Share

เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา
เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา
Penulis: เฟยเทียน / เงาจันทราสีหมึก / กัญญ์ญาภัค

บทที่ 1

หยาดฝนเย็นเยียบปะทะใบหน้าซีดเซียวของเสิ่นเมี่ยว ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพบนจอแอลซีดีขนาดมหึมาตรงหน้าได้ฉายชัดใบหน้ายิ้มแย้มของผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจอนาคตไกล

เสิ่นตง คือชื่อของผู้ชายคนนั้นลูกพี่ลูกน้องสายเลือดเดียวกันของเสิ่นเมี่ยว เขากำลังให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดราวกับว่ามันเป็นผลงานของเขาแต่เพียงผู้เดียว

"เสิ่นตง..." เสียงของเสิ่นเมี่ยวแหบแห้งราวกับคนจมน้ำแล้วเพิ่งโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาไขว่ขว้าหาอากาศหายใจ ดวงตาที่เคยสดใสบัดนี้แดงก่ำไปด้วยแรงโทสะและความปวดร้าว มือที่กำเศษขยะไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อสั่นระริก

ภาพอดีตหวนคืนมาราวกับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำในความทรงจำเธอและเสิ่นหยวนพี่ชายบุญธรรมทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างสรรค์เทคโนโลยีนี้ขึ้นมาด้วยความหวังที่จะพลิกฟื้นธุรกิจของครอบครัว

แต่แล้วเพราะความไว้ใจที่เธอมีให้เสิ่นตงผู้ที่เคยคิดว่าเป็นพี่ชายใหญ่ที่แสนดีกลับกลายมาเป็นดาบแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจ

"โง่...ฉันมันโง่เอง" เสิ่นเมี่ยวพึมพำกับตัวเองเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดแรกไหลปะปนกับสายฝนที่กระหน่ำลงมา ความทรงจำถึงคำทัดทานของเสิ่นหยวนยังคงดังก้องอยู่ในหู

"พี่ว่าเธออย่าไว้ใจเขาง่าย ๆ เลยเสิ่นเมี่ยว..." แต่ตอนนั้นเธอไม่ฟัง ด้วยความเชื่อใจอย่างไร้สติ เธอจึงเล่าทุกอย่างให้ เสิ่นตงฟังอย่างหมดเปลือก อีกทั้งยังมอบทุกอย่างที่สร้างมาให้กับเขา

หากถามว่าเพราะเหตุใดเธอถึงเลือกทำเช่นนี้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นในวันที่เธอเพิ่งจะอายุครบสิบเจ็ดปี อุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้นพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ

ไม่ว่าจะพ่อ แม่ และพี่ชายบุญธรรมที่มีอายุมากกว่าเจ็ดปี พี่ที่รักเธอและยอมเธอทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะถูกคนในครอบครัวของลุงใหญ่รังแกสารพัด ทุกคนล้วนเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันซึ่งเขาได้เตือนเธอก่อนที่ตัวจะตาย

ความสูญเสียครั้งใหญ่ทำให้เธอเปราะบางเกินกว่าจะต่อต้านการเข้ามาฮุบกิจการของลุงใหญ่และเสิ่นตง พวกเขาแสดงละครเป็นห่วงเป็นใยดูแลเธอในฐานะญาติผู้ใหญ่ แต่เบื้องหลังกลับวางแผนยึดครองทุกสิ่ง

กระทั่งเธอเรียนจบ ด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยีและธุรกิจอันโดดเด่นพวกเขายังคงเก็บเธอไว้ใช้งาน แต่เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในมือของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ แผนการกำจัดเธอก็เริ่มขึ้น

การลักพาตัว...ได้เกิดขึ้นและตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกองขยะหลังจากหนีออกมาได้ เพื่อมองดูความสำเร็จจอมปลอมของคนที่ทรยศตัวเอง

ความเย็นเยียบของสายฝนไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในใจของเสิ่นเมี่ยวลดลงเลยแม้แต่น้อย ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นฝังลึกราวกับรากไม้ที่ชอนไชไปทั่วหัวใจ เธอเงยหน้ามองจอภาพอีกครั้ง ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"เสิ่นตง...เสิ่นหนาน เสิ่นฉี ฟางหลานนังป้าอสรพิษพวกแกจะต้องชดใช้" เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า

ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปราย หญิงสาวที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองขยะได้ตัดสินใจที่จะกระทำการบางอย่าง มีดปลายแหลมวาววับในมือของเธอถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดภายใต้เสื้อมอซอขาดวิ่นตัวใหญ่หลังจากเธอหนีออกมาได้จากผู้ที่ลักพาตัว

สายฝนยังคงกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว เสิ่นเมี่ยวโซซัดโซเซไปตามบาทวิถีเปียกชื้น แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องกระทบร่างชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝนของเธอเป็นระยะ มีดปลายแหลมในมือถูกกำไว้แน่น ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าเก่ามอมแมมที่เปรอะเปื้อนโคลน

ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง ทิศทางที่คุ้นเคยแต่กลับกลายเป็นบาดแผลลึกในใจ บ้าน...บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยอบอุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะของพ่อ แม่ และเสิ่นหยวน บ้านที่สร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงกายของพ่อเธอเอง แต่บัดนี้กลับกลายเป็นรังของพวกเหลือบไรที่เข้ามาเกาะกินทุกสิ่งทุกอย่าง

ความทรงจำในวัยเด็กผุดขึ้นมา ปู่กับย่า...คนที่เธอเคยเคารพตามคนเป็นพ่อได้เอ่ยปากบอกให้พ่อเป็นผู้เปิดประตูต้อนรับญาติเหล่านั้นเข้ามาอาศัยร่วมชายคา

ด้วยความเชื่อใจและไม่ประสีประสา พ่อของเธอไม่ได้คัดค้านปล่อยให้บ้านที่ควรจะเป็นวิมานของครอบครัวกลายเป็นเหมือนกงสีที่ทุกคนต่างเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์

ความขมขื่นจุกอยู่ที่อก เสิ่นเมี่ยวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพใบหน้ายิ้มเยาะของเสิ่นตง ภาพสายตาเหยียดหยามของเสิ่นหนาน ภาพความละโมบในแววตาของเสิ่นฉี และรอยยิ้มเสแสร้งของป้าสะใภ้ฟางหลานวนเวียนอยู่ในความคิด

เท้าที่สั่นเทาค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูด ความแค้นเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้เธอยังคงเคลื่อนไหวได้ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกไม่หยุด

บ้านหลังนั้นค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้นตรงหน้า แสงไฟสว่างลอดออกมาจากหน้าต่างบ่งบอกว่าพวกเขายังคงใช้ชีวิตสุขสบายบนความทุกข์ของเธอ เสิ่นเมี่ยวหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูรั้วเก่าดวงตาจับจ้องไปยังตัวบ้านอย่างแน่วแน่

ความลังเลเพียงเล็กน้อยที่เคยมีได้จางหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความเด็ดเดี่ยวและความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่าง...แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

เสิ่นเมี่ยวอาศัยความมืดและสายฝนที่โหมกระหน่ำ คลานต่ำไปยังแนวพุ่มไม้รกเรื้อริมรั้ว ความทรงจำเกี่ยวกับตำแหน่งกล้องวงจรปิดที่เสิ่นหยวนเคยชี้ให้ดูในวัยเด็กยังคงแจ่มชัด เธอเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบหลบหลีกมุมอับสายตาของกล้องแต่ละตัวได้อย่างหวุดหวิด จนในที่สุดก็มาถึงด้านข้างตัวบ้าน

จากมุมมืดเธอสำรวจช่องทางเข้า และเธอจำได้ว่าหน้าต่างห้องครัวด้านหลังมักจะไม่ได้ล็อก และก็เป็นอย่างที่เธอคิด หลังจากเธอปีนเข้ามาในห้องครัวได้สำเร็จเสิ่นเมี่ยวก็ค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองผ่านกระจกของห้องครัวออกมา

เมื่อไม่เห็นใครหญิงสาวก็ค่อย ๆ เปิดประตูห้องครัวที่เชื่อมไปยังส่วนอื่นของบ้านอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงลมฝนที่สาดซัดเข้ามาช่วยกลบเสียงบานพับที่ฝืดเล็กน้อยได้เป็นอย่างดี

ภายในตัวบ้านเงียบสงัด มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวบันไดที่ส่องลงมาเป็นทางยาว เสิ่นเมี่ยวอาศัยความมืดและแสงสลัวเดินอย่างระมัดระวังไปตามทางเดิน ผนังบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยรูปถ่ายครอบครัวอบอุ่นบัดนี้กลับดูเย็นชาและแปลกตา

ความทรงจำเกี่ยวกับโครงสร้างของบ้านยังคงอยู่ในหัวของเธอ ห้องนอนของเสิ่นตงอยู่ชั้นบนสุดฝั่งขวา เธอค่อย ๆ ขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ เหยียบลงบนพื้นไม้ทีละแผ่นด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเสียง

เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนของเสิ่นตง เสิ่นเมี่ยวแนบหูฟังเสียงที่ลอดออกมา ภายในนั้นเงียบสนิท เขาอาจจะหลับไปแล้วก็ได้ เธอคิดพร้อมกับค่อย ๆ เปิดประตูอย่างแผ่วเบา

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เลือดในกายของเสิ่นเมี่ยวแทบจะแข็งตัว เสิ่นตงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงใบหน้าอิ่มเอิบจากการดื่มสุราจนเมามายไม่ได้สติ

แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าคือร่างของสาวใช้คนหนึ่งที่เธอให้ความไว้ใจและเป็นผู้หลอกล่อเธอให้พบกับพวกค้ามนุษย์ กำลังนอนหลับอยู่เคียงข้างเขาอย่างใกล้ชิด

ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เสิ่นเมี่ยวกำมีดในมือแน่น เธอตัดสินใจแล้วว่าจะจบเรื่องทุกอย่างที่นี่ เธอค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้เตียงยกมีดขึ้นสูงเตรียมที่จะแทงลงไปบนร่างของเสิ่นตงแต่ทว่าทันใดนั้นเอง...

"อื้อ..." สาวใช้ที่นอนอยู่เคียงข้างขยับตัวเล็กน้อยลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเงาร่างของ เสิ่นเมี่ยวที่ยืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับมีดปลายแหลมวาววับในมือ

"ว้าย!" เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง สาวใช้รีบลุกขึ้นถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก

เสิ่นหนานที่อยู่ในห้องนอนอีกห้องใกล้กันสะดุ้งตื่นจากเสียงร้อง เขารีบวิ่งออกมาดู

"เกิดอะไรขึ้น!?" เสิ่นหนานตะโกนถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเสิ่นเมี่ยวถือมีดอยู่ในห้องของเสิ่นตง

เขารีบวิ่งเข้ามายื้อยุดกับหญิงสาวผู้มีรูปร่างผอมบาง การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและวุ่นวาย

เสิ่นเมี่ยวพยายามที่จะเข้าถึงตัวเสิ่นตงที่ยังคงสะลึมสะลือ แต่เสิ่นหนานเข้าขวางอย่างสุดกำลัง สาวใช้กรีดร้องไม่หยุดและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายเสิ่นเมี่ยวด้วยความตกใจ

ในความชุลมุนเสิ่นเมี่ยวเสียหลักลื่นล้มไปกับพื้น มีดในมือหลุดกระเด็นไป...เสี้ยววินาทีต่อมา ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล่นริ้วไปทั่วอก

เธอรู้สึกถึงความเย็นเฉียบของบางสิ่งบางอย่างที่แทงลึกเข้ามาถึงหัวใจ ดวงตาเบิกกว้างมองเห็นเงาของมีดที่คุ้นเคย...มีดของเธอเองที่ตอนนี้ปักลึกอยู่กลางอกของตน

ลมหายใจเริ่มติดขัด ภาพทุกอย่างเริ่มพร่าเลือน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังกลืนกินสติสัมปชัญญะ เสียงเล็ก ๆ แสนคุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในห้วงความคิด เสียงที่เธอไม่มีวันลืม...เสียงของเอไอที่เธอสร้างขึ้นมาเอง

"สวัสดีโฮสต์ ไม่ทราบว่าคุณอยากเริ่มต้นใหม่ไหมครับ?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 109

    หลังจากแสดงความยินดีและซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้ว หลี่หยุนก็เข้าเรื่องทันที "คืออย่างนี้ครับ ผู้อำนวยการหวัง ผมเองก็อายุมากแล้ว อยากจะขอเกษียณตัวเองจากตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงเสียที และผมก็เห็นว่าหลี่หานลูกชายของผมคนนี้เขามีความรู้ความสามารถทางด้านช่างเทคนิคและเครื่องยนต์ก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 108

    ยามเช้าของวันต่อมา แสงแดดแรกของหางโจวในช่วงต้นฤดูร้อนสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นปลุกชีวิตชีวาให้กับสรรพสิ่ง ณ อาคารที่พักของพนักงานของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเฟยเยว่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง ที่ซึ่งหลี่หานกำลังจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงต่อจากบิดา

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 107

    เย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่ทุกคนได้กินอาหารมื้อเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น หลี่หยุนได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับหลาน ๆ ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนความสุขทั้งหมดในชีวิตได้ย้อนกลับคืนมาอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 106

    "จริงเหรอครับ/ค่ะ พ่อ" สองพี่น้องร้องออกมาด้วยความดีใจ " "จริงสิลูก แต่ว่าเรื่องตู้เย็นเอาไว้พวกเราค่อย ๆ เก็บเงินซื้อกันนะ ตอนนี้ก็ซื้อน้ำแข็งไปก่อนเพราะโรงงานน้ำแข็งประชาชนอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง พอหน้าหนาวพ่อว่าน้ำแข็งก็ไม่น่าจะเป็นที่ต้องการเท่าไหร่แล้วละ" พูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 105

    เย็นวันนั้นข่าวการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงโรงงานเฟยเยว่ของหลี่หาน และความสำเร็จในการซ่อมเครื่องจักรที่แม้แต่ทีมช่างของโรงงานยังจนปัญญาก็ได้สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวหลี่และครอบครัวเซี่ยเป็นอย่างมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำชื่นชม เซ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 104

    (ซึ่งในระหว่างนี้ ทักษะการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรระดับสูงสุดที่เสี่ยวหม่าวมอบให้กำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในหัวของเขา) หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่นานนัก ประมาณสิบกว่านาทีเห็นจะได้ หลี่หานก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่มั่นใจ "ผมคิดว่าผมพอจะมองเห็นสาเหตุแล้วครับท่านผู้อำนวยกา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status