Share

บทที่ 2

"อยากสิ! แม้จะให้ฉันถูกมีดแทงอีกครั้งก็ได้" เสียงกระซิบแผ่วเบาราวลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหยุดลง ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบแสงสว่างจ้ากลืนกินความมืดมิด ความรู้สึกเจ็บปวดมลายหายไปราวกับเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง

ภายในห้องเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ในขณะที่ครูหน้าชั้นกำลังดำเนินการสอนของตน ป็อก! เสียงดังของชอล์กสีขาวได้ดังขึ้นข้างศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่กำลังซบลงกับโต๊ะไม้เนื้อหยาบ

ผมเปียสองข้างคลายตัวเล็กน้อยทาบทับอยู่บนหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เปิดค้างอยู่ ดวงตาเล็ก ๆ ปิดสนิทราวกับกำลังหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวายรอบข้าง

เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนร่วมชั้น เสียงครูสอนที่หน้ากระดานดำราวกับอยู่ไกลแสนไกล ชอล์กสีขาวแท่งนั้นกลิ้ง หลุน ๆ ตกจากขอบโต๊ะไปกระแทกกับพื้นไม้

"เสิ่นเมี่ยว!" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างไม่พอใจหลังจากเขาส่งชอล์กในมือออกไปก่อนล่วงหน้า

เด็กหญิงเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตยังคงงัวเงียเล็กน้อยมองไปยังครูสอนคณิตศาสตร์ที่ยืนเท้าเอวมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"นี่เธอ! หลับในชั่วโมงเรียนอีกแล้วนะนักเรียนเสิ่นเมี่ยว" ครูหวังเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากกว่าปกติชอล์ก สีขาวอีกแท่งในมือถูกเคาะเบา ๆ กับฝ่ามือ

เสิ่นเมี่ยวขยี้ตาเล็กน้อยมองไปรอบห้อง เพื่อน ๆ ต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจบ้าง ขำขันบ้าง แทนที่เธอจะรู้สึกเขินแต่ทว่ากลับกลายเป็นตกใจแทนเสียอย่างนั้น

มือเล็ก ๆ ของเสิ่นเมี่ยวยกขึ้นกุมหน้าอกแน่น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวจะทะลุออกจากอก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองสำรวจไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนก

'นี่มัน...อะไรกัน?' ความคิดสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว ภาพกองขยะ สายฝน ความเจ็บปวดจากคมมีดยังคงติดตรึงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

แล้วที่นี่...ห้องเรียน? โต๊ะไม้เก่าเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย ครูหวังที่ยืนเท้าเอวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ

'ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?' ความทรงจำสุดท้ายคือความเย็นเยียบที่ลามเลียไปทั่วสรรพางค์กายและเสียงของระบบเอไอที่ชวนให้เริ่มต้นใหม่ แล้วนี่คืออะไร? โลกหลังความตายเป็นแบบนี้หรือ? หรือว่า...ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน? ฝันที่สมจริงจนน่าตกใจ

เสิ่นเมี่ยวก้มลงมองมือตัวเอง มือเล็กแสนบอบบางมือของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบไม่ใช่มือที่กร้านจากการทำงานหนักในภพก่อน ไม่ใช่มือที่กำมีดแน่นเพื่อหวังจะแก้แค้น

'นี่ฉัน...กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งจริง ๆ เหรอ?' ความตกใจแล่นริ้วไปทั่วร่างราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต วิญญาณของเธอ...จากร่างที่กำลังจะดับสูญกลับมาอยู่ในร่างเล็ก ๆ ในห้องเรียนนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ

"เสิ่นเมี่ยว! ครูถามว่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าตกใจแบบนั้น?" เสียงครูหวังดังขึ้นอีกครั้งดึงสติของเสิ่นเมี่ยวให้กลับมา

เด็กหญิงเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความสับสนและความไม่เชื่อ

"ครูคะ...ตอนนี้ปีอะไรวันที่เท่าไหร่หรือคะ" คำถามนี้ทำให้หวังเหว่ยมองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว หลังเลิกเรียนเธอไปพบครูที่ห้องพักด้วยนะ" สิ้นเสียงของเขาสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนก็ดังขึ้น

และในขณะที่เสิ่นเมี่ยวยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้น เสียงเล็ก ๆ ของเอไอที่เธอไม่เคยลืมก็ได้ดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง

โฮสต์ คุณพอใจไหม

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนยังคงดังสนั่นแต่เสิ่นเมี่ยวยังคงยืนงงงันอยู่กับที่ ความสับสนในหัวยังคงตีรวนราวกับพายุ อีกทั้งเสียงเอไอที่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามก็ยังคงดังขึ้นอีกอย่างต้องการคำตอบ

พอใจมาก แต่นี่มันเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ เธอยังคงครุ่นคิดตลอดการเดินไปที่ห้องพักครู

หวังเหว่ยกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าของเขายังคงฉายแววไม่พอใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ของเด็กหญิงตรงหน้าที่กำลังเดินมาหาตน

"เสิ่นเมี่ยว แม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจเรียน แต่การที่เธอถามครูว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ " น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก

เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูหวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและ...ความหวังเล็ก ๆ หากสิ่งที่เธอคิดเป็นจริง ปีนี้ย่อมเป็นปี 1980 เป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป

"หนู...หนูแค่ไม่ค่อยสบายค่ะคุณครู หนูจำอะไรไม่ค่อยได้" เสิ่นเมี่ยวโกหกออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก

ครูหวังถอนหายใจ "ไม่สบายก็ต้องบอกครูสิ นี่เล่นหลับในชั่วโมงเรียน แถมยังถามอะไรแปลก ๆ อีก พรุ่งนี้เช้าให้ผู้ปกครองของเธอมาพบครูที่ห้องพักด้วยนะ มีเรื่องต้องคุยกัน"

คำว่าผู้ปกครองราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเสิ่นเมี่ยว น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพใบหน้าของพ่อและแม่ในภพก่อนผุดขึ้นมาในความคิด ความสูญเสียที่เธอต้องเผชิญเมื่ออายุสิบเจ็ดปี ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ

หยาดน้ำตาหยดแรกร่วงหล่นจากดวงตาสัมผัสแก้มใสราวกับหยาดฝน ครูหวังชะงักไป มองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความคาดไม่ถึง

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว! เธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?" หวังเหว่ยถามด้วยความตกใจระคนมึนงง น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนถูกความกังวลเข้าแทนที่

เสิ่นเมี่ยวไม่ตอบ เพียงสะอื้นออกมาเบา ๆ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจ ทั้งความสับสน ความหวัง และความเศร้าโศกที่ฝังลึก

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว เธอหยุดร้องก่อน" ครูวัยกลางคนรีบปลอบประโลมเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงน้ำตาไหลอาบแก้ม

"ครูไม่ได้ตั้งใจจะเรียกผู้ปกครองของเธอมาเพื่อตำหนินะ แต่จะเรียกมาชมเชยต่างหาก" คำพูดของครูตรงหน้าทำให้น้ำตาของเด็กหญิงหยุดลงคงเหลือเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบา

"เรื่องอะไรหรือคะ" น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยถาม เสิ่นเมี่ยวนึกไม่ออกว่าในช่วงเวลานี้เธอมีเรื่องดี ๆ ใดให้ครูคนนี้กล่าวชมกัน

"เรื่องที่เธอเก็บห่อเงินได้ยังไงล่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งคนมาแจ้งกับครูใหญ่เมื่อสักพักนี่เอง" หวังเหว่ยรีบเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวก็อยากจะตำหนิเด็กหญิงอีกสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีสภาพแบบนี้กอปรกับเรื่องการทำความดีของเธอทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจะทำเป็นปิดตาข้างลืมตาข้างก็แล้วกัน เจ้าตัวคิด

ในระหว่างนี้น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเสิ่นเมี่ยวค่อย ๆ แห้งเหือดไปเพราะได้ถูกความงุนงงเข้ามาแทน เธอพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ครูหวังกล่าวถึง ห่อเงิน...เรื่องอะไรกัน? ความทรงจำในตอนนั้นของเธอเลือนรางราวกับภาพวาดสีจาง

เด็กหญิงพยายามนึกก่อนที่จะมีภาพในอดีตค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจนนัก...เหมือนจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นจริง ในตอนนั้นเธอจำได้ว่ามีคนทำเงินหล่นหายและมีคนเก็บได้...ใช่แล้ว! เป็นเธอที่เก็บได้!

ความทรงจำเริ่มชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เธอยังจำความรู้สึกตอนที่เจอห่อเงินตกอยู่บนพื้น จำความตกใจและความไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ที่จำได้แม่นยำกว่านั้นคือ...หลังจากครูบอกกับคนที่บ้าน

เป็นย่า! ย่าที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ และสุดท้ายคำชมเชยจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างเด่นชัดและชาวบ้านทั้งหมด รวมถึงเกียรติบัตรที่โรงเรียนมอบให้กลับตกเป็นของเสิ่นหนาน ลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเธอหนึ่งปี

ความรู้สึกไม่ยุติธรรมแล่นปราดเข้ามาในหัวใจดวงน้อยในทันที ในภพก่อนเธอเป็นเด็กที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเรียกร้องอะไร ได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ในอก แต่ครั้งนี้...มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

เพราะในยุคนี้ใบประกาศเกียรติคุณไม่ได้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียว แต่ทว่ามันคือเครื่องการันตีความดี ความประพฤติ และยังเป็นใบเบิกทางในการเข้าศึกษาต่อ หรือแม้กระทั่งโอกาสการทำงานในอนาคต เธอจะไม่ยอมให้ใครมา ฉกฉวยความดีความชอบของเธอไปง่าย ๆ อีกแล้ว

"ครูหวังคะ..." เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาเล็ก ๆ แน่วแน่ขึ้น "หนู...หนูเป็นคนเก็บห่อเงินนั้นได้จริง ๆ ค่ะ"

น้ำเสียงของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้หวังเหว่ยเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

"ครูรู้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าคนที่นำไปส่งมอบเป็นเธอไม่อย่างนั้นครูจะเรียกเธอมาและให้ไปบอกผู้ปกครองทำไม ว่าแต่ทำไมเธอต้องดูกังวลมากขนาดนั้น" หวังเหว่ยแสดงออกถึงความสงสัยระคนขบขัน

"คือ...คือว่าตอนที่หนูเก็บได้นั้นเสิ่นหนานเองก็เห็นค่ะ"

เสิ่นเมี่ยวพยายามเกริ่นเข้าเรื่อง หากเป็นเมื่อชาติก่อนหลังจากกลับบ้านพอเธอพูดเรื่องนี้ออกไปเสิ่นหนานเจ้าเด็กคนนั้นก็โพล่งว่าตนเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นย่าผู้มีใจลำเอียงรักบ้านของบุตรชายคนโตก็เลยจัดการเปลี่ยนแปลงความดีของเธอยกให้คนอื่น เสิ่นเมี่ยวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดจนแน่นหน้าอกไปหมด

'โชคดีที่ตอนนี้ฉันได้มีโอกาสกลับมา ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว...ไม่มีวัน' เธอเอ่ยสาบานเงียบ ๆ ในใจ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 109

    หลังจากแสดงความยินดีและซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้ว หลี่หยุนก็เข้าเรื่องทันที "คืออย่างนี้ครับ ผู้อำนวยการหวัง ผมเองก็อายุมากแล้ว อยากจะขอเกษียณตัวเองจากตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงเสียที และผมก็เห็นว่าหลี่หานลูกชายของผมคนนี้เขามีความรู้ความสามารถทางด้านช่างเทคนิคและเครื่องยนต์ก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 108

    ยามเช้าของวันต่อมา แสงแดดแรกของหางโจวในช่วงต้นฤดูร้อนสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นปลุกชีวิตชีวาให้กับสรรพสิ่ง ณ อาคารที่พักของพนักงานของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเฟยเยว่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง ที่ซึ่งหลี่หานกำลังจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงต่อจากบิดา

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 107

    เย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่ทุกคนได้กินอาหารมื้อเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น หลี่หยุนได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับหลาน ๆ ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนความสุขทั้งหมดในชีวิตได้ย้อนกลับคืนมาอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 106

    "จริงเหรอครับ/ค่ะ พ่อ" สองพี่น้องร้องออกมาด้วยความดีใจ " "จริงสิลูก แต่ว่าเรื่องตู้เย็นเอาไว้พวกเราค่อย ๆ เก็บเงินซื้อกันนะ ตอนนี้ก็ซื้อน้ำแข็งไปก่อนเพราะโรงงานน้ำแข็งประชาชนอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง พอหน้าหนาวพ่อว่าน้ำแข็งก็ไม่น่าจะเป็นที่ต้องการเท่าไหร่แล้วละ" พูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 105

    เย็นวันนั้นข่าวการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงโรงงานเฟยเยว่ของหลี่หาน และความสำเร็จในการซ่อมเครื่องจักรที่แม้แต่ทีมช่างของโรงงานยังจนปัญญาก็ได้สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวหลี่และครอบครัวเซี่ยเป็นอย่างมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำชื่นชม เซ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 104

    (ซึ่งในระหว่างนี้ ทักษะการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรระดับสูงสุดที่เสี่ยวหม่าวมอบให้กำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในหัวของเขา) หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่นานนัก ประมาณสิบกว่านาทีเห็นจะได้ หลี่หานก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่มั่นใจ "ผมคิดว่าผมพอจะมองเห็นสาเหตุแล้วครับท่านผู้อำนวยกา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status