ทันทีที่ชินดนัยก้าวเข้าไปในฮอลล์ขนาดใหญ่ เสียงเพลงสากลจังหวะเร้าใจก็ดังกระหึ่ม เบื้องหน้าของเขาเป็นโต๊ะกลมวางตั้งเรียงรายแต่ไม่ชิดติดกันเกินไปเหมือนผับบางที่ โดยแต่ละโต๊ะมีผู้นั่งจับจองอยู่ก่อนแล้ว ถัดไปเป็นเวทีขนาดใหญ่ มีสาวสวยระดับนางแบบหลายสิบชีวิตนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างมีชั้นเชิง
ชายหนุ่มละสายตามาจากหน้าเวทีแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างคุ้นเคย เพราะบริเวณชั้นสองกั้นเป็นห้องวีไอพีที่แยกกันเป็นสัดส่วน สามารถมองเห็นโชว์จากหน้าเวทีได้โดยไม่ต้องมีใครมาบดบังทัศนียภาพ ทั้งยังมีกระต่ายสาวแสนเซ็กซี่มาคอยบริการเครื่องดื่มให้อีกด้วย
เขาเดินตรงไปยังห้องที่เพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไปถึงก็เห็นบันนี่เกิร์ลแสนสวยสี่นางนั่งประกบเพื่อนเขาฝั่งละคน เขาจึงหย่อนตัวนั่งบนโซฟาที่ว่างอยู่อีกตัว
"โถ...เพื่อนกู กว่าจะเสด็จมาได้ เหล้าพร่องไปครึ่งขวดแล้วเนี่ย" ภาวิน นักบินหนุ่มรูปหล่อแซะเพื่อนทันทีที่เห็นอีกฝ่าย
"ถ้ามึงไม่ขู่ว่าจะตัดเพื่อนมันก็คงไม่มาหรอก เดี๋ยวนี้มันเป็นคนดีแล้วมึงยังไม่ชินอีกหรือวะ ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกมานี่ ถ้าไม่ติดว่ามันยังจำเพื่อนฝูงได้กูคงนึกว่าเป็นไอ้ชินตัวปลอม" ปกเกล้า นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของร้านขายอุปกรณ์แต่งรถซูเปอร์คาร์พูดขึ้นบ้าง ก่อนจะหันไปบอกสาวสวยข้างกายให้เรียกบันนี่เกิร์ลมาเพิ่มอีกสองคนสำหรับชินดนัย
“เฮ้ย! เอามาทำไมเยอะแยะ เรียกมาคนเดียวก็พอ หรือไม่ต้องเรียกมาก็ได้” ชินดนัยบอกปกเกล้าเมื่อได้ยินอีกฝ่ายให้กระต่ายสาวเรียกเพื่อนมาอีกสองคน
ภาวินหัวเราะแบบไม่มีเสียงพลางหันไปพยักหน้ากับปกเกล้าเป็นเชิงบอกว่า ‘กูว่าแล้ว’
“มึงจะบวชรึไงวะไอ้ชิน ก่อนไปนอกก็บวชแล้วนี่หว่า ปกติเรื่องสาวสวยมึงไม่เคยปฏิเสธเลยนี่” ภาวินพูดพลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบสองสาวทั้งซ้ายและขวา
“นั่นสิ ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยมึงแทบหายหน้าหายตาไปจากกลุ่มเลยนะ ช่วงสองสามเดือนแรกพวกกูก็เข้าใจว่ามึงยุ่งอยู่กับการรับช่วงดูแลบริษัทต่อจากพ่อ แต่นี่ปาเข้าไปหนึ่งปีแล้วนะเว้ย ในหนึ่งปีที่มึงกลับมา นี่เป็นครั้งที่หกที่มึงมากินเหล้ากับพวกกูตามนัด เฉลี่ยสองเดือนครั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนแทบทุกอาทิตย์” พูดจบปกเกล้าก็ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“ไม่ได้เป็นอะไร กูก็แค่เบื่อ ๆ เท่านั้นเอง” ชินดนัยตอบพลางเอื้อมหยิบแก้วสุราที่บันนี่สาวชงไว้ให้ขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง ไม่มีท่าทีสนใจกระต่ายสาวเซ็กซี่ในชุดบอดี้สูทรัดรูปสีดำที่เว้าตรงโคนขาขึ้นสูงจนดูเหมือนชุดว่ายน้ำ แม้แต่เรียวขาขาวได้รูปของเจ้าหล่อน เขาก็แค่มองผ่าน ๆ ไม่ได้มองด้วยสายตาวาววามเหมือนเมื่อก่อน
“จะเบื่ออะไรนักหนาวะเพื่อน กูอุตส่าห์ชวนมาคลุกวงในกับสาว ๆ ที่นี่ มึงรู้ไหมว่ากูเสียค่าสมาชิกปีละห้าหมื่นเชียวนะเว้ย เพราะฉะนั้นพวกมึงต้องมากับกูบ่อย ๆ อย่าให้กูเสียเงินฟรี” ปกเกล้าชี้หน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างหมายมาด ขณะที่ชินดนัยส่ายหน้าให้พร้อมกับแค่นยิ้ม
“แค่ห้าหมื่นมาทำเสียดาย ทีคราวก่อนมึงเลี้ยงดริงก์สาว ๆ หมดเป็นแสนในคืนเดียวไม่เห็นบ่น”
ปกเกล้ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเบนสายตามองไปที่หน้าเวทีครู่หนึ่งแล้วหันมาคุยกับเพื่อนต่อ
“คืนนี้พวกมึงจะไปต่อกันรึเปล่า” ปกเกล้าพูดพลางบุ้ยหน้าไปทางสาวข้างกาย ซึ่งชินดนัยกับภาวินนั้นเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร ภาวินนั้นยิ้มพราย แววตาระยิบระยับ ถามเพื่อนกลับอย่างสนใจ
“คุยแล้วหรือวะ น้องเขาโอเคหรือ”
คนถูกถามยกแขนขึ้นโอบไหล่กระต่ายสาวข้างตัวทั้งสองคนแล้วหันไปถามเจ้าหล่อน
“น้องแอมมี่กับน้องกระแตตอบพี่เขาให้ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะว่าโอเครึเปล่า”
สองสาวพยักหน้าแล้วพากันหัวเราะคิกคัก ขณะที่ปกเกล้านั้นมองไปทางชินดนัยแล้วยักคิ้วให้ทีหนึ่งอย่างท้าทาย
“แล้วมึงล่ะไอ้ชินเอาด้วยรึเปล่า กล้ารึเปล่ามึงน่ะ เกิดเป็นเสือก็ต้องอยู่อย่างเสือสิวะ จะมาสิ้นลายตอนนี้ได้ยังไง เสียชื่อเพลย์บอยนักรักหมด”
คนถูกท้าทายแค่นหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ สายตามองเลยไปที่หน้าเวทีเมื่อเริ่มมีการแสดงดนตรีสดจากนักร้องชื่อดัง ส่วนเพื่อนทั้งสองคนนั้นได้แต่หันมองหน้ากัน สุดท้ายก็เป็นภาวินที่ลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือบอกหญิงสาวที่นั่งประกบชินดนัยให้ถอยออกไป จากนั้นก็นั่งลงแทนที่แล้วยื่นหน้าไปกระซิบเบา ๆ ข้างหูเพื่อน
“กูถามจริง ๆ เหอะวะไอ้ชิน ที่มึงเลี่ยงไม่ไปสนุกกับสาว ๆ เลยตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกนี่เป็นเพราะน้องชายมึงไม่แข็งใช่ไหมวะเพื่อน เฮ้ย เรื่องแบบนี้มันต้องปรึกษาหมอนะเว้ย ปล่อยไว้ไม่ได้”
“ส้นตีนเหอะไอ้วิน มึงคิดได้ไงวะเนี่ย ไม่ใช่เว้ย!” ชินดนัยทั้งขำทั้งฉุนที่ถูกเพื่อนกล่าวหาว่าเป็นเพราะอาวุธประจำตัวของเขาอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผาจึงไม่ยอมลากสาวขึ้นเตียงอย่างที่เคยทำทุกครั้งเวลามาท่องราตรี
จะว่าไปแล้ว การที่เพื่อนทั้งสองคนจะสงสัยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เขากับเพื่อนกลุ่มนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักล่าสาว ๆ เลยก็ว่าได้ พวกเขาท่องราตรีกันทุกอาทิตย์ และทุกครั้งก็จะหิ้วสาวมาเล่นสนุกตลอด บางวันแค่ไปกินข้าวหรือเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เขาก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของนิสิตสาวต่างสถาบันมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนัดเจอกันเพื่อกินข้าวดูหนัง ตอนท้ายก็ต้องไปจบที่เตียงทุกรายไป
วิถีเพลย์บอยของพวกเขาเป็นอย่างนี้เสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ เขาก็ยังทำตัวแบบนั้นอยู่ ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมือง พบเจอหญิงสาวหลากหลายเชื้อชาติเขาก็ยิ่งสนุกสนานกับการวิจัยเรือนร่างของพวกหล่อนว่าสาวชาติไหนลีลาจะเร้าใจที่สุด
แต่นานวันเข้าเขาก็เริ่มเบื่อกับชีวิตประจำวันที่ทำอยู่ ในแต่ละวันของเขามีแค่ตอนเช้าไปเรียน ตกค่ำมีปาร์ตี้ และจบลงด้วยเซ็กซ์กับหญิงสาวมากหน้าหลายตาซึ่งบางคนเขาไม่รู้ชื่อหล่อนด้วยซ้ำ เป็นอย่างนี้แทบทุกวันจนเขาเริ่มถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร เขาจะทำตัวล่องลอยไร้หลักแหล่งแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนทั้งที่เรียนจบปริญญาโทตามเป้าหมายแล้วแท้ ๆ เขาพอใจแล้วหรือยังกับจำนวนหญิงสาวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร