“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันหยิบเองได้ ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวตอบสั้นๆ อย่างมีมารยาทแล้วเลือกที่จะหยิบขวดน้ำเปล่าที่เป็นขวดแก้วและยังไม่มีการเปิดดื่มกินซึ่งปฏิกิริยาของเธอก็สร้างความขุ่นเคืองในใจของชายหนุ่มผู้มีความมั่นใจในเสน่ห์ของตนอย่างอัคคีมากทีเดียวแต่เขาเลือกที่จะข่มมันไว้
“ไงล่ะพ่อรูปหล่อน้องสาวคนสวยของเราไม่เล่นด้วยล่ะสิหน้าหงิกเหมือนหมาเห็นปลากระป๋อง” แม่เลี้ยงกล่าวตอกย้ำ
“อะไรที่นายอัคคีอยากได้มันก็ต้องได้เสมอแหละ พี่เกดอย่าเพิ่งได้ใจไป” แม้จะตอบอย่างคนที่มั่นใจแต่ในใจกลับร้อนรุ่มเพราะเหมือนเขาโดนลบเหลี่ยม
“ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ละมั้ง เพราะน้องอ้อนเขาไม่ใช่สาวๆ อย่างที่นายเคยควง เขาดีกว่านั้นเยอะ แม้ว่าเขาจะเป็นม่ายสาวลูกหนึ่งก็เถอะ แต่บอกได้คำเดียวว่ามีหนุ่มๆ คอยรุมแจกขนมจีบเพียบทั้งนิสัยดี เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติมากมายไม่แพ้นายเลยสักคน”
“ถ้านายไม่คิดจะจริงจังก็อย่างไปให้ความหวังหรือแสดงออกว่าสนใจน้องอ้อนเขาดีกว่า พี่ว่าปล่อยให้น้องเขาไปเจอคนที่ดีๆ จะดีกว่าเจอคนอย่างนายนะ” คราวนี้เป็นเสียงของคนที่เขาเคารพรักเหมือนพี่ชายเอ่ยออกมาสร้างความไม่พอใจให้ชายหนุ่มอย่างมาก
“โห...อะไรกันน่ะพี่อิน นี่แค่เจอกันแค่ครั้งเดียวก็หลงกันซะขนาดนี้ พี่เกดคนสวยไม่หึงแย่หรือครับพี่ชาย”
“อย่ามาเขย่าขาเตียงเขาซะให้ยาก เขาเสริมใยเหล็กแบบแข็งแรงทนทานย่ะนายตัวร้าย” แม่เลี้ยงมองเขาอย่างขุ่นเคือง... ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าคิดจะทำอะไร ด้วยว่าครอบครัวของทั้งสองตระกูลนั้นสนิทสนมกันอีกทั้งเธอกับอัคคียังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันและเติบโตมาด้วยกัน เคยคิดเคยทำอะไรที่ห่ามๆ ด้วยกันมา ทำไมแค่นี้เธอจะไม่รู้ว่าอัคคีคิดจะทำอะไร
“ขอกันตรงๆ นะไฟ พี่น่ะถูกชะตากับน้องอ้อนและเธอก็เป็นเด็กที่นิสัยดี ถูกใจพี่มาก พี่ไม่อยากให้เธอทำให้น้องสาวของพี่ต้องเสียใจน้ำตาเช็ดหัวเข่า” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงานทั้งน้ำเสียงและแววตาอย่างคนที่เคยรู้เคยเห็นกันมาจะรู้ว่าสีหน้าแบบนี้ และไอ้แววตาแบบนี้ล่ะได้ส่งสัญญาณว่าใครอย่าได้ทำให้ชีขัดใจเป็นอันขาด
“อะไรกันพี่เกดผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย แหมแค่นี้ก็หวงด้วยเพิ่งเจอกันแท้ๆ ก็ว่าเขานิสัยดีสิ่งที่เห็นมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้นี่”
“เชอะ...อย่างนายน่ะอ้าปากก็เห็นไปถึงถุงน้ำดีแล้ว ทำเป็นมาพูดดีไป คอยดูนะฉันจะไม่ให้นายเข้าใกล้เขาเกินหนึ่งเมตรแน่ๆ ใชมั้ยพี่อิน” เธอเอ่ยอย่างเคืองๆ และหาแนวร่วมพร้อมกับใช้สายตาพิฆาตผู้เป็นสามีว่าคุณต้องอยู่ข้างฉันเท่านั้น ถ้าไม่เป็นเรื่อง!
“โอ๊ย มันแน่อยู่แล้วที่รัก คราวนี้ล่ะพี่ได้เอาคืนนายไฟ ได้แก้แค้นสมใจกับเวลาที่รอคอยมานับสิบปี” พ่อเลี้ยงเอาใจภรรยาสาวแล้วมองชายหนุ่มผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นก้างชิ้นโตที่คอยขัดขวางเขาเมื่อครั้งที่หมั่นมาเทียวไล้เทียวขื่อจีบแม่เลี้ยงเกศราที่ทั้งแก่นเซี้ยวและสุดแสนแสบเมื่อสมัยยังหนุ่มแน่นเท่าอัคคีและกว่าจะสมหวัง ไอ้หนุ่มตรงหน้าเขาเวลานี้ก็เล่นเขาไว้ซะสะบักสะบอมจนแทบลืมไม่ลงเลยทีเดียว
“แหม... เห็นผมเป็นคนเลวร้ายไปได้ มันไม่ขนาดนั้นซะหน่อย” ว่าแล้วเขาก็เดินไปเลียบๆ เคียงๆ หญิงสาวที่หมายปอง
“คุณพี่คอยดูนะ น้องว่านายอัคคีภัยนี่จะต้องกลายร่างจากเสือเป็นแมวนอนหวดเร็ววันนี้แน่ๆ” แม่เลี้ยงพูดกับสามีเบาๆ อย่างมั่นใจว่าอัคคีต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
“คุณอ้อนนี่เก่งนะครับที่เล่นขิมได้ด้วย นึกว่าจะทำอาหารเก่งอย่างเดียว” นักดนตรีหนุ่มหน้าใสเอ่ยชื่นชมหญิงสาวที่เขาต้องตาตั้งแต่แรกพบ ตรึงใจกับดวงตาสวยโศกคู่นี้นัก
“ก็ไม่ถึงกับเก่งหรอกค่ะ เพียงแต่ลูกสาวเขาเล่นเป็น เราเป็นแม่ก็ต้องคอยฟัง เผลอๆ ก็พลอยเล่นเป็นไปด้วย แต่ไม่ถึงกับเก่งหรอกค่ะ เล่นได้แค่เพลงง่ายๆ แต่ถนัดที่สุดเล่นแล้วไม่ผิดคีย์ก็คงเป็นเพลงลาวดวงเดือนล่ะค่ะ” หญิงสาวเล่าอย่างถ่อมตัว แต่อาการที่สนิทสนมคุยกันถูกคอของเธอกับหนุ่มนักดนตรีได้สร้างความขุ่นขวางให้ใครบางคนซึ่งนั่งอยู่วงขันโตกข้างๆ กันที่คอยเงี่ยหูฟังว่าแม่สาวเอื้องเหนือของเขาคุยอะไรกับไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่น ทำไมถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถูกใจเสียนักหนา ทีกับเขาแม่คุณมีท่าทีระวังตัวแจ
“น้องอ้อนเล่นดนตรีไทยได้ด้วยหรือคะ” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นและชื่นชม
“ก็แค่พอได้น่ะค่ะพี่เกด เพราะน้องอิ่มอุ่นลูกสาวกับแมงปอเขาสอนให้เล่นเป็นเพื่อนก็เลยเล่นได้นิดหน่อย”
“ถ้าไม่รังเกียจก็ลองเล่นให้เราฟังบ้างสิคะพี่อ้อน” สาวน้อยผู้บรรเลงเพลงซึงแสนไพเราะขอร้องอย่างชื่นชมสาวสวยตรงหน้า
“จริงด้วยค่ะคุณอ้อนแหม...นานๆ เราจะเจอคนสวยๆ เป็นสาวสมัยใหม่เล่นดนตรีไทยเป็น ก็ลองเล่นให้เราฟังสักเพลงจริงมั้ยพวกเรา” คราวนี้อาจารย์ คำปัน ผู้ควบคุมวงดนตรีคณะนี้และเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยนาฏศิลป์ชื่อดังเอ่ยขอแรงสนับสนุน
“โธ่ อ้อนไม่เก่งขนาดที่โชว์ได้หรอกค่ะ แค่เล่นได้เพลงลาวดวงเดือนเพลงเดียวเอง” หญิงสาวโอดครวญ ก็เธอไม่เคยให้ใครฟังนี่นะจะเล่นก็เล่นแค่ที่บ้านกับลูกสาวและครอบครัวเล็กๆ ของอรุณนารีเท่านั้นเอง
“แต่ก็เอาเถอะคะถ้าอ้อนเล่นผิดคีย์หรือไม่เพราะทุกคนก็ห้ามหัวเราะแล้วต้องชมว่าไพเราะเพราะที่สุดเท่านั้นนะคะ” เธอมิวายขอความเห็นใจแกมบังคับ ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอย่างเอ็นดูจากผู้สูงวัยกว่าได้มากโขทีเดียว และแล้วเสียงเพลงลาวดวงเดือนในท่วงทำนองแผ่วหวานก็ดังขึ้น
อัคคีนิ่งฟังเสียงเพลงที่แผ่วพริ้ว อ่อนหวานบวกกับกิริยาท่วงท่าที่งดงามของหญิงสาวที่กำลังบรรเลงเพลงไทยเดิมที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กและเขาก็เคยคิดว่ามันก็เป็นเพลงแสนจะเชยและโบราณมาก แต่วันนี้เขากลับคิดว่ามันช่างไพเราะและมีมนต์ขลังอย่างประหลาดจนไม่สามารถละสายตาคมจากใบหน้าสวยหวานที่นั่งพับเพียบบรรเลงเพลงไทยเดิมอยู่ตรงหน้า
ตอนที่ 140. อวสาน“มันผ่านไปแล้วริต้าตอนนี้เธอมีชีวิตที่สดใส และมีพวกเราอยู่ข้างๆ และตอนนี้เธอก็ได้ชดใช้มันแล้ว ไม่เอาไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ แบบนั้นอีก” เนตรนาราปลอบ“นั่นสิริต้า ตอนนี้พวกเราผ่านพ้นเรื่องร้ายนั้นมาแล้วอย่าคิดมากนะยังไงเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ปล่อยวางความเจ็บปวด ความอาฆาตพยาบาทที่มันไม่เคยให้คุณแก่ใคร” อโนมากุมมือผอมบางนั้นอย่างจริงใจทั้งน้ำเสียงและแววตาจนภูริต้าน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจที่เธอโชคดีเหลือเกินที่พบเจอและได้หญิงสาวทั้งสามคนนี้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาจิตใจที่กระเจิดกระเจิงและเคยสกปรกของเธอด้วยความรักและจริงใจอย่างสม่ำเสมอ“ริต้าดีใจจัง”“พวกเราก็ดีใจที่ริต้ามีความสุขและหายดีแล้ว แล้วนี่ริต้าอยากจะออกไปอยู่กับพวกเราไหม” อโนมาถามด้วยความเป็นห่วงเธออยากให้ภูริตาไปอยู่ที่บ้านด้วยเพราะเห็นว่าภูริตาหายดีแล้ว“ไม่หรอกอ้อนขอบใจมากนะ ริต้าอยากอยู่ที่นี่ อยากช่วยเหลืออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ที่นี่ต้องการริต้า ริต้ารู้สึกอย่างนั้น เพราะมีหลายๆ คนที่เคยเป็นเหมือนริต้าหรือบางคนอาจเป็นมากกว่าด้วยซ้ำไป และบางทีเคยมีคนที่เคยเข้ารับการรัก
ตอนที่ 139.ไอรดาพูดยิ้มๆ และหัวเราะออกมาอย่างขบขันสามีที่ทำท่าราวน้องเก้าลูกชายชอบทำเวลาที่งอนง้อเธอ ไอ้ท่าชูนิ้วก้อยดุ๊กดิ๊ก ทำหน้าตาให้ดูเด็กและน่ารักอย่างที่สุด ถ้าน้องเก้าทำเธอคิดว่ามันก็น่ารักดี แต่พอสามีทำมันเหมือนตัวตลก แต่ก็น่ารักดีเหมือนกัน“นี่น้ำแข็งแกล้งพี่กันต์เหรอ” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างงอนๆ บ้างและทำหน้าบึ้งตึงจนดูตลก“โถๆๆ ก็สามีสุดหล่อน่ารักขนาดนี้น้ำแข็งจะใจร้ายแกล้ง หรือโกรธได้ยังไงล่ะคะ” ไอรดาหัวเราะท่าทางของสามีอย่างไม่เก็บอาการ“ว้าย! พี่กันต์บ้าทำอะไรคะ”แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงดังอย่างตื่นตระหนกเมื่อร่างอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์สี่เดือนในตอนนี้ถูกสามีอุ้มจนตัวลอย จนเธอเองต้องรีบโอบลำคอหนาด้วยกลัวตกแล้วหันมามองหน้าสามีอย่างตื่นตกใจ“พี่กันต์จะทำโทษคนเจ้าเล่ห์ขี้เกรงให้สามีน้อยใจ เสียใจ เพราะฉะนั้นเมียจ๋าต้องโดนทำโทษ หนักๆ”ชายหนุ่มเอ่ยชิดใบหน้างามที่ขึ้นสีเรื่ออย่างมีความหมาย ดวงตาคมกล้าเป็นประกายเต็มไปด้วยความต้องการปิดไม่มิด และคนที่จะถูกทำโทษรู้ดีว่าการลงโทษของสามีนั้นหวานฉ่ำและเร่าร้อนเพียงใด“บ้า คนหื่น ปล่อยน้ำแข็งเลยนะ น้ำแข็งจะไปดูน้องเก้า”“ไม่ต้องแล้วที่รัก
ตอนที่ 138.“ดูสิสองคนนี่ไม่รู้จักโตเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” อัคคีบ่นเบาๆ กับอโนมาอย่างระอาในความซุกซนและเล่นกันเหมือนเด็กของเนตรนารา ที่ในสายตาของผู้เป็นพี่ เนตรนาราไม่เคยโตเลยสักครั้ง“โธ่ยัยเนตรกับแมงปอน่ะเขาก็เล่นกันแบบนี้มานานแล้วล่ะคะพี่อัคคี”“ถึงว่าสิหาแฟนไม่ได้สักที เฮ้อนี่แล้วเมื่อไหร่สองคนนี่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ เสียที” กันต์พลอยบ่นไปด้วย“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะพี่กันต์ ดูสิลูกตัวเองนั่นแหละเชียร์เขาเหย็งๆ อยู่นั่นๆ แล้วยังเอานวมมาให้อาน้ำเล่นชกมวยด้วยดูสิซนจริงๆ”“แล้วนั่นน้องกระต่ายก็เอากับเขาด้วย ดูสิคะพี่อินคำลูกสาวเราน่าตีจริงๆ เลย” แม่เลี้ยงเกศราบ่นเหมือนไอรดาเมื่อทั้งน้องกระต่ายและน้องเก้าล้อมหน้าล้อมหลังเนตรนาราและเล่นชกกันที่สนามหญ้านุ่มอย่างสนุกสนาน “แม่ครับ พ่อครับ เมียผมไปไหน” กันต์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาคุณการันกับคุณกานติมาซึ่งกำลังนั่งดูหลานชายสุดที่รักวาดรูประบายสีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลิน“อะไรของแกอีกล่ะกันต์” คุณกานติมาเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่หน้าตาตื่น เหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้วยความระอา นับวันจะรักจะหวงภรรยาคนสวยจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน“ก็น้ำแข็งน่ะสิ หายไป
ตอนที่ 137.“ใช่ น่าเบื่อโดยเฉพาะยัยเด็กปลายฝนต้นหนาวนั่นน่าเบื่อมากๆ วันๆ ไม่พูดไม่จาเกาะแม่อ้อนแจ ประจบประแจงน่าดู ฉันไม่ชอบหน้าแม่นี่เลยนิสัยไม่ดี” อัคราเสริมคำพูดของสิงหราชเพื่อนรักที่ตอนนี้เขาทั้งสองกำลังจะไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน อัคราเรียกอโนมาว่าแม่อ้อนตามน้องอิ่มอุ่นนับแต่อโนมาเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะของภรรยาของอัคคีอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอาจเป็นเพราะเขาต้องการใครสักคนและยิ่งเมื่อแม่ของเขามาตายจากไปเมื่อหลายปีก่อนเขายิ่งต้องการความรักและความอบอุ่น และแม่อ้อนของเขาก็คือคนที่เติมเต็มความรักความอบอุ่นนั้นให้เขาแม้มันจะไม่เต็มร้อยเสียทีเดียวแต่ความรักและความเอาใจใส่ที่อโนมามีให้เขาก็ชดเชยสิ่งที่เขาขาดได้มากพอที่จะทำให้ใจที่ว่างเปล่าของเขาไม่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวและไม่รู้สึกว่าเขาขาดความอบอุ่น“นายก็ว่าน้องฝนเขาเกินไป ฉันไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอย่างที่นายว่า น้องฝนออกจะน่ารักและเรียบร้อยนิสัยดี พูดก็เพราะไม่เหมือนน้องอิ่มอุ่นเลยพูดก็ไม่เพราะซ้ำยังอวบระยะสุดท้ายด้วยโตขึ้นมีหวังเป็นโอ่งมังกรแหงๆ เลยฮ่าๆ”สิงหราชหนุ่มน้อยวัยสิบห้าตั้งใจเอ่ยเสียงดังให้สาวน้อยวัยเก้าขวบเศษตัวอ้วนกลมซึ่งนั่งหวีผมใ
ตอนที่ 136.“อ้าวไหงมาแขวะฉันได้ล่ะนี่เดี๋ยวไม่เป็นคนขับรถให้เลยนี่” เนตรนาราร้อนตัวทันทีสร้างความขบขันให้กับสองสามีภรรยาที่นั่งกอดกันกลมอยู่เบาะหลังปล่อยให้เธอทำหน้าที่คนขับรถ หญิงสาวมองภาพความสุขของเพื่อนรักกับพี่ชายคนเดียวของเธอด้วยความสุขเธอรู้สึกดีใจและปลื้มใจมากที่วันนี้คนที่เธอรักทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขซึ่งเธอเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าพี่ชายกับเพื่อนของเธอจะมาลงเอยด้วยการรักกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้อย่างในวันนี้ วันนี้ฟ้าใสแล้วไม่มืดมัวและเจ็บปวดอย่างที่ผ่านมา เนตรนาราขับรถไปด้วยรอยยิ้ม“อุ้ย พี่อัคคีคะอ้อนปวดท้อง” อยู่ๆ อโนมาก็รู้สึกปวดหน่วงๆ ที่ท้องและรู้สึกเหมือนมีน้ำคร่ำไหลซึมออกมาเล็กน้อย“จริงหรืออ้อน แล้วพี่จะทำไงดีล่ะ ยัยน้ำๆ” อัคคีตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเป็นพ่อมาก่อน และตอนนี้เขาก็อยู่กลางถนนที่การจราจรคับคั่งเสียด้วย“ใจเย็นๆ เฮียไม่ต้องตื่นเต้น แหมไอ้ที่บวชๆ มาศึกษามากระเจิงเลยนะเฮียแค่เจอเมียเจ็บท้องเนี่ย” เนตรนาราไม่วายมีอารมณ์ขันแต่เธอก็พยายามหลบหลีกหาทางไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด“ยัยน้ำเรานี่มันจริงๆ เลยนะ เอ้ารีบเ
ตอนที่ 135.“ขอรับท่านประธานคนสวย เชิญขอรับกระผม...” เนตรนาราล้อเลียนเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มทะเล้นอโนมายิ้มรับด้วยความสุข หญิงสาวตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่อัคคีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอที่เชียงรายเธอก็ได้แต่เพียงส่งข่าวผ่านเนตรนาราซึ่งขึ้นเหนือไปทุกๆ เดือนเพื่อไปทำบุญและดูความเป็นอยู่ของพระอัคคีและเณรอัคราด้วย แต่สิ่งที่อโนมาบอกเพื่อนรักให้ปกปิดไว้คือเรื่องที่เธอตั้งครรภ์เพราะไม่อยากให้ผู้ที่ครองผ้าไตรจีวรนั้นเกิดความวิตกหรืออาจจะทำให้เสียสมาธิหรือเสียความตั้งใจที่ตั้งใจในคราแรกสายลมหนาวที่พัดโบกโบยหอบเอาความแห้งและเย็นมาสู่มหานครอันแสนวุ่นวายคลาคล่ำด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ หลากหลายจากที่มา และสาขาอาชีพ ผู้คนที่พเนจรร่อนเร่หรือแม้แต่เศรษฐีผู้มีสมบัติมากมายว่ายวนวุ่นวายอยู่ในเมืองแห่งนี้ บางชีวิตสุขสบายหรูหราแต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยากไร้และแสนรำเค็ญ สถานที่บางแห่งสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขสม แต่ในอีกสถานที่หนึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมและความขมขื่น แต่ไฉนหลายชีวิตจึงดั้นด้นมาที่เมืองแห่งนี้“วันนี้หนาวจ