แชร์

บทที่ 0015

ผู้เขียน: อันอี่หราน
ครั้นเมื่อเห็นเผยฉู่เยี่ยนบาดเจ็บ องค์ชายใหญ่ก็รีบมาสังหารนักฆ่าจนเสียชีวิต การต่อสู้อันดุเดือดจึงได้ยุติลง

เหลียวดูรอบข้างพบว่าไม่มีศัตรูอีก พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงได้หันกลับไปที่เกี้ยว เห็นลู่ซิงหว่านยังนอนตาแป๋วอยู่ จึงได้วางใจ จากนั้นจึงหันมาดูเผยฉู่เยี่ยน พยุงแขนของเขาพลางถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”

“พระสนมโปรดวางใจ ไม่เป็นไรมากพ่ะย่ะค่ะ” เผยฉู่เยี่ยนอายุเพียงแค่แปดขวบเท่านั้น แต่นิสัยเป็นคนแข็งกร้าว ทำให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะมองซ้ำอีก

“จิ่นเหยา จิ่นหยู ทิ้งคนไว้ให้จัดการที่นี่ อย่าให้ชาวบ้านรอบข้างแตกตื่น พวกเรากลับวังก่อน” เจอเรื่องเช่นนี้เข้า พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้จักตั้งสติคล้ายกับตอนอยู่ในสนามรบ “ซื่อจื่อน้อยตามข้าขึ้นเกี้ยวก่อน เพราะได้รับบาดเจ็บ ไม่ควรที่จะขี่ม้าอีก”

เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนี้ เผยฉู่เยี่ยนจึงไม่กล้าปฏิเสธอีก ได้แต่ตามนางขึ้นรถม้าไป

[เผยซื่อจื่อดูเท่ห์เหลือเกิน ถ้าไม่ได้เขามาช่วย วันนี้ข้าคงตายแน่ ฮือ ๆ ๆ...]

[สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยมือดีของพระเอก อายุยังน้อยก็มีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ ช่างร้ายกาจจริง ๆ!]

พระสนมเฉินเฟยขึ้นไปในรถม้า แล้วจึงอุ้มลู่ซิงหว่านมา พลางตบนางเบา ๆ แล้วเอ่ยถาม “หวานหว่านตกใจมากหรือเปล่า”

จากนั้นก็หันมาทางเผยฉู่เยี่ยน “ต้องขอบคุณเผยซื่อจื่อที่มาช่วยเหลือ เพราะท่านแท้ ๆ จึงช่วยชีวิตหย่งอันไว้ได้”

“พระสนมกล่าวหนักไปแล้ว ไทเฮาให้ข้าติดตามมา จุดประสงค์ก็เพื่อคุ้มกันองค์หญิงน้อย”

เผยฉู่เยี่ยนแม้จะบาดเจ็บ ท่าทีก็ยังสงบนิ่ง พร้อมมองดูลู่ซิงหว่านที่อยู่ในเบาะ แต่ไม่ได้พูดอะไร

เคลื่อนขบวนเดินทางได้ไม่นาน ก็เจอเข้ากับทหารรักษาพระองค์ที่ฮ่องเต้ส่งมา

“พระสนม ขออภัยที่ข้าน้อยมาช้าพ่ะย่ะค่ะ” รองหัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์จูกู่ซานเห็นขบวนของพระสนมเฉินเฟยได้ออกเดินทางต่อ ก็ค่อยรู้สึกเบาใจขึ้น รีบลงจากหลังม้าและคุกเข่าลง “ไม่ทราบว่ามีใครบาดเจ็บหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ซื่อจื่อน้อยถูกธนูยิงเข้า ด้านหลังมีทหารทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ข้าให้คนคอยดูแลไว้อยู่ รบกวนแม่ทัพจูช่วยไปดูอีกแรงเถอะ”

“ข้าจะคุ้มกันพระสนมกลับวังก่อน” จูกู่ซานรับบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาอารักขาอยู่แล้ว ก่อนอื่นจึงต้องคุ้มกันพระสนม องค์ชายและองค์หญิงกลับวังก่อน ที่สำคัญซื่อจื่อน้อยยังได้รับบาดเจ็บอีก

ขุนนางบู๊เหล่านี้ สมัยก่อนจะนับถืออันกั๋วกงที่สุด ทุกวันนี้ก็ย่อมให้เกียรติลูกชายคนเดียวของเขาก็คือเผยฉู่เยี่ยนด้วย

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่อยากพูดมากความ ตอนนี้แม้จะปลอดภัยแล้ว ควรรีบออกจากสถานที่วุ่นวายแห่งนี้ กลับไปยังวังหลวงจะอุ่นใจกว่า

เมื่อเข้าไปในวัง พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยืนกรานจะให้เผยฉู่เยี่ยนไปอยู่ตำหนักชิงอวิ๋นก่อน ค่อยตามหมอหลวงมาดู คนอื่นไม่กล้าคัดค้าน จึงได้แต่ติดตามไปตำหนักชิงอวิ๋นด้วยกัน

ลู่ซิงหว่านพยายามฝืนร่างไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านร่างเล็กๆ ที่ยังอ่อนวัย จนได้หลับสนิทไปนานแล้ว

หลังจากหมอหลวงมาตรวจดูแล้ว พบว่าเผยฉู่เยี่ยนเพียงแค่บาดเจ็บภายนอก ไม่กระทบถึงเส้นเอ็นและกระดูก พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงค่อยเบาใจลง

สมัยก่อนตอนออกศึก นางเคยผ่านชั้นเชิงสกปรกมามากมาย เมื่อครู่เห็นเผยฉู่เยี่ยนได้รับบาดเจ็บ นางก็รู้สึกเป็นห่วงยิ่ง ด้วยเกรงว่าลูกธนูสั้นจะเคลือบยาพิษไว้

ทั้งยังให้หมอหลวงตรวจดูรัชทายาทและองค์ชายรองด้วย เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างปลอดภัย พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงค่อยยอมให้หมอหลวงกลับไป

ส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ เมื่อได้รับข่าวจากทหารรักษาพระองค์ ก็รีบมาจากห้องทรงอักษรเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างปลอดภัย จึงค่อยวางพระทัยบ้าง

อีกทั้งประทานรางวัลให้แก่เผยฉู่เยี่ยน สิ้นเสียงไม่ทันไร แม่นมคนสนิทของไทเฮาก็มาถึง

“ทูลฝ่าบาท ไทเฮาทรงเป็นห่วงยิ่งนัก จึงให้หม่อมฉันมาดูว่าพระสนมเฉินเฟยเป็นอย่างไรบ้างเพคะ เมื่อเห็นทุกคนต่างปลอดภัย หม่อมฉันจะได้กลับไปรายงาน ให้ไทเฮาทรงหายห่วงเพคะ”

“ไปทูลให้ไทเฮาวางพระทัยได้ ซื่อจื่อน้อยได้รับบาดเจ็บผิวเผิน ส่วนคนอื่นล้วนปลอดภัยดี” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นไทเฮาเป็นห่วงเช่นนี้ จึงได้รีบตอบกลับ

แม่นมซุนคำนับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและฮ่องเต้ พร้อมเอ่ยปากต่อ “หม่อมฉันยังมีบัญชามาจากไทเฮา รับสั่งถึงเผยซื่อจื่อเพคะ”

ทุกคนต่างมองไปยังเผยฉู่เยี่ยน

เขาลุกขึ้นมาจากตั่ง พร้อมคุกเข่าลง

“ไทเฮารับสั่งว่า ซื่อจื่อน้อยถวายอารักขามีความดีความชอบ สมควรปูนบำเหน็จ อีกอย่าง องค์หญิงหย่งอันประสบเหตุร้ายโดยไม่คาดคิด ซื่อจื่อน้อยได้แสดงความกล้าหาญออกมา ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ให้ซื่อจื่อน้อยเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงหย่งอัน ดูแลความปลอดภัยขององค์หญิงน้อย”

ลู่ซิงหว่านเพิ่งตื่นมาไม่นาน ก็ได้ยินรับสั่งนี้เข้า

[เสด็จย่าที่น่ารักของข้า ท่านใช้งานผิดงานไปหรือเปล่า]

[อีกหน่อยเผยซื่อจื่อจะเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ แล้วให้มาคุ้มกันข้า...]

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดของหวานหว่านก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะนัก จึงได้ทูลต่อฮ่องเต้ต้าฉู่ “ทำเช่นนี้อาจไม่เหมาะ...”

กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเผยฉู่เยี่ยนตอบกลับ “น้อมรับบัญชาของไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

นางจึงไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก

เหลือเพียงลู่ซิงหว่านว้าวุ่นอยู่คนเดียว

[ช่างเถอะ ๆ ไหน ๆ เขาก็ยังเด็กอยู่ มาให้ข้ากอดขาเล่นก็ไม่เลว]

ขณะเดียวกันที่ตำหนักฉางชิว พระสนมชุยเฟยปัดถ้วยชาที่อยู่เบื้องหน้าลงพื้นจนแตก พร้อมกล่าวอย่างโกรธเคือง “ทำงานประสาอะไรน่ะ!”

ไป๋เวยคุกเข่าที่พื้น ตัวสั่นงันงก

เหตุการณ์ลอบสังหารในวันนี้ พระสนมชุยเฟยเป็นผู้วางแผน

วันก่อนในงานพิธีแต่งตั้ง นางเสียหน้าอย่างมาก ซ้ำองค์ชายสามยังถูกฝ่าบาทตำหนิอีก หากนางไม่ทำอะไรซะบ้าง อีกหน่อยบัลลังก์มิไปอยู่ในมือตำหนักชิงอวิ๋นหรอกหรือ

ประจวบเหมาะกับซ่งชิงเหยียนจะออกไปข้างนอก ถ้าสามารถจัดการนางได้ก็ย่อมจะเป็นการดี

แต่ไม่นึกว่าจะคว้าน้ำเหลว

ไป๋จื่อสั่งให้คนอื่นรีบถอยออกไป เดินขึ้นหน้าปลอบใจพระสนมชุยเฟย “พระสนมอย่าเพิ่งโกรเลยธเพคะ วันนี้มีคนอยู่กับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่น้อย พลั้งมือก็พอให้อภัย ตราบใดที่รัชทายาทยังไม่ขึ้นครองราชย์ เราก็ยังมีความหวังอยู่นะเพคะ”

ไป๋จื่อปลอบแล้วปลอบอีก พระสนมชุยเฟยก็ค่อยสงบจิตใจลงบ้าง พร้อมมองหน้าไป๋เวยอีกครั้ง “จัดการเรียบร้อยหรือเปล่า?”

“พระสนมโปรดวางใจ ไม่สาวมาถึงพวกเราอย่างแน่นอนเพคะ” ไป๋เวยเห็นพระสนมค่อยหายโกรธบ้าง จึงรีบโขกศีรษะแล้วตอบกลับ

ส่วนทางด้านฮ่องเต้ต้าฉู่ เมื่อปลอบใจพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกับทุกคนแล้ว จึงกลับมายังห้องทรงอักษร เรียกตัวหัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์มาพบ “เว่ยเฉิน ไปสืบให้ทั่ว ตามเมืองหลวงทุกแห่ง พระสนมพาองค์ชายและองค์หญิงออกไปข้างนอก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา จะให้ข้าวางใจได้ยังไง”

เว่ยเฉินน้อมรับบัญชาจากฮ่องเต้ รีบออกจากห้องทรงอักษรทันที

ในใจกลับรู้สึกโล่งอก หมู่นี้ฝ่าบาททรงอารมณ์ดีขึ้นมาก หากเป็นแต่ก่อนน่ะหรือ ตนคงไม่พ้นถูกสั่งโบยเป็นแน่

เมื่อวานรองหัวหน้าจูกู่ซานไปดูแลที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะยังทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้บ้าง ตนต้องไปหารือกับเขาก่อน

ที่ไหนได้ คนร้ายกลับสะสางที่เกิดเหตุจนหมดสิ้น แทบไม่เหลือเบาะแสใดๆ ไว้เลย

ทั้งคู่จนปัญญา จึงต้องขอความช่วยเหลือจากองครักษ์เงามังกร

อิ่งอีได้รับความเห็นชอบจากฮ่องเต้ต้าฉู่ ให้ช่วยทหารรักษาพระองค์ไต่สวนเรื่องนี้ เพียงครึ่งวัน หลักฐานก็ถูกส่งขึ้นไปยังโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้

คนที่ส่งคนร้ายมา ก็คือคนสนิทของพระสนมชุยเฟยนามว่าไป๋เวย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ณัฐ ณัฐธยาน์
ทำไมต้องปลดล็อก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status