4 คนนั้นที่เฝ้ารอ
“โห...เสียงเพลงดังมากเลยนะ” รุ่งทิวาส่งเสียงตำหนิขณะก้าวขาเข้าไป สองหนุ่มเดินขนาบข้างหัวหน้าสาว
“เฮ้ย...ดิน นายช่วยพาหัวหน้าเราไปเต้นรำที เราอยากนั่งดื่มอะไรเพลินๆ สาวโต๊ะตรงข้ามคนหนึ่งสเปกเราว่ะ” สุวิทย์ชอบหน้าแนวลูกครึ่ง จึงอยากนั่งมองสาวคนนี้เผื่อโชคเข้าข้าง
คืนนี้รุ่งทิวากลายเป็นสาวเปรี้ยว เธออยากเปลี่ยนบรรยากาศหงอยเหงาให้ใจเต้นกระตุ้นดูบ้าง เผื่อมีใครทำให้หัวใจของสาวซังกะตายอย่างเธอเกิดไฟลุกพรึ่บ ชุดที่สวมออกมากินข้าวข้างนอกเหมือนสาวน้อยพร้อมออกเดต
“คืนนี้ คุณรุ่งสวยมากจริงๆ ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน” บดินทร์เอ่ยปากชม
“เหรอ...นึกว่าแย่แล้ว สู้สาวในนี้ไม่ได้ ดูสิเซ็กซี่กันทั้งนั้นเลย” เธอกวาดสายมองไปทั่วบริเวณ
และแล้วขณะกำลังกวาดตาไปรอบผับ สายตาไปสะดุดเข้าที่มุมหนึ่งด้านในสุดหน้าฟลอร์เต้นรำ สาวคนนั้น... เธอนั่งอยู่คนเดียวเหมือนรอใคร
“มองหาใครรึเปล่า...” บดินทร์ถามเจ้านายสาวสวย
“เปล่า...พอดีเห็นคนคุ้นๆ น่ะ ... บดินทร์ลองมองไปโต๊ะมุมนั้นที” เธอชี้ไปยังโต๊ะตัวนั้น
“โอ๋...ใช่เลย ซินดี้ สาวเปรี้ยวเมื่อวันก่อน” เขาขอเดินออกไปทักทาย สักครู่จึงเดินกลับมา
“เธอมารอเคน... ชวนผมให้ไป join...” สาวน้อยคนนั้นแค่ชวนเป็นมารยาท รุ่งทิวาสะบัดผมขอไม่ไป...จะนั่งอยู่กับสุวิทย์ ปล่อยให้บดินทร์ไปแซะนาง คงแอบชอบสาวแซ่บนางนี้ตั้งแต่วันนั้น
ขณะรุ่งทิวากำลังชวนสุวิทย์คุยกันอย่างสนุกออกรสอยู่นั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามายืนค่อมหัวและกระแอมเบาๆ
“ขอนั่งด้วยคน...ได้ไหม” เสียงคุ้นหูของเขาทำเธอสะดุ้งทันที
“เชิญครับ...คุณเคน ผมขอตัวสักครู่” สุวิทย์เดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ ขณะเคนหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามหญิงสาว
“มารีแล็กซ์รึคะ” เธอเปิดบทสนทนาตามมารยาท
“คืนวันศุกร์ ผมจะมาที่นี่เกือบทุกครั้ง ซินดี้ชอบเต้นรำ” น้ำเสียงตอบของเขาดูมีชีวิตชีวา
“ขออนุญาต เต้นกับผมสักเพลง...นะครับ” สายตาวิงวอนของเขาช่างเหมือนชายคนนั้น
“คุณมาเรียนที่นี่ด้วยทุนอะไรหรือคะ” หญิงสาวจงใจถาม
“อ้าว...ยังไม่ตอบผมเลย แต่ทำไมอยากรู้เรื่องเรียนของผมล่ะ” เขาไม่ตอบแต่แย้งหน้าตาเฉย
“ต้องเต้นรำกับผมก่อน แล้วผมจะเฉลยให้” ท่าทีของชายหนุ่มดูผิดแผกจากเขามาก เขมราฐไม่ใช่คนรุกแบบนี้ เขาค่อนข้างขี้อาย แต่นายคนนี้ไม่ใช่
“ได้...แค่เพลงเดียวนะ ฉันค่อนข้างเพลีย ออกตัวก่อนว่าเต้นไม่เก่งจะเหยียบเท้าคุณ!!!” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ตอนท้าย อายที่จะบอกตรงๆ
เคนสั่งไวน์มาให้รุ่งทิวาดื่มเพื่อกระตุ้นให้เธอผ่อนคลาย และจริงอย่างที่เขาบอกเธอ
“ลองมึนๆ ดูก่อน แล้วออกไปเต้น จะเท้าไฟเลย” เขาคะยั้นคะยอเธอดื่มถึงสามแก้ว ทำให้รุ่งทิวาเริ่มตึงๆ แข้งขาอยากขยับ พอได้ที่ชายหนุ่มเลยขอกับสุวิทย์ว่าเขาจะพาหัวหน้าสาวของเขาไปเต้นรำ
ชายหนุ่มโอบเอวหญิงสาวไปกลางฟลอร์ ขณะซินดี้กำลังเต้นรำอยู่แล้วกับบดินทร์ ทั้งคู่ดูเข้าขากันดี คนหนุ่มไฟแรงอย่างบดินทร์ใจไวถ้าเล็งสาวคนไหนแล้วจะไม่ให้พลาด เขาจองสาวหน้าหวานไม่ให้มีจังหวะเปลี่ยนคู่ไปจากเขาได้เลย
“ซินดี้คืนนี้ผมขอไปส่งที่พักได้ไหม...” เขาหรี่ตาเยิ้มใส่นาง
“ฉันมากับเคนนะ...” เธออิดออดต่อรอง
“ไม่เห็นรึไง เขาควงรุ่ง...เหนียวแน่นอย่างนั้น จะเข้าไปแทรกตรงไหน อยู่กับผมเถอะ” บดินทร์ไม่ยอมปล่อยนาง
“ผมไม่ปล่อยให้คุณไปกับใคร ผมจองแล้ว” เขาโอบเอวเธอเหวี่ยงโยกอย่างเมามัน จนซินดี้เริ่มเคลิบเคลิ้มกับอาการคลั่งเสน่ห์ของหญิงสาว
รุ่งทิวาถูกเคนพาโยกตามจังหวะอย่างเร่าร้อน เธอลืมหนุ่มสองคนทีมงานไปเลย เธฮมาอึ้งกับคำตอบของชายคนนี้
“อยากรู้ว่าผมได้ทุนมาเรียนใช่ไหม” เขากระซิบข้างหูเธอ
“ค่ะ...ทุนจากที่ไหน”
“ทุนของผมเอง” เขาตอบเสียงดังแข่งกับดนตรี
“อ้าว...เหรอ” เธอตกใจหยุดเต้นกลางฟลอร์
“ทำไมถึงหยุด dance ไม่สนุกรึ” เขาโอบเอวเธอเพื่อขยับต่อ
“พอเถอะ ฉันเหนื่อยล่ะ เราไปนั่งคุยกันที่โต๊ะเถอะ” รุ่งทิวาเริ่มเซ็ง ไม่มีอารมณ์อยากทำอะไร
ขณะนี้เธอรู้สึกสตั้นไปหมดอยากร้องไห้ คำถามซ้ำๆ พรั่งพรูอยู่ในใจ...
‘เขมราฐ...นายหายไปไหน’
“ทำไม...ถึงอยากรู้เรื่องนี้!!!” เขาจ้องหน้าเธอ...รุกเร้าหญิงสาวด้วยคำถามนี้
“คือ...ฉัน...” รุ่งทิวาไม่ตอบ...น้ำตาร่วงไหลเป็นสาย แล้ววิ่งถลันไปยังหน้าร้านผลักบานประตูออกไป เคนวิ่งตามออกมา แต่เธอได้เตลิดออกไปไกลถึงหน้าอ่าว เขาตามไปจับแขนหญิงสาวโอบเอวเธอดึงให้หันกลับมามองหน้าเขา
“เกิดอะไรขึ้น...เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวทันที หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัวว่า...เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา เธอคนนี้เป็นใครกัน ภาพลางเลือนของเขาในอดีตผุดขึ้นมาจางๆ
“ถามตรงๆ นะ นายใช่...เขมราฐ ใช่ไหม” รุ่งทิวายิงคำถามอย่างปวดร้าว เธอทำใจแล้วว่าหากไม่ใช่เขาคนนั้น เธอจะผละออกไปทันที
“ใช่...สิครับบบ” เขาตอบคำถามที่ทำให้สาวแก่นอย่างเธอตกตะลึง เธอจ้องแววตาของเขาอย่างปลาบปลื้ม
“ทำไม...ต้องหลอกฉันด้วย” รุ่งทิวาสะอื้นเบาๆ ปล่อยตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของเขา แล้วมองหน้าของชายหนุ่มอย่างเต็มตา
“ผมไม่ได้โกหก...แต่อยากให้คุณสมหวัง” เคนกลับทำให้รุ่งทิวาโมโหสุดขีด เธอยกมือตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรง
“ฉันมาเจอคนบ้า...ที่สุด!!!” เธอตะคอกเขาเสียงดัง
หญิงสาววิ่งหนีออกมาจากชายหนุ่มทันที และเรียกแท็กซี่กลับที่พัก...ไม่ได้สนใจว่าหนุ่มสองคนนั้นถูกลืมทิ้งไว้ที่ผับแห่งนั้น
5 มนต์เสนห์แห่งบอลติกระหว่างทางไป กดัญสก์ (Gdansk) โทนี่เล่าว่าเมืองนี้เป็นฉากของนิยายลือเลื่องของนักเขียนเยอรมันเจ้าของรางวัลโนเบล นามว่า ‘Gunter Grass’ กรึนเทอร์ กลาสส์“เคยได้ยินนิยาย The Tin Drum ไหม” เขาถามถึงสองครั้งแต่เกรต้าไม่ตอบ เธอกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ในเว็บไซด์“กลองสังกะสี มีแปลเป็นภาษาไทย...ฉันไม่เคยอ่านหรอกนะ” เกรต้ากำลังกวาดสายตาอ่านเรื่องย่อที่ทำให้ผู้เขียนคนนี้ได้รับรางวัลโนเบล“a lot of codes…needed to interpret เป็นนิยายนามธรรมแฝงด้วยนัยที่ต้องตีความ” เกรต้าได้ยินคำพูดของโทนี่ที่ดูเข้าท่าก็ตอนนี้“เมืองกดัญสก์ (Gdansk) เดิมเคยอยู่ในดินแดนเยอรมันชื่อ Danzig ดานซิก ที่นักเขียนคนนี้ใช้เป็น location ของการเล่าเรื่องในนิยายของเขา” เขาเล่าคร่าวๆ แล้ววันหน้ามีเวลาเขาจะพยายามเล่าให้เธอฟังเป็นภาษาอังกฤษ นิยายเรื่องนี้ซับซ้อนมากตัวเอกเป็นคนหลังค่อมแต่มีของวิเศษที่ติดตัวมาเหมือนมีพลังเหนือธรรมชาติคือ tin drum คล้ายกับเรื่องอลาดินกับตะเกียงวิเศษ ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องราวผ่านสิ่งของอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งแทนความหมายเกี่ยวกับความหวัง ไฟปรารถนา พลังแห่งศรัทธาของการมีชีวิตอยู่
4 จัดรายการแดนไกล“สองหนุ่มสาวจากแดนสยามเมืองยิ้มวันนี้มาช่วยจัดรายการแทนป้าทิพย์...ใน Dear Debby in Warszawa วันนี้ป้าจะขอพักฟังสองคนจัดรายการเพื่อสร้างความแปลก Amazing ให้กับผู้ฟัง” เสียงป้าทิพย์เปิดรายการเกรต้ายังจดจำถึงวันนั้นได้เป็นอย่างดี คำพูดหนึ่งที่น่าประทับใจของเขาในรายการภาคภาษา Polish ของเขา หากเป็นภาษาไทยก็คง ‘เมื่อรักโดนใจแล้วใครจะช่วยเราได้หากเราไม่รีบที่จะไปตามหาหัวใจดวงนั้นทันที เมื่อรักเก่ามันสะบั้นลงอย่าหลงติดกับวังวน...รีบเหวี่ยงตัวเองออกมาซะแล้วไปตามหาคนที่ใช่ต่อไป’เกรต้าได้รับคำขอร้องจากสายของสาวไทยที่นั่นซึ่งโทรเข้ามาในรายการ เธอให้ความเห็นว่า ‘Whatever you think is real…ไม่ว่าเราจะคิดยังไงสิ่งนั้นคือความจริง คิดว่ารักคือรัก คิดว่าใช่คือใช่ ชีวิตคนนั้นไม่ยืนยาวจงรีบทำหากตัดสินใจแล้วอย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไป’“ผมคิดถึงคำพูดของคุณในรายการป้าทิพย์ ผมตื้อคุณจนถึงขอนแก่นวันนั้นใช่ไหม” เขาทำหน้ายียวนมองแววตาของเกรต้า“ใช่เลย...ฉันเลยได้คำพูดจากการกระทำวันนั้นของนาย” น้ำเสียงเกรต้าอย่างหมั่นไส้เขาถือวิสาสะจูงมือเกรต้าหลังจากเดินออกมาจากสถานีแล้วข้ามถนนไปฝ
3 กับดักรักเกรต้ามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อกระเป๋ารถมาสะกิดเธอว่าใกล้ถึงท่ารถที่อำเภอพล เธอจึงตกใจรีบทะลึ่งตัวผึงขึ้นศอกกระแทกเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขาร้องเสียงดังโอ๊ก“My heart’s being extremely attacked…หัวใจผมกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง...”เสียงอ้อนของเขากำลังจะหายไปกับสายลมเพราะหญิงสาวขอตัวลงที่ท่ารถที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้หนุ่มโทนี่ถึงกับผิดหวังจริงๆ อย่างที่พูดออกมาสักครู่“I wanna follow you here…ผมขอตามคุณลงไปด้วย” เขาพูดยังไม่ทันจบคำก็คว้าเป้ใบโตสะพานหลังกระโดดลงจากรถตามหญิงสาวที่ไม่แม้แต่จะหันมากล่าวลาเขาเลย"Oh…don’t go away โธ่...อย่าหนีผมไปเลย ผมจะไปไม่ถึงบ้านที่ Nong Song Hong หนองสองห้อง” เขายังคอยตามตื้อเกรต้าทั้งที่เธอพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อเดินหนีชายหนุ่มที่บ้าตามตื้อเธอมาถึงที่นี่“โน่น...ท่ารถแท็กซี่ นายไปติดต่อเลย อาจไม่มีรถนะ” เกรต้าทำตาดุใส่หนุ่มลูกครึ่งหน้าตายู่ยี่เพราะยังคิดไม่ตกว่าจะไปถูกไหม-------------------เกรต้าโล่งอกเมื่อมองหันหลังกลับไปไม่เห็นชายหนุ่มที่นั่งรถมาด้วยกันจากกรุงเทพ ใจหนึ่งก็นึกสงสารแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกรำคาญหมั่นไส้ ก่อนจะเดิน
2 ข้อความจากแดนไกลเกรต้า...เอนหลังนอนเอกเขนกเหม่อมองเพดานห้องและอมยิ้มเมื่อความคิดยังลอยวนเวียนอยู่ในสมองถึงวันศุกร์ที่ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว เธอนึกได้ว่าต้องเปิดอีเมล์เช็คดูว่าจะมีอะไรส่งมาถึงเธอบ้างจากหนุ่มนามว่า ‘โทนี่’ นายนี้ แปลก...ไม่มีเมล์อะไรมาถึงเธอเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอกำลังเปิดดูกลุ่มต่างๆ ในไลน์ แต่แล้วก็มีแช็ตชื่อแปลกๆ โผล่ขึ้นมาจากลิสต์ที่มีอยู่ เมื่อกดเข้าไปจึงเห็นสติ๊กเกอร์ทักทายจากหนุ่มนายคนที่คิดถึงอยู่พอดี“Wonder?? แปลกใจล่ะสิว่าผมรู้ได้ไง...” เกรต้าอ่านแล้วเธอหัวเราะคิกทันที นึกขำว่าแปลกที่เขายังตื้อจะคุยอยู่ได้“ผมจะมาเมืองไทย...อาทิตย์หน้า เจอผมได้ไหม” เกรต้ายังนิ่งเฉยไม่ตอบอะไรกับประโยคที่เขายังขึ้นพล่ามอยู่และอาจร่ายยาวไปได้เรื่อยๆ ฟังดูว่าจะเขียนไปได้ยาวแค่ไหนกัน“ผมจะเอา souvernir มาฝาก อยากได้แบบไหน ผมมีเยอะ” เกรต้าก็ยังไม่ตอบอะไรเขาเลย นายคนนี้เป็นอวาตาร์ไหม มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หญิงสาวสงสัยเหมือนกันว่า AI ทุกวันนี้มันเป็นไปได้หมดแม้อวตารของคนที่ไม่มีอยู่จริง“Hey…you’re an Avatar ฮัลโหล...ฮัลโหล ยูเป็นอวาตาร์???...!!!” เขายังเขียนพล่ามมาเรื่อ
คำโปรย...Dear Abbie แอบบี้ที่น่ารัก...มีปรัศนีมาช่วยไข-------------------1 ดีเจตัวแทน เกรต้า...Greta เข้ามาจัดรายการแทน Abbie แอบบี้ เมื่อวันศุกร์แรกของต้นเดือนเมษายนที่สถานี Hits965 ณ ห้อง broadcast live สดที่กรุงเทพ เธอเลือกเพลง ‘คนที่แสนดี’ ของโทนี่ ผี (Tony Phee) เปิดเป็น jingle intro เข้าสู่ช่วงต้นของรายการฉันเหมือนคนหลงทางหาไม่เจอกับ...ความรักฉันไม่เคยได้รู้จัก...เลยฉันได้แต่นั่งมองเหม่อดูคนอื่น...เฉยเฉยฉันไม่เคยไม่เคยเลย ไม่เคยแล้ววันหนึ่งเธอก็เข้ามาเข้ามาในชีวิตฉันไม่เคยรู้สึกนี่ ฮู้ ว่าเธอนะ...ใช่เลยฉันเพิ่งเข้าใจทุกทุกอย่าง ทุกความหมายว่ารักของเธอนั่นช่างมากมายและ...เหนือใครเสียงเพลงโฆษณาก็ขึ้นมาคั่นระหว่างที่เธอกำลังเตรียมเพลงและหาเนื้อหาให้เข้ากับรายการเพลง ‘Dear Abbie ปรัศนีหัวใจ...คำถามของคนมีรัก’กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...เกรต้าสาละวนกับการค้นหาเรื่องราวที่ค้างไว้สำหรับการตอบคำถามที่แอบบี้ทิ้งไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวาน เธอร้างลาการจัดรายการออกอากาศสดเกือบ 2 ปีแล้วตั้งแต่ไปเรียนต่อที่ซิดนีย์ ครั้งนี้เธอแวะมากรุงเทพเลยถูกเพื่อนสาวแอบบี้ใช้งานในฐานะดีเจเก่า คร
5 บอลลูนสื่อใจเรเน่ช่วยโอโมโรสดูแลการขึ้นกระเช้าจนครบทุกคน ด้วยจำนวนคนเพียง 5 คนซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มเพื่อนของยานะและมาร์ค ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคารันนั่นเอง ส่วนอีก 1 คู่เป็นญาติของมาร์คที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นาน ยานะเล่าว่าคารันขอมาทริปนี้ด้วยเมื่อมาร์คบอกว่าจะมาเยี่ยมญาติของยานะที่ไคโรและจะมาขึ้นบอลลูนที่นี่เรเน่ทำหน้าที่แทนเพื่อนสาวที่เสียงแหบแห้งบรรยายหุบเขากษัตริย์และราชินีที่เห็นอยู่เบื้องหน้า รวมทั้งวิหารลักซอร์ และคานัค วิวที่มองลงไปจากกระเช้าซึ่งล่องลอยไปกับตัวช่วยนำพาคือบอลลูนขนาดใหญ่ที่มีสีสันสวยงาม ทำให้ทิวทัศน์อย่างโอเอซิสตาน้ำในทะเลทรายและสายน้ำแห่งแม่น้ำไนล์ที่เห็นเป็นสายอยู่นั้นกลายเป็นความมหัศจรรย์ที่ยากจะลืมเลือน.... .... .... ....“ที่นี่เป็นอะไรที่ฝังอยู่ในหัวผมมานานมากแล้ว...เรเน่” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางความมืดที่มีแสงจันทร์ส่องสว่างเต็มดวง คืนนี้มีเขาและเธอที่นั่งชมความงามของภูมิประเทศของเมืองแห่งนี้“อยากมาขึ้นบอลลูนล่ะซิ...ไปขึ้นมากี่เมืองแล้ว” หญิงสาวมองแววตาสีเขียวอ่อนของชายหนุ่มขณะที่เขากุมมือของเรเน่ไว้กำลังจะยกขึ้นมาจุมพิต“อย่าบอกนะว่าไปมาเกือบหมด