5 คนนั้นที่เฝ้ารอ
ชายหนุ่มถูกหญิงสาวตบหน้ารุนแรง จนสมองเขาเกิดอาการกระตุกไปจนถึงขั้วหัวใจ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขานอนหลับฝันถึงทั้งคืน
อาทิตย์หน้าเขามีนัดหมายกับแพทย์เรื่องการกระตุ้นระบบการทำงานของสมองด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ระบบความจำเรื่องราวในอดีตของเขายังเลอะเลือนไม่ปะติดปะต่อ
เขาติดต่อบ๊อบถามถึงที่พักของรุ่งทิวา วันรุ่งขึ้นเขาบุกมาถึงโรงแรมที่หญิงสาวพักเขาอยากคุยกับเธอ
“บ๊อบให้ชื่อโรงแรมที่คุณพัก ผมขอคุยด้วยนะ” เธอตะลึงไปชั่วครู่เมื่อเจอเขาที่ห้องอาหารชั้นล่าง
“ผมมานั่งรอนานแล้วตั้งแต่หกโมงเช้า เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ” เขาพูดขณะลุกยืนเมื่อเธอเดินมาถึงโต๊ะ
“ขอโทษที่เมื่อคืนฉันรีบกลับ...ฉันเริ่มเมา” เธอพึมพำเบาๆ
“ผมมาหาคุณ อยากเคลียร์เรื่องที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ”
“ได้ แต่อย่านานนะ ฉันมีธุระกับทีมงาน” เธอพยายามเลี่ยงชายคนนี้อีกครั้ง
“ผมอยากฟื้นฟูความทรงจำให้กลับมาเหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์” คำพูดของเขาทำรุ่งทิวาตาโต
“คุณเป็นอะไรกันแน่”
“ผมประสบอุบัติเหตุทำให้สูญเสียความทรงจำ”
รุ่งทิวาน้ำตาซึมลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วกอดเขาซบหน้าสะอื้นแรงมาก
“คุณใช่...คนที่รอผมอยู่ที่เมืองไทย ใช่ไหม”
รุ่งทิวาหยิบสมุดเล่มเล็กที่บันทึกบทกวีของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ต ...ยื่นให้ชายหนุ่ม
ในห้วงคำนึงของเขาเหมือนยังขาดสิ่งสำคัญที่เชื่อมโยง จึงทำให้สมองยังไม่อาจดึงความทรงจำเก่าๆ กลับคืนมาได้ เขาจะปวดหัวอย่างรุนแรงทุกครั้งที่พยายามนึกถึงมัน
“นี่คือบันทึกความทรงจำของผม...จริงสิ” เขาดีใจจนอยากกอดเธอไว้ตลอดทั้งวัน
“เปิดอ่านดู...เขมจะต้องจำฉันได้” รุ่งทิวาสะอื้นไม่หยุด เธอดีใจมากที่เขาพยายามตามหาคนในอดีต
“ฉันนึกว่า...นายลืมฉันไปแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้น” เธอยังต้องการคำตอบจากเขาเรื่องผู้หญิงอีกคน
“ใคร...ซินดี้เหรอ...เธอมาช่วยผมทำวิจัย” เขาอยากบอกเธอถึงความจริงบางอย่าง
“รู้ไหม...มีผู้หญิงคนหนึ่งส่งอีเมล์มาหาฉันเมื่อปีก่อน ว่านายเป็นแฟนเธอ แล้วให้ฉันเลิกติดต่อนาย ฉันสับสนมากว่า นายหายการติดต่อไปเลย”
“ผมงง...ใคร ใช่ซินดี้หรือ” เขาขออ่านอีเมล์ฉบับนั้น ซึ่งรุ่งทิวายังเก็บมันไว้ในกล่องติดดาว
“แล้วใครกันมาแอบใช้อีเมล์นี้ ผมเข้าไม่ได้เลยหลังจากประสบอุบัติเหตุ” ทั้งคู่ช่วยกันหาร่องรอยห้วงเวลาที่เขารักษาตัวหลังประสบอุบัติเหตุ และช่วงเวลาที่อีเมล์ถูกส่งถึงเธอ
“ผมมีผู้ช่วยก่อนซินดี้ เธอเป็นน้องสาวเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่...แย่มาก” เขาส่ายหัวแบบหงุดหงิด
“เธอมีอะไรกับนาย...น่ะสิ”
“ช่วงนั้นผมไม่รู้สึกตัว ความจำหายไปจากสมอง เธอคงฉวยโอกาสตอนผมไม่รู้เรื่อง”
“แล้วตอนนี้เธอหายไปไหนล่ะ...” รุ่งทิวามองแววตากังวลของเขา
“ผมไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ตำรวจยังตามตัวอยู่”
“อ้าวเหรอ...ทำไม”
“เธอขโมยกดเงินในบัญชีผมไปหมด และนาฬิกา Tag Heuer ผมหายไปด้วย”
รุ่งทิวาถูกชายหนุ่มชวนให้ไปค้างคืนกับเขาที่อพาร์ตเม้นท์ใกล้มหาวิทยาลัย เขากระซิบเบาๆ ข้างหู
“เราไม่ได้เจอกันนาน ผมอยากอัปเดตเรื่องของเรา”
“อย่าเลย ฉันยังไม่พร้อม”
“รุ่ง...คุณโตแล้วนะ ผมอ่านบทกวีที่เคยเขียนไว้ อยากกอดคุณไว้ชั่วชีวิต”
“แต่ฉันว่า...นายน่าจะนอนที่นี่ดีกว่านะ เพราะห้องที่ฉันพักเป็นห้องสวีท”
“ได้...เลย งั้นขอขึ้นไปตอนนี้” เขาเดินตามหญิงสาวขึ้นไปที่ห้องบนฟลอร์วีไอพี
ทั้งคู่คุยกันตั้งแต่ตอนสายจนถึงเที่ยงคืนอย่างสนุกสนานไม่รู้จักคำว่า เบื่อหน่าย รุ่งทิวาช่วยรื้อฟื้นความทรงจำของเขาให้ปะติดปะต่อทีละน้อยไปเรื่อยๆ จนถึงเช้าวันใหม่
“หน้าตาของนาย ดูหล่อกว่าเดิมมาก ทำหน้าใหม่ใช่ไหม”
“ผมต้องผ่าตัดทั้งหมด เพราะรถตกเขาขนาดนั้น ไม่ตายนี่โชคดีมากนะ” เขาตอบเธอแบบน่ารัก...เอาหน้ายื่นมาให้เธอพิจารณาให้เต็มตา
เขาออดอ้อนอยากทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง ...ทำเอาสาวแก่นอย่างเธอใจเต้นรัวจนได้
“ผมขอฝากรอยรักได้ไหม...”
“นี่อย่าบอกนะว่า ฉันโตแล้ว...” เธอทำท่าตกใจ
“ใช่...ผมอยากให้รุ่งท้องโตด้วย”
“ฮะ...นายนี่ยังทึ่ม พูดอ้อมค้อมเหมือนเคย”
“ก็ผมจีบสาวไม่เป็น...!!!”
ในที่สุดทั้งสองคนได้ตกลงที่จะเดินทางร่วมกันไปให้ถึงปลายทาง
“...ผมชอบรุ่งก็ตรงนี้”
“ตรงไหน...อย่ามาทะลึ่งนะ”
“ตอนร้องกระซิกกระซี้ให้ผมทำให้สุดๆ ไปเลย”
“บ้า...!!!”
“ผมเก่งขึ้นไหม...ในบทกวีนั้น”
“เก่งกว่านั้นอีก”
“อะไร...อยากรู้”
“เกมรัก...ตอนโยกเขย่าฉันซะแรงเลย”
“ชอบล่ะสิ...”
เขาหัวเราะบี้จมูกเบาๆ ของหญิงสาวแล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักในบทกวีของเขาต่อไปเรื่อยๆ จนเธอร้องครวญครางจนเขาเมามันไม่ยอมหยุด...และเธอต้องขอร้องให้เขาร้อยเรียงกวีบทใหม่ซึ่งมีท่วงทำนองรุกเร่งเร้าให้เริงรื่น...ชวนให้ยั่วเย้าหลงใหลชายหนุ่มไปตราบชั่วนิรันดร์
˜ จบ ˜
5 ภาวะจำศีลบทต่อไปที่หญิงสาวขอทดลอง ไม่ได้มีอะไรมากมาย เธอแค่อยากกอดรัดเขาเฉยๆและลองฟังหัวใจเต้นของกันและกัน“แค่นี้เองหรือ...” เขาถามเธอ“ไม่ใช่แค่นี้...”“อ้าวว...” เขาลากเสียงยาว ด้วยความแปลกใจเธอจับเขาหมุนวนไปรอบเตียงวิเศษนั้น ทำเอาหัวหมุน เขาเริ่มพะอืดพะอม“เป็นไงบ้าง...” เธอถามอย่างสนุก“ไม่ดีมั้ง...แบบนี้จะทำให้ผมอาเจียน”“ไม่ค่ะ...แค่เริ่มต้น”จากนั้นเธอจับหัวของเขาลงแล้วไปจับขาขึ้นแขวนกลางอากาศ โจตกใจคว้าอากาศ เธอหัวเราะเสียงแหลม“นี่จะให้ผมตายหรือไง”“ไม่หรอก...แค่หยอกเย้า” เธอขำอย่างสนุกสนาน”“ขืนแบบนี้... ไม่ต้องมาหาเลย ผมไม่ต้องการคุณ” เขาตะโกนก้องหน้าแดง ภาวะตกภวังค์ของเขาเริ่มชะงักงัน อาการผ่อนคลายหายไป กลับมีความเครียดผวามาแทน“นี่ไง...คือบทพิสูจน์ แสดงธาตุแท้ของคุณแล้ว” เธอยังยั่วเขาต่อ“พาผมกลับไปที่เดิมเถอะ ... แล้วคุณกลับไปเป็นพรายน้ำรอคนรักในภพชาติต่อไป น่าจะดีกว่า ชาตินี้อย่ารอผมเลย” เขาหมดความอดทนที่จะให้เธอทำแบบนี้อีก“ไม่...ไม่... เรายังมีเวลาเรียนรู้กัน ไม่ใช่เหรอ คุณบอกเองนี่” เธอจ้องหน้าเขาขณะหัวห้อยลง“พรายน้ำเป็นแบบนี้ทุกคนใช่ไหม...”“ไม่ใช่... ฉันเ
4 ลองบทพิสูจน์ภาพปรากฏขึ้นเหมือนจอหนังสามมิติ ในนั้นมีตัวละคร...“โห... นี่จะให้ทำแบบนี้เลยเหรอ!!!” ชายหนุ่มอุทานขึ้น“ใช่... ฉันอยากพิสูจน์”“จริงๆ อยากรู้อะไรกันแน่” เขารู้สึกหงุดหงิด“ไร้อารมณ์แบบนี้... ชอบแบบไหน” เธอรุกจนเขารู้สึกได้ทันที“ตอนนี้พิสูจน์อะไรไม่ได้ ค่อยเป็นค่อยไป” เสียงงึมงำของเขาเอ่ย“อยากรู้ก่อน”“โอะ...โอ อย่าหาว่าผมแรง...”“ยังไง...”“คุณเป็นพรายน้ำสปีชีส์ HPD...” เขาพึมพำขึ้นมาจากส่วนลึกของความรู้สึก“คืออะไร...”“อยากให้ผมสนใจ... ขาดความรักความสนใจไม่ได้ ประมาณนั้น” เขาหรี่ตาจ้องนางที่กอดรัดเขาแน่น กลัวคนรักที่ตามหาจะไม่สนใจเขามองภาพโลกเสมือนจริงที่เป็นภาพฝันของโลกอนาคตซึ่งสร้างขึ้นจากญาณของเธอ ซึ่งมีเขาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมนั้น เธอตามหาเขามาจนถึงชาตินี้เป็นชาติที่สี่ ความพยายามสูงส่ง แต่เธอไม่เข้าใจว่าตัวตนของคนที่ตามหานั้นเป็นอย่างไร“ผมว่า... เราร่วมกันตัดสินใจแก้ปัญหาเถอะ”“มีคนรักอยู่แล้ว...ใช่ไหม”“อืม... ผมบอกว่า ไม่มี จะเชื่อผมไหม” เธอได้ยินเขาพูดประโยคนี้ หัวใจเต้นพองโต“ฉันตามหาคนนั้นมาตลอด เชื่อและยังรอเขาอยู่” เสียงออดอ้อนของเธอทำเขารู้สึกเห็
3 โลกเราสองชายหนุ่มมองไม่เห็นอะไร นอกจากความมืดเหมือนอยู่ในถ้ำ เสียงของหญิงสาวกลับตื่นเต้น“เราอยู่ในบ้านที่เป็นยานอวกาศ” เธอเฉลย“เพื่อ ???...” โจทำเสียงหวาดหวั่น“พร้อมไปสู่ดาวอื่น...”“ฮะ...”“10 ปีโลกจะวิบัติ” เธอตอบราวกับผู้รู้“รู้ได้ยังไง”“เราอยู่ในโลกหน้า... มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้ทุกคนเตรียมพร้อม”“โห... เราอยู่ในโรงหนังสามมิติ...ใช่ไหม” เขาขำขณะถามเธอ“ไม่ใช่...เราอยู่ในโลกเสมือนจริง บอกแต่แรกแล้ว ลืมล่ะสิ” เธอยิ้มให้เขา “ตกลงพา...ผมมาเพื่ออะไร” เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ“ให้ดูอะไรบางอย่าง” เธอยิ้มละไมภาพเบื้องหน้าระหว่างเธอกับเขา กำลังอยู่ในมิติแห่งความรัญจวน“แล้วนั่นคือโลกอนาคตนะครับ”“ถูกต้อง เรากำลังจะไปอยู่ ณ เวลานั้น” เธอพาเขาทะลุข้ามช่วงเวลาไปอีกหนึ่งมิติหญิงสาวรั้งชายหนุ่มกอดไว้แน่น เริ่มบรรเลงเพลงรักบทพิศวาส เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำจนเกือบขาดอากาศหายใจ“เริ่มก่อนเลยหรือ”“อืม...เหมือนคนไร้อารมณ์ขนาดนี้ ต้องสปาร์กให้ก่อนถึงจะยอมใช่ไหม” เธอประชด“เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน... ผมรู้สึกไม่ดี” เขาไม่เข้าใจผู้หญิงแบบนี้“ใครบอกคุณ... เรารู้จักกันแล้ว”“ฮะ...โมเมจริงๆ” เขาขึ
2 สาวในฝันหญิงสาวอายุราวสามสิบต้นๆ เดินออกจากประตูที่เปิดไปด้านใน ตรงมายังโซฟาต้อนรับผู้มาเยือน“มานานรึยังคะ... คุณ ...เอ่อ” เธอตะกุกตะกัก ชายหนุ่มจึงตอบกลับทันควัน“สวัสดีครับ คุณวรินทร์ ผม...โจ”ก่อนเริ่มเรื่องอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มชวนเธอพูดคุยเรื่องทั่วไป เพื่อสร้างความคุ้นเคย“คุณวรินทร์ ชอบฟังเพลงแนว relaxing music ไหมครับ” เขาเคลียร์ความสงสัยในใจ“ชอบมากเลย กลางคืนจะช่วยให้หลับลึก”“ประเภทนี้ไหมครับ...” เขาเปิดเพลงที่โหลดไว้ขึ้นมา“เพลงนี้หรือคะ... ฟังทุกคืนเลยค่ะ”“อ้าวเหรอครับ...”“ผมได้ยินเพลงดังขึ้น ก่อนคุณเปิดประตูเข้ามา”“ไม่ได้เปิดเพลงอะไรนะคะ” เธอจ้องมองแววตาของเขา.... ... ... ...โจ รู้สึกใจวาบหวิว แววตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนมีออร่าอะไรบางอย่างดูดให้เขาตกภวังค์“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวเอามือโบกอยู่ตรงใบหน้าของเขา“ไม่...ไม่ ครับ” เสียงตอบปฏิเสธเบา ท่าทีเหมือนตกอยู่ในภาวะตะลึงงันไม่นานโจเริ่มใจไม่อยู่กับตัว สติของเขาขาดไปชั่วขณะ เสียงหวีดหวิวเบาพลิ้วอยู่รอบกาย ใบหน้าของสาวน้อยคนนี้ที่ปรากฏอยู่บนรูปภาพบนฝาผนังลอยอยู่เบื้องหน้าของเขาดนตรีแหลมสูง
คำโปรยในห้วงแห่งภวังค์ เสียงเจื้อยแจ้วแว่ว...เพรียกหา เพลงพรายจากแดนไกลส่งกังวานจนพบกัน-------------------1 เสียงใครหนอติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง... ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง..เตง...เตง...เตง ...เตง...เตง...เตง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง...ตึง...ตึง...ตึง ...ตึง...ตึง...ตึง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง...ฮา...ฮื้อ...ฮา... ฮ้า...ฮื้อ...ฮือ อ้า...อา...อา อ้า...อา...อา.... ... ... ...โจ วรสุทธิ เปิดดนตรีที่โหลดลงบนมือถือ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาได้ไปเข้าคอร์ส อบรมเมื่อหลายวันก่อน แล้วได้รับดนตรีระดับอัลฟ่านี้กลับมาเปิดกล่อมสมองให้หลับได้ลึกขึ้นเสียงน้ำลึกในลำธาร...ดังปุดปุด ปนเสียงบับเบิ้ล...เป็นจังหวะ ผสานเสียงโซปราโน กับแบ็คกราวนด์ของคีย์เปียโนขึ้นลง...สะท้อนก้องเบา เหมือนกำลังจมอยู่ในห้วงลึกของวังน้ำ...ที่กำลังหมุนวนอยู่รอบกายโสตประสาทของเขากำลังหมุนดำดิ่งจากอารมณ์เปล่าเปลี่ยว เหงา เศร้า ซึม รันทด ท้อ จมอยู่ในห้วงแห่งทุกข์แสนสาหัส สู่การปล่อยวาง เงียบสงบ เบาโล่งโปร่ง ถึงระดับฌานเสียงหนึ่งหวีดหวิวเพรี
5 กลับมาเริ่มอีกครั้ง ณ สนามบินนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา... ... ... ...รานี่กวาดสายตามองหาชายร่างผอมบางความสูงราว 185 ซม. โดยรอบบริเวณของ meeting point จุดนัดหมายของสนามบิน เที่ยวบินที่เขาบอกไว้ล่วงหน้าก็ยังอยู่ในข้อความ เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้คนสุดท้ายของเที่ยวบินก็น่าจะโผล่ออกมาได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของชายหนุ่ม“Good evening…sweetie สวัสดีที่รัก...รอนานล่ะสิ” เสียงกระซิบข้างหลังทั้งโอบเอวของหญิงสาว ทำให้รานี่ยิ้มอย่างลิงโลด เธอหันหน้ากลับไปมองหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวที่พบกันตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้ จึงเป็นครั้งแรกที่จะได้กลับมาเจอกันอีกที่บ้านเมืองของเธอ“ทำไมดูคล้ำๆ ไปล่ะ...” เสียงลาซทักทายรานี่โดยจับแขนขึ้นดูสีผิวทันที“อ๋อ...ฉันไปทำงานกลางแดด ออกตรวจงานตาม site ให้กับลุงของฉัน ท่านกำลังเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นี่” รานี่มองหน้าของลาซซึ่งดูอวบขึ้น รูปร่างของเขาก็หนาขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนที่ดาลัด“ผมมีที่พักไหม รึว่าจะให้พักที่เดียวกับคุณ” รานี่หน้าแดงทันที ลูกหยอกของเขามันสองแง่สองง่าม“พักโรงแรมของลุง...ฉันจองไว้แล้ว” เสียงรานี่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จากวันนั้นท
4 ความสัมพันธ์คืนเดียว (One Night Stand)อีวี่ปล่อยให้ลาซทำหน้าที่สุภาพบุรุษอุ้มเพื่อนสาวที่กำลังเสียสติไร้การควบคุมตนเองขึ้นไปจัดการควบคุมอารมณ์ที่ห้องพักของเขา เสื้อผ้าหลุดลุ่ยของเธอแทบเผยให้เห็นเนื้อขาวเนียนไม่เหลือสภาพที่พอปกปิดร่างกายให้มิดชิด ลาซปล่อยนางร้องไห้สะอึกสะอื้นลำพังอยู่พักใหญ่จนล้าม่อยฟุบหลับคุ้ดคู้อยู่บนเตียง double bed ขนาด Queen size ซึ่งบรรจุลงในพื้นที่ขนาดพอเหมาะกับห้องที่มีความกว้างแค่ 15 ตรม.ชายหนุ่มเปิดไฟกิ่งตรงมุมห้องด้านหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายก่อนจะเข้ามานอนอยู่บนเตียงข้างเธอ เขาได้กลิ่นหอมแป้งอ่อนๆ จากกายของรานี่ แต่ด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง มันเลยดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดของเขาไป การครองสติที่ดีถูกอบรมมาจากแม่ของเขานั่นเอง ที่คอยพูดเตือนอยู่บ่อยครั้งว่า... “Vær gentleman” จงเป็นสุภาพบุรุษอย่าฉวยโอกาส เขานอนหลับอย่างกระสับกระส่าย สมองฟุ้งซ่านที่มีสาวเอเชียผมดำตาโตผิวเนื้อเนียนสีเหลืองทองคล้ำออกแดงนอนอยู่ข้างๆ ซึ่ง typical แบบนี้เป็น spec ในฝันของหนุ่มยุโรปผิวขาวอย่างเขามาตั้งแต่เรียนอยู่ high school ที่เคยเห็นภรรยาชาวเอเชียของเพ
3 ภาพบาดใจชายหนุ่มเดินถ่ายรูปเพลิดเพลินอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้สนใจใคร จนมาถึงสวนที่มีไม้ดอกตกแต่งเป็นรูปทรงสวยงามอยู่รอบๆ ตัววัด แล้วหูก็ได้ยินเสียงดังคุ้นๆ สำเนียงคล้ายสองสาวที่เจอกันตั้งแต่สนามบินจนถึงบ้านเพี้ยนที่เขาได้เข้าพักซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับเธอสองคน“Wow…why here???!!!” เสียงอีวี่ทักทายแบบกวนๆ กับชายหนุ่มที่ท่าเต้นจังหวะนั้นได้กลายเป็นเรื่องฮือฮาใน tiktok ของรานี่“Oh…oh why not??? sweeties” โอ๊ะ โอ๋...ทำไมล่ะ แม่คุณ” ลาซก็เอาเรื่องอยู่ถ้าบทจะเกรียนขึ้นมา“No…I don’t think to see you here….ไม่คิดจะเจอกันที่นี่” รานี่ทักทายแบบไม่แยแส“Oh..oh…this place is not only for you…โธ่...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเธอเท่านั้นหรอกมั๊ง” ลาซได้ทีเกรียนต่อไปเรื่อยๆ ดูว่านางจะว่ายังไง โดยเฉพาะนางคนที่เมาจนเกือบยั่วเขาให้ตกเป็นจำเลยทางเพศในคืนนั้นที่กรุงเทพ เขาสังเกตดูจากท่าทีของรานี่ไม่คิดว่าเธอจะจำเขาได้อย่างแน่นอน ชายหนุ่มเลยไม่สนใจว่าเธอจะนึกได้หรือไม่ก็ตาม เขาเองก็สุภาพพอที่จะไม่ทำให้เธอรู้สึกอับอายลาซตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับสองสาวเพราะเขาเองก็ไม่มีเพื่อน เมื่อถูกชักชวนจากอีวี่เลยไม่ลังเลกระ
2 เธอในความทรงจำ“Hey…รานี่ เก่งจริง จองที่พักที่นี่ได้” อีวี่ดีดนิ้วเสียงดังเปราะ ทันทีที่เดินผ่านประตูห้องเข้าไป เห็นวิวของเมืองดาลัดซึ่งบริเวณโดยรอบของบ้านรูปทรงประหลาดแห่งนี้มีบ้านหนาแน่นไม่แตกต่างจากชุมชนแถบบ้านเธอที่เป็นตัวเมือง“เอ้ย...นั่นมัน...ไอ้หมอนั่นที่เจอตรง belt รับกระเป๋านี่นา มานี่เร็ว...ใช่ไหม” อีวี่เรียกให้รานี่มาช่วยดูหน่อย มองเห็นไกลๆ จากหน้าต่างลงไปด้านล่าง เห็นหนุ่มหน้าลูกครึ่งกำลังยกกล้องเล็งจุดโฟกัสมายังตัวบ้านประหลาด ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า Crazy house บ้านเพี้ยน รูปทรงบิดๆ เบี้ยวๆ มองดูแล้วมันคงเป็นศิลปะแนว modern ที่ได้แนวคิดจาก Alice in Wonderland ลักษณะตัวบ้านเป็นโพรงไม้และป่า ทางเดินมีลานเล็กและแคบเป็นช่องซอกเล็กซอกน้อย ไต่บันไดขึ้นไปชมความงามของตัวเมือง ทำเอาสองสาวมองออกไปอย่างซุกซนและนางหนึ่งก็สะบัดเสียงทันทีว่า“Hey… don’t care about that guy! อย่า...สนคนอื่น ขอบอกคืนนี้...เราเอาไฟฉายส่องเดินไต่บันไดขึ้นไปบนยอดแล้วแรปกันดีไหม...นะนะ”“streaming live on air…kon dang…จะดังเลยล่ะ” อีวี่แนวสาว social media เธอชอบทำอะไรแล้วโพสต์ขึ้น tiktok“Oke…ya โอเค ได