"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"
คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม
"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"
วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว
"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"
คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก
"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก"
"งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"
สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก็คือเปิดประตูลงจากรถแล้วช่วยวันหนึ่งเอาจักรยานขึ้นรถมาด้วยเท่านั้น
"ขอบคุณค่ะลุงคำอ้าย"
"ลุงคำอ้ายที่เป็นพ่อของเอื้องฟ้าใช่ไหมคะ"
"ใช่เมื่อวานเห็นเมียลุงบอกว่าเอื้องฟ้ามันเห็นหนูอยู่..ถ้ามันทำกิริยาอะไรไม่ดีก็อย่าไปถือสามันนักเลยนะ"
คำอ้ายหันมาพูดกับวันหนึ่งขณะที่กำลังขับรถหลบหลุมบ่อและไม่ลืมที่จะเกริ่นกับหญิงสาวถึงเรื่องนิสัยของลูกตัวเอง
"ลุงคำอ้ายรู้ด้วยเหรอคะ"
"นิสัยลูกลุงมันก็แบบนี้สอนยังไงก็ไม่หาย..ถึงแล้วหนูเอาข้าวไปให้พ่อเลี้ยงก่อนเถอะป่านนี้หิวแย่แล้วเดี๋ยวจักรยานลุงตามเอาลงไว้ข้างต้นไม้นี่ละกัน"
"ค่ะ"
วันหนึ่งรีบลงจากรถหิ้วปิ่นโตวิ่งไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนกอดอกมองเธออยู่ตรงแคร่ไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอกแกะมากนัก
"ทำไมมาเอาป่านนี้"
คนตัวโตยืนกอดอกดวงตาคมจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่ใส่หมวกของเขาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตวิ่งถือปิ่นโตมาทางตัวเองด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะตอนนี้เขาหิวอยู่พอสมควร
"ขอโทษค่ะที่หนึ่งทำกับข้าวช้าไปหน่อยอีกอย่างอาจจะมาเร็วกว่านี้ครึ่งชั่วโมงถ้าไม่ต้องจูงจักรยานมาด้วยพ่อเลี้ยงจะใช้จักรยานทำไมไม่เอาขึ้นรถกระบะมาตั้งแต่แรกล่ะคะ"
สาวเจ้าทิ้งตัวนั่งบนแคร่ไม้มือน้อยรีบเปิดปิ่นโตทั้งบ่นอุกด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย
"คุณจูงมา.."
คิ้วหนาขมวดรวมแทบจะผูกโบว์ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามคนที่กำลังจัดแจงอาหาร
"ค่ะ"
วันหนึ่งพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ
"ผมไม่ได้จะใช้จักรยานแต่ให้คุณปั่นจักรยานมาส่งข้าว"
"อ้าว.. หนึ่งปั่นจักรยานไม่เป็นค่ะ..ก็นึกว่าพ่อเลี้ยงจะใช้ก็เลยจูงมาให้ดีที่เจอลุงคำอ้ายพอดีเค้าเลยช่วยเอาจักรยานขึ้นรถมาส่ง"
"ฮ่าๆๆ.."
คำอ้ายที่เดินเข้ามาหาทั้งสองหัวเราะร่ากับบทสนทนาของสองหนุ่มสาวเขาว่าแล้วสองคนนี้คงต้องสื่อสารอะไรผิดพลาดแน่นอน
"ผมว่าแล้ว..ต้องเข้าใจผิดกันแล้วคุณหมออยู่ที่ไหนล่ะครับพ่อเลี้ยง"
"อยู่ในโรงเรือนแกะครับเห็นว่ามีลูกแกะบางตัวไม่ค่อยแข็งแรงเลยต้องตรวจดูเป็นพิเศษ"
"งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยคุณหมอก่อนนะครับ"
"ครับ"
น่านน้ำสนทนากับคำอ้ายจบเขาก็หันมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อแต่แล้วคิ้วของเขาก็ต้องขมวดขึ้นอีกรอบ
"คุณทำอาหารเป็นแน่นะ"
"ค่ะ..แต่วันนี้หนึ่งรีบๆก็เลยออกมาผิดพลาดอย่างละนิดหน่อยแต่มันก็อร่อยนะคะพ่อเลี้ยงลองชิมดู"
วันหนึ่งตอบด้วยความมั่นใจเธอเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะต้องประทับใจในฝีมือของเธอไม่มากก็น้อยเพราะเธอยังอดภูมิใจกับฝีมือตัวเองไม่ได้เลย
"นิดหน่อย..ปลาไหม้ไปทั้งแถบ..ส่วนข้าวต้มข้าวก็ยังไม่สุกเลยข้าวสวยนี่ก็แฉะเกินไป..กะหล่ำปลีนี่ก็ไม่สุก"
เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าอาหารที่หญิงสาวทำมาจะอร่อยหรือไม่อร่อยไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาตอนนี้ไปเอาความมั่นใจในฝีมือตัวเองมาจากไหน
"เอ่อ..หนึ่งขอโทษค่ะพ่อเลี้ยงครั้งหน้าหนึ่งจะตั้งใจทำให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ..ปลาอีกด้านไม่ไหม้ทานด้านนี้นะคะเดี๋ยวหนึ่งแกะให้ค่ะ..ส่วนกะหล่ำปลีที่พ่อเลี้ยงบอกว่ามันไม่สุกหนึ่งตั้งใจให้เป็นแบบนี้ค่ะเพราะผักนี้ทานกรอบๆมันอร่อยดีนะคะ..แหะๆ"
"กลับไปที่บ้านกับผมแล้วไปทำกับข้าวใหม่"
สาวเจ้าที่ยิ้มแห้งอยู่คราแรกหุบยิ้มแทบไม่ทันที่จู่ๆพ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบเก็บปิ่นโตให้มันอยู่ในเถาดังเดิมและลุกเดินหนีเธอไปที่รถกระบะหน้าตาเฉย
"ห้ะ..มันทานได้อร่อยด้วยนะคะพ่อเลี้ยง"
วันหนึ่งบุ้ยปากบ่นอู้อี้เธออุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารตั้งนานไม่คิดว่าน่านน้ำจะไม่ยอมแตะสักคำเช่นนี้
"ตามมาเร็วๆ"
คนที่กำลังยกจักรยานขึ้นท้ายกระบะรีบเรียกสาวเจ้าที่ยังนั่งจมอยู่ที่แคร่ไม้ให้รีบตามเขามาจะได้รีบกลับไปที่บ้าน
“หนึ่งขอไปดูลูกแกะก่อนได้ไหมคะ”
“กลับไปทำกับข้าวให้ผมใหม่ก่อน..ขึ้นรถ”
วันหนึ่งหน้ามุ่ยมองตามหลังคนยื่นคำขาดที่กำลังเปิดประตูรถตาละห้อยและแล้วเธอก็ต้องยอมกลับไปแต่โดยดีโดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าหากทำกับข้าวให้เขาใหม่แล้วสภาพมันจะเหมือนเดิมหรือเปล่า
“หืม..”
น่านน้ำเข้าบ้านมาได้เขาก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปในครัวเพราะกลิ่นแก๊สเตะจมูกตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในบ้านไม่กี่ก้าว
“ไปไหนคะ”
คนตัวเล็กถอดหมวกเก็บที่เดิมได้ก็รีบวิ่งกรูตามพ่อเลี้ยงหนุ่มไปติดๆ
“คุณลืมปิดแก๊สได้ยังไง”
“เอ่อ..”
วันหนึ่งมองคนที่กำลังปิดวาร์วถังแก๊สด้วยสีหน้าแห้งเหือดและแล้วก็เป็นอีกเรื่องที่เธอทำพลาด
น่านน้ำรีบเปิดหน้าต่างประตูแทบทุกบานให้แก๊สที่ลอยอยู่ในอากาศระบายออกไปให้เร็วที่สุดแล้วจึงเดินดุ่มออกมานั่งหน้าบ้านด้วยสีหน้าค่อนข้างไม่สบอารมณ์
“ดีที่เรารีบกลับกันมาก่อนไม่อยากจะคิดว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น..ผมว่าผมคงต้องพิจารณาคุณใหม่แล้วล่ะ”
คนตัวโตนั่งแหมะที่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ก่อนจะบ่นอุกให้คนที่กำลังเดินตามมาได้ฟังดีที่เขากลับมาที่นี่เร็วไม่อยากจะคิดว่าถ้านั่งอยู่ที่ฟาร์มแกะนานกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น
“คือ..อย่าไล่หนึ่งออกเลยนะคะ”
คนตัวเล็กรู้ดีว่าที่น่านน้ำพูดคืออะไรเธอหน้าเสียนั่งฟุบลงตรงหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มกอดเกาะขาเขาเอาไว้แน่น
“ทำอะไรของคุณลุกขึ้นมา”
“หึ”
น่านน้ำพยายามปรามคนตัวเล็กให้หยุดการกระทำแต่สาวเจ้าก็ยังคงส่งสายตาละห้อยส่ายหัวหงึกหงักไม่ยอมลุกง่ายๆเพราะไม่อยากออกจากที่นี่ไปตอนนี้
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว