หน้าคอนโดP
จิณห์วราเดินทางกลับถึงคอนโดที่พักตอนบ่ายสามโมงครึ่ง หญิงสาวก้าวลงจากรถแท็กซี่และกำลังจะเดินเข้าไปภายในตึกที่พัก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลภัสวัฒน์เดินออกจากลิฟต์มาด้วยใบหน้าบึ้งตึงเหมือนมีเรื่องหงุดหงิดมาก ก่อนที่คนทั้งคู่จะเผชิญหน้ากันและกันอีกครั้ง ดวงตาคมดุจ้องมองเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเธอเลยในเวลานี้ “ไปไหนมา เวลาฉันโทรหาทำไมไม่รู้จักรับสายฮะ! ไม่รู้หรือยังไงว่าฉันยืนกดออดอยู่หน้าห้องนานนับครึ่งชั่วโมงแล้ว ไหนบอกว่าไม่สบาย!” น้ำเสียงเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตร เหมือนจะตะคอกใส่หน้าเธอด้วยซ้ำ คนที่ถูกต่อว่ายืนนิ่งและมองจ้องหน้าเขา “ค่ะ จีน่าไม่สบาย เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ขอโทษที่ไม่ได้รับสายนะคะพอดีปิดเสียงไว้ โทรศัพท์ก็ไม่ได้สั่นเตือน เลยไม่รู้ว่าคุณโทรหา” ใบหน้าสวยที่ดูซีด เธอไม่ได้ยิ้มแย้มให้กับคนตรงหน้าเหมือนทุกครั้งที่ได้พบเจอกัน ลภัสวัฒน์เข้าใจว่าหญิงสาวยังคงโกรธเขาในเรื่องวันนั้นอยู่ แต่เขาไม่ได้อยากใส่ใจสักเท่าไหร่นักกับเรื่องนั้น ซึ่งมันรบกวนใจเขาอยู่มากเช่นกัน “ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยงั้นสิ เป็นอะไร?” จิณห์วราไม่ตอบก่อนที่เธอจะเดินผ่านหน้าของเขาไป และตรงไปยังลิฟต์ของคอนโดที่จะนำพาตัวเองขึ้นไปยังห้องพักบนชั้น 10 ขาสูงยาวรีบก้าวเดินตามหลังของหญิงสาวไปติด ๆ เพราะที่มาหาเธอในวันนี้ก็ยังคงอยากพูดคุยเรื่องที่ชวนให้ทะเลาะกันในวันนั้นให้รู้เรื่องอีกครั้ง “เดินหนีหน้าทำไม ฉันถามทำไมไม่ตอบฮะ?” เสียงทุ้มถามขึ้น ขณะที่ภายในลิฟต์มีเพียงเขาและเธออยู่ด้วยกันสองต่อสอง หญิงสาวปรายหางตามองหน้าเขาเพียงครู่ “ถึงห้องพักก่อนนะคะแล้วจีน่าจะพูดคุยกับคุณลีโอ ขออยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ สัก 2-3 นาทีได้ไหม จีน่าเหนื่อย รู้สึกเพลียและยังรู้สึกไม่หายดี” หญิงสาวขยับตัวให้หลังได้พิงกับผนังลิฟต์ พร้อมหลับตาลงช้า ๆ พยายามขับไล่ทุกความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในใจทิ้ง เพียงแค่เห็นหน้าเขา เธอก็อยากร้องไห้ แต่เธอจะไม่อ่อนแอให้เขาต้องได้เห็นในเวลานี้ ยังมีเรื่องสำคัญมากกว่าที่เธออยากจะพูดอยากจะคุยกับเขา แม้จะเร็วขึ้นกว่าแพลนที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะพูดคุยวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ สุดท้ายก็คงต้องได้พูดคุยกันอยู่ดี ลภัสวัฒน์นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน เขาหันหน้าไปมองหญิงสาวที่หลับตานิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เธอไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนจนชวนให้รู้สึกใจหาย เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายบึ้งตึงไม่ยิ้มทัก เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเขา เธอจะยิ้มดีใจและมีความสุขที่สุดเสมอ แต่วันนี้มันกลับไม่ใช่ มีเพียงความตึงเครียด มีเพียงความอึดอัดซึ่งยากที่จะอธิบายได้เหมือนกัน... ภายในห้องพักของจิณห์วรา หลังจากที่คนทั้งคู่เดินเข้ามาอยู่ภายในห้องรับแขกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำเย็นมาดื่มให้ชื่นใจ แต่เธอไม่ได้สนใจที่จะถามเขาว่าอยากดื่มน้ำเหมือนกันหรือเปล่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเคย ทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ของห้องครัวถึงกับหงุดหงิดหัวเสียขึ้นอีกครั้ง "จะเป็นแบบนี้อีกนานไหมฮะ เรียกร้องความสนใจหรือยังไงกัน?" "ทำไมต้องเรียกร้องความสนใจคะ จีน่าไม่เคยทำตัวแบบนั้น คุณก็รู้" "แล้วเป็นอะไร โกรธเรื่องวันนั้นอยู่งั้นสิ?" หญิงสาวมองจ้องหน้า ก่อนจะเดินอ้อมออกจากครัวไปยืนเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง "เจอหน้าวันนี้ก็ดีค่ะ คุยมันตรงนี้ให้จบ ๆ ไปเลยก็ได้" ก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบของออกจากกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ ซองสีขาวซองแรกยื่นส่งให้ตรงหน้าเขา ฝ่ามือหนายื่นไปรับพร้อมกับรีบเปิดออกดู ดวงตาคมอ่านทุกตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนกระดาษใบนั้น ก่อนจะมองจ้องหน้าเธออีกครั้ง "ใบลาออก? หมายความว่ายังไง?" "ค่ะ จีน่าจะกลับไปดูแลยายที่บ้าน ไม่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ อีกแล้ว และนี่คือสิ่งที่คุณต้องการจะเห็นมากที่สุด" ใบรับรองแพทย์ถูกยื่นส่งให้ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ลภัสวัฒน์ยื่นมือไปรับแล้วรีบเปิดออกดูเป็นครั้งที่สอง "เธอจะลาออกไปเลี้ยงยาย หรือเธอโกรธที่ฉันบอกให้ไปเอาเด็กออก?" ดวงตาคมดุจับจ้องอ่านใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาล กวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรเหมือนคนที่มีความสุขมากในเวลานี้ ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างพอใจที่อีกฝ่ายทำตามในสิ่งที่เขาต้องการอย่างไม่ขัดขืน เขาวางกระดาษทั้งสองแผ่นลงบนโต๊ะทานข้าว พร้อมกับกระชากรวบเอวบางเข้ามาแนบชิด จมูกโด่งเป็นสันซุกไซ้ที่ลำคอขาวระหง สูดดมกลิ่นกายที่หอมหวานชวนให้รู้สึกดีมากทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ฝ่ามือหนาลูบไล้หน้าขาเนียนเรียวที่น่าสัมผัส ลูบไล้ไปมาเบา ๆ จนจิณห์วราต้องคว้าจับข้อมือของเขาเอาไว้อย่างเร็ว "จีน่าเพิ่งไปทำแท้งมานะคะ ร่างกายยังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้ จีน่าอยากกลับบ้านไปดูแลยาย เพราะยายของจีน่าแก่มากแล้วค่ะ ไม่มีใครคอยดูแล หวังว่าคุณลีโอจะเข้าใจ จีน่าไม่ได้โกรธแต่เข้าใจคุณ จีน่าไม่เหมาะที่จะเป็นทั้งแม่ของลูกหรือว่าเมียของใครหรอกค่ะ" ใบหน้าหล่อผละออกจากซอกคอของหญิงสาว เขามองจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยอีกครั้ง เขารู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายต่อต้านและปฏิเสธเขาแบบนี้ แถมยังพูดจาประชดประชัน ทั้งที่เขาคิดมาตลอดว่าเธอเข้าใจกับทุกสถานะที่เป็นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาคิดผิดมาตลอดเลยเหมือนกันสินะ ในใจลึก ๆ แล้วจิณห์วราคงหวังสูง ถึงได้ปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจับเขา แต่อย่างน้อยก็พูดรู้เรื่องและยอมเอาเด็กออก ไม่ต้องให้เกิดมาสร้างปัญหาอะไรให้ในอนาคตต่อจากนี้ไอรินน้อยยกมือชูสองนิ้วใส่กล้อง ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง จนเอื้องต้องรีบกดถ่ายเพิ่มอีกหลายรูป เก็บโมเมนต์ทุกอิริยาบถไว้ไม่ให้พลาดแม้แต่วินาทีเดียว ลภัสวัฒน์หันมากระซิบกับจิณห์วราเบา ๆ ระหว่างที่ทุกคนยังยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ “รูปพวกนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจเสมอว่าครอบครัวของเราคือของขวัญล้ำค่าที่สุด และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป” จิณห์วรายิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นด้วย แล้วซบลงบนไหล่เขาอย่างอ่อนโยน ภาพถ่ายหมู่ในวันนี้จึงกลายเป็นเครื่องยืนยันว่า ความรัก ความอบอุ่นและคำว่าครอบครัว คือบทสรุปที่สมบูรณ์ที่สุดของเรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่าวันนั้นชีวิตจะผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มากี่ครั้ง สุดท้ายแล้วโอกาส ๆ ในชีวิตก็ยังกลับมาเป็นของพวกเขาอีกครั้งได้เหมือนเดิม หลังจากที่แขกทุกคนทยอยกลับไป บ้านหลังใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง จิณห์วราเพิ่งกล่อมลูกสาวให้นอนกลางวันไปได้ เมื่อเดินกลับมาที่ห้องนอนใหญ่เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่อีกรอบ เธอก็พบว่าสามีตัวดีนั่งรออยู่บนเตียงกว้างนั้นแล้ว ลภัสวัฒน์เอนกายพิงหัวเตียง เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมออกเกือบครึ่ง เผยให้เห็นแผงอกกว้างและผิวขาวสว่างที่ทำ
จิณห์วราเดินออกมาพร้อมลูกสาว ทันทีที่เดินออกมาถึงสวนหลังบ้านทั้งไอรินและเธอก็ต้องตกใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน เพราะว่าครอบครัวของลภัสวัฒน์ทั้งหมด พวกเขารออยู่ที่นั่นแล้วเรียบร้อย มีคุณพ่อคุณแม่ของเขา ลัลล์ลลิต ติณณภพและมิลิน “ทุกคนมาทำอะไรที่นี่คะ?” จิณห์วราถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเดินเข้ามาสมทบกับทุกคนที่กำลังยืนรออยู่ ปล่อยให้ลูกสาวได้ไปวิ่งหยอกเล่นกับหนูน้อยมิลิน ก่อนที่ลภัสวัฒน์จะเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความรักและตั้งใจที่มี เขาเอื้อมมือไปกอบกุมมือของภรรยาสาวเอาไว้ “มันควรจะเป็นโอกาสดี ๆ ที่ฉันจะได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่รักที่สุดเช่นเธอ ฉันรู้ว่ามันควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว" ลภัสวัฒน์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงที่เขารัก ดวงตาคมที่เคยดุดันเวลาทำงาน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักที่ล้นหัวใจ มือข้างหนึ่งยังคงกอบกุมมือเธอเอาไว้แน่น ส่วนอีกมือค่อย ๆ ล้วงกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาเปิดมันอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายท่ามกลางแสงแดดอุ่นยามสาย “จีน่า..ที่ผ่านมาฉันอาจทำให้เธอเหนื่อย อาจจะเคยทำให้เธอร้องไห้มาแล
ทั้งสองนั่งลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ชายชี้ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสอย่างใจเย็น ลภัสวัฒน์ไม่ยอมปล่อยมือจิณห์วราเลยแม้แต่วินาทีเดียว เจ้าหน้าที่ผลักเอกสารและปากกามาให้ตรงหน้า ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งก่อนที่ลภัสวัฒน์จะยิ้มกว้างออกมา “ของจริงแล้วนะจีน่า เธอห้ามเปลี่ยนใจแล้วด้วย” น้ำเสียงปนความขี้เล่นพูดบอก แต่แฝงด้วยความจริงจังที่เต็มเปี่ยมจนสัมผัสได้ จิณห์วราหัวเราะเบา ๆ แล้วรับปากกามาถือไว้ มือสั่นน้อย ๆ อย่างตื่นเต้น “ใครจะเปลี่ยนใจล่ะคะ” “เธอมั่นใจได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นจีน่า ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอไปทั้งชีวิต” ฝ่ามือหนากอบกุมมือเธอแน่นขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเป็นฝ่ายเซ็นก่อน จิณห์วราก้มหน้าลง ลายเซ็นถูกเขียนบนกระดาษอย่างมั่นคงและตั้งใจ แม้หัวใจจะเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ พอเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นรอยยิ้มกว้างของเขาที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม “ทีนี้ตาคุณแล้วค่ะคุณลีโอ” เธอยื่นปากกาให้พร้อมสายตาท้าทายเขาเล็กน้อย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะรีบหยิบปากกาที่เธอยื่นให้มาถือไว้ “ได้ครับ... ด้วยความเต็มใจที่สุดในชีวิต” เขาเซ็นชื่อของตัวเองลงบนเอกสารอย่างชัดเจนมั่นคงเหมือนก
หลังจากผ่านศึกรักที่เหมือนสูบพลังออกจากร่าง ลภัสวัฒน์ค่อย ๆ โน้มตัวลงนอนแนบชิดเธออีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานซบลงบนอกเขาแน่น ฝ่ามือเล็กสอดประสานกับมือใหญ่ของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เสียงหอบหายใจยังดังแทบไม่เป็นจังหวะอยู่เช่นเดิม "ไม่ได้ทำแบบนี้นานมากแล้ว โคตรดี โคตรมีความสุขเลยจีน่า" เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก้มลงหอมผมของคนที่นอนซบบนอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจ็บมากไหมจีน่า ฉันทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?” เขาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน พลางลูบไล้แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าไปมาเบา ๆ “ถามอะไรแบบนี้คะ บ้าจริงคุณเนี่ย!" "อายทำไมผัวเมียเขาก็คุยกันตรง ๆ แบบนี้ล่ะ ยิ่งเรื่องบนเตียงยิ่งต้องเปิดอกคุยกัน ชอบท่าไหน อยากให้ทำอะไรบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายกันหรอกนะ" "คุณลีโอ!!" ใบหน้าสวยหวานมองค้อนอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ลภัสวัฒน์ถึงกับหัวเราะร่วนออกมาด้วยความพอใจ "แต่มันใช่เรื่องที่จะถามไหมเล่า ถ้าคุณรู้สึกดีจีน่าก็แฮปปี้ดีเหมือนกันค่ะ ไม่ชวนคุยแล้ว เหนื่อยเป็นบ้า จีน่าของีบอีกนิดนะคะ" ใบหน้าซุกลงบนอกแกร่งเขาอีกรอบ ลภัสวัฒน์ยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดู “รู้ตัวเองไหม เธอทำให้ฉันคลั่งได้ทุกครั้งเลยให้ตายสิ! จะน่ารักไปไหนนะเมียฉัน” จิณ
คืนนั้นห้องนอนใหญ่ดูเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลภัสวัฒน์ลืมตานอนมองเพดาน ดวงตาคมเต็มไปด้วยความว้าวุ่นจนนอนไม่หลับจนเกือบถึงเที่ยงคืนแล้ว “โธ่เอ๊ย...ให้กอดอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะจีน่า ตัวเองหลับสบายเลย แต่ฉันนี่สิจะบ้าตายอยู่แล้ว” เขาพึมพำเบา ๆ ก้มมองคนที่ซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งของเขา กลิ่นหอมจากแชมพูสระผมที่เธอใช้ลอยเตะจมูก อยู่ตลอดเวลา เสียงหายใจดังสม่ำเสมอ และความนุ่มนิ่มของร่างในอ้อมแขน มันยิ่งทำให้ใจของผู้ชายที่อดทนมาทั้งอาทิตย์สั่นสะเทือนอย่างหนัก "จะลักหลับเลยดีไหมวะ?" ความคิดแวบเข้ามาจนเขาต้องกัดฟันกรอด ฝ่ามือหนาใหญ่เริ่มไม่อยู่นิ่ง ลูบไล้แผ่นหลังบอบบางเบา ๆ ไล่ลงมาตามเอวโค้งอย่างเผลอตัว “แค่ลูบคลำนิด ๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” แต่พอยิ่งสัมผัสแผ่วเบา ลากผ่านเนื้อผ้าเหมือนกับสำรวจไปทั่วทั้งร่าง เสียงครางเบา ๆ ของเธอก็ดังขึ้น “อืมม….” เขาชะงักไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง ให้ตายสิ… หลับอยู่แท้ ๆ ยังครางออกมาอีกนะจีน่า! เลือดในกายเริ่มร้อนจนพุ่งพล่านไปทั่วทั้งกาย แต่ก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “บ้าจริง แค่
“นี่ห้องนั่งเล่นใหญ่ที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จได้ไม่นาน จากนี้ไปเราจะนั่งเล่นด้วยกันตรงนี้ ดูการ์ตูนกับลูก ฟังเสียงหัวเราะของลูกไปด้วยกันทุกวันเลยนะจีน่า” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนเวลามองจ้องเธอและลูกสาว จิณห์วราหัวเราะขึ้นเบา ๆ “คุณพูดเหมือนจะมีแต่เวลาว่างมากเลยนะคะ ทั้งทีงานบริษัทก็ยุ่งมากตลอดทั้งปีทุกปีแบบนั้น” “ถ้าเพื่อเธอกับลูก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนฉันก็จะหาวันหยุดให้ได้เชื่อไหมล่ะ?” เขาก้มลงสบตาเธอ ดวงตาคมที่เคยแข็งกร้าวกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและน่าหลงใหล หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะละลาย ได้แต่พยักหน้ายิ้มรับเบา ๆ เขาพาเธอเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องนอนใหญ่ ประตูถูกเปิดกว้างออก เผยให้เห็นเตียงกว้างที่ถูกจัดเตรียมไว้รออย่างเรียบร้อย ผ้าปูใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยอบอวลอยู่ภายในอากาศ “ห้องนี้ ไม่ใช่ห้องนอนของฉันอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นห้องนอนของเรา ชอบไหมจีน่า?” ก่อนจะวางลูกสาวลงบนเตียงนุ่ม เด็กน้อยหัวเราะคิกคักกลิ้งไปมาอย่างถูกอกถูกใจที่สุด “จีน่าตั้งแต่วันนี้ไป เราจะนอนข้างกันทุกคืน ตื่นเช้ามาด้วยกันทุกวัน ฉันจะไม่มีปล่อยให้เธอร้องไห้คนเดียว อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้วนะ ฉันสัญญา”