เข้าสู่ระบบ"ชาตินี้วาสนาพวกข้าน้อยนัก พวกเจ้าจงใช้ชีวิตที่เหลือเผื่อพวกเราด้วย เข้าใจหรือไม่"
เสียงสั่งลาของเยว่ฉินจื่อไร้การสั่นเครือใด ๆ เขากล่าวต่อน้องสาวทั้งสองที่มีสติด้วยเสียงเรียบเฉยราวการก้าวออกจากประตูคุกไปแล้วจะไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้น
"พี่ใหญ่ พี่รอง"
เยว่อันหนิงที่ค่อย ๆ ฟื้นขยับริมฝีปากเรียกพี่ชายทั้งสองที่นางมองเห็นเป็นอันดับแรก หากแต่น้องเล็กสุดที่เพิ่งลืมตาได้ยังไม่ทันหายใจหายคอทั่วท้องก็ถูกเยว่ฉินจื่อจับยาลูกกลอนยัดเข้าปากเพื่อให้นางสลบอีกหน
"พี่ใหญ่นั่นยาอันใดหรือเจ้าคะ"
เยว่อิงเถาตกใจที่จู่ ๆ น้องเล็กก็ถูกจับกรอกยาแล้วสลบไร้สติต่อ
"มิต้องห่วง นี่คือยาสงบใจ จะช่วยให้หนิงเอ๋อร์หลับสบายยาวขึ้นจนถึงรุ่งสาง"
พอได้ยินเช่นนี้สตรีทั้งสองนางก็โล่งอก
เป็นเช่นนี้ดีแล้วเพราะพวกนางก็ไม่รู้จะรับมือกับน้องเล็กผู้นี้เพียงลำพังสองคนได้เช่นไร
"ร่ำลากันพอหรือยังใกล้จะเลยฤกษ์แล้ว!"
เสียงดุดันของหัวหน้าทหารที่ด้านนอกประตูคุมขังดังขึ้น
แววตาพวกเขาไร้อารมณ์สงสารกับภาพครอบครัวที่ต้องลาจากกันชั่วชีวิตสักนิด
เยว่จินจินกับเยว่อิงเถานั่งลงกับพื้น สองมือประสานทับกันก้มศีรษะโขกพื้นเพื่อเป็นการร่ำลาพี่ชายทั้งสอง จากนั้นจึงทำเช่นเดิมเพื่อร่ำลาบิดาอย่างเยว่จิ้นกงที่ยืนรอบุตรชายทั้งสองอยู่หน้าห้องขังอีกฝั่ง
"ข้าน้อมส่งท่านพ่อ หากชาติหน้ามีจริง ขอได้ทดแทนบุญคุณท่านเจ้าค่ะ"
สองเสียงของคุณหนูเยว่ประสานกัน ก้อนสะอื้นปลายหางเสียงทำคนฟังเจ็บปวดหัวใจแต่กลับอดกลั้นทำเข้มแข็ง
"ท่านแม่ ลูกกราบลาท่านตรงนี้ ขอให้ท่านรักษาชีวิตรอดพ้นคนชั่ว"
เยว่ฉินจื่อและเยว่อินกวานคำนับลามารดาที่ยังนอนสลบอยู่ที่พื้น น้ำตาบุรุษจะหลั่งง่ายดายได้เช่นไร กลับกันในใจพวกเขาต่างหากที่ร่ำไห้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สายตาสองคู่มองน้องสามน้องสี่และจบลงที่น้องเล็กสุดด้วยความอาวรณ์
"ไปได้แล้ว!"
เสียงทหารด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาเริ่มรำคาญและหงุดหงิดใจที่จะชมละครบทเศร้าตรงหน้าอีกต่อไป
"พี่ใหญ่ พี่รอง"
"ท่านพ่อ"
เสียงร้องไห้ของเยว่จินจินกับเยว่อิงเถาดังระงมก้องไปทั่วทั้งคุกใต้ดินปานคนจะขาดใจตาย
"พวกเจ้าเองก็รีบเก็บแรงไว้เถิด มือสังหารบั่นหัวพ่อกับพี่ชายเจ้าเสร็จก็เป็นเวลาเนรเทศของพวกเจ้าและบ่าวไพร่แล้ว"
สุ้มเสียงทหารนายนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยความสุขบนความโศกาของผู้อื่นยิ่งนัก
เยว่จินจินถลาเข้ากอดก่ายกับน้องสี่ของนางด้วยตัวสั่นเทา
"พี่สาม ข้ากลัว"
ไม่บอกนางก็รู้ว่าตอนนี้น้องสี่กำลังรู้สึกเช่นไร เพราะตัวนางเองก็กลัวไม่แพ้กัน แต่เมื่อครู่บิดาสั่งเสียไว้แล้วว่าต้องกล้าหาญเผชิญกับอุปสรรคที่กำลังจะเข้ามาให้ได้ ตอนนี้เหลือเพียงเยว่จินจินเป็นพี่ใหญ่สุดแล้ว นางจะแสดงความอ่อนแอให้น้อง ๆ เห็นได้เช่นไร
"ไม่ต้องกลัว ๆ เราต้องผ่านมันไปได้"
มือบางแสนสั่นเทาเอื้อมขึ้นลูบเส้นผมของเยว่อิงเถา ริมฝีปากบางสั่นทีไรนางจำเป็นต้องกัดเนื้ออ่อนด้านในปากให้ปริแตกเพื่อกลั้นก้อนสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาสั่นขวัญคนที่อยู่ในอ้อมกอด
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูปทหารชุดใหม่ก็เข้ามา
"แยกเยว่ฮูหยินออกมาไปรวมกับกลุ่มอนุและพวกข้ารับใช้ฝั่งนู้นเตรียมตัวเนรเทศ"
เสียงสั่งการของหัวหน้าทหารดังก้องเหมือนมีดกรีดแทงใจคนฟัง
"ท่านแม่ข้ายังมิได้สติ รอให้ท่านฟื้นก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ"
เยว่จินจินเข้าไปขวางทหารที่เข้ามาเตรียมนำตัวมารดาออกไปตามคำสั่งผู้คุมใหญ่
"ต่อให้ตอนนี้เยว่ฮูหยินเหลือเพียงร่างกายก็ไม่ละเว้น"
"โอ้ย!"
ร่างเยว่จินจินกระเด็นออกมาชนเข้ากับท่อนไม้ใหญ่ที่ใช้แบ่งเขตของห้องคุมขังจนหัวไหล่บางเจ็บแปลบ หากแต่นางกลับไม่ห่วงตัวเอง รีบถลาเข้าไปรั้งมารดาที่ถูกลากออกไปราวเป็นสิ่งของเอาไว้
"ข้าขอร้อง... ช่วยใช้เปลหามท่านแม่ได้หรือไม่ อย่างน้อยท่านแม่ก็เคยเป็นถึงฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ที่สร้างคุณงามความดีให้แก่บ้านเมืองมามากมาย"
ในเมื่อยื้อยุดร่างมารดากับทหารตัวใหญ่ไม่ไหว เยว่จินจินจึงได้แต่อ้อนวอนให้พวกเขาเห็นใจ อย่าได้ลากถูมารดานางราวกับเป็นผักปลาเช่นนี้เลย
"ทหาร หามเยว่ฮูหยินออกไปผูกกับรถม้า!"
คราแรกได้ยินรู้สึกใจชื้น แต่พอประโยคหลังจะผูกมารดากับรถม้าเยว่จินจินทรุดฮวบลงกับพื้นใจแทบแตกสลาย
คนพวกนี้มิใช่คน!
พวกเขาไม่สงสารมนุษย์ร่วมโลกด้วยกันมิพอ ยังกลั่นแกล้งคนที่ตกต่ำกว่าเพื่อความสนุกของตนเอง
"ส่วนพวกเจ้า รออีกหนึ่งถ้วยชาจะมีทหารอีกกองนำตัวไปยังแคว้นเสียนหย่ง"
สิ้นคำกล่าวนั้น เยว่ฮูหยินก็ถูกพาตัวออกไปรวมกลุ่มกับพวกอนุและข้ารับใช้ที่รออยู่ด้านนอก ทิ้งให้คุณหนูทั้งสองกอดน้องเล็กสุดเอาไว้แล้วปล่อยโฮออกมาจนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือด
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







