Home / โรแมนติก / เส้นรัก 0 เซนติเมตร / บทที่ 7 ถึงคราวต้องจาก

Share

บทที่ 7 ถึงคราวต้องจาก

last update Last Updated: 2025-12-17 22:19:03

บทที่ 7 ถึงคราวต้องจาก

พายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้ม

ปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะ

ร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น 

แก้ม ต้องกลับบ้านด่วน

แม่

ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุย

กริ๊ง ...

“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ

“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”

ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่

“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”

“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”

ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว  ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปืนวานให้ไปส่งค่ำนี้

.......................................

ฝนยังคงตกหนักจนน่ากลัว ฉันซื้อตั๋วรถเรียบร้อยจึงหันไปมองทางปืนที่ยืนรออยู่ตรงชานชาลาจอดรถ

ร่างสูงใหญ่ผมสีน้ำตาลอ่อนอมทองหน้าตาคมคาย ผิวตอนนี้ไม่ได้สองสีเหมือนตอนเรียนมัธยมแล้ว แต่ขาวขึ้นคงเพราะไม่มีเวลาเล่นกีฬา

“ปืน กลับไปเลย แก้มจะขึ้นรถแล้ว”

“อืม ระวังตัวเดินทางปลอดภัยนะ มีอะไรให้โทรมา กูรอรับโทรศัพท์อยู่”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คงไม่ใช่เรื่องใหญ่”

ปากฉันพูดออกไปแต่ภายในใจกลับโหวงเหวงพิกล ฉันโผเข้ากอดปืนทันทีกลางสถานีเดินรถซุกหน้าถูไถทำตัวเป็นไอ้เสือ

“ฉันต้องคิดถึงนายมาก ๆ แน่”

ปืนเอามือลูบผมแล้วดันร่างเล็กของฉันออก ส่งยิ้มอ่อนโยนให้

“ทำเป็นอาลัยอาวรณ์ แค่กลับบ้านเองแก้ม”

“ฮ่า ฮ่า นายไม่ได้เรียกฉันว่า ‘กู’ แล้ว”

“อืม ปืนจะรอแก้มกลับมานะ ฝากความคิดถึงให้น้าจิตรด้วย”

“โอเค แก้มไปนะ ถึงแล้วจะโทรหา”

“ไปเถอะ ปืนจะยืนรอจนกว่ารถจะออก”

ฉันลากขาอย่างไม่เต็มใจนักด้วยความรู้สึกหนักหน่วง พลางยื่นกระเป๋าส่งให้เด็กยกกระเป๋าใส่ไว้ข้างใต้ท้องรถ ฉันไม่ได้เอาอะไรไปมากเพราะคิดเอาว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นค่อยกลับมาอีกรอบ อย่างไรเสียฉันคงต้องกลับมาเรียนอยู่ดี ก่อนขึ้นรถมองไปทางปืนอีกครั้งแล้วโบกมือให้ส่งยิ้มอ่อนแรง

แค่เพียงต้องกลับบ้านตามลำพังใจฉันกลับวูบแปลก ๆ รู้สึกเลือดจางหาย ลมหายใจติดขัด ยิ่งเดินเข้าไปในรถลึกเข้าจนนั่งลง มองข้างหน้าต่างยังเห็นปืนยืนอยู่ มองตรงมาที่ฉัน เพราะไม่อยากให้ปืนคิดมาก ฉันจึงโบกมือให้ปืนอีกครั้งแล้วยิ้มกว้าง ทำปากขมุบขมิบแล้วทำท่ามินิฮาร์ทจนปืนเก้อเขินยกมือลูบท้ายทอย

ฉันคลี่ยิ้มเอียงศีรษะพิงกระจกรถมองร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวจนกระทั่งรถทัวร์เริ่มตีวงเลี้ยวออก ร่างของปืนค่อย ๆ เล็กลงกระทั่งลับตา ฉันจึงค่อยหยุดยิ้ม

เขาว่ากันว่า ผู้หญิงมักมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ค่ำนี้ฉันเองก็รู้สึกเช่นนั้น คล้ายกับว่าภาพของปืนที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋ามองฉันด้วยสายตาอย่างชายคนรักอยู่ในชานชาลา จะเป็นภาพปืนครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็น

“แม่คะ แก้มกลับมาแล้วค่า”

เสียงหวานของฉันตะโกนเข้าไปในบ้านหลังเล็ก พร้อมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะหน้าทีวี

“แม่”

ฉันตะโกนเสียงดังอีกครั้งสังเกตว่าบ้านเงียบผิดปกติ จากนั้นจึงค่อยเห็นแม่และพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทานข้าว

“พ่อ แม่ ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่คะ แก้มเรียกก็ไม่ตอบ”

“อ้าว แก้ม พ่อไม่ทันได้ยิน”

พ่อทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองแววตามีกังวล บรรยากาศตึงเครียด ฉันขมวดคิ้วสงสัย เสียงเล็กแหลมของฉันค่อนข้างดังแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ทำไมพ่อกับแม่ดู เออ..เครียดจัง”

“บ้านเราเกิดเรื่องใหญ่” เสียงพ่อทุ้มต่ำหม่นลง

“เรื่องใหญ่ เพราะคุณนั่นแล่ะ ปั่น คุณทำให้พวกเราฉันและลูก เดือดร้อน”

เสียงแม่ตะโกนโวยวายทั้งทุบโต๊ะจนฉันสะดุ้งโหย่งสุดตัวเบิกตากว้างมองไปทางมารดา ซึ่งบัดนี้ทั้งใบหน้านองไปด้วยน้ำตาและแววตาเคียดแค้น

“กะ เกิดเรื่อง เรื่องอะไรคะแม่”

“พ่อแก ฮืออ พ่อแก มันไปติดหนี้เจ้าสัวคนดัง แล้วนี่เขาให้มือปืนมาตามทวงถึงบ้าน”

ฉันมองไปทางแม่และพ่อสลับไปมา

“แก้มงง แม่ พ่อ อะไรกัน ไปติดหนี้ได้ยังไง แล้ว แล้ว..”

“ฮึ พ่อแก ที่หายหน้าไปนาน ทีแรกนึกว่าไปติดอีหนูที่ไหน ปรากฎว่ามันไปสุมหัวอยู่ในวงพนันแถบปอยเปต”

“ถ้างั้นก็ใช้หนี้เขาสิคะ ขายบ้านก็ได้”

“ขายก็ไม่พอใช้ บ้านหลังนี้ราคามือสองคงแค่ล้านต้น ๆ แต่พ่อแกไปทำอีท่าไหนเขาถึงยอมให้ติดหนี้ถึงสิบล้าน!”

“สิบล้าน พ่อ!!” ฉันหันไปทางพ่อทันทีมองด้วยสายตากล่าวหา

“พ่อขอโทษแก้ม อันที่จริงมันไม่ถึงสิบล้าน แต่ทางพวกนั้นมันโกง คิดดอกเบี้ยคูณหลายเท่า”

“แล้วนี่เราจะทำยังไงดีคะ แม่ พ่อ” ฉันร้องถามร้อนรนขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่มากเท่าไร เพราะคิดว่าเรื่องไกลตัว ยังไงมันก็เรื่องพ่อกับแม่ เพียงแต่อนาคตเรื่องเรียนของฉันอาจถึงคราวต้องจบสิ้น

“มันให้เวลาสิบวัน” พ่ออ้อมแอ้มตอบเหลือบสายตาไปทางมารดาอีกครั้งจนฉันนึกสงสัย

“สิบวัน น้อยขนาดนั้นเราจะหาจากไหน ไปแจ้งความไหมคะ หรือ หนี ไปไหนก็ได้ มันคงไม่มีอะไรร้ายแรงมากไปกว่านี้อีกแล้ว”

“เราหนีไม่ได้หรอกแก้ม ตอนนี้มันส่งคนมาวนเวียนแถวหมู่บ้านเช้าเย็น บางวันโยนหินเข้ามาในบ้าน” น้ำเสียงแม่หวาดกลัวอย่างที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน หลุบตามองมือเหี่ยวผอมจึงเห็นว่ามือแม่สั่นเทา - - นี่คงเรื่องใหญ่จริง ๆ

“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เรามีญาติไหม หรือว่าคนรู้จัก..”

ยังไม่ทันที่ฉันจะถามจบ พ่อพูดโพล่งขึ้นทันที “เสี่ยจรัญจะช่วยใช้หนี้ให้”

“เสี่ยจรัญคนที่เป็นเจ้าของท่ารถและโรงสีข้าว คนที่แก่ ๆ ที่แก้มเคยเห็นเวลาไปตลาดกับแม่นั่นเหรอคะ”

“ใช่คนนั้น” พ่อมองเธอด้วยสายตามีความหวังจนทำให้แม่ทุบโต๊ะ

ปัง!!

“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม” จู่ ๆ แม่ก็ตะโกนออกมา

“ไม่ยอม เรื่องอะไร แก้มงงไปหมดแล้ว”

“พูดสิ คุณ บอกลูกไปว่าไอ้เสี่ยนั่นมันต้องการอะไรเพื่อแลกกับเงินสิบล้าน”

พ่อดูมีสีหน้าสำนึกผิดและซีดเซียว อาจเพราะทุกข์ใจ ไม่ได้นอน หรือเพราะอย่างอื่น?

“เสี่ยเขาต้องการแต่งงานกับลูก แก้ม”

“แต่งงาน!!” ในหัวพลันขาวโพลน ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ “ทำไม ทำไมเสี่ยถึงอยากแต่งงานกับแก้มคะ แก้มไม่เคยรู้จักเสี่ย”

“แต่เสี่ยเขารู้จักลูกมานานแล้ว เขาบอกว่าถูกใจแก้มมานานตั้งแต่แก้มไปเดินตลาด”

“แต่เรา แก้มไม่เคยพูดคุยกับเสี่ยเลยสักครั้ง”

“ของแบบนี้มันไม่ต้องพูดคุยกันหรอกลูก เขาชอบหนูก็ดีแล้ว ดีเสียอีกได้แต่งงานกับคนรวย นอกจากช่วยพ่อแล้ว หนูยังได้เงินทอง ทรัพย์สินมรดก เสี่ยเขาไม่มีญาติพี่น้อง ลูกหลาน อายุปาไปเจ็ดสิบกว่าคงทำอะไรไม่ได้ ไม่นานคงตาย”

“พ่อ!!”

ครืน ... ปัง ..

ฉันผุดทะลึ่งตัวขึ้นจนเก้าอี้ล้มลงฟาดพื้น แต่ทุกคนไม่ได้สนใจ ดวงตาพ่อกับแม่จ้องมองมาทางฉัน คาดคั้นเอาคำตอบ สายตาของพ่อเจือความสิ้นหวัง ส่วนของแม่สำนึกผิด เสียใจระคนคาดหวังเช่นกัน

“ในชีวิตพ่อไม่เคยขออะไรแก้มเลยสักครั้ง มีแต่ให้มาตลอด แต่ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ขอ แต่งกับเสี่ยนะลูก แล้วเราย้ายออกไปจากที่นี่ หนีไปให้ไกล”

ฉันมองพ่อและแม่ขณะก้าวถอยหลังห่างแล้วหยุดลง น้ำตากำลังไหลรินลงอาบแก้ม ในหัวมีเพียงภาพของปืน เพื่อนสนิท คนซึ่งรอฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัย คนที่ฉันตั้งใจฝากชีวิตไว้ด้วยความรักทั้งหมดทั้งหัวใจ

แต่คงไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งคงถูกกำหนดมา โชคชะตาที่พลิกผันและชอบเล่นตลกกับผู้คน ให้พบกัน รักกัน และพลากจากกัน - - ปืน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 5 วัยมหา’ลัย

    บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 7 ถึงคราวต้องจาก

    บทที่ 7 ถึงคราวต้องจากพายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้มปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น แก้ม ต้องกลับบ้านด่วนแม่ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุยกริ๊ง ...“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปื

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 6 nc

    บทที่ 6 ncฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉันในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหวแม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกก๊อก ก๊อก เงียบ ...สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้นแอ๊ด ....“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว“อือ เร่งงาน”“ฝนตก”“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”“ตกหนักมาก”“อือ”ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉันตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเ

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 5 วัยมหา’ลัย

    บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 4 วัยใส

    บทที่ 4 วัยใสมันเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในชีวิต ถ้าไม่นับรวมวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันหลังจากที่พ่อกลับมาจากต่างจังหวัดได้สองวันฉันแหงนศีรษะมองท้องฟ้าในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน กระชับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีอ่อนขณะยืนรอกำปั่นมารับ ในตอนนี้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ว่าฉันและกำปั่นเป็นแฟนกันแปร๋น!!“แก้ม” เสียงกำปั่นสดใสเช่นเคยในทุกเช้าซึ่งเป็นเวลาเกือบเดือนมาแล้วที่มารับส่งฉันถึงบ้าน“กำปั่น”ฉันเพิ่งสังเกตว่ากำปั่นตัวเล็กแค่ไหนเมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหน้าฉันโผล่พ้นไหล่จนลมกระแทกทรงผม ซึ่งถ้าฉันนั่งซ้อนไอ้ปืน ฉันไม่เคยโดนลมเลยด้วยซ้ำ - - นี่ฉันเปรียบเทียบกำปั่นกับไอ้ปืนได้ยังไงฉันรับหมวกกันน็อกมาสวมและรัดสายคาดเองก่อนจะขึ้นไปนั่งไพล่ ชำเลืองกลับไปมองในซอยบ้านไอ้ปืนยังปิดเงียบ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง“วันนี้เย็นไปกินลานนมกันไหม”กำปั่นเอี้ยวหน้ากลับมาตะโกนถาม“ไม่ได้อ่ะ ต้องเรียนพิเศษ”พอพูดจบฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงนั่งซ้อนท้ายเงียบ ๆ มองพื้นถนนขณะที่รถมอเตอร์ไซค์พาฉันไปเรื่อย ๆ รู้สึกมือไม้เกะกะจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน ถ้าซ้อนไอ้ปืนฉันจะโอบเอวมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับกำปั่นแล้วฉั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่าน

    บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่านอันที่จริงผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ และ ... มีไอ้นั่นกลางหว่างขาผมขยับตัวพลิกตะแคงไปอีกด้านสะกดใจตนเองไม่ให้รับรู้ถึงกลิ่นอันอ่อนหวานและร่างนุ่มนิ่มจากคนข้าง ๆ ที่ยังเอามือพาดเอวผมไว้ - - ผมต้องหันหนีก็เพราะไอ้นั่นมันดันเคารพธงเช้าผมจับมือไอ้แก้มไว้แน่นแล้วเหม่อลอยมองฝาหนัง มือมันพาดเอวทาบกางบนพุงผมพอดี อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หากมันเลื่อนลงสักห้าเซนติเมตรปลายนิ้วก้อยมันจะโดนส่วนหัวพอดิบพอดี - - ถอนหายใจครั้งที่ล้านแล้วกู“มึงตื่นแล้ว” แก้มทำเสียงงัวเงียแล้วพลิกตัวออกไปอีกด้าน“อือ ตื่นแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อน” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแล้วพลันรู้สึกว่าคงยังไม่ได้จึงนั่งนิ่งไว้ก่อนเอาผ้าห่มปิดไว้“อ้าว ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ” ไอ้แก้มพลิกตัวกลับมานอนตะแคงกอดผ้าห่มยกขาพาดขาผมไว้เขี่ยเล่นเบา ๆสายตาผมมองเท้าเล็กขาวเนียน มันเอานิ้วเท้าคีบผ้าห่มเล่น ผมจึงดึงผ้าห่มออก มันชักเท้ากลับแล้วแหย่มาข้างหน้าต่อหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เพราะแผ่นหลังผมร้อนวูบวาบพิกล เลยแกล้งมันจับข้อเท้าไว้กำแน่นกำลังสะบัดออก มันดันยกขึ้นอย่างแรงผล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status