หลังจากติ่มซำมื้อดึกเสร็จ ธีร์ธวัชก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนสายขิมก็เก็บจานชามไปล้าง แต่ก่อนจะเข้าห้อง ผู้ชายตัวโตก็ยังไม่วายหันกลับมาย้ำกับเธอว่าห้ามลืมสัญญาที่พูดเอาไว้
ทำทุกอย่างเรียบร้อย สายขิมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเขา ที่เจ้าของบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ล็อกเข้ามาได้เลย แต่พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าเฮียธีร์นั่งอยู่หน้าจอแล็ปท็อปดูเหมือนจะยุ่งมาก
“เฮียธีร์ทำงานเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม แล้วเลือกที่จะไปนั่งตรงโซฟาในห้องเพื่อจะได้ไม่รบกวนอีกฝ่าย
“ครับ ต้องเช็กรายการที่ค้างไว้น่ะ” ธีร์ธวัชตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่เดิม
“ปกติขิมไม่เคยเห็นเฮียเอางานมาทำที่คอนโด”
“ก็วันนี้อยากกลับเร็ว ๆ มากินติ่มซำกับขิมไง”
มือที่จับเมาส์อยู่วางลงแล้วหันเก้าอี้กลับมามองเด็กดื้อที่นั่งทำตาใสแป๋วอยู่ไม่ไกล จะว่าไปแล้ว พอยัยตัวแสบไม่เถียง ไม่ต่อปากต่อคำ ก็ดูน่ารักดี
“นี่เฮียจะบอกว่าขิมเป็นสาเหตุให้เฮียทิ้งงานเหรอคะ”
“เปล่านะ เพราะเฮียอยากจะเห็นหน้าขิมต่างหาก”
น้ำเสียงทุ้มละมุนที่พูดออกมากำลังพาให้ความคิดเตลิดไปไกล ทั้งแววตาอ่อนโยนที่จ้องมองอยู่ก็ยิ่งทำให้เธอหลงรักพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“แล้วงานยังเหลืออีกเยอะไหมคะ” รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนเขาจะสังเกตเห็นอาการที่แสดงออกมาทางสีหน้า
“อีกนิดเดียว ขิมง่วงหรือยัง”
“ยังค่ะ รอได้” ก็ไม่รู้จะรีบนอนไปไหน ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ทำงานตอนเช้าอยู่แล้ว แต่ก็คิด ๆ ว่าจะขอไปช่วยงานที่ร้านของเฮียธีร์เหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็รอเฮียแป๊บหนึ่งนะ”
คนตัวโตหมุนเก้าอี้กลับมาทางแล็ปท็อปอีกครั้ง สายตาคมจดจ้องหน้าจอที่แสดงผลรายงานของร้าน แต่ริมฝีปากหยักกลับจุดยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา เขาอยากจะรู้นักว่ายัยตัวแสบจะใจกล้าได้สักกี่น้ำหากว่าโดนรุกหนักขึ้น อย่างเช่น
จูบนานขึ้นกว่าคืนนั้นสักนิด
มือไล้ลงต่ำกว่าคืนนั้นสักหน่อย
หรือว่า...หากถูกถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนหมด
อยากรู้นักว่าจะยังยั่วเขาต่อได้อีกไหม ม้าดื้อยังต้องหาครูฝึกมาปราบพยศ เด็กดื้อ ๆ อย่างเธอก็คงต้องโดนฝึกสักหน่อย จะได้รู้ว่า...เล่ห์เหลี่ยมที่กำลังใช้กับเขาอยู่นั้นมันไม่ได้ผล
ไม่ถึงห้านาทีแล็ปท็อบก็ถูกปิดลง ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินไปหาคนที่ยังนั่งรออยู่ตรงโซฟา ใบหน้าสวยคมเงยขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เฮียธีร์ทั้งสูง หุ่นก็ดี หน้าก็หล่อ แถมยังรวยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าครบเครื่องสิ่งที่ผู้หญิงต้องการเลยก็ว่าได้
“ได้เวลานอนแล้วครับ”
พูดจบ ฝ่ามือใหญ่ก็คว้าข้อมือของคนตัวเล็กแล้วออกแรงดึงให้เธอลุกขึ้น จากนั้นพาเดินไปยังเตียงนอนที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เขานั่งลงก่อน แล้วดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงบนตักตัวเอง
“ไหนว่าจะนอนไงคะ”
สายขิมเอ่ยท้วง ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เธอนั่งตักเขาธรรมดา แต่วงแขนแกร่งนั้นยังกอดรั้งเอาไว้จนร่างกายของทั้งสองแนบชิดสนิทกัน หนำซ้ำ เฮียธีร์ยังเกยคางไว้บนไหล่เล็กก่อนที่จะกดจมูกลงราวกับกำลังหอมผิวเนียนของเธออยู่
ความรู้สึกร้อนแปลกประหลาดไหลผ่านร่างกายราวกับมีกระแสไฟอะไรสักอย่าง นัยน์ตาคมจ้องมองเธอนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจมูกที่กดลงตรงไหล่เมื่อครู่จะย้ายตำแหน่งมาอยู่ตรงซอกคอระหง
“ไหนเมื่อกี้ขิมบอกยังไม่ง่วง”
“แต่ตอนนี้ง่วงแล้วค่ะ”
ร่างเล็กผละตัวออกจากอ้อมกอดแล้วปีนลงจากตักกว้าง เธอเบี่ยงตัวหลบเขาเล็กน้อยแล้วพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียง เพียงแค่ทิ้งตัวลง สายขิมก็นอนหันหลังให้คนที่นั่งอยู่ ตอนนี้บอกไม่ถูกเลยว่ากำลังรู้สึกอย่างไร รู้แต่เพียงหัวใจมันเต้นแรงจนคล้ายจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ
ระหว่างที่กำลังจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง พื้นที่ว่างข้างตัวก็ยุบลง นั่นหมายถึง คนตัวโตที่นั่งอยู่ปลายเตียงเมื่อครู่ได้เอนตัวลงนอนแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่เป็นคำตอบได้ดีที่สุดว่าความคิดเธอถูกต้องก็คือท่อนแขนล่ำที่พาดทับเอวคอดเอาไว้
“ขิมตัวหอม ขอเฮียดมอีกสักหน่อยได้หรือเปล่า”
“จะ จะดีเหรอคะ”
ไร้คำตอบออกมาจากปาก มีเพียงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดผิวเนียนผ่านชุดนอนที่เธอยังสวมอยู่ ร่างเล็กสะท้านวาบเมื่อเขาไม่ได้แค่ดมอยู่ตรงแผ่นหลัง แต่ฝ่ามือหนากลับกำลังเคลื่อนขยับลูบไล้ต่ำลงเรื่อย ๆ แล้วสอดเข้าในเสื้อนอนของเธอ
“ฮะ เฮียธีร์”
“หืม...อย่าดิ้นสิครับ”
ยิ่งเธอขยับ เขาก็ยิ่งกอดรัดแน่น อาการประหม่าของคนในอ้อมแขนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ธีร์ธวัชได้ใจ ฝ่ามือที่สอดเข้าไปในเสื้อนอนตัวบางเลื่อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะได้แตะทรงอกอวบอิ่มนั้นอยู่แล้ว
“ถ้าเฮียธีร์อยากจับ บอกขิมดี ๆ ก็ได้ค่ะ”
จู่ ๆ เด็กดื้อก็พลิกตัวหันกลับมาทำให้มือที่สอดอยู่ในเสื้อนอนหลุดออก แล้วกลายเป็นเธอที่จับฝ่ามือเขาเอาไว้ ก่อนที่จะดันมันสูงขึ้น สูงขึ้น จนมาหยุดที่เต้าอวบอิ่ม
“ถ้ากับเฮีย ขิมไม่หวงหรอกค่ะ”
“ขิม อย่าล้อเล่นกับเฮีย”
เสียงทุ้มกดคำพูดอยู่ในลำคอ จากที่จะแกล้งยัยตัวแสบให้อยู่ไม่ได้ กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ถูกเอาคืน จากที่คิดว่าไม่รู้สึกอะไร แต่ในตอนนี้บางอย่างที่กำลังหลับอยู่เริ่มตื่นตัวขึ้นมา
“ขิมไม่ได้ล้อเล่นนะคะ ก็ถ้าเฮียธีร์อดใจไม่ไหว...”
ฝ่ามือเล็กที่กุมมือของเขาอยู่ออกแรงรีบหนักขึ้น ทำให้มือของเขาจำต้องบีบที่เต้าอวบนั้นตามอย่างอัตโนมัติ ด้วยแสงไฟเพียงสลัว ๆ ในห้องนอน ทำให้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังยั่วยวนอยู่ไม่ชัดนัก แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันกำลังจะทำให้เขาตบะแตก
“นอนได้แล้วขิม อย่าดื้อครับ”
ในที่สุด ธีร์ธวัชก็ตัดสินใจดึงมือตัวเองออก เพื่อไม่ให้อะไร ๆ มันเลยเถิดไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างคงเข้าทางแผนการของแม่เขาแน่
ห้ามเด็ดขาด! จะเอากับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่สายขิม
“เฮียธีร์กลัวเหรอ”
เสียงหวานนั้นออดอ้อน ทั้งยังขยับตัวซุกใบหน้าเข้ามาหาอกแกร่ง ซึ่งตอนนี้ก้อนเนื้อที่อยู่ภายในมันกำลังเต้นรัว เร็ว แรง จนไม่อาจจะนับจังหวะได้เลย
“ไม่ได้กลัวครับ แต่มันยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงเวลาคะ”
ถามจี้ไปเลยตอนนี้แหละ ไหน ๆ ก็มานอนอยู่บนเตียงเดียวกันแล้ว จะว่าเป็นผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านก็ช่างเถอะ
“ขิม แต่เราเป็นพี่น้องกันนะ”
“พี่น้องเขาไม่จูบกันนะคะเฮียธีร์”
เป็นเขาเสียเองที่ไปไม่เป็นแล้วตอนนี้ แผนการที่วางเอาไว้จะปราบพยศเด็กดื้อดูเหมือนจะพังไม่เป็นท่า ยิ่งเขารุกเท่าไหร่ สายขิมก็ยิ่งโต้ตอบด้วยการรุกกลับเท่านั้น ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังผีผลักพลาดท่าเข้าจริง ๆ สักวันแน่
“เอาไว้ให้เราไม่ตัวสั่นเวลาโดนเฮียจูบก่อน ตอนนั้นแล้วเฮียจะเอาขิม แรง ๆ”
คำสุดท้ายที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นทำเอาคนตัวเล็กร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดหยอก แต่ว่า...มันต้องมีสักวันแน่เฮียธีร์
///////////////////////////////////////////////////////
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต