LOGINหนึ่งปีต่อมา...
“ขอโทษนะแก ฉันกำลังจะเดินทางไปฮ่องกง พอดีมีงานด่วนเข้ามาและเงินดีมาก ฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด” หลังจากมุกรดาพูดคุยกับนุนีติ์เพื่อนรัก หญิงสาวก็กดปิดสายโทรศัพท์ทันที โดยไม่ปล่อยให้เพื่อนสาวได้ถามไถ่ถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ ทำเอาปลายสายฮัลโหลไม่หยุดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
มุกรดา ชีวาวินทร์ หรือ มุก สาวสวยสายสตรองอีกคนเธอเป็นเพื่อนรักของนุนีติ์ ทั้งสองเติบโตมาในชุมชนแออัด แสวงทรัพย์ สนิทสนมรักใคร่เหมือนพี่น้องคลานตามกันมามีอะไรก็ช่วยเหลือแบ่งปันโดยไม่มีเงื่อนไข
หลังจากเพื่อนรักแต่งงานมีครอบครัว มุกรดากลับรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวส่วนลึกของจิตใจเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจะพูดคุยกับเพื่อนก็เกรงใจมากขึ้น ถึงแม้นุนีติ์เพื่อนรักจะคอยบอกเสมอว่าหากมีปัญหาไม่สบายใจขาดเหลือเงินทองหรือมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจขอให้บอก
แต่สำหรับมุกรดาแล้วเธอทำงานหาเงินมาตั้งแต่จำความได้ การศึกษาจบเพียงแค่มัธยมศึกษาปีที่หกเลือกที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพราะความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว นางสังเวียนผู้เป็นมารดาเจ็บป่วยด้วยโรคไตต้องฟอกไตสามวันต่อสัปดาห์และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจไม่เรียนต่อ
ส่วนนายชัดผู้เป็นบิดาก็เพิ่งประสบอุบัติขาหักเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ไม่สามารถเดินเหินได้สะดวก จึงไม่ได้ออกไปรับจ้างทำงานหาเงิน ส่วนเชิดพี่ชายเพียงคนเดียวทำงานขับวินมอเตอร์ไซค์ ชีวิตของเธอกระเสือกกระสนมาตลอดแต่หัวใจและร่างกายแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร หลายชีวิตที่ต้องรับผิดชอบมันหนักหนาสำหรับผู้หญิงอย่างเธอแต่ก็ไม่เคยย่อท้อ
มุกรดาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ และรับงานเอ็นฯ ควบคู่ไปด้วย บางวันก็ไปยืนขาแข็งเป็นพริตตี้ตามงานต่าง ๆ ถ้าหากมีคนจ้าง ถึงจะไม่ได้สวยระดับดารานางแบบแถวหน้า แต่ทรวดทรงองค์เอวที่อวบอัดหุ่นทรงนาฬิกาทราย ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มตามสมัยนิยม หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวนวลลออ เวลาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าก็สวยไม่แพ้ใคร สามารถเรียกสายตาของผู้พบเห็นได้ไม่น้อย เธออาศัยความเฉลียวฉลาดที่ถือว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว และมากด้วยประสบการณ์จากการทำงานพบเจอคนมากมายหลายประเภทจึงทำให้เอาตัวรอดไปวัน ๆ
บัดนี้หญิงสาวนั่งเครื่องบินชั้นประหยัดโดยมีพี่แขนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของไนต์คลับหรูที่เธอทำงานอยู่และเป็นผู้จัดหางานเอ็นเตอร์เทนลูกค้าช่วยเป็นธุระจัดการออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เธอฝากพี่เชิดและพี่แขช่วยดูแลครอบครัวแทนเธอสักระยะ
ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนออกเดินทาง...
“เป็นอะไรดูทำหน้าเข้า ทำหน้าอย่างกับคนอกหักรักคุด” เพียงแขเดินเข้ามาทักทายเมื่อเห็นสาวสวยมุกรดาลูกน้องนั่งเหม่อลอย ใบหน้าดูซังกะตายเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
“เปล่าค่ะ” เสียงหวานตอบเนือย ๆ แบบไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากจะสนทนาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต
“เปล่าอะไรดูทำหน้าเข้า ว่าแต่ป้าสังเวียนเป็นยังไงบ้าง”
“มีแต่ทรงกับทรุดค่ะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อสองวันก่อน บอกตามตรงหนูอยากให้แม่ได้เปลี่ยนไตจัง แต่ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น และที่สำคัญการจะเปลี่ยนไตทีก็ยุ่งยากวุ่นวายสารพัด ไหนจะติดเรื่องผู้บริจาคไหนจะต้องไปเข้าคิวรอ ไม่รู้ชาตินี้หรือชาติหน้าจะได้เปลี่ยนไหม” พูดไปพลางถอนหายใจ
“เอาน่าอย่าทำหน้าแบบนั้น มุกรดาคนเก่ง วาจาฉะฉานผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาคนนั้นหายไปไหน” เพียงแขถอนหายใจไปพลาง นางไม่รู้จะช่วยเหลือลูกน้องคนสนิทมากไปกว่านี้ได้อีกแล้วจึงเพียงปลอบโยนให้กำลังใจ
“มุกอยากมีเงินเยอะ ๆ พ่อกับแม่และพี่เชิดจะได้สุขสบาย”
บอดีการ์ดทั้งสองต่างวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะสินค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่สำคัญคือเธอไม่สามารถสื่อสารทั้งภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลและกลัวจะถูกมิจฉาชีพหลอก ชุนไห่แจ้งให้เจ้านายตนเองรับทราบ หลี่จวิ้นหยางได้รับโทรศัพท์จากบอดีการ์ดคนสนิท ระหว่างเจรจากับลูกค้าอยู่ที่กว่างโจว ชายหนุ่มปิดมือถือทันทีเมื่อเขาเห็นข้อมูลและรูปภาพของผู้หญิงที่มาแทนน้ำหวานก่อนจะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว“มุกรดา” กรามสองข้างสบกันแน่นสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างยากที่จะคาดเดาได้ คิ้วเข้มภายใต้คิ้วหนาขมวดเป็นปมเล็กน้อยกำลังนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งปีก่อนกับสาวสวยเด็กเอ็นฯ ที่ชื่อ มุกรดา ชีวาวินทร์ ผู้หญิงที่กล้าขอนอนกับเขาภาพกิจกรรมเร่าร้อนโผล่เข้ามาในมโนภาพ ร่างอรชรอวบอัดเต่งมือทุกสัดส่วน ดิ้นเร่าอย่างร้อนแรงด้วยความไร้เดียงสาเพราะเป็นครั้งแรก ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อด้วยพิษแอลกอฮอล์ช่างเย้ายวนเผยอเชื้อเชิญอย่างเขินอาย ความทะยานอยากพวยพุ่งจนกู่ไม่กลับภาพในคืนนั้นไหลบ่ามาเป็นฉาก ความสุขสมอิ่มเอมช่างหอมหวานแต่ก็ผ่านเลยไม่ได้ใส่ใจ… เจอกันเพียงสองหรือสามครั้งแทบจะลืมเลือน หญิงสาวถูกว่าจ้างให้มาเอ็นเตอร
มุกรดาก็เร็วอย่างกับปรอทคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อดึงรั้งเขาไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย จนร่างอรชรถึงกับเสียหลักสะดุดขาตนเองหน้าเกือบคะมำถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าไว้ ทั้งคู่สบประสานสายตากันอย่างจัง ทำเอาสาวสวยมุกรดาทำตัวไม่ถูก น้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ ลอยปะทะไหลวนในโพรงจมูก“หอมจัง” ผู้ชายบ้าอะไรหล่อชะมัด ผิวก็ขาว ๆ ริมฝีปากก็บางสีแดงระเรื่อ หล่ออย่างกับพระเอกซีรีส์ที่เคยดู มุกรดากำลังเคลิบเคลิ้มกับความหล่อเหลา เป้าหน้าฟ้าประทานของหลี่เฉียงฮุย แต่ชายหนุ่มกลับผลักเธอออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ พร้อมกับปัดแขนเสื้อไปมาเหมือนอะไรกำลังไต่หยุบหยับอยู่บนนั้น เธอไม่ใช่เทสต์ของเขา ร่างมุกรดาถึงกับเซถลาเล็กน้อย“ฟังฉัน...ฉันจะพาเธอไปส่งสถานทูตไทยและเธอควรกลับประเทศของเธอไป เข้าใจใช่ไหม ไม่เช่นนั้นฉันจะพาเธอส่งสถานีตำรวจแทนและบอกพวกเขาว่าเธอคุกคามข่มขู่ฉัน” “อะไรนะคุกคามข่มขู่บ้าไปแล้ว อย่าเลยนะ อย่าพาฉันส่งตำรวจเลย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมาหางานทำที่นี่ ครอบครัวของฉันลำบากมาก พ่อก็ขาหัก แม่ก็ป่วย พี่ชายพิการติดเตียง” มุกรดาแสร้งทำเสียงเศร้าพยายามบีบเคล้นน้ำตาสุดฤทธิ์ แอบหรี่ตามองหนุ่มตี๋ตรงหน้าตอนนี
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านคนรวยใจกลางเกาะฮ่องกง หลี่เฉียงฮุยนั่งกอดอกใบหน้าเรียบนิ่งออกจะตึง ๆ เล็กน้อย พลางหรี่ตามองอย่างประเมินหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงหน้าสวยใสไร้สีสันที่ลอยเด่นตรงหน้า การแต่งกายที่ไร้รสนิยม เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดในอารมณ์ ระยะนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเรื่องของคุณปู่ และพี่ชายบุญธรรม เรื่องไร้สาระที่ท่านต้องการให้เขามีทายาทมันก่อกวนอารมณ์เขาอยู่ตอนนี้ ไหนจะหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งทำตาละห้อยใส่เขาอีก ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต บัตรประชาชน ยันบัตรกดเงินสดยี่ห้อหนึ่ง และมือถือหน้าจอแตกอีกหนึ่งเครื่อง พร้อมกับแบงก์เงินดอลลาร์ฮ่องกงจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ “เธอต้องการอะไร” เขาพูดภาษาไทยแต่สำเนียงอาจไม่เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา “เอาแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ห้ามตุกติก” เสียงเข้มของหลี่เฉียงฮุยทำเอามุกรดาแอบยิ้มแสดงว่าเขาอาจเปิดโอกาสให้เธอได้ต่อรอง มุกรดาสอดส่ายสายตาไปมาเห็นบอดีการ์ดมาดเข้มยืนจังก้าทางด้านหลังหนุ่มตี๋ตรงหน้า สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาทางเธออย่างรอคอย พวกมาเฟียหรือเปล่านะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย เสียงในหัวของมุกรดากำลังตีก
รถแท็กซี่ที่มุกรดาโบกมือเรียกจอดรออยู่นานเกือบสิบนาที สุดท้ายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะขึ้นจึงขับออกไปทันทีเพราะการจราจรค่อนข้างติดขัดทำให้คนขับไม่รอ มุกรดาทำตาปรอยมองตามหลังรถแท็กซี่คันนั้นไป และทันใดนั้นจึงหันมาต่อว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวดีเวอร์ยืนเก๊กทำหน้าหล่ออยู่ตรงหน้า “เพราะนายคนเดียว ไอ้หน้าปลาจรวด” เธอแอบด่าเขาเป็นภาษาไทยโดยไม่คาดคิดสักนิดว่า หนุ่มตี๋หน้าหล่อคนนี้จะเข้าใจภาษาไทย หลี่เฉียงฮุยเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที ประกอบกับวันนี้เขาต้องเข้าไปธุระด่วนที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ เนื่องจากถูกเรียกตัวกลับจากทริปฝรั่งเศสกะทันหัน “ด่าใครไอ้หน้าปลาจรวด” เสียงเข้มแกมดุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณ” มุกรดาร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที พลางอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแหย่ “เธอด่าฉัน” เขาเอ่ยต่อทันทีไม่ให้เธอได้ตั้งตัว “ใครจะไปรู้ว่าฟังภาษาไทยออก” มุกรดาบ่นพึมพำรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่ช่วยไม่ได้เขามาเหยียบหนังสือของเธอก่อน “เอ่อ คือ นาย เอ้ย ไม่ใช่ คุณเข้าใจภาษาไทยเหรอ” มุกรดาเอ่ยอ้อมแอ้มอดที่จะถามไถ่ไม่ได้ หลี่เฉียงฮุยเบ้ปากมองเหยียดหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย รู้สึกน่ารำคาญและเสี
จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้า คนขับลดกระจกลงเอ่ยถามเป็นภาษาจีน มุกรดาเกิดอาการสตันไปหลายนาที อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบกดแอปแปลภาษาในโทรศัพท์แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต “คือ...ฉัน...” มุกรดาพูดติดอ่างขึ้นมาทันทีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ในเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสาวสวยสายสตรองที่มีความมั่นใจ เฉลียวฉลาดกลายเป็นซื่อบื้อในบัดดล รีบเปิดกระเป๋าสะพายควานหาหนังสือสื่อสารภาษาจีนที่พกติดตัวมาด้วยรีบมากจนลนลานหนังสือเล่มดังกล่าวร่วงหล่นตกพื้นจึงหมายจะก้มลงเก็บ และอะไร ๆ มันจะบังเอิญพอดีกับความว่องไวของฝีเท้าที่เร่งรีบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังรุ่นลิมิเตดที่มีอยู่ไม่กี่คู่ในโลก คู่นั้นดันเหยียบลงบนมือเรียวกลมกลึงและหนังสือพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย “โอ๊ย ไอ้บ้าเหยียบลงมาได้ยังไงวะ” และเสียงอุทานเป็นภาษาไทยก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มหน้าตาดี ตาชั้นเดียว ผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาปิดอำพรางใบหน้าปรายตามองรองเท้าคู่โปรดความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอะไรนิ่ม ๆ แข็ง ๆ “ยกเท้าออกสิวะ เจ็บโว้ย” เสียงตะโกนเป็นภาษาไทยขึ้นมาอีกรอบคราวนี้น้ำเสียงหงุดหงิดมากกว่าเดิม เสีย
หลี่จวิ้นหยางลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องที่เขาจัดไว้สำหรับคลายเครียด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคิดไม่ตกกับปัญหาที่คุณปู่ยื่นให้ จัดการเทน้ำสีอำพันลงไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกพรวดเดียวจนหมด ความขมเฝื่อนของมันไหลลงสู่ลำคอช่างอุ่นซ่านร้อนแรงพอ ๆ กับดีกรีของมันรู้สึกซาบซ่านไปทุกอณูของร่างกาย ก่อนจะต่อด้วยแก้วที่สองพร้อมกับเดินมาหยุดยืนบริเวณหน้ากระจกบานใหญ่ มือขวาถือแก้วเหล้าทรงสวยมือข้างที่เหลือล้วงกระเป๋ากางเกงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ความเคร่งเครียดบนใบหน้าก็ไม่จางหาย สายตาทอดมองไปยังทิศเบื้องหน้าตึกสูงระฟ้าเรียงรายเป็นตับโอบรอบแผ่นน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดส่องสะท้อนระยิบระยับจับตาทัศนียภาพของที่นี่ยังคงงดงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมาเหยียบ “เนี่ยเหรอ ลูกชายของพงษ์เดช หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แววตาดุกร้าว น่าค้นหาเสียจริง ไปอยู่กับฉันที่ฮ่องกงไหมหนุ่มน้อย ฉันจะทำให้นายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” เสียงของนายหลี่เจี๋ยประมุขของตระกูลหลี่ ใคร ๆ ต่างเรียกขานเขาว่าท่านประธานหลี่ หรือนายท่านหลี่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฮ่องกง ทำการค้าขายกับต่า

![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





