"อยากสิ! แม้จะให้ฉันถูกมีดแทงอีกครั้งก็ได้" เสียงกระซิบแผ่วเบาราวลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหยุดลง ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบแสงสว่างจ้ากลืนกินความมืดมิด ความรู้สึกเจ็บปวดมลายหายไปราวกับเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง
ภายในห้องเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ในขณะที่ครูหน้าชั้นกำลังดำเนินการสอนของตน ป็อก! เสียงดังของชอล์กสีขาวได้ดังขึ้นข้างศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่กำลังซบลงกับโต๊ะไม้เนื้อหยาบ
ผมเปียสองข้างคลายตัวเล็กน้อยทาบทับอยู่บนหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เปิดค้างอยู่ ดวงตาเล็ก ๆ ปิดสนิทราวกับกำลังหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวายรอบข้าง
เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนร่วมชั้น เสียงครูสอนที่หน้ากระดานดำราวกับอยู่ไกลแสนไกล ชอล์กสีขาวแท่งนั้นกลิ้ง หลุน ๆ ตกจากขอบโต๊ะไปกระแทกกับพื้นไม้
"เสิ่นเมี่ยว!" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างไม่พอใจหลังจากเขาส่งชอล์กในมือออกไปก่อนล่วงหน้า
เด็กหญิงเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตยังคงงัวเงียเล็กน้อยมองไปยังครูสอนคณิตศาสตร์ที่ยืนเท้าเอวมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"นี่เธอ! หลับในชั่วโมงเรียนอีกแล้วนะนักเรียนเสิ่นเมี่ยว" ครูหวังเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากกว่าปกติชอล์ก สีขาวอีกแท่งในมือถูกเคาะเบา ๆ กับฝ่ามือ
เสิ่นเมี่ยวขยี้ตาเล็กน้อยมองไปรอบห้อง เพื่อน ๆ ต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจบ้าง ขำขันบ้าง แทนที่เธอจะรู้สึกเขินแต่ทว่ากลับกลายเป็นตกใจแทนเสียอย่างนั้น
มือเล็ก ๆ ของเสิ่นเมี่ยวยกขึ้นกุมหน้าอกแน่น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวจะทะลุออกจากอก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองสำรวจไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนก
'นี่มัน...อะไรกัน?' ความคิดสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว ภาพกองขยะ สายฝน ความเจ็บปวดจากคมมีดยังคงติดตรึงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
แล้วที่นี่...ห้องเรียน? โต๊ะไม้เก่าเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย ครูหวังที่ยืนเท้าเอวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ
'ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?' ความทรงจำสุดท้ายคือความเย็นเยียบที่ลามเลียไปทั่วสรรพางค์กายและเสียงของระบบเอไอที่ชวนให้เริ่มต้นใหม่ แล้วนี่คืออะไร? โลกหลังความตายเป็นแบบนี้หรือ? หรือว่า...ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน? ฝันที่สมจริงจนน่าตกใจ
เสิ่นเมี่ยวก้มลงมองมือตัวเอง มือเล็กแสนบอบบางมือของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบไม่ใช่มือที่กร้านจากการทำงานหนักในภพก่อน ไม่ใช่มือที่กำมีดแน่นเพื่อหวังจะแก้แค้น
'นี่ฉัน...กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งจริง ๆ เหรอ?' ความตกใจแล่นริ้วไปทั่วร่างราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต วิญญาณของเธอ...จากร่างที่กำลังจะดับสูญกลับมาอยู่ในร่างเล็ก ๆ ในห้องเรียนนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ
"เสิ่นเมี่ยว! ครูถามว่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าตกใจแบบนั้น?" เสียงครูหวังดังขึ้นอีกครั้งดึงสติของเสิ่นเมี่ยวให้กลับมา
เด็กหญิงเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความสับสนและความไม่เชื่อ
"ครูคะ...ตอนนี้ปีอะไรวันที่เท่าไหร่หรือคะ" คำถามนี้ทำให้หวังเหว่ยมองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว หลังเลิกเรียนเธอไปพบครูที่ห้องพักด้วยนะ" สิ้นเสียงของเขาสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนก็ดังขึ้น
และในขณะที่เสิ่นเมี่ยวยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้น เสียงเล็ก ๆ ของเอไอที่เธอไม่เคยลืมก็ได้ดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง
โฮสต์ คุณพอใจไหม
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนยังคงดังสนั่นแต่เสิ่นเมี่ยวยังคงยืนงงงันอยู่กับที่ ความสับสนในหัวยังคงตีรวนราวกับพายุ อีกทั้งเสียงเอไอที่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามก็ยังคงดังขึ้นอีกอย่างต้องการคำตอบ
พอใจมาก แต่นี่มันเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ เธอยังคงครุ่นคิดตลอดการเดินไปที่ห้องพักครู
หวังเหว่ยกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าของเขายังคงฉายแววไม่พอใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ของเด็กหญิงตรงหน้าที่กำลังเดินมาหาตน
"เสิ่นเมี่ยว แม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจเรียน แต่การที่เธอถามครูว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ " น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูหวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและ...ความหวังเล็ก ๆ หากสิ่งที่เธอคิดเป็นจริง ปีนี้ย่อมเป็นปี 1980 เป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป
"หนู...หนูแค่ไม่ค่อยสบายค่ะคุณครู หนูจำอะไรไม่ค่อยได้" เสิ่นเมี่ยวโกหกออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก
ครูหวังถอนหายใจ "ไม่สบายก็ต้องบอกครูสิ นี่เล่นหลับในชั่วโมงเรียน แถมยังถามอะไรแปลก ๆ อีก พรุ่งนี้เช้าให้ผู้ปกครองของเธอมาพบครูที่ห้องพักด้วยนะ มีเรื่องต้องคุยกัน"
คำว่าผู้ปกครองราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเสิ่นเมี่ยว น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพใบหน้าของพ่อและแม่ในภพก่อนผุดขึ้นมาในความคิด ความสูญเสียที่เธอต้องเผชิญเมื่ออายุสิบเจ็ดปี ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ
หยาดน้ำตาหยดแรกร่วงหล่นจากดวงตาสัมผัสแก้มใสราวกับหยาดฝน ครูหวังชะงักไป มองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความคาดไม่ถึง
"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว! เธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?" หวังเหว่ยถามด้วยความตกใจระคนมึนงง น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนถูกความกังวลเข้าแทนที่
เสิ่นเมี่ยวไม่ตอบ เพียงสะอื้นออกมาเบา ๆ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจ ทั้งความสับสน ความหวัง และความเศร้าโศกที่ฝังลึก
"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว เธอหยุดร้องก่อน" ครูวัยกลางคนรีบปลอบประโลมเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงน้ำตาไหลอาบแก้ม
"ครูไม่ได้ตั้งใจจะเรียกผู้ปกครองของเธอมาเพื่อตำหนินะ แต่จะเรียกมาชมเชยต่างหาก" คำพูดของครูตรงหน้าทำให้น้ำตาของเด็กหญิงหยุดลงคงเหลือเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบา
"เรื่องอะไรหรือคะ" น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยถาม เสิ่นเมี่ยวนึกไม่ออกว่าในช่วงเวลานี้เธอมีเรื่องดี ๆ ใดให้ครูคนนี้กล่าวชมกัน
"เรื่องที่เธอเก็บห่อเงินได้ยังไงล่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งคนมาแจ้งกับครูใหญ่เมื่อสักพักนี่เอง" หวังเหว่ยรีบเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวก็อยากจะตำหนิเด็กหญิงอีกสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีสภาพแบบนี้กอปรกับเรื่องการทำความดีของเธอทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจะทำเป็นปิดตาข้างลืมตาข้างก็แล้วกัน เจ้าตัวคิด
ในระหว่างนี้น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเสิ่นเมี่ยวค่อย ๆ แห้งเหือดไปเพราะได้ถูกความงุนงงเข้ามาแทน เธอพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ครูหวังกล่าวถึง ห่อเงิน...เรื่องอะไรกัน? ความทรงจำในตอนนั้นของเธอเลือนรางราวกับภาพวาดสีจาง
เด็กหญิงพยายามนึกก่อนที่จะมีภาพในอดีตค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจนนัก...เหมือนจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นจริง ในตอนนั้นเธอจำได้ว่ามีคนทำเงินหล่นหายและมีคนเก็บได้...ใช่แล้ว! เป็นเธอที่เก็บได้!
ความทรงจำเริ่มชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เธอยังจำความรู้สึกตอนที่เจอห่อเงินตกอยู่บนพื้น จำความตกใจและความไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ที่จำได้แม่นยำกว่านั้นคือ...หลังจากครูบอกกับคนที่บ้าน
เป็นย่า! ย่าที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ และสุดท้ายคำชมเชยจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างเด่นชัดและชาวบ้านทั้งหมด รวมถึงเกียรติบัตรที่โรงเรียนมอบให้กลับตกเป็นของเสิ่นหนาน ลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเธอหนึ่งปี
ความรู้สึกไม่ยุติธรรมแล่นปราดเข้ามาในหัวใจดวงน้อยในทันที ในภพก่อนเธอเป็นเด็กที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเรียกร้องอะไร ได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ในอก แต่ครั้งนี้...มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะในยุคนี้ใบประกาศเกียรติคุณไม่ได้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียว แต่ทว่ามันคือเครื่องการันตีความดี ความประพฤติ และยังเป็นใบเบิกทางในการเข้าศึกษาต่อ หรือแม้กระทั่งโอกาสการทำงานในอนาคต เธอจะไม่ยอมให้ใครมา ฉกฉวยความดีความชอบของเธอไปง่าย ๆ อีกแล้ว
"ครูหวังคะ..." เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาเล็ก ๆ แน่วแน่ขึ้น "หนู...หนูเป็นคนเก็บห่อเงินนั้นได้จริง ๆ ค่ะ"
น้ำเสียงของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้หวังเหว่ยเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
"ครูรู้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าคนที่นำไปส่งมอบเป็นเธอไม่อย่างนั้นครูจะเรียกเธอมาและให้ไปบอกผู้ปกครองทำไม ว่าแต่ทำไมเธอต้องดูกังวลมากขนาดนั้น" หวังเหว่ยแสดงออกถึงความสงสัยระคนขบขัน
"คือ...คือว่าตอนที่หนูเก็บได้นั้นเสิ่นหนานเองก็เห็นค่ะ"
เสิ่นเมี่ยวพยายามเกริ่นเข้าเรื่อง หากเป็นเมื่อชาติก่อนหลังจากกลับบ้านพอเธอพูดเรื่องนี้ออกไปเสิ่นหนานเจ้าเด็กคนนั้นก็โพล่งว่าตนเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นย่าผู้มีใจลำเอียงรักบ้านของบุตรชายคนโตก็เลยจัดการเปลี่ยนแปลงความดีของเธอยกให้คนอื่น เสิ่นเมี่ยวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดจนแน่นหน้าอกไปหมด
'โชคดีที่ตอนนี้ฉันได้มีโอกาสกลับมา ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว...ไม่มีวัน' เธอเอ่ยสาบานเงียบ ๆ ในใจ