จริยายิ้มออกมาอย่างสะใจ ขณะที่โรสรินทร์หน้าเผือดซีด เมื่อเขาบอกว่าต้องทนอยู่กับหล่อนอย่างทรมาน...
“โรส” คุณผกามาศขยับชิดลูกสะใภ้ ไม่เพียงโรสรินทร์ที่สะเทือนใจกับคำพูดของเรวัต แต่คนเป็นแม่แท้ๆ เองยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หญิงสาวต้องเผชิญ ทั้งยังรู้สึกผิดที่เป็นคนลากอีกฝ่ายเข้ามาพบเจอกับเรื่องนี้ ถ้าท่านไม่ขอให้โรสรินทร์แต่งงานกับลูกชายในตอนนั้น ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“แม่ถามจริงๆ เถอะ แกจำได้ไหมว่าช่วงปีแรกที่แต่งงานกับโรส แกเคยมีความสุขมากแค่ไหน แกต้องจำได้สิ”
คำถามของมารดาทำให้เรวัตนิ่งเงียบ แววตาไหววูบ สีหน้าแปรเปลี่ยนแต่ก็เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนกลับไปเป็นเรวัตผู้เย็นชาและเอาแต่ใจคนเดิม ขณะเดียวกันจริยาเองก็กระตุกแขนคนรักเพื่อดึงสติเขาเอาไว้
“ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องจำ เพราะมันไม่เคยเป็นเรื่องจริง เรื่องของผมกับจ๋าต่างหาก ที่เป็นเรื่องจริง!”
จริยาลอบแสยะยิ้มใส่โรสรินทร์ ต่างจากท่าทางที่สั่นสะท้านหวาดหวั่น
หญิงสาวมองดวงตาปลิ้นปล้อนของจริยาแล้วกำมือแน่น ก่อนสบตาคมกริบที่มองหล่อนราวกับคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อกันด้วยความช้ำใจ ไม่อยากเชื่อว่าการกลับไปเจอกับจริยาเพียงไม่นาน จะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้
“คุณจะบอกว่าคุณลืมสิ่งดีๆ ที่เราเคยมีต่อกัน เคยทำร่วมกันทั้งหมด”
เรวัตนิ่ง ไม่ตอบคำถาม เช่นเดียวกับแววตาคมเข้มที่มองเลยไปไม่ยอมสบตาหญิงสาว
ดวงตาคู่งามเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะสบตาผู้หญิงที่เคยเป็นคนรักเก่าของสามี แต่กำลังจะกลับมาเป็นคนรักในปัจจุบันอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่ฝ่ายนั้นแสดงออกถึงความมีแต้มต่ออย่างชัดเจน
“สักวัน แกจะต้องเสียใจกับสิ่งที่แกทำลงไป” คุณผกามาศเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระด้างแกมสั่นเครือ ก่อนจะมองคนข้างกายด้วยสายตาห่วงใย หญิงสาวจึงยิ้มให้ท่านพลางบอก
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ในเมื่อคุณเรตัดสินใจแบบนี้ โรสก็จะยอมรับ”
เรวัตหันมาสบตางดงามที่เจือความเศร้าหมองของโรสรินทร์อีกครั้ง แต่คนที่หัวใจแข็งประดุจหินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงสิ่งใดออกมานอกจากความเย็นชา
“ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณต้องการ โรสจะยอมหย่า ขออย่างเดียว อย่าเพิ่งพาคนรักของคุณเข้ามาในบ้านหลังนี้ รอให้ฉันไปเสียก่อน หลังจากนั้นคุณจะทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณเต็มที่”
หญิงสาวรักษาเกียรติและหน้าตาของเขารวมถึงมารดาเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะพอทำได้ ไม่อยากให้ใครๆ เอาไปลือว่าเขาพาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านทั้งที่ยังมีเมียอยู่ทั้งคน เกรงว่าคุณผกามาศจะอับอายยามออกงาน จะกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของคนอื่น เรวัตก็จะพลอยหมดความน่าเชื่อถือไปด้วย ส่วนหล่อนคงไม่มีใครสนใจนัก เพราะแทบไม่มีใครรู้จัก
จริยาที่ร้องไห้อย่างหนักก็นัยน์ตาวาววาบขึ้นอย่างดีใจ ต่างจากคุณผกามาศที่กัดฟันกรอด ดวงตาที่มองลูกชายมีหยาดน้ำคลอออกมาด้วยความผิดหวังเสียใจ ทำให้ชายหนุ่มเมินหลบไม่สบตาท่าน แต่ต้องเจอกับสายตาของโรสรินทร์ที่กำลังมองเขาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว พลันหัวใจของเขากลับหวั่นไหวแปลกๆ
คืนนั้น เขายอมทำตามคำขอร้องสุดท้ายของโรสรินทร์ โดยการพาจริยากลับไปส่งและกลับมานอนที่บ้าน พอเช้ารุ่งขึ้น หญิงสาวก็ลงมารอเขาที่ห้องรับแขก พร้อมเอกสารเตรียมหย่าเรียบร้อย เขากวาดตามองหามารดาแต่กลับไม่พบ
“คุณแม่ท่านกลับไปแล้วค่ะ ทีนี้ก็เหลือแค่โรสกับคุณ เรา...ไปทำให้มันจบๆ กันเถอะค่ะ”
ร่างอ้อนแอ้นที่ดูจะบอบบางลงของโรสรินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง วันนี้หล่อนอยู่ในชุดสีดำราวจะไว้อาลัยให้กับชีวิตแต่งงานที่บัดซบระหว่างเขากับหล่อน จากนั้นเดินนำออกไปก่อน ขณะที่เขานิ่งงันอยู่ตรงนั้น ราวกับลังเลอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจก้าวตามหล่อนออกไปในที่สุด
เมื่อหย่าเรียบร้อย เรวัตคิดว่าโรสรินทร์คงจะอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมเก็บข้าวของโดยใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งอาทิตย์ แต่กลายเป็นว่าช่วงบ่ายของวัน โรสรินทร์ก็ลากกระเป๋าเพียงใบเดียวออกจากบ้านของเขา หล่อนสบตาเขา มองนิ่ง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก เช่นเดียวกับเขาที่เงียบงัน ไม่มีคำร่ำลา มีเพียงเช็คหนึ่งใบที่ส่งให้หญิงสาว ทว่าหล่อนเพียงยิ้มและปฏิเสธที่จะรับ ก่อนจะขับรถยนต์ซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของหล่อนออกไปจากบ้านของเขาเงียบๆ
เรวัตมองหล่อนจากไปด้วยความรู้สึกอื้ออึงในใจ เขาควรจะรู้สึกปลอดโปร่งยินดีสิ ทว่าในความจริงกลับมีแต่ความอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นเขายังบอกกับตนเองว่าทำถูกแล้ว ถ้าไม่รัก ก็ควรปล่อยหล่อนไป เพื่อที่หล่อนจะได้มีโอกาสในการพบเจอคนที่ใช่สำหรับหล่อน ส่วนเขาก็คงทำตามแผนที่วางเอาไว้เช่นเดียวกัน...
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวขณะหลุบตามองภาพคู่แม่ลูกดูอีกครั้ง ทุกวันที่ผ่านไป เขาได้ตระหนักว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่อได้รู้ว่าเด็กคนนั้น อาจเป็นลูกของเขา...
เรวัตยกมือของตัวเองขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ ปิดภาพของโรสรินทร์และเด็กน้อยในอ้อมแขน
ถึงเวลาที่เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเสียที
บทพิเศษ ๒หมดทั้งใจโรสรินทร์เป็นสาวร่างเล็ก หากเทียบกับเรวัตหล่อนก็สูงเลยหัวไหล่เขาขึ้นไปเล็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวอาจไม่ใช่คนสวยจัดจ้าน แต่ก็น่ารักอ่อนหวานอย่างที่ทำให้หนุ่มอื่นเหลียวมองได้โดยไม่ยาก และเขารักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นหล่อน “กำลังท้องกำลังไส้ ไปซนที่ไหนมาอีก”เสียงกระเซ้าที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปยิ้มกว้างกับสามีที่เดินเข้ามาสวมกอดหล่อนจากด้านหลัง“ไปซื้อของใช้ส่วนตัวกับแนนมาค่ะ โรสซื้อครีมโกนหนวดแล้วก็มีดโกนมาให้พี่เรด้วย ของเก่าใกล้หมดแล้ว” หญิงสาวตรวจสิ่งของที่ซื้อมาว่าครบถ้วนหรือไม่ ขณะที่ชายหนุ่มเกยคางกับบ่าบอบบางเอาไว้ สายตาก็มองเข้าไปในถุงผ้า มือเรียวใหญ่ลูบไล้บนหน้าท้องที่ยื่นออกมามากแล้ว“ท้องนี้ใหญ่จัง แค่สามสี่เดือนเอง” เขาพึมพำอย่างนึกเป็นห่วง โรสรินทร์ตั้งท้องลูกคนที่สามให้กับเขาแล้ว แต่ดูหล่อนยังกระฉับกระเฉงแทบไม่ต่างจากตอนปกติทั้งที่ท้องโตเร็วมาก“ท้องสามแล้วนะคะ ก็ใหญ่เป็นธรรมดา แต่คลอดคนนี้แล้วโรสว่าเราสองคนทำหมันกันดีกว่านะ”คนตัวโตเลิกคิ้วนิดๆ ยิ้มหน่อยๆ“ตามใจโรส”คนถูกตามใจมาโดยตลอดยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ“ใจดีจังเลย ตามใจตลอด”“มีเมียกับเขาแค่คนเดี
เวลานั้น ภาพวูบวาบในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ขาดหายกำลังไหลผ่านเข้ามาในความคิด ทำให้เขาปวดหัวอีกครั้ง มันหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ แต่เขาไม่ยอมเชื่อโดยเฉพาะภาพกอดจูบผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย ทำเรวัตช็อก หัวใจเต้นแรง เหงื่อแตกพลั่กไม่จริง เขาไม่ทำแบบนั้น!เมื่อชายหนุ่มลืมตาและหันไปมองตรงที่หญิงสาวยืนอยู่กลับไม่พบร่างบาง ภายในห้องว่างเปล่าจนเขาใจหาย ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นต่อไปแน่เมื่อมารดายื่นคำขาด เรวัตก็บอกตนเองว่าช่างมัน ในเมื่อโรสรินทร์อยากอยู่เขาก็ให้อยู่ ทว่าทุกวันหล่อนจะได้พบกับความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น เหมือนกับที่เขากำลังรู้สึก“อยากอยู่ก็ได้ แต่ช่วยย้ายข้าวของของเธอออกจากห้องของฉันด้วย”เขาออกคำสั่งทันทีที่กลับมาถึงบ้าน หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งตัวชา หน้าชาอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงค่อยๆ ทยอยขนย้ายข้าวของออกจากห้องนอนส่วนตัวที่เคยเป็นวิมานรักของเขาและหล่อนมาหนึ่งปีเต็มด้วยสายตาหม่นหมอง แต่เรวัตกลับเข้าใจไปว่าหล่อนกำลังอาลัยอาวรณ์ห้องนี้นักหนา“โทษทีนะ แต่ห้องนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ บ้านหลังนี้ก็
เรวัตจดปลายปากกาลงบนใบสำคัญการสมรสเรียบร้อย โรสรินทร์จึงเซ็นชื่อของตนเองตามลงไป มองผู้หญิงที่มารดาบอกว่ากำลังวางแผนร่วมชีวิตกับหล่อนก่อนประสบอุบัติเหตุด้วยความรู้สึกสับสน แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่มารดากล่าวอ้างจนลุล่วงภายในห้องหอเขายืนนิ่งอยู่หน้าเตียงนอน ขณะที่เจ้าสาวของเขากำลังอาบน้ำ งานแต่งวันนี้เป็นเพียงงานเล็กๆ มีผู้ร่วมงานไม่กี่คน แต่เขาก็พอใจให้เป็นแบบนั้น เพราะต่อให้มีคนมากมาย เขาก็จำอะไรไม่ได้สักอย่างชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเตียงกว้าง จนถึงเวลานี้เขาก็ยังสับสน ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว มารดาบอกว่าเขากับเจ้าสาวรักกัน แต่ทำไมเขาจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นเลยสักนิด แม้ความจริงเขาจะยังจำอะไรไม่ได้ หมอบอกว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะต้องมีความรู้สึกผูกพันกับหล่อนบ้างสิ แต่นี่ไม่เลยสักนิด...คืนแรกผ่านไปด้วยดี เขาไม่ได้แตะต้องหล่อน เพราะดูเหมือนหล่อนเองก็ประหม่าเช่นกัน แต่หลังจากนั้น เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น จึงทำให้คู่สามีภรรยาหมาดๆ เริ่มคุ้นเคยกันทีละนิด จากที่เคยรู้สึกแปลกหน้า ก็กลายเป็นความสนิทสนม“เช้านี้คุณเร
บทพิเศษ ๑เศษพิศวาสณ โรงพยาบาลชื่อดัง โรสรินทร์นั่งบนโซฟาชิดผนังภายในห้องพิเศษ ดวงตาคู่สวยของสาวน้อยคอยมองไปยังเตียงผู้ป่วยเป็นระยะ คนบนเตียงยังคงหลับอยู่บนนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาให้คนรอได้ใจชื้นเลยสักหน“ตาเรตื่นบ้างไหมโรส” คุณผกามาศกลับเข้ามาอีกครั้งในช่วงเย็น ท่านยืนมองลูกชายที่มีสายระโยงระยางอยู่เท่าเดิมด้วยสายตาหม่นหมองเหตุการณ์ชวนช็อกทำให้ท่านแทบล้มทั้งยืน แต่เมื่อเป็นเสาหลักทำให้ต้องฝืนหยัดยืนและตั้งสติ“ยังเลยค่ะ คุณแม่นั่งก่อนนะคะ” หญิงสาวผุดลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง คุณผกามาศจึงเข้าแทนที่ ท่านกอบมือลูกชายขึ้นมากุมเอาไว้ นัยน์ตามีหยาดน้ำเอ่อคลอ“ตาเร ได้ยินแม่ไหมลูก”โรสรินทร์ยืนมองท่านด้วยความสงสารจับใจ เรวัตไม่มีวันรู้ว่าเขาเกือบทำให้ท่านขาดใจตามไปด้วยเปลือกตาของเรวัตกระตุกเบาๆ แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คุณผกามาศนั่งมองลูกชายอยู่นาน ภาวนาให้เขาปลอดภัยทุกลมหายใจ กระทั่งมีงานเร่งด่วนท่านจำต้องกลับไปอีกครั้ง“แม่ฝากพี่เขาด้วยนะโรส”โรสรินทร์ยิ้มให้กับผู้มีพระคุณ“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าคุณเรรู้สึกตัวเต็มที่ โรสจะรีบโทร.บอกกับคุณแม่ค่ะ”ผู้สูงวัยพยักหน้ารับรู้ ดวงตาคู่
วันเวลาเคลื่อนไปปีแล้ว ปีเล่า ทุกชีวิตล้วนเติบใหญ่ เช่นเดียวกับสองพี่น้องที่กำลังวิ่งเล่นบนชายหาด เสียงคลื่นซัดสาดเป็นจังหวะ บริเวณนี้เป็นชายหาดส่วนตัวของเรวัต เมื่อไม่นานมานี้ เขาตัดสินใจซื้อบ้านพักตากอากาศหรูติดชายทะเลเพราะลูกๆ ชอบมาก เด็กๆ มักจะเรียกร้องขอให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวทะเลเสมอ เขาซึ่งเป็นพ่อที่รักลูกมากจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เป็นบ้านพักสำหรับครอบครัว“พ่อจ๋า มาเย่นกัน” แม่หนูรินร้องเรียกบิดาเสียงแหลม แล้วกระโดดโลดเต้นกับพี่ชายตัวโตที่คอยดูแลน้องสาวอยู่ไม่ห่าง“พี่เรไปเล่นกับลูกๆ เถอะค่ะ ตรงนี้โรสกับแนนจัดการเอง” หญิงสาวเงยหน้าบอกสามีที่กำลังเตรียมวางบาร์บีคิวบนเตา“งั้นฝากด้วยนะ” เรวัตบอกกับภรรยาก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินตรงไปยังลูกๆ ที่กำลังสนุกสนานกับการเตะน้ำเล่นคุณผกามาศที่หลับเอาแรงเพิ่งเดินออกมาสมทบ ท่านมองหลานหญิงชายด้วยสายตาแจ่มใส“สนุกกันน่าดู ร่ำร้องมาตั้งแต่เดือนก่อน”โรสรินทร์หันไปมองท่านแล้วยิ้มอ่อน ก่อนจะมองเลยไปยังคนทั้งสามที่เป็นดั่งดวงใจของหล่อน“บ่นทุกวันเลยค่ะ นี่ถ้าอาทิตย์นี้ไม่พามาคงโวยวายไม่หยุด”“จริงค่ะคุณท่าน คุณหนูเซ้าซี้จนคุณโรสไม่เป็นอันทำง
บทส่งท้ายเมื่อถึงกำหนดคลอด เรวัตพาโรสรินทร์ไปโรงพยาบาลตามนัด เขาอยู่กับภรรยาตลอดเวลา แม้แต่ช่วงเวลาสำคัญ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้เห็นภรรยาคลอดลูก หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ลุ้นจนหน้าดำหน้าแดง รู้ตัวอีกทีว่าลืมหายใจก็ตอนที่ลูกสาวของเขาพ้นออกมาจากท้องของมารดาหมอให้ชายหนุ่มตัดสายสะดือ จากนั้นเขาได้อุ้มลูกสาวเป็นครั้งแรก พลันความตื้นตันก็ปริ่มล้นจนเอ่อท้นออกมาเป็นน้ำตา ลูกสาวของเขาผิวขาวผ่อง เนียนละเอียด ปากนิดจมูกหน่อย ตัวนิดเดียวแต่ร้องดังลั่นห้อง จนหมอและพยาบาลแซวว่าคงต้องส่งให้น้องเรียนว่ายน้ำ เพราะปอดใหญ่มากโรสรินทร์มองภาพสามีอุ้มลูกสาวแล้วน้ำตาไหล เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่น้ำตาคลอ เขายิ้มให้หล่อนแล้วส่งลูกสาวคืนให้กับนางพยาบาล...ไม่กี่วันต่อมาทั้งหมดก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ตามปกติ น้องรันที่ตอนนี้กลายเป็นพี่รันเรียบร้อยอยู่ไม่ห่างน้องสาว ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตรงไหนก็จะวนเวียนกลับมาหาน้อง มากอด มาหอมและคอยดูแล“น้องริน” พี่รันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มหอมกรุ่นสูดดมดังฟอด จนคนเป็นแม่อดที่จะหัวเราะเพราะความเอ็นดูไม่ได้ “แม่ค้าบ น้องรินน่ารักจัง”คนตัว