“อ้าว ไงอัคคีพี่นึกว่าเราจะไม่มาซะแล้ว มาๆ นั่งด้วยกันตรงนี้” แล้วพ่อเลี้ยงอินคำก็ยืนขึ้นเพื่อต้อนรับผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ ด้วยสายตาหมายมาดอะไรบางอย่างซึ่งมีเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
“สวัสดีครับพี่อิน พี่เกด” อัคคีทำความเคารพสองสามีภรรยาที่เขาให้ความเคารพดุจพี่น้องมาเนิ่นนาน นับแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเพราะว่าทั้งตระกูลของแม่เลี้ยงเกศราและตระกูลของเขานั้น ทำธุรกิจร่วมกันมานานและผูกพันกันมาหลายชั่วอายุคน แต่สิ่งที่ทำให้เขาตรงดิ่งมาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาคุยธุรกิจกับสองสามีภรรยา แต่มันมีสาเหตุมาจากหญิงสาวร่างบางซึ่งนั่งหันหลังให้เขาคนนั้นต่างหากที่ทำให้เขาต้องเอาเวลาที่จะได้พักผ่อนหาความสำราญกับแม่สาวๆ นั้นทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
อัคคีมองแผ่นหลังสีน้ำผึ้งนวลเนียนไม่วางตา นับตั้งแต่แรกก้าวขึ้นเรือนมาเจ้าของแผ่นหลังงดงามที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ตอนเย็นที่โรงแรม สีผิวที่เขาเห็นไกลๆ ว่าดูสวยน่าสัมผัสแล้วเมื่อมองใกล้ๆ กลับพบว่ามันยิ่งสวยนวลเนียนเย้ายวนน่าสัมผัสกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งสายลมที่พัดผ่านแผ่วเบาก็พาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนร่างบางอรชรมาแตะจมูกยิ่งทำให้เลือดในกายหนุ่มร้อนรุ่มอย่างประหลาด แม้แต่กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังของบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยควงใช้กันก็ไม่อาจทำให้เขามีความรู้สึกอย่างนี้
“น้องอ้อนคะ นี่นายอัคคคีภัย อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล หนึ่งในหุ้นส่วนของเราค่ะ” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยแนะนำด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าเมื่อชายหนุ่มมายืนใกล้ๆ อโนมา
“และนี่น้องอ้อน คุณอโนมา น้องสาวคนใหม่ของเรา” แม่เลี้ยงเอ่ยอวดๆ
“สวัสดีค่ะคุณอัคคี” อโนมายกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างไว้ตัวทำให้คนที่กำลังจะยื่นมือมาจับอย่างธรรมเนียมที่เขาคุ้นเคยโดยเฉพาะกับผู้หญิงสวยๆ นั้นเก้อไปนิดๆ จนต้องกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตนเอง
“สวัสดีครับน้องอ้อน เอ่อ...เรียกพี่ว่าพี่ไฟก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มตีขลุมให้ตัวเองหน้าตาเฉย จนแม่เลี้ยงหมั่นไส้ทนไม่ได้ต้องเอ่ยขัดคออย่างรู้ทัน
“แหมคุณอัคคีภัยมีน้องๆ เยอะแยะแล้วอย่ามาขโมยน้องอ้อนของพี่เกดหน้าตาเฉยแบบนี้สิคะ” แม่เลี้ยงจีบปากจีบคอพูดอย่างรู้ทันด้วยสรรพนามที่สนิทสนม เพราะความที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแม่เลี้ยงจึงไม่สงวนท่าที
“โธ่ พี่เกด เรียกผมให้มันดูดีหน่อยก็ไม่ได้ ไม่ไว้หน้าผมบ้างเลย อยู่ต่อหน้าสาวสวยแท้ๆ ใจคอจะทำให้ผมขายหน้าใช่ไหมเนี่ย พี่อินดูที่รักพี่ทำกับผมสิครับ” ชายหนุ่มตัวโตที่กำลังทำท่าอ้อนผู้สูงวัยกว่าช่างดูน่าขันในสายตาหญิงสาวถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่และทันทีที่เรียวปากระเรื่อเปิดเปลือยเสียงหัวเราะกังวานใสอวดฟันขาวเรียงสวยราวไข่มุกงาม ดวงตาพราวยิ้มตรงหน้าช่างดูเซ็กซี่เย้ายวนโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ จนชายหนุ่มตะลึงมองจนแทบลืมหายใจกับความงดงามตรงหน้า
เมื่อหญิงสาวหันมาสบตาคมปลาบตรงหน้าก็รีบปิดปากสวยทันทีและหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มมองมาด้วยสายตาแทบจะกลืนกินเธอเสียตรงนั้น สร้างความขัดเคืองให้เธอไม่น้อยแต่ด้วยความที่เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งจึงได้แต่นิ่งเงียบและยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่มอย่างไม่ถือสา แต่ปฏิกิริยาของอัคคีหาได้รอดพ้นดวงตาอันเฉียบคมและช่างสังเกตของแม่เลี้ยงเกศราไปได้
“พี่รู้นะว่าน้องคิดอะไรอยู่” เสียงนุ่มคุ้นหูกระซิบเบาๆ ทำให้เธอค้อนผู้เป็นสามีอย่างฉุนๆ นี่จะมีสักครั้งไหมนะที่เธอคิดอะไรแล้วพ่อเลี้ยงอินคำจะรู้ไม่ทันบ้าง แม่เลี้ยงแสร้งถอนใจเบาๆ
“แหมคุณพี่ละก็ ไม่สนใจแล้ว... ชวนน้องอ้อนไปนั่งฟังเพลงดีกว่า” ว่าแล้วแม่เลี้ยงเกศราก็จับจูงอโนมาไปอีกด้านของเรือนที่ตอนนี้นักดนตรีสาวสวยกำลังเล่นเพลงแว่วเสียงซึงขับกล่อมแขกผู้มาร่วมงานซึ่งแต่ละคนกำลังนิ่งฟังอย่างเคลิบเคลิ้มกับท่วงทำนองไพเราะอ่อนหวาน
“เพลงเพราะไหมคะน้องอ้อน นี่เป็นวงดนตรีล้านนาที่มีชื่อของเมืองเชียงใหม่เลยนะคะ ได้ไปเล่นโชว์ถึงต่างประเทศแน่ะ”
“ค่ะ เพราะมากเลย นี่ถ้าน้องอิ่มอุ่นกับแมงปอมาด้วยคงไปขอให้นักดนตรีสอนให้หรือไม่ก็ขอเล่นด้วยแน่ๆ เลยล่ะค่ะพี่เกด รายนั้นน่ะเขาชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ”
“จริงหรือจ๊ะ เหมือนตาสิงโตลูกชายพี่เกดเลยค่ะน้องอ้อน รายนั้นน่ะก็ชอบดนตรีเหมือนกัน ถ้าพรุ่งนี้น้องอ้อนไม่รีบกลับพี่เกดว่าจะพาไปรับตาสิงโตที่ค่าย แล้วว่าจะไปไหว้พระที่ดอยตุงกันด้วย” แม่เลี้ยงเกศราพูดถึงเด็กชาย สิงหราช อภิปัญญา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างชื่นชม ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“ถ้างั้นเราก็ถือโอกาสไปเที่ยวบ้านน้องอ้อนเลยสิคะ พี่เองก็อยากไปเที่ยวเชียงรายพอดี ยิ่งตอนนี้อากาศกำลังดีเลย”
“จริงๆ แล้วอ้อนก็กำลังจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่เหมือนกันล่ะค่ะ”
“แหม งั้นดีเลยค่ะน้องอ้อน ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ พอไปรับตาสิงโตแล้วเราก็ไปบ้านน้องอ้อนกันเลยนะคะ” แม่เลี้ยงเกศรารีบรวบรัดอย่างไม่ให้ปฏิเสธได้
“เอ่อ...พี่เกดคะจะดีเหรอคะ คืออ้อนไม่อยากรบกวนน่ะค่ะ”
“แหม...รบกงรบกวนอะไรกันคะน้องอ้อน พี่น่ะอยากจะเป็นพันธมิตรกับน้องอ้อนอยู่แล้วล่ะค่ะ เผื่อว่าอนาคตน้องอ้อนจะไม่คิดสินสอดพี่แพงไงคะ” แม่เลี้ยงไม่วายหยอดมุกเด็ดไว้เผื่ออนาคตอย่างขำๆ
“คุยอะไรกันครับสองสาว ท่าทางสนุกกันเชียว... นี่ครับที่รักพั้นซ์สตรอเบอร์รี่ของโปรด” พ่อเลี้ยงอินคำยื่นแก้วเครื่องดื่มสีสวยให้ภรรยาพลางจูบแก้มนวลนั้นเบาๆ
“บ้า พี่อินนี่ไม่รู้จักอายน้องอ้อน ดูสิทำอะไรห่ามๆ ไม่ใช่หนุ่มๆ เหมือนอัคคีเขาแล้วนะคะ” แม่เลี้ยงตีแขนกำยำของพ่อเลี้ยงเบาๆ จะว่าไปแล้วพ่อเลี้ยงอินคำก็ไม่ได้แก่หรือดูน่าเกลียดเลยในวัยสี่สิบสอง แต่กลับดูสุขุมน่าเกรงขาม สง่างามด้วยรูปร่างสูงใหญ่ แต่ไม่ได้ดูเทอะทะอ้วนลงพุง เพราะหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ในขณะที่แม่เลี้ยงเกศราในวัยสามสิบเจ็ดปียังดูสวยสดใสเหมือนสาววัยสามสิบต้นๆ ด้วยรูปร่างที่อวบอิ่มสมส่วน ใบหน้าเรียวสวยดวงตาเป็นประกายสดใส ริมฝีปากงดงามนั้นแต่งแต้มรอยยิ้มอยู่เสมออย่างคนอารมณ์ดี
“แหม หวานไม่เกรงใจใครแบบนี้ ผมก็แย่สิครับ” อัคคีเอ่ยเย้าคนทั้งสองแต่สายตากลับเหลือบแลแต่ใบหน้าสวยหวานของคนที่ยืนหน้าแดงอยู่ไม่ห่าง
“แล้วน้องอ้อนล่ะครับดื่มอะไรดี เดี๋ยวพี่จะหยิบมาให้” อัคคีถามอย่างเอาใจ ริมฝีปากอิ่มสวยขบกันอย่างไม่มั่นใจในไมตรีที่หยิบยื่นให้ เพราะเธอเกรงว่าจะมีการแอบแฝงอะไรไว้ เหตุการ์เมื่อหกปีก่อนทำให้เธเอหวาดระแวงทุกครั้งที่มีใครสักคนมาถามว่าจะดื่มอะไรหรืออยากจะกินอะไร ยกเว้นคนที่เธอไว้ใจที่สุด
ตอนที่ 140. อวสาน“มันผ่านไปแล้วริต้าตอนนี้เธอมีชีวิตที่สดใส และมีพวกเราอยู่ข้างๆ และตอนนี้เธอก็ได้ชดใช้มันแล้ว ไม่เอาไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ แบบนั้นอีก” เนตรนาราปลอบ“นั่นสิริต้า ตอนนี้พวกเราผ่านพ้นเรื่องร้ายนั้นมาแล้วอย่าคิดมากนะยังไงเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ปล่อยวางความเจ็บปวด ความอาฆาตพยาบาทที่มันไม่เคยให้คุณแก่ใคร” อโนมากุมมือผอมบางนั้นอย่างจริงใจทั้งน้ำเสียงและแววตาจนภูริต้าน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจที่เธอโชคดีเหลือเกินที่พบเจอและได้หญิงสาวทั้งสามคนนี้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาจิตใจที่กระเจิดกระเจิงและเคยสกปรกของเธอด้วยความรักและจริงใจอย่างสม่ำเสมอ“ริต้าดีใจจัง”“พวกเราก็ดีใจที่ริต้ามีความสุขและหายดีแล้ว แล้วนี่ริต้าอยากจะออกไปอยู่กับพวกเราไหม” อโนมาถามด้วยความเป็นห่วงเธออยากให้ภูริตาไปอยู่ที่บ้านด้วยเพราะเห็นว่าภูริตาหายดีแล้ว“ไม่หรอกอ้อนขอบใจมากนะ ริต้าอยากอยู่ที่นี่ อยากช่วยเหลืออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ที่นี่ต้องการริต้า ริต้ารู้สึกอย่างนั้น เพราะมีหลายๆ คนที่เคยเป็นเหมือนริต้าหรือบางคนอาจเป็นมากกว่าด้วยซ้ำไป และบางทีเคยมีคนที่เคยเข้ารับการรัก
ตอนที่ 139.ไอรดาพูดยิ้มๆ และหัวเราะออกมาอย่างขบขันสามีที่ทำท่าราวน้องเก้าลูกชายชอบทำเวลาที่งอนง้อเธอ ไอ้ท่าชูนิ้วก้อยดุ๊กดิ๊ก ทำหน้าตาให้ดูเด็กและน่ารักอย่างที่สุด ถ้าน้องเก้าทำเธอคิดว่ามันก็น่ารักดี แต่พอสามีทำมันเหมือนตัวตลก แต่ก็น่ารักดีเหมือนกัน“นี่น้ำแข็งแกล้งพี่กันต์เหรอ” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างงอนๆ บ้างและทำหน้าบึ้งตึงจนดูตลก“โถๆๆ ก็สามีสุดหล่อน่ารักขนาดนี้น้ำแข็งจะใจร้ายแกล้ง หรือโกรธได้ยังไงล่ะคะ” ไอรดาหัวเราะท่าทางของสามีอย่างไม่เก็บอาการ“ว้าย! พี่กันต์บ้าทำอะไรคะ”แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงดังอย่างตื่นตระหนกเมื่อร่างอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์สี่เดือนในตอนนี้ถูกสามีอุ้มจนตัวลอย จนเธอเองต้องรีบโอบลำคอหนาด้วยกลัวตกแล้วหันมามองหน้าสามีอย่างตื่นตกใจ“พี่กันต์จะทำโทษคนเจ้าเล่ห์ขี้เกรงให้สามีน้อยใจ เสียใจ เพราะฉะนั้นเมียจ๋าต้องโดนทำโทษ หนักๆ”ชายหนุ่มเอ่ยชิดใบหน้างามที่ขึ้นสีเรื่ออย่างมีความหมาย ดวงตาคมกล้าเป็นประกายเต็มไปด้วยความต้องการปิดไม่มิด และคนที่จะถูกทำโทษรู้ดีว่าการลงโทษของสามีนั้นหวานฉ่ำและเร่าร้อนเพียงใด“บ้า คนหื่น ปล่อยน้ำแข็งเลยนะ น้ำแข็งจะไปดูน้องเก้า”“ไม่ต้องแล้วที่รัก
ตอนที่ 138.“ดูสิสองคนนี่ไม่รู้จักโตเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” อัคคีบ่นเบาๆ กับอโนมาอย่างระอาในความซุกซนและเล่นกันเหมือนเด็กของเนตรนารา ที่ในสายตาของผู้เป็นพี่ เนตรนาราไม่เคยโตเลยสักครั้ง“โธ่ยัยเนตรกับแมงปอน่ะเขาก็เล่นกันแบบนี้มานานแล้วล่ะคะพี่อัคคี”“ถึงว่าสิหาแฟนไม่ได้สักที เฮ้อนี่แล้วเมื่อไหร่สองคนนี่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ เสียที” กันต์พลอยบ่นไปด้วย“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะพี่กันต์ ดูสิลูกตัวเองนั่นแหละเชียร์เขาเหย็งๆ อยู่นั่นๆ แล้วยังเอานวมมาให้อาน้ำเล่นชกมวยด้วยดูสิซนจริงๆ”“แล้วนั่นน้องกระต่ายก็เอากับเขาด้วย ดูสิคะพี่อินคำลูกสาวเราน่าตีจริงๆ เลย” แม่เลี้ยงเกศราบ่นเหมือนไอรดาเมื่อทั้งน้องกระต่ายและน้องเก้าล้อมหน้าล้อมหลังเนตรนาราและเล่นชกกันที่สนามหญ้านุ่มอย่างสนุกสนาน “แม่ครับ พ่อครับ เมียผมไปไหน” กันต์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาคุณการันกับคุณกานติมาซึ่งกำลังนั่งดูหลานชายสุดที่รักวาดรูประบายสีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลิน“อะไรของแกอีกล่ะกันต์” คุณกานติมาเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่หน้าตาตื่น เหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้วยความระอา นับวันจะรักจะหวงภรรยาคนสวยจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน“ก็น้ำแข็งน่ะสิ หายไป
ตอนที่ 137.“ใช่ น่าเบื่อโดยเฉพาะยัยเด็กปลายฝนต้นหนาวนั่นน่าเบื่อมากๆ วันๆ ไม่พูดไม่จาเกาะแม่อ้อนแจ ประจบประแจงน่าดู ฉันไม่ชอบหน้าแม่นี่เลยนิสัยไม่ดี” อัคราเสริมคำพูดของสิงหราชเพื่อนรักที่ตอนนี้เขาทั้งสองกำลังจะไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน อัคราเรียกอโนมาว่าแม่อ้อนตามน้องอิ่มอุ่นนับแต่อโนมาเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะของภรรยาของอัคคีอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอาจเป็นเพราะเขาต้องการใครสักคนและยิ่งเมื่อแม่ของเขามาตายจากไปเมื่อหลายปีก่อนเขายิ่งต้องการความรักและความอบอุ่น และแม่อ้อนของเขาก็คือคนที่เติมเต็มความรักความอบอุ่นนั้นให้เขาแม้มันจะไม่เต็มร้อยเสียทีเดียวแต่ความรักและความเอาใจใส่ที่อโนมามีให้เขาก็ชดเชยสิ่งที่เขาขาดได้มากพอที่จะทำให้ใจที่ว่างเปล่าของเขาไม่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวและไม่รู้สึกว่าเขาขาดความอบอุ่น“นายก็ว่าน้องฝนเขาเกินไป ฉันไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอย่างที่นายว่า น้องฝนออกจะน่ารักและเรียบร้อยนิสัยดี พูดก็เพราะไม่เหมือนน้องอิ่มอุ่นเลยพูดก็ไม่เพราะซ้ำยังอวบระยะสุดท้ายด้วยโตขึ้นมีหวังเป็นโอ่งมังกรแหงๆ เลยฮ่าๆ”สิงหราชหนุ่มน้อยวัยสิบห้าตั้งใจเอ่ยเสียงดังให้สาวน้อยวัยเก้าขวบเศษตัวอ้วนกลมซึ่งนั่งหวีผมใ
ตอนที่ 136.“อ้าวไหงมาแขวะฉันได้ล่ะนี่เดี๋ยวไม่เป็นคนขับรถให้เลยนี่” เนตรนาราร้อนตัวทันทีสร้างความขบขันให้กับสองสามีภรรยาที่นั่งกอดกันกลมอยู่เบาะหลังปล่อยให้เธอทำหน้าที่คนขับรถ หญิงสาวมองภาพความสุขของเพื่อนรักกับพี่ชายคนเดียวของเธอด้วยความสุขเธอรู้สึกดีใจและปลื้มใจมากที่วันนี้คนที่เธอรักทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขซึ่งเธอเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าพี่ชายกับเพื่อนของเธอจะมาลงเอยด้วยการรักกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้อย่างในวันนี้ วันนี้ฟ้าใสแล้วไม่มืดมัวและเจ็บปวดอย่างที่ผ่านมา เนตรนาราขับรถไปด้วยรอยยิ้ม“อุ้ย พี่อัคคีคะอ้อนปวดท้อง” อยู่ๆ อโนมาก็รู้สึกปวดหน่วงๆ ที่ท้องและรู้สึกเหมือนมีน้ำคร่ำไหลซึมออกมาเล็กน้อย“จริงหรืออ้อน แล้วพี่จะทำไงดีล่ะ ยัยน้ำๆ” อัคคีตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเป็นพ่อมาก่อน และตอนนี้เขาก็อยู่กลางถนนที่การจราจรคับคั่งเสียด้วย“ใจเย็นๆ เฮียไม่ต้องตื่นเต้น แหมไอ้ที่บวชๆ มาศึกษามากระเจิงเลยนะเฮียแค่เจอเมียเจ็บท้องเนี่ย” เนตรนาราไม่วายมีอารมณ์ขันแต่เธอก็พยายามหลบหลีกหาทางไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด“ยัยน้ำเรานี่มันจริงๆ เลยนะ เอ้ารีบเ
ตอนที่ 135.“ขอรับท่านประธานคนสวย เชิญขอรับกระผม...” เนตรนาราล้อเลียนเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มทะเล้นอโนมายิ้มรับด้วยความสุข หญิงสาวตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่อัคคีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอที่เชียงรายเธอก็ได้แต่เพียงส่งข่าวผ่านเนตรนาราซึ่งขึ้นเหนือไปทุกๆ เดือนเพื่อไปทำบุญและดูความเป็นอยู่ของพระอัคคีและเณรอัคราด้วย แต่สิ่งที่อโนมาบอกเพื่อนรักให้ปกปิดไว้คือเรื่องที่เธอตั้งครรภ์เพราะไม่อยากให้ผู้ที่ครองผ้าไตรจีวรนั้นเกิดความวิตกหรืออาจจะทำให้เสียสมาธิหรือเสียความตั้งใจที่ตั้งใจในคราแรกสายลมหนาวที่พัดโบกโบยหอบเอาความแห้งและเย็นมาสู่มหานครอันแสนวุ่นวายคลาคล่ำด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ หลากหลายจากที่มา และสาขาอาชีพ ผู้คนที่พเนจรร่อนเร่หรือแม้แต่เศรษฐีผู้มีสมบัติมากมายว่ายวนวุ่นวายอยู่ในเมืองแห่งนี้ บางชีวิตสุขสบายหรูหราแต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยากไร้และแสนรำเค็ญ สถานที่บางแห่งสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขสม แต่ในอีกสถานที่หนึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมและความขมขื่น แต่ไฉนหลายชีวิตจึงดั้นด้นมาที่เมืองแห่งนี้“วันนี้หนาวจ