LOGINช่องทางรักฉ่ำแฉะเปียกลื่นตอดรัดแน่นด้วยความที่หญิงสาวยังไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทลึกซึ้งกับใคร ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสร้างความปั่นป่วนไม่น้อยให้กับเขา
“เบา ๆ ค่ะพี่กรณ์ มุกเจ็บ อะ!...อื้อ...อืม” เสียงหวานกระเส่าแหบพร่าร้องครวญครางพยายามปัดป้องไม่ให้เขากัดตรงยอดถันพลางขยับสะโพกถอยหนีท่าเดียวแต่ร่างแกร่งกลับตามติดไม่ยอมถอย
“เดี๋ยวเธอจะชอบ ไม่ต้องกลัวรู้ไหม ฉันไม่รุนแรงกับเธอหรอก ขอแค่เธอไว้ใจฉัน” รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าคมเข้ม ชายหนุ่มตอกอัดกระแทกแกนกลางด้วยความกระสันอยากหนักหน่วงร้อนรุ่มเมามันในรสสวาท
“อื้ม ไม่ไหว...” เสียงร้องครางของพงษ์ปกรณ์ดังลั่นเมื่อทุกอย่างดำเนินไปจนสุดปลายทางแห่งความปรารถนา ความหฤหรรษ์ที่แปลกใหม่ทำให้ร่างอรชรบนเตียงสลบไสลซุกซบใต้ผ้าห่ม
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง มุกรดาปรือตาแต่ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ หนังตาจะปิดลงเสียให้ได้พยายามพยุงกายฝืนลุกขึ้นนั่งผมเผ้ารุงรังปรกหน้ารู้สึกปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย รอยจ้ำแดงเป็นหย่อม ๆ ตามแอ่งชีพจร รอยเขี้ยวคมของหนุ่มหล่อที่ขับเคลื่อนบนกายตนยังเด่นชัด นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนมันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวแทบไม่ทัน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทีเดียวเป็นต้นเหตุให้ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ใช่สิ...ความหล่อเหลาของเขาต่างหากเล่า
ถึงมันจะเป็นครั้งแรกของเธอ สิ่งที่หวงแหนมาตลอดชีวิต อยากเก็บไว้ให้คนที่รักได้เชยชม ทว่าเธอกลับหยิบยื่นให้กับเขาผู้ชายที่เจอหน้ากันแค่สามครั้งด้วยเวลาอันน้อยนิด ใคร ๆ อาจจะคิดว่าอาชีพที่ทำอยู่คงหนีไม่พ้นเรื่องอย่างว่าหรือเจนจัดมากประสบการณ์ แต่เปล่าเลยไม่เคยมีใครได้ล่วงเกินเธอเลยแม้แต่คนเดียว
“บ้าที่สุด โง่จัง คงไม่มีใครโง่เท่าแกแล้วนังมุก” มุกรดาบ่นพึมพำพลางพ่นลมเป่าผมที่ปรกหน้าให้พ้นลานสายตาเหลือบแลกวาดไปทั่วห้อง ว่างเปล่าไร้เงาของเขา พลางเหยียดยิ้มสมเพชกับชีวิตตนเองใครมันจะอยากจริงจังกันเล่า ถ้าแม่รู้คงจะโดนด่าเปิดเปิงเป็นแน่และรู้ด้วยแม่จะด่าว่าอะไร
“นังมุก! แกจะฝันเฟื่องไร้สาระเกินไปแล้ว หน็อยแน่...นังนี่แกคิดเหรอว่าผู้ชายหล่อ รวย มันจะให้ค่าหรือสนใจคนจน ๆ อย่างแก ที่สำคัญเรียนจบแค่ม.หก อย่างต่ำก็แค่ไอ้พวกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อนไอ้เชิดพี่แกนะแหละ ถุย...นังนี่ไม่สำเหนียกตัวเองเลย”
เสียงแหบ ๆ ของแม่ยังคงดังกึกก้องในหัวเพื่อตอกย้ำสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เสื้อผ้าของมุกรดายังคงกองกระจัดกระจายบนพื้นพลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว น่าอายชะมัด เมาจนขอนอนกับเขาเพราะภาพลวงตาของผู้ชายที่ชื่อ พงษ์ปกรณ์ วรนัยอัตถะวิกรม หรือพี่กรณ์ เป็นเหตุแท้ ๆ สุดท้ายความสาวก็ถูกพรากแต่ความแปลกใหม่ รอยเขี้ยวคม รอยจ้ำแดงทั่วร่างยังคงตราตรึง ภาพกิจกรรมเร่าร้อนระหว่างกันยังคงไหลวนในมโนภาพ พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวและตระหนักถึงความเป็นจริง
ดวงตาเรียวสวยเหลือบแลเห็นเช็คเงินสดใบหนึ่งวางบนโต๊ะข้างเตียงโดยมีโทรศัพท์ของเธอวางทับอีกที มุกรดาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาเมื่อเห็นจำนวนเงินถึงกับตาเบิกกว้าง
“หนึ่งแสนบาท บ้าไปแล้ว หมื่นเดียวฉันก็ว่ายังพอไหว นี่ตั้งแสน” มุกรดาเหยียดยิ้มเบ้ปากรู้สึกสมเพชตัวเองยิ่งนักพลันขบเม้มริมฝีปากรวบรวมสติสลัดความกังวลทิ้งไปกำเช็กใบนั้นแน่นจนเส้นเลือดเส้นเล็กบริเวณหลังมือปูดโปน
เธอโง่เองสินะ คิดว่าโลกใบนี้จะยุติธรรมกับเธอบ้าง แต่เปล่าเลย โลกก็ยังโหดร้ายเช่นเดิม
บอดีการ์ดทั้งสองต่างวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะสินค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่สำคัญคือเธอไม่สามารถสื่อสารทั้งภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลและกลัวจะถูกมิจฉาชีพหลอก ชุนไห่แจ้งให้เจ้านายตนเองรับทราบ หลี่จวิ้นหยางได้รับโทรศัพท์จากบอดีการ์ดคนสนิท ระหว่างเจรจากับลูกค้าอยู่ที่กว่างโจว ชายหนุ่มปิดมือถือทันทีเมื่อเขาเห็นข้อมูลและรูปภาพของผู้หญิงที่มาแทนน้ำหวานก่อนจะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว“มุกรดา” กรามสองข้างสบกันแน่นสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างยากที่จะคาดเดาได้ คิ้วเข้มภายใต้คิ้วหนาขมวดเป็นปมเล็กน้อยกำลังนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งปีก่อนกับสาวสวยเด็กเอ็นฯ ที่ชื่อ มุกรดา ชีวาวินทร์ ผู้หญิงที่กล้าขอนอนกับเขาภาพกิจกรรมเร่าร้อนโผล่เข้ามาในมโนภาพ ร่างอรชรอวบอัดเต่งมือทุกสัดส่วน ดิ้นเร่าอย่างร้อนแรงด้วยความไร้เดียงสาเพราะเป็นครั้งแรก ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อด้วยพิษแอลกอฮอล์ช่างเย้ายวนเผยอเชื้อเชิญอย่างเขินอาย ความทะยานอยากพวยพุ่งจนกู่ไม่กลับภาพในคืนนั้นไหลบ่ามาเป็นฉาก ความสุขสมอิ่มเอมช่างหอมหวานแต่ก็ผ่านเลยไม่ได้ใส่ใจ… เจอกันเพียงสองหรือสามครั้งแทบจะลืมเลือน หญิงสาวถูกว่าจ้างให้มาเอ็นเตอร
มุกรดาก็เร็วอย่างกับปรอทคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อดึงรั้งเขาไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย จนร่างอรชรถึงกับเสียหลักสะดุดขาตนเองหน้าเกือบคะมำถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าไว้ ทั้งคู่สบประสานสายตากันอย่างจัง ทำเอาสาวสวยมุกรดาทำตัวไม่ถูก น้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ ลอยปะทะไหลวนในโพรงจมูก“หอมจัง” ผู้ชายบ้าอะไรหล่อชะมัด ผิวก็ขาว ๆ ริมฝีปากก็บางสีแดงระเรื่อ หล่ออย่างกับพระเอกซีรีส์ที่เคยดู มุกรดากำลังเคลิบเคลิ้มกับความหล่อเหลา เป้าหน้าฟ้าประทานของหลี่เฉียงฮุย แต่ชายหนุ่มกลับผลักเธอออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ พร้อมกับปัดแขนเสื้อไปมาเหมือนอะไรกำลังไต่หยุบหยับอยู่บนนั้น เธอไม่ใช่เทสต์ของเขา ร่างมุกรดาถึงกับเซถลาเล็กน้อย“ฟังฉัน...ฉันจะพาเธอไปส่งสถานทูตไทยและเธอควรกลับประเทศของเธอไป เข้าใจใช่ไหม ไม่เช่นนั้นฉันจะพาเธอส่งสถานีตำรวจแทนและบอกพวกเขาว่าเธอคุกคามข่มขู่ฉัน” “อะไรนะคุกคามข่มขู่บ้าไปแล้ว อย่าเลยนะ อย่าพาฉันส่งตำรวจเลย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมาหางานทำที่นี่ ครอบครัวของฉันลำบากมาก พ่อก็ขาหัก แม่ก็ป่วย พี่ชายพิการติดเตียง” มุกรดาแสร้งทำเสียงเศร้าพยายามบีบเคล้นน้ำตาสุดฤทธิ์ แอบหรี่ตามองหนุ่มตี๋ตรงหน้าตอนนี
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านคนรวยใจกลางเกาะฮ่องกง หลี่เฉียงฮุยนั่งกอดอกใบหน้าเรียบนิ่งออกจะตึง ๆ เล็กน้อย พลางหรี่ตามองอย่างประเมินหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงหน้าสวยใสไร้สีสันที่ลอยเด่นตรงหน้า การแต่งกายที่ไร้รสนิยม เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดในอารมณ์ ระยะนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเรื่องของคุณปู่ และพี่ชายบุญธรรม เรื่องไร้สาระที่ท่านต้องการให้เขามีทายาทมันก่อกวนอารมณ์เขาอยู่ตอนนี้ ไหนจะหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งทำตาละห้อยใส่เขาอีก ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต บัตรประชาชน ยันบัตรกดเงินสดยี่ห้อหนึ่ง และมือถือหน้าจอแตกอีกหนึ่งเครื่อง พร้อมกับแบงก์เงินดอลลาร์ฮ่องกงจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ “เธอต้องการอะไร” เขาพูดภาษาไทยแต่สำเนียงอาจไม่เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา “เอาแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ห้ามตุกติก” เสียงเข้มของหลี่เฉียงฮุยทำเอามุกรดาแอบยิ้มแสดงว่าเขาอาจเปิดโอกาสให้เธอได้ต่อรอง มุกรดาสอดส่ายสายตาไปมาเห็นบอดีการ์ดมาดเข้มยืนจังก้าทางด้านหลังหนุ่มตี๋ตรงหน้า สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาทางเธออย่างรอคอย พวกมาเฟียหรือเปล่านะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย เสียงในหัวของมุกรดากำลังตีก
รถแท็กซี่ที่มุกรดาโบกมือเรียกจอดรออยู่นานเกือบสิบนาที สุดท้ายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะขึ้นจึงขับออกไปทันทีเพราะการจราจรค่อนข้างติดขัดทำให้คนขับไม่รอ มุกรดาทำตาปรอยมองตามหลังรถแท็กซี่คันนั้นไป และทันใดนั้นจึงหันมาต่อว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวดีเวอร์ยืนเก๊กทำหน้าหล่ออยู่ตรงหน้า “เพราะนายคนเดียว ไอ้หน้าปลาจรวด” เธอแอบด่าเขาเป็นภาษาไทยโดยไม่คาดคิดสักนิดว่า หนุ่มตี๋หน้าหล่อคนนี้จะเข้าใจภาษาไทย หลี่เฉียงฮุยเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที ประกอบกับวันนี้เขาต้องเข้าไปธุระด่วนที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ เนื่องจากถูกเรียกตัวกลับจากทริปฝรั่งเศสกะทันหัน “ด่าใครไอ้หน้าปลาจรวด” เสียงเข้มแกมดุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณ” มุกรดาร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที พลางอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแหย่ “เธอด่าฉัน” เขาเอ่ยต่อทันทีไม่ให้เธอได้ตั้งตัว “ใครจะไปรู้ว่าฟังภาษาไทยออก” มุกรดาบ่นพึมพำรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่ช่วยไม่ได้เขามาเหยียบหนังสือของเธอก่อน “เอ่อ คือ นาย เอ้ย ไม่ใช่ คุณเข้าใจภาษาไทยเหรอ” มุกรดาเอ่ยอ้อมแอ้มอดที่จะถามไถ่ไม่ได้ หลี่เฉียงฮุยเบ้ปากมองเหยียดหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย รู้สึกน่ารำคาญและเสี
จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้า คนขับลดกระจกลงเอ่ยถามเป็นภาษาจีน มุกรดาเกิดอาการสตันไปหลายนาที อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบกดแอปแปลภาษาในโทรศัพท์แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต “คือ...ฉัน...” มุกรดาพูดติดอ่างขึ้นมาทันทีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ในเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสาวสวยสายสตรองที่มีความมั่นใจ เฉลียวฉลาดกลายเป็นซื่อบื้อในบัดดล รีบเปิดกระเป๋าสะพายควานหาหนังสือสื่อสารภาษาจีนที่พกติดตัวมาด้วยรีบมากจนลนลานหนังสือเล่มดังกล่าวร่วงหล่นตกพื้นจึงหมายจะก้มลงเก็บ และอะไร ๆ มันจะบังเอิญพอดีกับความว่องไวของฝีเท้าที่เร่งรีบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังรุ่นลิมิเตดที่มีอยู่ไม่กี่คู่ในโลก คู่นั้นดันเหยียบลงบนมือเรียวกลมกลึงและหนังสือพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย “โอ๊ย ไอ้บ้าเหยียบลงมาได้ยังไงวะ” และเสียงอุทานเป็นภาษาไทยก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มหน้าตาดี ตาชั้นเดียว ผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาปิดอำพรางใบหน้าปรายตามองรองเท้าคู่โปรดความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอะไรนิ่ม ๆ แข็ง ๆ “ยกเท้าออกสิวะ เจ็บโว้ย” เสียงตะโกนเป็นภาษาไทยขึ้นมาอีกรอบคราวนี้น้ำเสียงหงุดหงิดมากกว่าเดิม เสีย
หลี่จวิ้นหยางลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องที่เขาจัดไว้สำหรับคลายเครียด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคิดไม่ตกกับปัญหาที่คุณปู่ยื่นให้ จัดการเทน้ำสีอำพันลงไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกพรวดเดียวจนหมด ความขมเฝื่อนของมันไหลลงสู่ลำคอช่างอุ่นซ่านร้อนแรงพอ ๆ กับดีกรีของมันรู้สึกซาบซ่านไปทุกอณูของร่างกาย ก่อนจะต่อด้วยแก้วที่สองพร้อมกับเดินมาหยุดยืนบริเวณหน้ากระจกบานใหญ่ มือขวาถือแก้วเหล้าทรงสวยมือข้างที่เหลือล้วงกระเป๋ากางเกงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ความเคร่งเครียดบนใบหน้าก็ไม่จางหาย สายตาทอดมองไปยังทิศเบื้องหน้าตึกสูงระฟ้าเรียงรายเป็นตับโอบรอบแผ่นน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดส่องสะท้อนระยิบระยับจับตาทัศนียภาพของที่นี่ยังคงงดงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมาเหยียบ “เนี่ยเหรอ ลูกชายของพงษ์เดช หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แววตาดุกร้าว น่าค้นหาเสียจริง ไปอยู่กับฉันที่ฮ่องกงไหมหนุ่มน้อย ฉันจะทำให้นายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” เสียงของนายหลี่เจี๋ยประมุขของตระกูลหลี่ ใคร ๆ ต่างเรียกขานเขาว่าท่านประธานหลี่ หรือนายท่านหลี่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฮ่องกง ทำการค้าขายกับต่า







