LOGINหลี่จวิ้นหยางลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องที่เขาจัดไว้สำหรับคลายเครียด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคิดไม่ตกกับปัญหาที่คุณปู่ยื่นให้ จัดการเทน้ำสีอำพันลงไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกพรวดเดียวจนหมด ความขมเฝื่อนของมันไหลลงสู่ลำคอช่างอุ่นซ่านร้อนแรงพอ ๆ กับดีกรีของมันรู้สึกซาบซ่านไปทุกอณูของร่างกาย ก่อนจะต่อด้วยแก้วที่สองพร้อมกับเดินมาหยุดยืนบริเวณหน้ากระจกบานใหญ่
มือขวาถือแก้วเหล้าทรงสวยมือข้างที่เหลือล้วงกระเป๋ากางเกงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ความเคร่งเครียดบนใบหน้าก็ไม่จางหาย สายตาทอดมองไปยังทิศเบื้องหน้าตึกสูงระฟ้าเรียงรายเป็นตับโอบรอบแผ่นน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดส่องสะท้อนระยิบระยับจับตาทัศนียภาพของที่นี่ยังคงงดงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมาเหยียบ
“เนี่ยเหรอ ลูกชายของพงษ์เดช หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แววตาดุกร้าว น่าค้นหาเสียจริง ไปอยู่กับฉันที่ฮ่องกงไหมหนุ่มน้อย ฉันจะทำให้นายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” เสียงของนายหลี่เจี๋ยประมุขของตระกูลหลี่ ใคร ๆ ต่างเรียกขานเขาว่าท่านประธานหลี่ หรือนายท่านหลี่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฮ่องกง ทำการค้าขายกับต่างประเทศทั้งนำเข้าและส่งออก และธุรกิจเดินเรือสินค้าที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของเกาะฮ่องกงเขาคืออดีตเจ้านายของบิดา
หลังจากบิดามารดาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อถูกแบ่งให้พี่น้องจนตัวเขาแทบไม่เหลืออะไร พูดง่าย ๆ ก็คือถูกพี่น้องและเพื่อนพ่อโกงไปจนหมด เขาเหล่านั้นต่างให้เหตุผลว่าทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อก็คือเงินของพวกเขาที่พ่อเอามาลงทุนทำธุรกิจแต่ขาดทุนย่อยยับ ตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่สิบห้าแต่ก็ไม่เคยลืมว่าพวกเขาทำกับเขาอย่างไรบ้าง
กรามสองข้างสบกันแน่นจนเป็นสันนูน หลังจากถูกพามาอยู่ที่ฮ่องกงน้อยครั้งมากที่จะกลับเมืองไทย อาจไปบ้างปีละหนึ่งถึงสองครั้งถ้ากิจการไนต์คลับที่เปิดกับเพื่อนและบริษัทนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์มีปัญหา สมัยเรียนมัธยมที่เมืองไทยเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ชีวิตก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่พ่อก็ส่งไปเรียนในโรงเรียนดี ๆ ให้การศึกษาเต็มความสามารถของเขา แต่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีถ้าพ่อไม่ถูกพี่น้องและเพื่อนโกงไปเสียก่อน หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยติดต่อพวกญาติ ๆ ทางฝั่งพ่อเลยสักครั้ง
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังระรัว หลี่จวิ้นหยางล้วงหยิบขึ้นมาเหลือบมองเบอร์โทรศัพท์ก่อนจะกดรับสายยกขึ้นสนทนา
[นายครับเรามีปัญหา สินค้าถูกเปลี่ยน] เสียงชุนไห่ลอยมาทางปลายสาย
“อะไรนะ สินค้าถูกเปลี่ยน”
[ครับนายจากน้ำหวานเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่ชื่อมุก-ระ-ดา ครับ]
“มุกรดา” หลี่จวิ้นหยางขมวดคิ้วชื่อนี้สะดุดหูยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะตอนนี้กำลังหงุดหงิดไม่พอใจกับการเปลี่ยนตัวสินค้าโดยไม่แจ้งล่วงหน้ามากกว่า
“โทรหาแดนนี่หรือยัง”
[ยังครับโทรมาแจ้งให้นายทราบก่อน]
“จัดการให้เรียบร้อย หาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ นายส่งภาพผู้หญิงที่ชื่อมุกรดา พร้อมประวัติมาให้ฉันโดยด่วน นายเจรจากับทางนายหน้าเมืองไทยด้วยว่าสาเหตุใดถึงเปลี่ยนตัวสินค้าโดยพลการและไม่แจ้งเราล่วงหน้า คิดจะโกงกันแบบนี้ได้ยังไง” กรามสองข้างสบกันจนเป็นสันนูนเขาเกลียดการเล่นตุกติก
[ครับนาย]
ฟากมุกรดาเดินเตร่ไปทั่วสนามบินเกือบสองชั่วโมงด้วยสีหน้าและแววตาหวาดหวั่น ในใจครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา สายตาสอดส่ายไปทั่วอย่างระแวดระวังภัย เมื่อไม่มีวี่แววของคนที่จะมารับจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว แต่จู่ ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันเพราะความที่ไม่เข้าใจภาษา หากเกิดสื่อสารผิดพลาดอาจถูกเข้าใจผิดได้ว่าเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือถูกเข้าใจผิดว่ามาค้าประเวณี
ในใจพร่ำบอกว่า...เธอโง่เองที่ไม่คิดสนใจการศึกษาเล่าเรียนตอนนี้คงสายไปเสียแล้ว
นิ่งคิดเพียงชั่วครู่จึงตัดสินใจจะเดินทางไปยังสถานทูตไทยแทนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหาคนที่จ้างงาน แต่ก็นั่นแหละไม่มีอะไรสักอย่างในมือ เมื่อเดินออกมาด้านหน้าอาคารผู้โดยสารเพื่อจะไปขึ้นรถแท็กซี่ให้เขาพาไปยังส่งยังจุดหมายปลายทาง ขณะที่กำลังยืนรอรถอยู่นั้นสายตาก็เหม่อมองบรรยากาศโดยรอบที่ไม่คุ้นตาทั้งตื่นเต้นหวาดกลัวในคราเดียวรถราวิ่งกันขวักไขว่พลางโบกมือเรียกแท็กซี่
บอดีการ์ดทั้งสองต่างวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะสินค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่สำคัญคือเธอไม่สามารถสื่อสารทั้งภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลและกลัวจะถูกมิจฉาชีพหลอก ชุนไห่แจ้งให้เจ้านายตนเองรับทราบ หลี่จวิ้นหยางได้รับโทรศัพท์จากบอดีการ์ดคนสนิท ระหว่างเจรจากับลูกค้าอยู่ที่กว่างโจว ชายหนุ่มปิดมือถือทันทีเมื่อเขาเห็นข้อมูลและรูปภาพของผู้หญิงที่มาแทนน้ำหวานก่อนจะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว“มุกรดา” กรามสองข้างสบกันแน่นสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างยากที่จะคาดเดาได้ คิ้วเข้มภายใต้คิ้วหนาขมวดเป็นปมเล็กน้อยกำลังนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งปีก่อนกับสาวสวยเด็กเอ็นฯ ที่ชื่อ มุกรดา ชีวาวินทร์ ผู้หญิงที่กล้าขอนอนกับเขาภาพกิจกรรมเร่าร้อนโผล่เข้ามาในมโนภาพ ร่างอรชรอวบอัดเต่งมือทุกสัดส่วน ดิ้นเร่าอย่างร้อนแรงด้วยความไร้เดียงสาเพราะเป็นครั้งแรก ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อด้วยพิษแอลกอฮอล์ช่างเย้ายวนเผยอเชื้อเชิญอย่างเขินอาย ความทะยานอยากพวยพุ่งจนกู่ไม่กลับภาพในคืนนั้นไหลบ่ามาเป็นฉาก ความสุขสมอิ่มเอมช่างหอมหวานแต่ก็ผ่านเลยไม่ได้ใส่ใจ… เจอกันเพียงสองหรือสามครั้งแทบจะลืมเลือน หญิงสาวถูกว่าจ้างให้มาเอ็นเตอร
มุกรดาก็เร็วอย่างกับปรอทคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อดึงรั้งเขาไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย จนร่างอรชรถึงกับเสียหลักสะดุดขาตนเองหน้าเกือบคะมำถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าไว้ ทั้งคู่สบประสานสายตากันอย่างจัง ทำเอาสาวสวยมุกรดาทำตัวไม่ถูก น้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ ลอยปะทะไหลวนในโพรงจมูก“หอมจัง” ผู้ชายบ้าอะไรหล่อชะมัด ผิวก็ขาว ๆ ริมฝีปากก็บางสีแดงระเรื่อ หล่ออย่างกับพระเอกซีรีส์ที่เคยดู มุกรดากำลังเคลิบเคลิ้มกับความหล่อเหลา เป้าหน้าฟ้าประทานของหลี่เฉียงฮุย แต่ชายหนุ่มกลับผลักเธอออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ พร้อมกับปัดแขนเสื้อไปมาเหมือนอะไรกำลังไต่หยุบหยับอยู่บนนั้น เธอไม่ใช่เทสต์ของเขา ร่างมุกรดาถึงกับเซถลาเล็กน้อย“ฟังฉัน...ฉันจะพาเธอไปส่งสถานทูตไทยและเธอควรกลับประเทศของเธอไป เข้าใจใช่ไหม ไม่เช่นนั้นฉันจะพาเธอส่งสถานีตำรวจแทนและบอกพวกเขาว่าเธอคุกคามข่มขู่ฉัน” “อะไรนะคุกคามข่มขู่บ้าไปแล้ว อย่าเลยนะ อย่าพาฉันส่งตำรวจเลย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมาหางานทำที่นี่ ครอบครัวของฉันลำบากมาก พ่อก็ขาหัก แม่ก็ป่วย พี่ชายพิการติดเตียง” มุกรดาแสร้งทำเสียงเศร้าพยายามบีบเคล้นน้ำตาสุดฤทธิ์ แอบหรี่ตามองหนุ่มตี๋ตรงหน้าตอนนี
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านคนรวยใจกลางเกาะฮ่องกง หลี่เฉียงฮุยนั่งกอดอกใบหน้าเรียบนิ่งออกจะตึง ๆ เล็กน้อย พลางหรี่ตามองอย่างประเมินหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงหน้าสวยใสไร้สีสันที่ลอยเด่นตรงหน้า การแต่งกายที่ไร้รสนิยม เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดในอารมณ์ ระยะนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเรื่องของคุณปู่ และพี่ชายบุญธรรม เรื่องไร้สาระที่ท่านต้องการให้เขามีทายาทมันก่อกวนอารมณ์เขาอยู่ตอนนี้ ไหนจะหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งทำตาละห้อยใส่เขาอีก ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต บัตรประชาชน ยันบัตรกดเงินสดยี่ห้อหนึ่ง และมือถือหน้าจอแตกอีกหนึ่งเครื่อง พร้อมกับแบงก์เงินดอลลาร์ฮ่องกงจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ “เธอต้องการอะไร” เขาพูดภาษาไทยแต่สำเนียงอาจไม่เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา “เอาแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ห้ามตุกติก” เสียงเข้มของหลี่เฉียงฮุยทำเอามุกรดาแอบยิ้มแสดงว่าเขาอาจเปิดโอกาสให้เธอได้ต่อรอง มุกรดาสอดส่ายสายตาไปมาเห็นบอดีการ์ดมาดเข้มยืนจังก้าทางด้านหลังหนุ่มตี๋ตรงหน้า สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาทางเธออย่างรอคอย พวกมาเฟียหรือเปล่านะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย เสียงในหัวของมุกรดากำลังตีก
รถแท็กซี่ที่มุกรดาโบกมือเรียกจอดรออยู่นานเกือบสิบนาที สุดท้ายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะขึ้นจึงขับออกไปทันทีเพราะการจราจรค่อนข้างติดขัดทำให้คนขับไม่รอ มุกรดาทำตาปรอยมองตามหลังรถแท็กซี่คันนั้นไป และทันใดนั้นจึงหันมาต่อว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวดีเวอร์ยืนเก๊กทำหน้าหล่ออยู่ตรงหน้า “เพราะนายคนเดียว ไอ้หน้าปลาจรวด” เธอแอบด่าเขาเป็นภาษาไทยโดยไม่คาดคิดสักนิดว่า หนุ่มตี๋หน้าหล่อคนนี้จะเข้าใจภาษาไทย หลี่เฉียงฮุยเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที ประกอบกับวันนี้เขาต้องเข้าไปธุระด่วนที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ เนื่องจากถูกเรียกตัวกลับจากทริปฝรั่งเศสกะทันหัน “ด่าใครไอ้หน้าปลาจรวด” เสียงเข้มแกมดุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณ” มุกรดาร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที พลางอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแหย่ “เธอด่าฉัน” เขาเอ่ยต่อทันทีไม่ให้เธอได้ตั้งตัว “ใครจะไปรู้ว่าฟังภาษาไทยออก” มุกรดาบ่นพึมพำรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่ช่วยไม่ได้เขามาเหยียบหนังสือของเธอก่อน “เอ่อ คือ นาย เอ้ย ไม่ใช่ คุณเข้าใจภาษาไทยเหรอ” มุกรดาเอ่ยอ้อมแอ้มอดที่จะถามไถ่ไม่ได้ หลี่เฉียงฮุยเบ้ปากมองเหยียดหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย รู้สึกน่ารำคาญและเสี
จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้า คนขับลดกระจกลงเอ่ยถามเป็นภาษาจีน มุกรดาเกิดอาการสตันไปหลายนาที อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบกดแอปแปลภาษาในโทรศัพท์แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต “คือ...ฉัน...” มุกรดาพูดติดอ่างขึ้นมาทันทีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ในเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสาวสวยสายสตรองที่มีความมั่นใจ เฉลียวฉลาดกลายเป็นซื่อบื้อในบัดดล รีบเปิดกระเป๋าสะพายควานหาหนังสือสื่อสารภาษาจีนที่พกติดตัวมาด้วยรีบมากจนลนลานหนังสือเล่มดังกล่าวร่วงหล่นตกพื้นจึงหมายจะก้มลงเก็บ และอะไร ๆ มันจะบังเอิญพอดีกับความว่องไวของฝีเท้าที่เร่งรีบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังรุ่นลิมิเตดที่มีอยู่ไม่กี่คู่ในโลก คู่นั้นดันเหยียบลงบนมือเรียวกลมกลึงและหนังสือพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย “โอ๊ย ไอ้บ้าเหยียบลงมาได้ยังไงวะ” และเสียงอุทานเป็นภาษาไทยก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มหน้าตาดี ตาชั้นเดียว ผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาปิดอำพรางใบหน้าปรายตามองรองเท้าคู่โปรดความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอะไรนิ่ม ๆ แข็ง ๆ “ยกเท้าออกสิวะ เจ็บโว้ย” เสียงตะโกนเป็นภาษาไทยขึ้นมาอีกรอบคราวนี้น้ำเสียงหงุดหงิดมากกว่าเดิม เสีย
หลี่จวิ้นหยางลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องที่เขาจัดไว้สำหรับคลายเครียด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคิดไม่ตกกับปัญหาที่คุณปู่ยื่นให้ จัดการเทน้ำสีอำพันลงไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกพรวดเดียวจนหมด ความขมเฝื่อนของมันไหลลงสู่ลำคอช่างอุ่นซ่านร้อนแรงพอ ๆ กับดีกรีของมันรู้สึกซาบซ่านไปทุกอณูของร่างกาย ก่อนจะต่อด้วยแก้วที่สองพร้อมกับเดินมาหยุดยืนบริเวณหน้ากระจกบานใหญ่ มือขวาถือแก้วเหล้าทรงสวยมือข้างที่เหลือล้วงกระเป๋ากางเกงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ความเคร่งเครียดบนใบหน้าก็ไม่จางหาย สายตาทอดมองไปยังทิศเบื้องหน้าตึกสูงระฟ้าเรียงรายเป็นตับโอบรอบแผ่นน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดส่องสะท้อนระยิบระยับจับตาทัศนียภาพของที่นี่ยังคงงดงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมาเหยียบ “เนี่ยเหรอ ลูกชายของพงษ์เดช หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แววตาดุกร้าว น่าค้นหาเสียจริง ไปอยู่กับฉันที่ฮ่องกงไหมหนุ่มน้อย ฉันจะทำให้นายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” เสียงของนายหลี่เจี๋ยประมุขของตระกูลหลี่ ใคร ๆ ต่างเรียกขานเขาว่าท่านประธานหลี่ หรือนายท่านหลี่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฮ่องกง ทำการค้าขายกับต่า

![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





