เมื่อดวงบอกว่าเธอต้องมีสามีภายในหกเดือนเท่านั้น..แผนพิชิตหัวใจพ่อเลี้ยงจอมเย็นชาก็เกิดขึ้น.. ++ นางเอกของเราเชื่อเรื่องดวงชีวิตทุกอย่างก็จะเดินตามดวง..แม้กระทั่งการเลือกคู่ชีวิตที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสมยอมหรือเธอจะไม่ถูกใจแต่ยังไงเธอก็จะต้องเอาเขามาเป็นพ่อของลูกให้ได้ แต่การที่จะให้ใครสักคนมาเป็นพ่อของลูกก็ไม่ได้ง่ายอย่างปอกกล้วยเข้าปากอย่างแรกเธอต้องคิดแผนการเข้าไปอยู่ในชีวิตว่าที่พ่อของลูกด้วยการโกหกว่าเธอไม่มีที่ไปทั้งที่จริงแล้วชีวิตของเธอสุขสบายเช่นเจ้าหญิงในนิยายก็ว่าได้ เรื่องราวหลังจากนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นบ้าง..ติดตามได้ในเรื่อง เล่ห์ลวงใจนายพ่อเลี้ยงได้เลยนะคะ
View More“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”
วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไป
คุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบ
วันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้
ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ
“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแผนจริงๆ”
อุไรมองไปยังวันหนึ่งที่กำลังคุยอยู่กับไออุ่นลูกสาวของเธอที่หน้าบ้านเสียงดังแม้นเธอจะรับปากว่าจะช่วยให้วันหนึ่งได้ใกล้ชิดกับพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้านายคนปัจจุบันของเธอ แต่อุไรเองก็กังวลอยู่ดีที่วันหนึ่งจะเลือกคู่ชีวิตเพราะคำทำนายอีกอย่างเธอก็ไม่อยากโกหกพ่อเลี้ยงคนที่มีบุญคุณกับเธอด้วยแต่อีกใจก็ทำใจไม่ช่วยวันหนึ่งไม่ได้เพราะชีวิตเธอและลูกของเธอมีอยู่มีกินมาได้ไม่ลำบากในตอนนั้นก็เพราะเงินของนฤดี
“ดูหลานฉันสิแม่ไรท่าทางแน่วแน่ขนาดนั้นอะไรก็ขัดไม่ได้หรอก”
นฤดีมองไปยังหลานสาวที่ยืนหน้าบานยึดมั่นในอุดมการณ์อยู่หน้าบ้านของอุไรด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่เหมือนกันเธอเองก็เป็นคนที่เชื่อในเรื่องดวงเพราะชีวิตก็เดินตามดวงมาตลอดแต่เรื่องการเลือกคู่ของหลานสาวเธอก็มีแอบเป็นกังวลใจเพราะมันคือเรื่องใหญ่ของชีวิตแต่หลานเธอก็น่าจะเลือกแล้วถึงได้มั่นใจเช่นนี้และเธอเลี้ยงหลานสาวคนนี้มากับมือดูออกว่าหากวันหนึ่งมั่นใจที่จะทำอะไรขนาดนี้เธอคงห้ามไม่ได้แล้วคงได้แต่เอาใจช่วยเท่านั้น
เรื่องราวก่อนหน้านี้หลังจากที่วันหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศหลังจากเรียนจบเธอก็ปรี่เข้าไปตรวจดวงชะตากับหมอดูที่ใช้ญาณสัมผัสหมอดูเจ้าประจำของคนเป็นย่าและเธอก็ได้รู้ว่าเธอนั้นจะต้องรีบหาสามีภายในหกเดือนไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอหลังจากนั้นก็อาจจะเจอแต่คนไม่จริงใจใครเข้ามาก็จะมีแต่หลอกลวงและชีวิตของเธอก็จะหาความสุขไม่ได้
หากอยากจะได้สามีดีตามดวงชะตาจะต้องขึ้นมาที่ทางเหนือและผู้ชายคนที่จะเป็นเนื้อคู่ของเธอจะต้องอายุประมาณ30เกิดวันที่5เดือน5เป็นคนที่เข้าถึงยากรูปร่างหน้าตาดี หากขึ้นเหนือไปแล้วโชคชะตาจะนำพาให้เธอมาเจอกับผู้ชายคนนั้นเอง วันหนึ่งได้โจทย์มาเพียงเท่านี้หลังจากดูดวงเรียบร้อยอีกไม่กี่วันสองย่าหลานก็เดินทางขึ้นเหนือโดยที่บอกกับสิทธิเดชและวิริยาว่าจะไปพักผ่อน ที่แรกที่ทั้งสองมาก็เป็นบ้านของอุไรและไออุ่นคนสนิทของนฤดีที่เคยทำงานด้วยกันในตอนที่วันหนึ่งยังแบเบาะนฤดีตั้งใจจะมาเยี่ยมทั้งสองหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายปีและแล้วเรื่องบังเอิญที่เหมือนโชคชะตาเป็นใจก็ได้เกิดขึ้น
เพราะหลังจากที่นฤดีและวันหนึ่งมาที่บ้านของอุไรก็ได้รู้ว่าเจ้านายของอุไรที่เป็นพ่อเลี้ยงของไร่เพชรพนากำลังจะจัดวันเกิดและเป็นวันที่5เดือน5นฤดีจึงมีโอกาสได้ถามถึงอายุอานามจนได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ตรงกับคำทำนายจึงได้เล่ารายละเอียดสิ่งที่ไปดูดวงมาให้อุไรและไออุ่นฟัง ให้ทั้งสองช่วยวันหนึ่งให้ได้เข้าไปรู้จักกับพ่อเลี้ยงน่านน้ำเมื่ออุไรและไออุ่นได้ยินเรื่องแปลกแบบนี้คราแรกก็อึกอักที่จะช่วยแต่สุดท้ายแล้วก็ตอบรับที่จะช่วยโดยดีเพราะเห็นแก่บุญคุณที่นฤดีเคยมีให้แต่ในใจก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไรนัก
อีกอย่างพ่อเลี้ยงน่านน้ำก็เป็นคนที่เข้าถึงยากไม่ใช่ว่าใครจะขอเข้าไปรู้จักก็ได้เพราะแม้แต่คนงานในไร่เองก็ยังไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาเจ้านายของตัวเองเลยเว้นแต่อุไรที่เคยเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงหนุ่มเท่านั้นที่ได้เห็นหน้าเขาทุกวันแต่ตอนนี้อุไรก็ลาออกมาแล้วเพราะทำงานไม่ไหวด้วยโรคร้ายอย่างเบาหวานกำเริบ
เมื่อนฤดีรู้ดังนั้นจึงได้นั่งปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรให้วันหนึ่งได้ใกล้กับพ่อเลี้ยงหนุ่มให้มากที่สุดจนได้ข้อสรุปว่าวันหนึ่งต้องรีบไปสมัครงานเป็นแม่ครัวของน่านน้ำก่อนที่น่านน้ำจะเลือกแม่ครัวคนใหม่มาและแผนนี้วันหนึ่งก็เห็นด้วยเป็นที่สุด
สามวันต่อมา
หลังจากที่ผ่านพ้นงานเลี้ยงวันเกิดพ่อเลี้ยงหนุ่มไปได้สองสามวันวันนี้ไออุ่นขับมอเตอร์ไซสีแดงคันเก่งพาวันหนึ่งซ้อนท้ายมาจอดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านของน่านน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ วันหนึ่งลงจากรถได้ก็ยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาแห่งความชื่นชมเพราะรู้สึกชอบบริเวณบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นพิเศษเพราะบ้านนี้เป็นบ้านไม้สักสไตล์โมเดริ์นสองชั้นสีไม้สวยงามดึงดูดสายตาชั้นบนยังมีชานบ้านกว้างแถมยังทำคอกปลูกดอกไม้ไว้ด้านบนอีกบริเวณหน้าบ้านก็กว้างไปด้วยสนามหญ้าลาบลงต่ำมาจากตัวบ้านจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ไออุ่นจอดรถเธอจินตนาการไปถึงวันที่ลูกของเธอมาวิ่งเล่นไม่อยากจะนึกว่าวันนั้นจะมีความสุขขนาดไหน
"คุณหนึ่งคะ"
"อ.. เอ่อค่ะ"
คนที่กำลังจินตนาการวาดฝันถึงวันข้างหน้าเริ่มได้สติเมื่อคนข้างๆสะกิด
"ไปเถอะค่ะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงจะออกไปซะก่อน"
ไออุ่นรีบหยิบปิ่นโตเถาเล็กออกมาจากตระกร้าหน้ารถเดินนำหน้าวันหนึ่งตรงไปยังหน้าบ้านของน่านน้ำ
“แม่เป็นไงบ้างอุ่น”
พ่อเลี้ยงหนุ่มที่แต่งตัวเตรียมออกไปทำงานเอ่ยทักทายไออุ่นที่หิ้วปิ่นโตมาที่บ้านเขาแต่เช้าดวงตาคมเหลือบมองสาวน้อยตัวเล็กที่เดินตามหลังไออุ่นต้อยๆด้วยแววตาสงสัยแต่ก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่ถามด้วยรู้ว่าคนพามาน่าจะแนะนำตัวคนแปลกหน้ากับเขาเอง
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ
"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง""หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ""ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี""ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ""ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ""ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น""ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย""สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป""อืม..""เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ""ไม่เคย..""ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่
Comments