ข่าวเรื่องที่แทนไทลูกชายของยายวิไลแม่ค้าขายขนมหวานใช้เงินส่วนตัวและออกแรงซ่อมถนนด้วยตัวเองนั้นถูกเล่าปากต่อปากไปทั่วจนดังข้ามไปยังถึงอีกฝั่งของหมู่บ้าน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่ชายหนุ่มทำนั้นช่างประเสริฐนัก แม้จะเป็นแค่คนธรรมดาตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานเป็นเพียงแค่คนงานตามไซต์ก่อสร้างเท่านั้น แต่เขากลับมีใจที่ยิ่งใหญ่ การกระทำของเขาเพียงแค่นี้อาจจะดูเล็กน้อยในสายตาของคนอื่น แต่ทว่ามันกลับยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนในหมู่บ้านที่มองเห็นความสำคัญ
“ไอ้แทนเอ๊ย เป็นเพราะเอ็งแท้ ๆ เลยทำให้วันนี้ข้าขายขนมหมดตั้งแต่ยังไม่ทันเที่ยง” วิไลเอ่ยพูดกับลูกชายในช่วงเวลาเย็นของวันต่อมา พวกเขาสองแม่ลูกกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่เล็กหน้าบ้าน
“ข้าน่ะ เดินไปขายขนมทางไหนก็มีแต่ได้ยินคำชมถึงเอ็งกันทั้งนั้น เก่งจริง ๆ เลยลูกชายข้าเนี่ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
แทนไทมองผู้เป็นแม่ที่กำลังยิ้มแป้นและมีสีหน้าภูมิอกภูมิใจด้วยรอยยิ้ม
“ก็แค่ซ่อมถนนตรงที่มันเป็นหลุมเป็นบ่อนิดหน่อยเองแม่ ไม่ได้มากมายอะไรเลย”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ถ้าไม่ได้เอ็งไปซ่อมให้ พวกข้าก็คงจะเดินสะดุดตกหลุมตกบ่อกันไปอีกนาน” วิไลส่ายหน้าไปมา
แทนไทไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำเพียงแค่อมยิ้มน้อย ๆ แล้วตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ แม้แทนไทจะพูดว่าสิ่งที่เขาทำไปเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยและไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน แต่ในใจลึก ๆ นั้นก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาเองดีใจที่ได้รับคำชื่นชมจากทุกคน มันทำให้แทนไทได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทแรงกายและแรงใจลงไปนั้นมันไม่ได้ศูนย์เปล่า
“แล้วนี่หมดรอบงานนี้แล้วยังมีงานที่ไหนต่ออีกไหม” วิไลถามแทนไทต่อ
“ยังไงรู้เลยครับ อาจจะต้องรอดูว่าผู้รับเหมาจะให้ไปลงทำที่ไหนต่อ ช่วง 3-4 วันนี้ผมเลยพอมีเวลาว่าง พรุ่งนี้ก็ว่าจะไปช่วยไอ้จุกทำชิงช้าที่สนามเด็กเล่นให้พวกเด็ก ๆ มัน”
“เออ เอ็งนี่ก็นะ นานๆ ทีจะมีเวลาได้พักก็แทนที่จะพัก สรรหาแต่เรื่องออกไปทำโน้นทำนี่” วิไลบ่นลูกชายแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก เธอรู้ว่าแทนไทเป็นพวกประเภทที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ ให้แต่มีเวลาว่างสักหน่อยล่ะก็จะสรรหาทำอะไรไปเรื่อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ เวลาพักมีออกถมเถไป” แทนไทยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม มือก็ตักข้าวเข้าปากไปพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ ไปพลาง
“เออ ๆ ตามใจเอ็งเถอะ ข้าขี้เกียจจะพูดแล้ว”
เมื่อกินข้าวเสร็จแทนไทก็รีบไปอาบน้ำแล้วเข้านอน ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมา
แทนไทไปช่วยจุกทำชิงช้าที่สนามเด็กเล่นให้พวกเด็ก ๆ จยกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลง
“โห พี่แทน ขอบคุณครับพี่ ถ้าไม่ได้พี่มาช่วยนะผมคงทำออกมาได้น่าเกียจพิลึก แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะใช้งานได้ไหม”
ไอ้จุกเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านเอ่ยพูดกับแทนไท เขามองไปยังชิงช้าที่ดูแข็งแรงทนทานตรงหน้า
“ไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง” แทนไทพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเก็บบรรดาพวกอุปกรณ์ลงกล่องเครื่องมือ
“พี่เนี่ยนะเก่งไปหมดซะทุกอย่างเลย ซ่อมถนนก็ได้ เชื่อมชิงช้าก็เป็น ยังมีอะไรที่พี่ทำไม่เป็นอีกไหมเนี่ย”
“เยอะแยะไป แล้วอันที่จริงข้าก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก ก็แค่อาศัยประสบการณ์จากการทำงานนั่นแหละ บางทีก็ได้วิชามาจากคนอื่นที่เขาเก่ง ๆ บ้าง” แทนไทตอบไอ้จุกกลับไป
“โด่ว พี่อย่ามาถ่อมตัวไปหน่อยเลย” ไอ้จุกยังคงมีท่าทางไม่เชื่อ
“ข้าไม่ได้ถ่อมตัว ข้าพูดจริงโว๊ย” นอกจากการศึกษาตำราและเล่าเรียนในห้องสี่เหลี่ยมแล้ว ก็คงจะเป็นประสบการณ์ทำงานในชีวิตจริงนี่แหละที่แทนไทการันตีว่ามันจะสอนเราได้ดียิ่งกว่า และตัวเขาเองก็พิสูจน์มาแล้ว
“ไอ้จุก! เอ็งหายหัวมาอยู่นี่เอง ข้าตามหาเสียตั้งนาน!” เสียงของหญิงวัยกลางคนร่างท้วมหน้าตาใจดีคนหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้ทั้งแทนไทและไอ้จุกต้องหันไปมอง และคนที่กำลังตรงมาทางนี้ก็คือป้าเจี๊ยบ... แม่ของไอ้จุก
“มีอะไรล่ะแม่ ตะโกนเรียกฉันซะเสียงดังตกอกตกใจหมด” ไอ้จุกเอ่ยถามผู้เป็นแม่ทันที
“สวัสดีครับป้าเจี๊ยบ” แทนไทกมือไหว้ป้าเจี๊ยบ
“อ้าว ไอ้แทน เอ็งก็อยู่ที่นี่ด้วยเรอะ” ป้าเจี๊ยบเห็นแทนไทก็เอ่ยทัก
“ได้ยินว่าเมื่อวันก่อนเอ็งมาซ่อมถนนให้ ขอบใจมาก ๆ นะ พวกข้าเดินทางเข้าออกสะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ไม่ต้องคอยมองทางว่าจะเดินตกหลุมตกบ่อตอนไหน”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับป้า ผมเต็มใจ อีกอย่างมันก็ไม่ได้มากมายอะไร” แทนไทกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน
“เอ้า ๆ แล้วสรุปนี่แม่เรียกหาฉันทำไมเนี่ย” เหมือนทุกคนจะลืมไปแล้วว่ายังมีไอ้จุกอยู่ตรงนี้ด้วย
“เออ เดี๋ยวเองช่วยไปตามลุงปอมาให้ข้าหน่อย ท่อประปาที่ท้ายหมู่บ้านมันแตก ไหลเจิ่งนองมาเป็นชั่วโมง ๆ แล้วเนี่ย” ป้าเจี๊ยบหันไปพูดกับไอ้จุกต่อ
“นี่แม่ลืมเหรอว่าลุงปอแกไปกรุงเทพฯ กว่าจะกลับก็สิ้นเดือนโน้นแหละ” ลุงปอคือช่างประจำของหมู่บ้าน
“เออว่ะ ข้าก็ลืม” ป้าเจี๊ยบบ่นอุบ “แล้วจะทำไงดีเนี่ย แบบนี้ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้กันแน่ สงสัยต้องจ้างรถเข้าไปหาช่างจากในเมืองมาซ่อมให้แล้วล่ะ”
“เดี๋ยวผมลองไปดูให้ก็ได้ครับ” แทนไทเอ่ยอาสา
“นี่พี่อย่าบอกนะว่านอกจากซ่อมถนน ทำชิงช้า ท่อประปาแตกก็ยังซ่อมได้อีก” ไอ้จุกพูดด้วยสีหน้าทึ่ง ๆ แกมนับถือ
“ยังไม่รู้ เดี๋ยวต้องลองไปดูก่อน”
“เออ ๆ ถ้างั้นก็ดีเลย ไป ๆ” ป้าเจี๊ยบรีบโบกไม้โบกมือให้แทนไทรีบไปช่วยดู
หลังจากนั้นแทนไทก็มาดูท่อประปาที่ท้ายหมู่บ้านให้ ตรงนั้นมีพวกชาวบ้านพากันยืนมุงดูอยู่ไม่น้อย มีบางคนที่พยายามจะเอาผ้าไปพันรอยท่อของท่อไว้ก่อนแต่ก็โดนน้ำดีดกระจาย
“ไอ้จุก เดี๋ยวเอ็งไปปิดวาล์วน้ำตัวใหญ่ก่อน” แทนไทบอกไอ้จุกที่เดินตามมา จากนั้นก็เข้าไปสำรวจความเสียหายของท่อประปา ที่นั่นผู้ใหญ่บ้านก็อยู่ด้วย
“อ้าว ไอ้แทน”
“สวัสดีครับลุงผู้ใหญ่ เดี๋ยวผมลองดูให้ครับว่าพอซ่อมได้ไหม” แทนไทกมือไว้ผู้ใหญ่บ้าน
“เออ ๆ ลองดูหน่อยว่าเอ็งพอจะซ่อมได้ไหมล่ะ นี่ข้าก็แจ้งไปทาง อบต. แล้วก็ยังเงียบ ไม่รู้ว่าจะเข้ามาซ่อมให้ได้เมื่อไหร่ ลำบากชาวบ้านไม่มีน้ำใช่”
แน่นอนว่านอกจากน้ำที่จะเอาไว้ใช้ในครัวเรือนแล้ว ส่วนมากก็ยังต้องนำไปรดพืชผักผลิตและเลี้ยงสัตว์ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นหน้าฝนแต่ฝนก็ไม่ได้ตกลงมาทุกวัน อีกทั้งปีนี้ยังค่อนข้างแล้งกว่าปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา ท่อประปาของชุมชนคือระบบท่อที่ใช้ในการส่งน้ำประปาไปยังบ้านเรือนและสถานที่สาธารณะในหมู่บ้าน ระบบนี้มีความสำคัญในการจัดหาน้ำสะอาดและมีคุณภาพให้แก่ประชาชนครัวเรือน
เมื่อตรวจดูความเสียหายเรียบร้อยแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าที่ท่อประปาแตกนั้นน่าจะเกิดจากการสึกกร่อนและแรงดันของระบบน้ำที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบวกทั้งอายุของการใช้งานด้วย
“พอจะซ่อมได้ไหมล่ะไอ้แทน” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามแทนไท
“พอได้ครับ แต่คงแค่ชั่วคราวให้พวกเราพอมีน้ำใช้ไป 2-3 วันนี้ก่อน ยังไงก็ต้องรอให้ทาง อบต. มาตรวจสอบอีกที” แทนไทพยักหน้ารับ
“เออ ก็ยังดี คงตอนนั้นทางหน่วยงานก็คงจัดคนเข้ามาซ่อมแซมให้พอดีแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านยิ้มแป้น สำหรับพวกเขาที่ส่วนมากล้วนมีอาชีพค้าขายและเกษตรกรแล้ว การขาดน้ำไปเพียงหนึ่งวันก็ถือว่าวิกฤตแล้ว
แทนไทขอตัวกลับบ้านไปเอาอุปกรณ์และเครื่องมือมาเพิ่ม และก็สั่งให้ไอ้จุกไปซื้อท่อพีวีซีเล็ก ๆ ที่ร้านในชุมชนมาให้ แน่นอนว่าแทนไทใช้เงินส่วนตัวของตัวเองเหมือนเคย
การซ่อมท่อประปาใช้เวลาพอสมควรแทนไทจัดการซ่อมแซมตามขั้นตอนทุกอย่างที่ตัวเองเรียนรู้มา จนในที่สุดน้ำประปาก็กลับมาใช้ได้ชั่วคราวตามปกติอีกครั้ง
“พี่แทนพี่นี่สุดยอด ซ่อมได้ทุกอย่างจริง ๆ แบบนี้พวกเราต้องเรียกพี่ว่าช่างแทนแล้วไหม” ไอ้จุกเอ่ยชม สายตาก็มองคนที่กำลังเก็บของตรงหน้าอย่างชื่นชม
“เอ็งก็เว่อร์นะไอ้จุก แค่ซ่อมท่อประปะแตก ใคร ๆ ก็ทำได้ทั้งนั้นเปล่าวะ” แทนไทสายหน้า แต่มุมปากก็ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจมากนะไอ้แทน” เสียงของชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นพูดขึ้น
“เออ ถ้าไม่ได้เอ็งคืนนี้พวกข้าจะอาบน้ำล้างก้นกันยังไงก็ไม่รู้”
“ก่อนหน้านี้ก็ช่วยซ่อมถนน ตอนนี้ยังช่วยซ่อมท่อประปา”
“เสียดายที่เอ็งไม่ได้เรียนต่อ ไม่งั้นป่านนี้คงได้เป็นนายช่างโยธาใหญ่ไปแล้ว เก่งขนาดนี้”
เสียงผู้คนโดยรอบต่างพูดคุยกันระงม และแทนไทก็ได้ยินมันทุกคำ
“เอาไอ้แทน นี่ค่าน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกข้าให้” ผู้ใหญ่บ้านเดินถือซองขาวบาง ๆ เข้ามายื่นให้แทนไท แต่ทว่าชายหนุ่มกลับปฏิเสธ
“ผมไม่เอาหรอกครับลุงผู้ใหญ่ เรื่องแค่นี้เอง ช่วยได้ก็ช่วยกัน”
“บ๊ะ! ไอ้นี่ ข้าให้ก็รับ ๆ ไปเถอะน่า คราวที่แล้วได้ยินว่าเอ็งออกเงินส่วนตัวมาช่วยซ่อมถนนที่ผุพังให้ คราวนี้ก็มาช่วยพวกข้าซ่อมท่อประปาให้อีก เงินนี่พวกข้ารวมกันเพื่อเป็นสินน้ำใจให้เอ็ง” ผู้ใหญ่บ้านยังคงยัดเหยียด
“ลุงผู้ใหญ่ครับผมไม่รับจริง ๆ ที่ผมทำก็ทำด้วยความเต็มใจ อีกอย่างที่นี่มันก็หมู่บ้านของผมด้วยเหมือนกัน ถ้ายังไงผมขอรับเพียงแค่คำขอบคุณไว้ก็พอนะครับ” แทนไทตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง และนั่นก็ทำให้สายตาของทุกคนที่มองแทนไทนั้นเปลี่ยนไป
เปลี่ยนจากสายตาที่เคยมองชายหนุ่มเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่พบเห็นทั่วไปกลายมาเป็นสายตาแห่งความซาบซึ้งและชื่นชม
วินาทีนั้น... แทนไทไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งเล็กน้อยที่ตัวเองได้ทำลงไปด้วยความจริงใจนั้น วันหนึ่งมันจะกลับกลายมาเป็น ‘ถนนแห่งน้ำใจ’ สายยิ่งใหญ่ในสักวัน
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนในบ้านไม้สองชั้นหลังเดิมของวิไล หญิงร่างเล็กในวัยชราเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน หยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่เปิดฟังเป็นประจำมานั่งฟังข่าวยามเช้า ท่ามกลางเสียงไก่ขัน เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ วิไลทอดสายตามองไปยังถนนดินเล็ก ๆ ที่ทอดยาวออกจากหมู่บ้าน ผู้เป็นแม่เฝ้ามองอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเธอคาดหวังจะเห็นลูกชายกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าว แต่เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่ลูกชายของเธอเคยใช้ก้าวออกไปสู่โลกกว้าง“แทน เอ็งสู้ไหวไหมลูก..” วิไลพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหน้าจอแชตกับลูกชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดแทนไท ในวัยสามสิบปลาย ๆ เจ้าหน้าที่วิศวกรชำนาญการพิเศษของกรมทางหลวง หลังจากถูกตักเตือนอย่างเป็นทางการด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขากลับไม่ได้เสียขวัญ หากแต่เขาได้นำเอาเหตุการณ์นั้นกลับมาเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมวิธีคิดและการวางแผนของเขาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเช้าวันนี้ แทนไทนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยแผนที่ภูมิประเทศ กระดาษโน้ต และหนังสือวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธา เขาหยิบแผนที่เดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง เส้นทางสายที่เขาอยาก
แสงแดดยามเช้าของวันจันทร์ลอดผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานที่แทรกตัวอยู่กลางอาคารสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง แทนไทนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าหนักแน่นกว่าทุกวัน ถึงแม้เขาจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจจากบทลงโทษทางวินัยในมาในช่วงก่อนหน้า แต่สายตาของเขายังคงเต็มเปี่ยมด้วยเป้าหมายและแรงผลักดันเหมือนเดิมเขาเปิดแฟ้มโครงการที่เคยนำเสนอลงบนโต๊ะ พลางไล่สายตาอ่านบันทึกการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับเปิดเครื่องบันทึกเสียงจากมือถือเพื่อทบทวนคำพูดที่ลุงทวีเคยพูดไว้“ในชีวิตข้าทำงานสายนี้มาก็หลายสิบปี ไอ้ที่สำคัญไม่ใช่แค่ถนนจะตัดตรงไหน แต่มันอยู่ที่ว่าเราทำเพื่อใครต่างหากล่ะ”คำพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในใจของเขาเสมอเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น“แทน ผมขอเข้าไปหน่อยนะ” เสียงของหัวหน้าเอ่ยดังขึ้นจากหน้าห้อง“เชิญครับหัวหน้า” แทนไทลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพหัวหน้าก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของผู้ที่ผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน“แทน ผมชี้แจงบทลงโทษเกี่ยวกับรายงานของจังหวัดนั้นแล้วนะ เรื่องที่เขาแจ้งเตือนพฤติกรรมคุณ”แทนไทพยักหน้ารับเบา ๆ“ผมผิดเองครับหัวหน้า ผมใจร้อนไปหน่อย ผมอยากให้ชาวบ้านมีทางเดิน
ท้องฟ้ายามเช้าของเมืองหลวงยังคงครึ้มเทา แม้ไม่มีฝนตก แต่เมฆสีหม่นนั้นก็ทำให้บรรยากาศดูอึมครึมและกดดันไม่ต่างจากจิตใจของแทนไทในเวลานี้ รถยนต์คันเดิมที่เขาขับอยู่แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วคงที่ ใจของเขาหนักอึ้งกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงหลายเดือนเมื่อคืนเขาใช้เวลาคิดอยู่ทั้งคืน ว่าเขาควรทำอย่างไรดีหลังจากที่ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปถึงระดับจังหวัดว่ามีวิศสวกรจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองคนหนึ่งลงมือสร้างถนนเส้นทางลัดในพื้นที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติให้สร้าง ซึ่งนั่นหมายถึงตัวเขาโดยตรง และแทนไทก็ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนนำไปสู่การฟ้องร้องหรือคดีความ เขาจึงตัดสินใจจะเดินทางไปที่สำนักงานจังหวัดในเช้าวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมยอมรับฟังทุกคำตักเตือนเมื่อรถของแทนไทมาถึงหน้าอาคารสำนักงาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวออกจากรถพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องในมือ แม้จะรู้ดีว่าในทางระเบียบนั้นตนเองพลาดที่ลงมือก่อนคำอนุมัติ แต่หัวใจของเขาก็ยังมั่นคงว่าตนเองกระทำไปเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของชาวบ้านและส่วนรวมทั้งสิ้นเขาถูกเรียกให้เข้าไปยังห้องประชุมชั้นสามของอาคาร หน้าห้องมีป้ายเล็ก ๆ ติด
ช่วงเช้าของวันหยุดยาว แทนไทขับรถกระบะเก่า ๆ ที่เขาผูกพันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดบ้านเกิด สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี ฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนก่อนทำให้ผิวดินยังชุ่มชื้นและมีกลิ่นสดชื่นของธรรมชาติอบอวลในอากาศบ้านของแทนไทอยู่ในชุมชนที่ชื่อว่า ‘บ้านดอนกลาง’ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนของเขตอำเภอ พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านนี้เป็นทุ่งนา สวนผลไม้ และป่าชุมชนที่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้อย่างดี แทนไทจอดรถหน้าบ้านไม้ใต้ถุนสูงของแม่วิไล หญิงวัยหกสิบต้น ๆ ที่ยังแข็งแรงและขยันขันแข็งเหมือนเช่นทุกวัน“แม่! แทนมาแล้วครับ” แทนไทร้องเรียกขณะที่เดินขึ้นบันไดบ้าน กลิ่นข้าวสวยหอมกรุ่นลอยมากระทบจมูก“อ้าว แทนมาแล้วเหรอ มาทันกินข้าวพอดีเลย” วิไลยิ้มกว้าง รินน้ำใส่แก้วให้ลูกชาย ก่อนจะยกหม้อข้าวและแกงส้มมาวางลงบนโต๊ะไม้กลางบ้านหลังจากนั่งทานข้าวและพูดคุยถึงชีวิตในกรุงเทพฯ ได้สักพัก วิไลก็เปรยเรื่องหนึ่งที่ทำให้แทนไทตั้งใจฟังมากขึ้น“ช่วงนี้ผู้ใหญ่บ้านเขาไปยื่นเรื่องของงบประมาณเพื่อทำถนนจากโรงเรียนไปตลาดใหญ่นะลูก แต่ก็โดนปฏิเสธมาแล้วสอ
แสงแดดยามเช้าลูบไล้ปลายใบไม้เบา ๆ ขณะที่สายลมฤดูร้อนพัดผ่านราวกับกำลังกระซิบบอกแทนไทว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับมาลุยอีกครั้งแล้ว หลังจากใช้เวลาในภาคใต้เพื่อพักกายพักใจ เขาก็กลับมายังห้องทำงานเล็ก ๆ ในสำนักงานกรมโยธาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สถานที่ที่เขาคุ้นเคย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นเพียงแค่ความคิดและหัวใจของเขาที่เปลี่ยนไปบนโต๊ะทำงานมีแผนที่เก่าใบหนึ่งที่เขาพับไว้อย่างทะนุถนอม มันคือแผนที่ที่ลุงทวีเคยส่งมอบให้ ซึ่งกลายเป็นเหมือนแสงไฟนำทางให้เขาอีกครั้งแทนไทเปิดแผนที่ใบนั้นออก กระดาษเก่ากรอบที่มีรอยพับตามกาลเวลาเผยให้เห็นลายเส้นทางเก่าที่บางส่วนถูกลืมไปจากระบบราชการปัจจุบัน เขาจ้องมองมันราวกับจะมองทะลุเข้าไปยังอดีตของถนนสายที่ไม่เคยได้ถูกสร้าง“ลุงครับ เส้นทางตรงจุดนี้ ถ้าผมต่อมันเข้ากับทางสายหลัก จะช่วยให้ชาวบ้านบนดอยเดินทางลงมาโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้นจริง ๆ ใช่ไหมครับ” แทนไทเอ่ยถามผ่านสายโทรศัพท์เสียงของลุงทวีจากปลายสายฟังดูอบอุ่นแม้จะผ่านระยะทางไกล“ใช่ แถวนี้ลุงเคยลงพื้นที่เองเมื่อสิบกว่าปีก่อน มันเป็นทางดินเก่า บางช่วงเป็นแค่ทางเดินสัตว์ แต่ถ้าทำจริง มันจะเปลี่ยนชีวิตคนได้เลยนะ แค่ม
เสียงลมหายใจของทะเลกระทบฝั่งดังเป็นจังหวะช้า ๆ แผ่วเบา แทนไทยืนอยู่บนชายหาด มองเส้นขอบฟ้าที่ค่อย ๆ กลืนแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็นเข้าไปในม่านฟ้าสีส้มอมชมพู หลังจากวันที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความคิด ฟ้าสีนี้คล้ายกับกำลังปลอบประโลมหัวใจของเขาให้เบาลง อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้“สวยใช่ไหมคะ” เสียงของดาวดังแว่วมาจากด้านข้าง หญิงสาวในชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดตาเดินเท้าเปล่าลงบนผืนทราย เธอส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่ต้องพยายามแต่งแต้มมองทีไรก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนใจเขาสั่น“ครับ พี่ไม่เคยรู้เลยว่าแค่ฟังเสียงคลื่นกับดูพระอาทิตย์ตกมันจะทำให้รู้สึกสงบได้ขนาดนี้” แทนไทตอบ เขาไม่ได้พูดเล่นเลย ถึงแม้จะเคยเดินทางมาแทบทุกภาคของประเทศ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความเหนื่อยล้าจะหลุดออกไปจากใจจากกายง่ายเท่าครั้งนี้ดาวยิ้มอีกครั้ง พลางเดินนำเขาไปนั่งที่เปลผ้าริมชายหาดใต้ต้นสนทะเลที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เธอหยิบกระบอกน้ำไม้ไผ่ออกมายื่นส่งให้“น้ำสมุนไพรเย็น ๆ ค่ะ ดาวทำเอง รับประกันพี่จะสดชื่นหายเหนื่อยแน่นอน”แทนไทหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณครับ น้องดาวดูจะเตรียมตัวมาดีจัง”“แน่นอนสิคะ ดาวเป็นไกด์ประจำเ