LOGINเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินตามหลังฉันมา ทำให้ฉันต้องเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นขณะที่หัวใจก็เต้นแรงโครมคราม พอฉันชะลอฝีเท้าลง คนที่เดินตามหลังก็ทำตาม ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่รีบหันหลังกลับไปดูก็เห็นเป็นผู้ชายคนนั้น นายโรคจิตเตชินทร์นั่นเอง
“นายจะเดินตามฉันทำไม” ลีอาพูดกระชากเสียงใส่เขาด้วยความไม่พอใจ พอตั้งท่าจะเดินหนี เขาก็เดินมาขวางทางไว้
“นาย? ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ ไหนเรียกใหม่ซิ” เตชินทร์ยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินสรรพนามใหม่ที่เธอใช้เรียกเขาพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เธอ
“พะพี่เลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม” เธอพูดออกไปเบาๆ พยายามจะเบี่ยงตัวหลบและพยายามเดินเลี่ยงเขาไปอีกทางแต่ก็โดนคนตัวโตบังไว้มิด
“จะกลับบ้านเหรอ ฉันไปส่งไหม?”
“ไม่ ฉันจะกลับเอง หลีกทางด้วยค่ะ” เธอพูดเสียงดังขึ้น ยิ่งเห็นเขาทำหน้ามึนใส่ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ฉันจะไปส่ง”
“ไม่”
“จะยอมไปด้วยกันดีๆ ไหม” ชินเอื้อมมือขึ้นมาจับแขนเธอไว้แน่น
“พี่ชิน!!” ลีอาเรียกเขาเสียงดังขึ้นพยายามสะบัดมือเขาออกแต่ก็เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย เธอหันไปมองรอบๆ ตัวกลัวจะมีใครมาเห็นแม้เธอจะเดินออกมาจากคณะแล้วก็ตาม
“ถ้าไม่ยอมไปก็ยืนอยู่แบบนี้แหละ”
“ฮึ่มม..ปะไปก็ได้” เธอสะบัดเสียงตอบและทำหน้าหงิกหน้างอด้วยความไม่พอใจ ขยับเท้าจะก้าวไปข้างหน้าต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือเขาดึงรั้งต้นแขนของเธอไว้
“…”
“จะไปไหน? รถจอดอยู่ที่ด้านหลังคณะ”
“…” ลีอาพยักหน้าตอบเขา สายตามองตามแผ่นหลังของคนตัวสูงที่เดินนำไปก่อนแล้ว เธอรีบสาวเดินตามเขาไปเงียบๆ
บรรยากาศในรถที่เงียบเชียบสร้างความอึดอัดให้เธอไม่น้อย ลีอาชำเลืองสายตามองดูใบหน้าด้านข้างของเตชินทร์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนสายตาหนีเมื่อเขายกยิ้มมุมปากพร้อมกับหันมามองหน้าเธออย่างรู้ทัน
“เลี้ยวซอยนี้ เอ่อ..บ้านหลังสีขาวหลังนั่นค่ะ”
“อยู่กับอาพิมพ์แค่สองคนเหรอ?” เขามองตามมือเล็กที่ชี้บอกทาง สายตามมองบ้านหลังสีขาวสองชั้นขนาดกลางๆ ที่ตั้งอยู่เกือบท้ายซอย
“…”
รถยนต์หรูเคลื่อนมาหยุดจอดตรงหน้าบ้าน เตชินทร์หันมามองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไร แถมยังทำเมินเขาอีก ดูอาการเธอก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ยังไม่ทันจะพูดถามอะไรต่อร่างบางก็รีบเปิดประตูรถออกไปโดยที่ไม่เอ่ยขอบคุณอะไร พอเห็นแบบนั้นเขาก็เปิดประตูรถออกและเดินตามเธอไปทันที พอลีอาเห็นว่าชายหนุ่มเดินตามมาก็รีบปิดประตูรั้วหน้าบ้านทันที
“หึ..เธอจะกลัวอะไรฉันขนาดนั้น อุตส่าห์ขับรถมาส่ง ขอบคุณสักคำก็ไม่มี” เตชินทร์มองหน้าเธอเขม็งเมื่อคนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีและเตรียมตัวจะเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่สนใจคำพูดเขาเลยสักนิด
“ฉันจะบอกอาพิมพ์ว่าเธอทำกิริยาท่าทางแบบนี้ใส่ฉัน แม่เธอต้องไม่พอใจแน่ๆ ”
ร่างบางสะดุดกึกก่อนจะหันหน้ามาจ้องหน้าเขาเขม็ง ผู้ชายคนนี้ตั้งใจจะกวนประสาทเธอ ทำไมเขาต้องคอยตอแยเธอด้วยนะ เพราะฉันรู้เรื่องของเขากับพี่มิล่าเหรอไง พอคิดได้แบบนั้นเธอก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันหิวน้ำ..อยากดื่มน้ำเย็นๆ ”
“ดะเดี๋ยวไปเอามาให้”
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำด้วย”
“ฮึ้ย!! เรื่องมากจริง” ลีอาบ่นพึมพำออกมาด้วยความรำคาญ ร่างบางเดินไปไขกุญแจประตูรั้วบ้านออกและเปิดประตูให้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน
ชายหนุ่มเดินตามคนตัวเล็กเข้ามาในบ้าน รอยยิ้มกระตุกขึ้นบนริมฝีปาก สายตามองไปรอบๆ บริเวณบ้านก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ เขากวาดสายตามองสำรวจภายในบ้านที่จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาสีเขียวมิ้นตรงมุมห้อง บรรยากาศภายในบ้านที่เงียบสนิททำให้เตชินทร์รู้ได้ทันทีว่าพวกเธออยู่กันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น
สักพักคนตัวเล็กก็เดินถือขวดน้ำเย็นออกมาจากในบ้าน เขาอมยิ้มขำๆ กับสีหน้าหงิกงอของลีอา ดูก็รู้ว่าเธอคงอย่างไล่เขากลับเต็มที
“อาพิมพ์ยังไม่กลับเหรอ”
“….ยังค่ะ พี่ดื่มน้ำเสร็จแล้วก็กลับเลยได้ไหม”
ลีอาชะงักคอแข็งไปกับคำถามของเขา ถ้าเป็นคนอื่นพูดเธอคงไม่รู้สึกอะไรแต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ เขาถือเป็นบุคคลอันตรายสำหรับเธอและควรอยู่ให้ห่างจะดีที่สุด เธอรู้สึกไม่สบายใจแถมยังรู้สึกกลัวเขาด้วย ขนาดคืนนั้นเขายังกล้าลวนลามเธอเลย แล้วตอนนี้ก็ยังต้องมาอยู่ในบ้านสองต่อสองกับเขาอีก เธอก็ไม่รู้ว่าแม่จะกลับมากี่โมงเพราะช่วงนี้แม่กลับบ้านดึกมาเกือบๆ อาทิตย์แล้วเพราะต้องอยู่ทำโอที
เตชินทร์วางขวดน้ำลงบนโต๊ะก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืน เขาสาวเท้าเดินเข้าหาเธออย่างช้าๆ ขณะที่หญิงสาวก็ผละตัวออกและเดินถอยร่นไปข้างหลังเรื่อยๆ ดวงตากลมโตนั้นสั่นระริกด้วยความกลัว แค่เห็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกใจเต้นแบบแปลกๆ พยายามกลั้นขำเต็มที่ขณะที่โน้มใบหน้าเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เดินถอยร่นจนแผ่นหลังติดผนังห้อง พลางยกมือข้างหนึ่งออกมายันผนังไว้เมื่อเธอทำท่าจะเบี่ยงตัวออกห่าง ลมหายใจร้อนเป่ารดตรงซอกคอของเธอจนรู้สึกขนลุกขนพองขณะที่หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ลีอาเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าเขาเขม็ง ตอนนี้ใบหน้าเขาอยู่ห่างจากเธอแค่คืบเท่านั้น
“พะพี่ชินจะทำอะไร” เธอพูดเสียงสั่น
“พี่..ปวดฉี่ ห้องน้ำไปทางไหน?” เขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูเล็ก
“ตะตรงมุมห้อง” เธอรีบพูดตอบทันที
“อืม” เตชินทร์ยกยิ้มมุมปาก เขาขยับตัวออกหาจากเธอก่อนจะเดินตรงไปห้องน้ำ
หญิงสาวมองตามหลังชายหนุ่มไป มือเล็กยกขึ้นมากุมหน้าอกไว้เบาๆ ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงมากแถมใบหน้ายังร้อนผ่าวไปหมด ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะจูบเธอแต่ก็ยังดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบที่เธอคิด
‘…ผู้ชายคนนี้จงใจจะแกล้งและปั่นหัวฉันเล่นชัดๆ เขาเป็นคนที่นิสัยแย่จริงๆ ...’ ฉันคิดในใจขณะที่รีบเดินออกมาจากตรงนั้น
ลีอาไม่ได้สนใจว่าเขาจะเดินออกมาจากห้องน้ำตอนไหน ร่างบางรีบเปิดประตูห้องออกและไปยืนรอตรงด้านนอกของบ้าน ขืนเธอยังอยู่ในบ้านกับเขาอีกมีหวังคงจะโดนทำมิดีมิร้ายแน่นอน
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เผื่อแผ่เลือดให้ยุงกินเหรอ?” เตชินทร์อมยิ้มขำๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยยืนตบยุงอยู่หน้าบ้าน
“เมื่อไหร่พี่จะกลับ”
“หิวข้าว” เตชินทร์ทำหน้ามึนใส่คนตัวเล็ก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูเวลาและกดหาเบอร์โทรเพื่อจะสั่งอาหาร
“ก็ไปกินสิ”
“สั่งอาหารมากินกัน ฉันหิวแล้ว หึ..จะยืนให้ยุงมันกัดอยู่แบบนั้นก็ตามใจ” เขาเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน รอยยิ้มกระตุกขึ้นมุมปากเมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กบ่นพึมพำพร้อมกับเดินตามหลังเขามา
สุดท้ายฉันก็ต้องจำใจนั่งทานข้าวกับผู้ชายคนนี้จนได้ ระหว่างนั้นก็มีสายโทรเข้าเครื่องของเขาไม่หยุดจนเขาต้องกดปิดเสียงและก็นั่งทานข้าวต่อจนอิ่ม เกือบสองทุ่มเขาก็กลับออกไปจากบ้าน ฉันไม่เข้าใจการกระทำของผู้ชายคนนี้เลย ฉันถอนหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดใจและเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำธุระส่วนตัวของตัวเอง
ฉันนั่งมองดูกิจกรรมรอบกองไฟที่ดำเนินไปเรื่อยๆ มีพวกเกมต่างๆ ให้รุ่นน้องรุ่นพี่ได้ทำร่วมกัน ทุกคนดูสนุกสนานและผ่อนคลาย เป็นการหลวมละลายพฤติกรรมและสร้างความสนิทสนมกลมเกลียวของรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะได้เป็นอย่างดี ปราศจากการรับน้องรุนแรงเหมือนที่ฉันเคยเห็นตาตามโซเชียลต่างๆ นับว่ากิจกรรมเข้าค่ายในครั้งนี้ได้บรรลุจุดประสงค์ของมันแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสามชั่วโมงเต็มหลังจากจบกิจกรรมช่วงเวลาสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงนั่นก็คือการสังสรรค์ดื่มกินกันตามอัธยาศัยตอนแรกฉันรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นพวกเพื่อนๆ ของเตชินทร์เข้ามารวมกลุ่มทำกิจกรรมด้วย แต่พอผ่านไปสักพักก็ยังไม่เห็นวี่แววแม้แต่เงาของคนที่ฉันไม่อยากเจอ เตชินทร์คงอยู่กับพี่มิล่าเพราะในกลุ่มเพื่อนสนิทของพวกเขาขาดแค่สองคนนี้เท่านั้น พอคิดได้แบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมากความง่วงทำให้ฉันเหลือบมองเวลาบ่อยครั้งและเวลาตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว แต่ละคนก็เริ่มมีอาการมึนเมารวมถึงกลุ่มเพื่อนๆ ของฉันด้วยเหมือนกัน เพราะฉันคออ่อนถึงได้ไม่ดื่มเบียร์มากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ
Rrrrrr.. Rrrrrr..เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นไม่หยุดทำให้ลีอาละความสนใจจากพวกอาหารที่เพิ่งยกมาวางไว้บนโต๊ะ ทันทีที่รู้ว่าใครโทรมาหัวใจดวงน้อยก็กระตุกสั่นไหวด้วยความตื่นกลัว มือก็เผลอกดตัดสายทิ้งอัตโนมัติ เสียงโทรศัพท์เงียบหายไปได้สักพักแต่กลับมีข้อความส่งเข้ามาในเครื่องแทน‘ถ้าโทรไปอีกครั้งไม่รับสาย คงรู้แล้วใช่ไหมว่าจะโดนอะไรบ้าง’“ไอ้คนบ้า!” ฉันสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ดวงตากลมโตแลมองไปรอบๆ ก็เห็นเตชินทร์ที่ยืนมองมาทางฉันเขม็งยังไม่ทันคิดว่าจะทำยังไงดีเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรัวๆ ฉันมองโทรศัพท์ในมืออย่างลังเลแต่ก็กดตัดสายทิ้งไปในที่สุดพลางหันไปมองหน้าใยไหมที่มองการกระทำของฉันด้วยความสงสัยผู้ชายร้ายกาจที่ยืนมองอย่างสงบนิ่งอยู่เริ่มขยับตัวเดินตรงดิ่งมาหา ฉันไม่ได้เดินหนีไปไหนได้แต่ยืนนิ่งๆ ทำงานของตัวเองไป พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแม้ในใจจะอดหวาดหวั่นไม่ได้ เดินหนีดูออกจะอันตรายเกินไปถ้าเกิดอยู่ในที่ปลอดค
พอถึงเวลาบ่ายสองโมงครึ่งพวกรุ่นพี่ปีสองและปีสามก็ให้รุ่นน้องปีหนึ่งมารวมกลุ่มกันตรงลานด้านหลังของโรงแรม รุ่นพี่ชายหญิงหลายคนกำลังพูดสั่งงานรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่ตรงหน้าแถว“พวกน้องผู้ชายไปเตรียมงานที่ชายหาดนะคะ ส่วนพวกน้องผู้หญิงก็ช่วยกันเตรียมพวกอาหารเครื่องดื่มสำหรับกิจกรรมรอบกองไฟริมชายหาดค่ำนี้นะคะ” เสียงหวานใสของรุ่นพี่ปีสองพูดปิดท้ายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเองเพื่อนทุกคนรู้แล้วว่าฉันกับกราฟฟิกตกลงคบกัน จะมีก็แต่ใยไหมกับพิชชี่ที่ทั้งแปลกใจระคนสงสัยแต่ก็ไม่ตื๊อถามอะไรมาก จากสีหน้าที่แสดงออกของพวกเธอทั้งสองคนดูจะไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ว่าฉันจะคบกับกราฟฟิกจริงๆ ที่พวกเธอทั้งคู่ไม่เชื่อก็ไม่น่าแปลกใจหรอกเพราะพิชชี่เคยถามฉันมาก่อนหน้านี้แล้ว และฉันก็บอกเธอไปว่าไม่ได้คิดอะไรกับกราฟฟิกแบบนั้นฉันกับกราฟฟิกไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร กลับยิ่งอยากเปิดเผยให้เพื่อนๆ และคนอื่นรับรู้ด้วยซ้ำว่าเราทั้งคู่คบกันเล่นละครก็ควรจะให้มันสมจริงสมจังที่สุดถึงจะตบตาใครต่อใครได้สนิท.. 
“เชิญครับ” กราฟฟิกเอ่ยบอก สายตาเหลือบมองใบหน้าของรุ่นพี่ปีสามและสาวสวยที่หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามที่ว่างอยู่เตชินทร์ปรายสายตามองใบหน้าเรียบเฉยของคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตากินขนมในจานของตัวเองเงียบๆ ท่าทางเฉยเมยนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ดวงตาคมเข้มมองจ้องหน้ารุ่นน้องหนุ่มที่ส่งยิ้มมาให้ตามมารยาทในใจเขารู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกนั้นออกมา ดวงตาคมเข้มยังคงมองจ้องลีอาไม่ละสายตา“พี่ชินมาด้วยเหรอครับ แล้วพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ มาด้วยไหม”“มาสิ แต่อยู่ที่โรงแรม ..เรามากันแค่สองคนเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอก ดวงตาคมเข้มจับจ้องใบหน้าหวานและริมฝีปากสีแดงธรรมชาติที่เม้มเข้าหากันแน่นสนิท เตชินทร์ไม่ได้สนใจว่ามิล่าที่นั่งอยู่ข้างๆ จะตวัดสายตาขึ้นมองดูเขาด้วยความรู้สึกยังไง ถึงเธอจะรู้สึกยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขามิล่ามองตามสายตาของเตชินทร์ ถึงจะไม่ชอบใจที่เขาให้ความสนใจลีอาเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่อยากแสดงอาการหึงหวงไม่พอใจนั้นอ
ผมจัดการถอดกางเกงและบ็อกเซอร์ออกอย่างรวดเร็ว ลูกรักผมมันตื่นตั้งแต่เห็นก้นขาวๆ ของลีอาแล้ว มือทั้งสองจับเรียวขาคู่งามแยกกว้างจนเห็นกลีบเนื้ออวบอูมที่แย้มบานออกจากกัน ส่งนิ้วร้อนออกไปลูบคลำบดคลึงเม็ดเล็กเหนือร่องเล็กสีหวานเล่นช้าๆ บดคลึงจุดเสียวนั้นเล่นย้ำๆ สายตามมองดูสะโพกกลมมนนั้นบิดเร่าสู้นิ้วมือ ร่างกายเธอมันซื่อสัตย์กว่าเจ้าของมันเสียอีก ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นน้ำหวานไหลเยิ้มออกมาจนกลีบเนื้อบางมันวาว อดใจไม่ไหวก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปลิ้มชิมความหวานซ่านลิ้นนั้นอย่างกระหายอยาก ยิ่งร่างบางดิ้นพล่านหนักผมก็ยิ่งตะโบมดูดเลียมันแรงขึ้น“อ๊า” ริมฝีปากเล็กสกัดกั้นอารมณ์ซ่านเสียวเอาไว้ไม่อยู่ สะโพกกลมมนยกลอยเด่นขึ้น ขยับเข้าหาลิ้นร้อนอย่างร่านร้อนผมรับรู้ถึงแรงบีบรัดจากภายใน ลิ้นร้อนดูดเลียน้ำหวานจากร่องเล็กจนหมด ลีอาใกล้เสร็จแล้วแต่ผมไม่ยอมให้เธอเสร็จง่ายๆ แน่ ผมจับแก่นกายที่แข็งผงาดจนปวดหนึบขึ้นมาชักรูดเบาๆ จับมันจ่อลงปากทางเข้า ถูไถสัมผัสความนุ่มลื่น ยั้งใจไม่กระแทกมันเข้าไปเร็วนัก ค่อยๆ สอดใส่มันเข้าไปแค่ส่วนหัวและชักออกท
ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและหยุดยืนอยู่หน้ากระจกเพื่อสำรวจใบหน้าของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เพราะผิวที่ขาวจัดมันทำให้เห็นรอยแดงชัด ขืนฉันออกไปเจอเพื่อนๆ ในสภาพแบบนี้คงไม่ดีแน่ พิชชี่กับใยไหมต้องซักไซ้ถามไม่หยุดว่าหน้าฉันไปโดนอะไรมา สายตามองดูรอยแดงเป็นริ้วจางๆ บนใบหน้าตัวเอง พอใช้แป้งพัฟเด็กทาทับลงไปบนรอยแดงพวกนั้นก็ยังเห็นชัดอยู่ดี ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพิชชี่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายจะไม่เข้าเรียนวิชานี้และจะกลับบ้านเลย เราส่งข้อความคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ฉันจะเดินออกมาจากในห้องน้ำฉันนั่งรถแท็กซี่กลับมาบ้านอย่างคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดินเข้าไปในห้องครัวหยิบก้อนน้ำแข็งในช่องพรีซมาใส่ชามใบเล็กก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาห่อก้อนน้ำแข็งไว้แล้วเอามันมาประคบแก้มข้างซ้ายไว้เพื่อจะให้รอยแดงมันจางลงไวๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรกับรอยเล็กน้อยแค่นี้แต่รู้สึกเจ็บใจมากกว่า แต่น่าแปลกที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดแต่ลึกๆ กลับรู้สึกโล่งใจมากกว่าแทนเตชินทร์ไม่ได้โทรมาหลังจากเกิดเรื่อง เขาดูแคร์พี







