ธีร์ธวัชขับรถคู่ใจรีบกลับคอนโดให้เร็วที่สุด ขืนช้าไปกว่านี้หากยัยตัวยุ่งโทรไปฟ้องแม่เขาว่าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีไฟฟ้า รับรองได้เลยว่าจะได้โดนบทสวดจากคุณหญิงแม่เป็นเวลาสามวันสามคืนอย่างแน่นอน
ยัยนั่นก็ช่างเข้าใจออดอ้อน เวลาอยู่ต่อหน้าแม่เขาจะชอบทำตัวเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่เถียง แต่เวลาลับหลังกลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขาตลอด
ถ้าให้แต่งงานกันไป มีหวังคงต้องถูกควบคุมทั้งจากแม่และจากเมียแน่นอน ดังนั้น งานแต่งงานระหว่างเขากับสายขิมจะต้องไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนหรือแผนการอะไรก็ต้องทำให้คุณหญิงเธียรธาราเปลี่ยนใจให้ได้
คันเร่งเหยียบไปเท่าไหร่ไม่รู้ หรือเพราะการจราจรวันนี้เป็นใจ จึงทำให้ธีร์ธวัชกลับมาถึงคอนโดได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง ความรีบร้อนเพราะยัยตัวแสบบอกว่าไฟดับทั้งหมดทำให้ตอนนี้เขาแทบจะควันออกหู เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่าคอนโดของเขาไฟสว่างจ้าทุกดวง และสายขิมก็กำลังนั่งกินขนมพร้อมกับดูรายการโทรทัศน์อยู่
“สายขิม...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผ่านไรฟันที่กัดกันจนดังกรอด เพื่อระงับความโมโหของตัวเอง แต่ดูเหมือนเจ้าของชื่อจะไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรด้วยเลย
“อ้าว! เฮียธีร์ ทำไมวันนี้กลับหัวค่ำจังเลยคะ” เธอเอ่ยทักทายเจ้าของห้องพร้อมรอยยิ้มและดวงตาใสซื่อ
“สาบานว่าเธอไม่รู้ว่าทำไมฉันกลับมาเร็ว ทั้งที่คืนนี้ฉันควรจะได้อยู่กับน้องกิ๊บซี่คนสวย”
ยัยตัวแสบไหวไหล่เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบขนมเข้าปากอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ใครจะไปรู้ว่าเฮียมีธุระสำคัญ”
พูดเสร็จก็หันหน้ากลับไปดูโทรทัศน์ต่อ
“นี่สายขิม ไหนเธอบอกว่าไฟดับทั้งคอนโดไง ฉันก็อุตส่าห์รีบกลับมา แล้วนี่อะไร...” ธีร์ธวัชเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แล้วเธอก็หันหน้ามามองเขาช้า ๆ
“อ๋อ...ติดแล้วค่ะ แต่ขิมลืมโทรบอกเฮีย”
คำตอบที่ออกมาพร้อมกับน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเธอก็หันหน้ากลับไปทางเดิม ส่วนคนตัวสูงก็ได้แต่ยืนเท้าสะเอวมองยัยตัวแสบด้วยอารมณ์ที่ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไรดี จะโมโหก็ไม่ได้ จะโกรธก็ไม่ได้ จะด่าก็ไม่ได้อีก เพราะเดี๋ยวเธอไปฟ้องแม่เขาขึ้นมาล่ะยุ่งเลย
ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ นะ พ่อจะจับตีก้นเสียให้เข็ด!
ลมหายใจถูกสูดเข้าเต็มปอดเพื่อระงับสติอารมณ์เอาไว้ ก่อนที่จะยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ ใจจริงก็อยากจะกลับไปหาน้องกิ๊บซี่คนสวย แต่พอคิดว่าต้องขับรถฝ่ารถติดไปอีกก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมา
ธีร์ธวัชส่ายศีรษะไปมาอย่างเซ็ง ๆ แล้วก็เดินไปทางห้องนอนของตนเอง
“อ้าว...เฮีย” สายขิมเอ่ยเรียก ทำให้เขาหยุดชะงักฝีเท้า “ไม่ไปหาน้องกิ๊บซี่คนสวยแล้วเหรอคะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามมันปนเสียงหัวเราะเล็ก ๆ น่ามันเขี้ยว มันน่านัก น่าจับมาลงโทษเสียจริง ๆ
สายตาคมไล่มองเด็กดื้อที่นั่งอยู่บนโซฟา มือข้างหนึ่งถือถุงขนม ส่วนอีกข้างก็หยิบขนมเอาเข้าปาก สายตามองดูรายการตลกที่กำลังฉายอยู่ในจอ ปากก็หัวเราะอย่างอารมร์ดี
จะว่าไปแล้ว เธอก็โตขึ้นเยอะเหมือนกันนะ โดยเฉพาะไอ้ส่วนนูนที่ล้ำหน้าเกินตัวเล็ก ๆ ไปเยอะทีเดียว
สองเท้าก้าวเดินกลับมาทางเก่า ธีร์ธวัชหยุดยืนอยู่ข้างโซฟา สองมือกอดอกพร้อมทั้งใช้สายตาสำรวจร่างเล็กที่มีสวมเสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงขาสั้น ที่สั้นมาก!
สวยเหมือนกันแฮะ...
“เฮียธีร์มองอะไร” เพราะโดนจ้องอยู่นานจนรู้สึกตัว สายขิมหันใบหน้ากลับมาแล้วเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงยืนอยู่นิ่ง ๆ ใช้สายตามองเธอพร้อมกับรอยยิ้มแปลก ๆ
“เธอรู้ไหมสายขิม”
“รู้อะไร...”
“ก็การที่ฉันรีบกลับมาคอนโดเพราะเธอโทรไปบอกว่าไฟดับ ทำให้คืนนี้ฉันพลาดโอกาสที่จะได้กระแทกกับน้องกิ๊บซี่ น่ะสิ”
คนตัวเล็กเริ่มกระถดถอยหนี เมื่อร่างสูงตรงหน้าก้าวเข้ามาชิดโซฟาที่เธอนั่งอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ละ แล้วมันทำไม” ละล่ำละลักเอ่ยถาม แล้วใช้สองเท้าถดตัวขยับมาจนสุดโซฟาตัวยาว และการกระทำนั้น มันก็ยิ่งทำให้กางเกงที่สั้นอยู่แล้ว ร่นขึ้นสูงจนแทบจะเห็นแก้มก้น
ธีร์ธวัชหยักยิ้มได้ใจ ดูเหมือนวันนี้เขาจะเป็นคนคุมเกมได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แกล้งอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
“ก็หมายความว่า...” นัยน์ตาคมวาวระยับ ไล่มองร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะย้อนกลับมามองตรงส่วนนูนช่วงบนของร่างกายเด็กดื้อ “เธอควรจะรับผิดชอบน่ะสิ”
“รับผิดชอบอะไร ไม่เกี่ยวกับขิมสักหน่อย”
“เดี๋ยว จะไปไหน”
ฝ่ามือใหญ่คว้าข้อมือเรียวเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างเล็กจึงเซถลาเอนลงส่งผลให้คนที่จับข้อมือเธออยู่เอนทับลงมาด้วย
ใบหน้าหล่อเหลาห่างกับใบหน้าเธอแค่เพียงคืบ สายตาของอีกฝ่ายยังจ้องมองไม่ละไปไหน ซ้ำตอนนี้ ธีร์ธวัชยังอยู่ในท่าคร่อมทับเธออยู่ แผ่นอกของเขาทาบลงมาได้เหมาะเจาะกับหน้าอกอวบพอดิบพอดี
สายขิมกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จะหันหน้าหนี หรือจะผลักเขาให้เขยิบออก ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เพราะคนตัวโตรวบแขนของเธอสองข้างเข้าด้วยกันแล้วจับตรึงไว้เหนือศีรษะเรียบร้อย
“เฮีย ปล่อยขิมนะ ขิมจะไปนอนแล้ว”
“นอน? ง่วงแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังนั่งกินขนมอยู่เลย”
เขาเอ่ยถามทั้งยักคิ้วหลิ่วตายียวน พลางโน้มใบหน้าลงมาใกล้ เอียงหน้าเล็กน้อยแล้วกระซิบอยู่ข้างใบหู
“อยากจะเป็นเมียฉันไม่ใช่เหรอ ก็หัดหน้าที่เมียเอาไว้ก่อนสิ”
จบประโยคนั้น สองมือเล็กผลักหน้าอกคนตัวโตสุดแรง คราวนี้ธีร์ธวัชยอมผละตัวออกอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ยัยตัวเล็กได้ลุกขึ้น แต่ไม่วาย ทั้งสีหน้าและท่าทางของเขาก็ยังคล้ายจะอยากแกล้งเธออยู่
“หัดเหิดอะไร ยังไม่ได้แต่งงานเลย อีกอย่าง เฮียก็ไม่ได้อยากแต่งกับขิมไม่ใช่หรือไง”
ที่กล้าพูดออกมายาวเป็นชุด เพราะตอนนี้เธอลุกหนีมายืนอยู่ข้างโซฟาแล้ว กะด้วยระยะสายตาก็ถือว่าปลอดภัย
ร่างสูงลุกขึ้นยืนตาม แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิด “แต่แม่บอกว่าให้ศึกษาดูใจกับเธอ แล้วก็...” เขาเว้นคำพูดไว้ช่วงหนึ่ง “รีบ ๆ มีหลานให้แม่”
ดวงตาสวยคมเบิกกว้าง ก็จริงอยู่ที่คุณหญิงเธียรธาราอยากให้เธอแต่งงานกับเขา ถึงได้ส่งมาอยู่ที่นี่เพื่อมัดใจคนตรงหน้าให้ได้ แต่ในเวลานี้ หัวใจกลับเต้นแรงแปลก ๆ เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีต่างจากทุกวัน
“นั่นมันคำพูดคุณแม่ ขิมไม่ได้พูดเองสักหน่อย ตอนมาถึงที่นี่ขิมก็บอกแล้วว่ารอคุณแม่อารมณ์เย็นก่อน แล้วขิมก็จะกลับใต้”
ยัยตัวเล็กแก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ ด้วยกำลังวิตกกับท่าทีของคนตัวสูงตรงหน้า จริงอยู่ที่เธอชอบเขา จริงอยู่ที่เธออย่างแต่งงานกับเขา ไอ้เรื่องอย่างว่าก็ยอมรับว่ามีจินตนาการไว้บ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม!
“ก็ใช่ไง ฉันก็เชื่อฟังที่แม่บอก อยากจะทำหลานให้แม่เร็ว ๆ อืม...เริ่มคืนนี้เลยเป็นไง ไหน ๆ ฉันก็ไม่มีที่ลงอยู่แล้ว”
ธีร์ธวัชหลุบสายตาลงต่ำมองกลางกายของตัวเอง คล้ายกำลังจะบอกเธอว่า ไอ้สิ่งที่อยู่ในนั้นมันเตรียมพร้อมใช้งานแล้ว ขอแค่เธอตกลง
“คะ ใครจะทำกับเฮียกัน”
พูดเสร็จยัยตัวแสบก็หันหลังแล้ววิ่งกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปทันที เหลือไว้แต่ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ยกมือเท้าสะเอวหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่คนเดียว
นี่มันก็เป็นอีกหนึ่งในแผนการของเขานั่นแหละ ทำให้ยัยนั่นกลัวแล้วจะได้หนีกลับใต้ไปเร็ว ๆ และดูเหมือนสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่จะได้ผลดีเสียด้วย
ทางด้านสายขิมที่หนีกลับเข้ามาในห้อง ร่างเล็กยังยืนพิงประตูอยู่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมหน้าอกด้านซ้ายเอาไว้ มันเต้นแรงและเร็วจนคิดว่าจะหลุดออกมา ลมหายใจถูกสูดเข้าเต็มปอดเพื่อลดความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เขาแกล้งเธอ ทำไมจะไม่รู้ แต่แค่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเท่านั้น ขอเวลาอีกสักสองสามวันก่อนเถอะ รุกมา รุกกลับ ยังไงก็ไม่รอดเงื้อมมือสายขิมแน่ เฮียธีร์!
///////////////////////////////////////////////////////
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต