้งนี้ข้าทำพวกเจ้าลำบากด้วยแล้ว"
ใช่ว่าเยว่ฮูหยินจะเจ็บปวดเพียงคนเดียว คนที่ถูกหมายหัวและเป็นต้นเหตุความเดือดร้อนให้คนในตระกูลอย่างเยว่จิ้นกงกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า หากแต่สิ่งที่ได้ยินกลับมาจากภรรยาที่เขาเลือกแต่งเข้าสกุลด้วยตนเองกลับเหมือนยาดีช่วยเยียวยาความรู้สึกผิดนี้
"ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตายกับท่าน ไฉนเลยอันปิงจะเสียดายชีวิตนี้"
"ท่านพ่อ พวกข้าก็ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับท่านในครั้งนี้"
เสียงของเยว่อินกวานช่างหึกเหิมไร้ความหวาดกลัวในโทษที่ได้รับ
"พวกเจ้า...."
หากแต่ในความใจคนฟังที่ได้ยินสิ่งนั้นกลับมีความเสียใจและรู้สึกผิดปะปนมามากโข
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ สามารถปกป้องชีวิตผู้อื่นได้ แต่เหตุใดถึงไม่สามารถปกป้องครอบครัวตนเองได้เช่นนี้
"แล้วนั่น เกิดอะไรกับหนิงเอ๋อร์"
เยว่จิ้นกงเหลือบเห็นบุตรสาวคนเล็กนอนอยู่บนตักของคุณหนูสี่เยว่อิงเถาจึงถามด้วยความร้อนใจ
"น้องเล็กไม่ยอมให้จับกุม พร้อมหมิ่นราชโองการจนเกือบถูกเปลี่ยนโทษเป็นให้กลายเป็นโทษตายแทน ข้าจึงทำให้นางสลบชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยุอำนาจมืดของเจ้ากรมตุลาการมู่ตงหยวน"
"เจ้าทำถูกแล้วจื่อเอ๋อร์ ขอแค่รักษาชีวิตน้องเจ้าไว้ได้ สักวันต้องมีคนทวงคืนความบริสุทธิ์ของสกุลเยว่ได้แน่นอน"
หวังว่าจะเป็นดั่งที่บิดาพวกเขาคาดเดา
"ฮูหยิน พวกเจ้าจะถูกส่งไปที่ต่างเมือง จงทำตัวให้เหมือนคนโง่ และทำงานให้เหมือนวัวที่ทนแดดทนฝน สิ่งเหล่านี้จะช่วยพวกเจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ได้อย่างปลอดภัย" เยว่จิ้นกงกัดฟันตักเตือนฮูหยินเขาและบรรดาบุตรสาวด้วยใจที่เจ็บปวด
เพราะราชโองการจับกุมที่จวนเยว่กับที่เยว่จิ้นกงได้รับมีเนื้อความเดียวกัน ทำให้มิต้องเอ่ยถามกันให้มากความ
"ท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ยังมิได้ทดแทนบุญคุณท่านที่เลี้ยงดู" เยว่จินจินเอ่ยอย่างรู้สึกผิดบาป
เยว่จิ้นกงโคลงศีรษะเบา ๆ คลี่ยิ้มทั้งมุมปากและแววตาพร้อมเอ่ยอย่างอบอุ่น
"แค่พวกเจ้ารักษาชีวิตให้ดี เพียงเท่านี้เท่ากับทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่เจ้าแล้ว"
แม้ชีวิตนี้จะเหลือไม่กี่ชั่วยาม แต่เยว่จิ้นกงกลับไม่ร้อนรนเฉกเช่นคนทั่วไป เขายังมีสติสามารถเอ่ยเตือนสอนสั่งเหล่าบุตรีที่รอดชีวิตจากการถูกใส่ร้ายได้เป็นอย่างดี
"ท่านพี่ เหตุใดถึงมีราชโองการกล่าวว่าท่านก่อกบฎเช่นนี้เจ้าคะ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น?"
เสียงเยว่ฮูหยินค่อนข้างตกใจเมื่อนางคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ตระกูลที่จงรักภักดีมาหลายชั่วอายุคนถูกกล่าวหาอย่างไร้ศักดิ์ศรีในวันนี้
"ฮูหยิน เจ้าจงจำเอาไว้ เจ้าเป็นเพียงภรรยาที่นอนเคียงข้างข้ายามหลับ และปรนนิบัติสามียามตื่นเฉกเช่นสตรีทั่วไป ไม่รู้ ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องงานของบุรุษ"
"ข้า..."
เยว่ฮูหยินกลืนคำพูดมากมายที่อยากถามเอาไว้เมื่อเห็นแววตาสามีมองอย่างร้องขอ
"จื่อเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งที่พ่อสั่งเรียบร้อยดีใช่หรือไม่"
เมื่อเยว่ฮูหยินเงียบเสียงไปเพราะคำสั่งทางสายตา เยว่จิ้นกงจึงเปลี่ยนมาสนทนากับบุตรชายคนโตแทน
เยว่ฉินจื่อพยักหน้าตอบบิดาเมื่อเขาทั้งคู่เข้าใจตรงกันว่าบิดาหมายถึงเรื่องอันใด
"เรียบร้อยดีขอรับ"
"ดี ดีมาก"
แม้จะใช้เวลาฉิวเฉียดกับขบวนของศาลเทียนอวี่ที่เดินทางมาจวนสกุลเยว่ แต่เพียงแค่เฉินปู้เกาได้ของสิ่งนั้นไป เยว่จิ้นกงก็ตายตาหลับได้แล้ว
"มีคนมา"
หากแต่สองพ่อลูกคุยกันยังไม่ทันได้สั่งเสียอันใดต่อ เสียงฝีเท้าของทหารกลุ่มหนึ่งกลับมุ่งหน้ามาทางนี้ก่อน
"เปิดประตู นำตัวนักโทรประหารทั้งสามออกมา"
เสียงหัวหน้าองครักษ์แห่งศาลเทียนอวี่สั่งลูกน้องที่ติดตามมาด้วย
คนยศน้อยกว่ารีบสะเดาะกุญแจเหล็กกล้านำคุณชายใหญ่และคุณชายรองรวมถึงเยว่จิ้นกงออกมาจากคุกทันที
"พวกท่านจะพาสามีกับบุตรข้าไปทีใด"
เยว่ฮูหยินใจสั่นรัว นางหวาดหวั่นเหลือเกินว่าจะได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมา
"เจ้ากรมตุลาการมู่ทูลขอเร่งเวลาประหารนักโทษแผ่นดินทั้งสามเป็นยามนี้แทน"
หัวใจของภรรยาที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและบุตรไปพร้อมกันถึงสามคนแตกสลาย เยว่ฮูหยินเป็นลมล้มพับสิ้นสติภายในคุกทันทีที่หัวหน้าองครักษณ์ศาลเทียนอวี่แจ้งจบ
"เหตุใดใต้เท้ามู่ถึงได้อยากเร่งประหารท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองเช่นนี้ หรือว่ากลัวจะมีคนสืบเรื่องใส่ร้ายนี้แจ้งกระจ่างก่อน"
คุณหนูสามเยว่จินจินทนไม่ไหวที่จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวร้ายกว่าเดิมเมื่อการประหารเลื่อนเวลามาในตอนนี้จึงพูดจาเหน็บแนมออกไป
"นั่นสิเจ้าคะ ตะวันเพิ่งจะลาลับท้องฟ้า เหลือเวลาอีกตั้งสี่ชั่วยามถึงจะถึงกำหนดพิธี หากใต้เท้ามู่มิกลัวสิ่งใดผิดพลาด เหตุใดถึงได้เร่งทูลขอราชโองการใหม่จากฝ่าบาทเร็วเช่นนี้"
คุณหนูสามเยว่อิงเถาทนไม่ไหวเช่นกัน นางพูดจาประชดประชันด้วยสุ้มเสียงแข็งกระด้าง ทำเอาเยว่จิ้นกงบิดาถึงกับตำหนิเสียงดุกลับมา
"พวกเจ้าพอได้แล้ว จะช้าหรือเร็ว โทษประหารก็มาถึงอยู่ดี"
สิ้นเสียงห้ามปรามของเยว่จิ้นกงจบลง สตรีทั้งสองนางที่ยังมีสติรับรู้เรื่องราวตอนนี้ถึงกับน้ำตาหลาก
ในใจพวกนางแหลกสลายกับการจากลาที่ไม่มีวันหวนคืนของบิดาและพี่ชาย
เยว่จินจินโผเข้ากอดเยว่อินกวานที่อยู่ใกล้นาง ส่วนเยว่อิงเถาถลาเข้ากอดพี่ใหญ่เยว่ฉินจื่อพร้อมน้ำตามากมายที่ไหลอาบชุดนักโทษสีขาวจนเป็นคราบ
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







