Masukบทที่ 6 nc
ฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉัน
ในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหว
แม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอก
ก๊อก ก๊อก เงียบ ...
สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้น
แอ๊ด ....
“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว
“อือ เร่งงาน”
“ฝนตก”
“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”
“ตกหนักมาก”
“อือ”
ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉัน
ตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเปล่งรัศมีบางอย่างต่อเพศตรงข้าม - - ผู้หญิงทุกคนเลยที่หันมองปืน
“ขยับไปหน่อย” ฉันบอกขณะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มเดียวกันแล้วยกขาก่าย “เมื่อวานพ่อโทรมา” ฉันเอียงหน้าไปทางปืน
“ที่จริงฉันน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาจะเลิกกัน เพียงแต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ฉันกลับ ... อยากร้องไห้”
ปืนขยับเปลือกตาลืมขึ้นมองฉันทันที
“มึงเป็นอะไรไหม”
“ไม่” ฉันขยับไปใกล้แล้วเอาแขนกอดแทนขา “เพียงแต่มันเจ็บเหมือนกัน”
ปืนไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงเอาแขนใหญ่ยาวตวัดร่างเล็กกว่าของฉันให้จมหายเข้าไปยังอกกว้าง
“มึงร้องไห้ก็ได้แก้ม กูอยู่ตรงนี้”
ใช่เหมือนทุกครั้ง ตั้งแต่เรื่องไอ้ตุ่น เรื่องที่บ้าน เรื่องเรียน และทุกเรื่องในชีวิต ปืนอยู่ตรงนี้เสมอ
คราวนี้น้ำตาฉันเริ่มรินไหล แต่สาเหตุแท้จริงฉันไม่แน่ใจว่าเพราะเรื่องของพ่อ หรือเพราะฉันดีใจที่มีปืน
ปืนเงียบไปทันทีเมื่อเห็นฉันร้องไห้จริงจัง กระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิมจนหน้าฉันซุกซอกอก นอนตะแคงแล้วลูบหัว ปลอบประโลมโดยไร้คำพูด มีเพียงแค่ลมหายใจ เสียงหัวใจเต้นแรงใต้ฝ่ามือ เสียงลูบเส้นผมและเลยไปถึงแผ่นหลัง
“กู ... กูอยากเอามึง มานานแล้ว มึงรู้ใช่ไหม”
จู่ ๆ ปืนก็เปลี่ยนเรื่อง ฉันรู้ว่าเพราะอะไร มันแค่อยากให้ฉันหยุดคิดเรื่องพ่อ แต่ไอ้เรื่องนี้มันใช่เวลาจะมาพูดตอนนี้หรือไง
“มึงเงียบ กูคิดเอาเองแล้วกันว่ามึงรู้” มือร้อนจัดเริ่มลูบไปกลางแผ่นหลังวนเวียนเป็นวงกลมก่อนวกลงสะโพกดันจนหน้าท้องฉันสัมผัสท่อนเนื้อแข็งใหญ่
“ปืน..” น้ำเสียงอ่อนแรงและแหบพร่า
“จะบอกความลับให้มึงฟังแก้ม” ปืนเงียบไปอึดใจหนึ่งจนฉันต้องขยับหน้ามอง สบสายตาเข้มข้น “กูฝันเปียกถึงมึงมาตลอด ช่วยตัวเองเกือบทุกครั้งที่มึงมาบ้าน ในห้องน้ำ”
จู่ ๆ แก้มของฉันก็เห่อร้อน จำได้ว่ามันอาบน้ำนานมากเวลาที่ฉันมาหา ฉันเห็นสายตาปืนหลุบลงมองพวงแก้ม ริมฝีปาก แล้วกลืนน้ำลาย
“ภาพในจินตนาการไม่ใช่สาวเอวี หรือใครเลย มันเป็นภาพมึง”
นี่เป็นคำสารภาพที่ลามกระคนโอ้โลม จนฉันรู้สึกแปลก ๆ ตรงหว่างขา “แล้วปืนทำไง”
“ทำไง ... ฮ่า ฮ่า ก็ชักว่าวไง”
ฉันอึ้งเงียบไปเลยยามได้ยินเต็มสองหูแบบจัง ๆ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาฉันเคยแต่สงสัยว่าการที่ฉันอ่อย โดยให้ปืนได้เห็นเพียงเสี้ยวร่างกายของฉัน ปืนจะรู้สึกยังไง ที่นี่ฉันรู้แล้ว เพราะจากสีหน้ามันไม่ได้ล้อเล่นอย่างที่เคยเป็น นัยน์ตาหลุบต่ำลงมองแต่ช่วงคอเสื้อตัววี
“กูขอดูได้ไหม”
ฉันมองลำคอหนาขยับกลืนน้ำลาย “รออาทิตย์หน้า อีกไม่กี่วัน” แล้วพยายามนอนนิ่งเลยตอนนี้
“อืม .. จะทนไหวไหมแก้ม ให้กูดูเถอะ เดี๋ยวกูลงแดงตาย”
“ถ้างั้น ... ฉันขอ อย่าเรียกมึงกูอีกได้ไหม”
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเหลือบขึ้นมองฉันก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่ากว่าเดิม
“ไม่ จนกว่าเราจะเป็นแฟนกัน จนกว่ากูจะได้เอามึง”
“ทำไม”
“ก็เพราะ ..ในตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่น่ะสิ แต่เมื่อไรที่สิ้นสุดคำว่าเพื่อนกูจะเรียกมึงด้วยคำอื่น”
ฉันสะท้านเบา ๆ ลำแกร่งยังทาบทับหน้าท้อง ร้อนผ่าว แข็งชัน มือใหญ่รั้งแผ่นหลังลูบไล้ดันฉันเข้าใกล้อีก
“ดูเฉย ๆ นะ”
ปืนพยักหน้ารับแล้วหลุบตาลง ฝ่ามือกลางแผ่นหลังสั่นเล็กน้อยจนฉันรู้สึกได้ ลมหายใจปืนติดขัดยามฉันแกะกระดุมออกทีละเม็ดจนถึงเม็ดที่สี่
“อืม...” เสียงครางทุ้มลอดออกมา ขยับท่อนเนื้อเสียดสี “อีก เปิดออก”
นับเป็นครั้งแรกที่ฉันเปิดเนื้อตัวให้ผู้ชายเห็น ไม่นับเรื่องการสวมชุดว่ายน้ำ ค่อยเปิดเลื่อนเสื้อไปด้านข้างจนเห็นชุดชั้นในสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่ เฝ้าสังเกตสีแดงบนใบหน้าปืนที่พาดขึ้นกะทันหัน
“ปืนอยากเห็น เออ เห็น..” ฉันเอ่ยเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ พวงแก้มแดงระเรื่อ
“อยาก กูอยากเห็นหัวนมมึง”
คำหยาบโลนหลุดออกมาจากปากปืนทันทีพร้อมทาบฝ่ามือลงต้นขาเล็กขาวนวล รั้งกระโปรงขึ้นลูบไล้พลางขยับตัวเสียดสี - - เร้าอารมณ์ อืม ฉันเพิ่งรู้จักคำนี้
คลิก ปึก
ตะขอหน้าหลุดออกพร้อมเต้างามเด้งกระเพื่อมไหว ฉันก้มมองดูตัวเอง เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่ก็วันนี้เพราะสายตาปืนจับจ้องนิ่ง จมูกแดงก่ำ แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องฉันนิ่ง
“ทุกวันเสาร์ มึงจะมานอนบ้านกู” ปืนพูดโพล่งขึ้น
“ใช่ มีอะไร”
“มึงชอบนอนกอดกูจากด้านหลัง มือเล็กของมึงมักพาดเอวมาด้านหน้า” ปืนเอามือฉันไปทาบหน้าท้อง “ตรงนี้ กูต้องคอยจับมือมึงเอาไว้ตลอด”
ฉันเอียงหน้าสงสัย นอนกอดกันมาหลายปี และกอดมันก็บ่อย ไม่เคยรู้เลยว่ามันจงใจจับมือไว้
“ห้าเซนติเมตร นิ้วก้อยมึงอยู่ห่างจากปืนใหญ่กู ห้าเซนติเมตร”
ฉันหลุบตาลงมองทันทีแล้วเห็นหัวลำกระดกห่างแบบเฉียดฉิว แล้วพลันสะดุ้งเมื่อปืนเอามือฉันวางทาบลง
“แต่ไม่แล้ว ต่อไปนี้ มึงและกูจะไม่เหลือช่องว่างอะไรอีก”
“ปืน รออาทิตย์หน้า ปืน!”
เสียงเล็ก ๆ เล็ดลอดออกจากลำคอฉันแต่ฟังแล้วคล้ายกระเส่าเสียมากกว่า เพราะปืนยังจับมือฉันล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้น
“กำไว้ มึงต้องช่วยกูให้หายเจ็บปวด ขยับสิ” ปืนจับมือฉันกำรอบปืนใหญ่กลางลำตัว
อุ่นจัด แข็งแต่นุ่ม และใหญ่จนน่าหวาดหวั่น ฉันคงเผลอทำสีหน้าบางอย่าง อาจเผยอปากหรือคราง เพราะปืนตวัดตาขึ้นมองริมฝีปากทันทีพร้อมชะโงกหน้าเข้าหาประกบปากสอดลิ้นเข้าไป
“อือ ปืน อ่า”
“ขยับสิ ขยับมือ อ่า แก้ม”
ฉันแอบยิ้มถ้าสิ่งนี้ทำให้ปืนเปลี่ยนมาเรียกชื่อฉันได้ ฉันก็จะทำ มือเล็กนุ่มนิ่มของฉันเริ่มขยับรูดลำปืนใหญ่ มันอุ่นจัดจริง ๆ และเริ่มใหญ่ขึ้นอีก
ปืนเลื่อนปากลงซอกคอดูดอย่างแรงแล้วไถลพรมจูบไปเรื่อย ๆ จนถึงเนินหน้าอกกลมกลึง
“หอม หอมจัง”
เสียงสูดลมหายใจยามพาริมฝีปากร้อนไถลผ่านเนินทรวงลากลงร่องอก ใช้จมูกดุนซ้ายขวาก่อนเคลื่อนขึ้นเนินตรงสู่ยอดเล็กแข็งตึง
“สวย เล็ก อ่า อืม ขอเลียนะ”
เป็นคำขอที่หยาบโลนแต่มันทำให้ฉันร้อนวูบวาบโดยเฉพาะยามลิ้นสากตวัดเม็ดไตยอดอก
“ปืน อ่า นายเคยนอนกับผู้หญิงมาแล้วใช่ไหม”
ปากปืนชะงักชั่ววินาทีก่อนเคลื่อนไปอีกข้าง
“อืม”
“เมื่อไร”
“จะรู้ไปทำไม”
“ก็ตอนไหน อื้ออ เรา ฉันเป็นเพื่อนนาย อยู่ด้วยกันตลอด”
ฉันรู้สึกได้ว่าปืนอมยิ้มอยู่ขณะครอบปากลงยอดหัวดูดอย่างแรง มือเริ่มล้วงเข้าใต้กระโปรง สอดนิ้วเกี่ยวขอบกางเกงด้านในต้นขา
“เปิดขาออกแก้ม ถ่างขา”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจับ”
‘จับ’ ฟังแล้วไม่ได้เร้าอารมณ์แต่อย่างใดแต่พอฉันขยับขาออกกว้าง ปืนพลันสอดนิ้วเข้ากระทั่งพบรอยแยกเคลื่อนปลายนิ้วเขี่ยเบา ๆ
“อ่า ปืน อืมม”
“แก้ม อา รูดเร็ว แรง ๆ อ่า”
เสียงปืนกระเส่าบนยอดอกดูดกลืนกินขณะเริ่มสอดนิ้วเข้าไปในทางนุ่มฉ่ำชื้น จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว
“ปืน!!”
“ชู่ว อีกนิดแก้ม”
เสียงปลอบใจให้ฉันคลายอารมณ์ลงแต่เป็นไปไม่ได้เลย นิ้วสองนิ้วเลื่อนเข้าออกทำฉันพร่าเลือนมากยิ่งขึ้น ปากของปืนยังครอบดูดยอดหัวและมือเล็กเรียวฉันขยับท่อนลำแรงขึ้น
“อ่า ปืน อื้ออ มัน”
“ใกล้แล้วแก้ม อ่า แรงอีก”
อาจเพราะฉันยังไม่เคยทำมาก่อน ปืนเลยเป็นฝ่ายขยับตัวในมือแทนเร่งจังหวะแรงขึ้น นิ้วบดขยี้เนินเนื้อสาวรุ่นจนชอกช้ำอย่างแรงนักกีฬาบาสเก็ตบอล ปากครอบครองยอดหัวนมทั้งหมดดูดเสียงดัง ทุกสิ่งที่ปืนกำลังทำส่งให้อารมณ์ฉันพัดกระพือแตกออก
“ปืน อ่า”
ฉันแหงนใบหน้าขึ้นแอ่นอกพุ่งเข้าหาปากอุ่น ยินยอมให้ปืนกระทำปาดไล้ เลีย ขบเม้มไปทั่วรอบทรวงแล้วเคลื่อนใบหน้าลงหน้าท้องจนมือฉันเลื่อนหลุดออกจากท่อนลำปืนใหญ่
“อ่า แก้ม”
ฉันสะดุ้งผงกศีรษะขึ้นมองอย่างตกใจเมื่อร่างสูงเลื่อนลำตัวลงซุกไซ้ดวงหน้าบนหน้าท้อง มือดึงกระชากกางเกงในตัวเล็กออกจากร่าง วางฝ่ามือใหญ่กดต้นขาเรียวเล็กไว้แน่น
“ขอ แก้ม กูขอ”
น้ำเสียงกระเส่าแรงจนใจฉันอ่อนเหลวทิ้งตัวนอนลงตามเดิมปล่อยให้ปืนดันต้นขาออกจนกว้าง
“ปืน!”
“อ่า แก้ม”
กลีบเนื้อสาวหดรัดเกร็งยามลิ้นสากปาดขึ้นแล้วเสาะร่องแหย่ลงกลางรอยแยก ค้นหาจุดเล็ก ๆ ศูนย์รวมความอ่อนไหว ปืนกำลังทำให้ฉันหน่วงร้าวจนยากทานทน จำต้องหวีดร้อง
“ปืน อ๊า”
สองนิ้วสอดใส่ขยับรูดผ่านทางรัก ลิ้นลงรัว อีกมือดันเนินเนื้อขึ้นจนนูนเด่นประกบปากลงดูดอย่างแรง
“อื้ออ อืออ ปืน”
ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันเร็วไป เกิดขึ้นเร็วเกินไป ความสนิทชิดเชื้อทางด้านร่างกายเปิดเปลือยจนหมด มองเห็นจับจ้องทุกส่วนสัด เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนน่าหวาดหวั่น
ปืนขยับนิ้วเร็วขึ้นรอกระทั่งฉันหลับตาลงกัดริมฝีปากจึงได้ยืดกายขึ้นคุกเข่าตรงกลาง จับกระโปรงฉันถลกขึ้นสูงพ้นเนินโหนก ดันต้นขาออกด้วยต้นขาแกร่ง แล้วสอดนิ้วเข้าทางเดิม
“แก้ม อ่า ลืมตา”
ปืนสั่งเสียงกระเส่าเสียจนฉันต้องปรือตาลืมขึ้นแล้วพบกับสีหน้ารวดร้าวใกล้สุขสม ร่างสูงใหญ่อย่างนักกีฬาคุกเข่ากลางหว่างขาชักรูดท่อนเนื้อต่อหน้าใกล้เนินสาว เฝ้ามองจดจ้องเนินสวาทขณะสอดนิ้วเร่งจังหวะ นิ้วหัวแม่มืดกดลงบนคลึง ปืนขยับเข้าใกล้อีกจนเกือบชิดให้ท่อนเนื้ออุ่นปลายหัวสัมผัสความฉ่ำแฉะ
“ปืน อ่า อื้ออ อ๊า”
“จะเสร็จแล้ว อีกนิดแก้ม อืม อ๊า”
อาวุธปืนใหญ่แข็งผงาดในมือสีเข้ม ปลายหัวฉ่ำน้ำทั้งของปืนและของฉันผสมปนเป ปืนสะบัดหัวเบียดดุน มือขยับสไลด์รูดบีบปลาย
“แก้ม อ่า ใกล้ยัง อ่า กูจะไม่ไหวแล้ว”
“อ่า ปืน อา อ๊า”
ปืนเน้นกดนิ้วหัวแม่มือลงแล้วสอดอีกสองนิ้วเข้าอย่างแรง และนั่นทำฉันหวีดร้อง แอ่นเนินเนื้อเข้าหาต้องการให้ปืนสอดใส่ ร่างกระตุกหดเกร็ง ตาพร่าเลือนขณะที่ปลายหัวป้านกระตุกพร้อมกัน หัวผงกพวยพุ่งน้ำสีขาวเป็นสายกระทบเนินหน้าท้อง กระโปรง กระเด็นมาถึงหน้าอก
“อ่า แก้ม อ๊า”
เสียงปืนกระเส่าดังมากจ้องฉันนิ่งยามปล่อยความสุขเปรอะเปื้อน นัยน์ตาเข้มข้น ดำดิ่งลงสู่ห้วงหฤหรรษ์ลึกสุด แล้วเลื่อนนิ้วออกจากร่องนุ่มฉ่ำชื้น ป้ายความสุขสีขาวบนหน้าท้องละเลงแล้วลากขึ้นหาทรวงอก จ้องตาฉันนิ่ง ลากน้ำขึ้นหาหัวนมคลึงวน ส่งเสียงแหบทุ้ม
“อาทิตย์หน้าแก้ม กูจะเอามึงอย่างที่ฝันมาตลอดหลายปี”
ฝ่ามือใหญ่ปาดน้ำแล้วกอบกุมดันเนื้อนมขึ้นก่อนปล่อยมือลุกออกจากเตียงนั่งหอบหายใจ ฉันได้แต่นอนนิ่ง เนินสาวร้าวกระตุก และตกใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเช้านี้ ก้มมองตัวเองเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เปื้อนกลิ่นน้ำคละคลุ้ง มองไปทางร่างสูงที่ตอนนี้เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้ ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำ
ฉันยังนอนกำผ้าเช็ดตัวแน่น เต็มตื้นกับทุกสิ่ง เอียงศีรษะมองประตูห้องน้ำ ชีพจรยังเต้นกระหน่ำจนทรวงอกแสบร้าว
วันนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ฉันคิดว่าทำให้ทุกอย่างระหว่างฉันและปืนเปลี่ยนไป
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 7 ถึงคราวต้องจากพายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้มปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น แก้ม ต้องกลับบ้านด่วนแม่ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุยกริ๊ง ...“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปื
บทที่ 6 ncฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉันในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหวแม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกก๊อก ก๊อก เงียบ ...สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้นแอ๊ด ....“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว“อือ เร่งงาน”“ฝนตก”“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”“ตกหนักมาก”“อือ”ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉันตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเ
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 4 วัยใสมันเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในชีวิต ถ้าไม่นับรวมวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันหลังจากที่พ่อกลับมาจากต่างจังหวัดได้สองวันฉันแหงนศีรษะมองท้องฟ้าในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน กระชับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีอ่อนขณะยืนรอกำปั่นมารับ ในตอนนี้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ว่าฉันและกำปั่นเป็นแฟนกันแปร๋น!!“แก้ม” เสียงกำปั่นสดใสเช่นเคยในทุกเช้าซึ่งเป็นเวลาเกือบเดือนมาแล้วที่มารับส่งฉันถึงบ้าน“กำปั่น”ฉันเพิ่งสังเกตว่ากำปั่นตัวเล็กแค่ไหนเมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหน้าฉันโผล่พ้นไหล่จนลมกระแทกทรงผม ซึ่งถ้าฉันนั่งซ้อนไอ้ปืน ฉันไม่เคยโดนลมเลยด้วยซ้ำ - - นี่ฉันเปรียบเทียบกำปั่นกับไอ้ปืนได้ยังไงฉันรับหมวกกันน็อกมาสวมและรัดสายคาดเองก่อนจะขึ้นไปนั่งไพล่ ชำเลืองกลับไปมองในซอยบ้านไอ้ปืนยังปิดเงียบ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง“วันนี้เย็นไปกินลานนมกันไหม”กำปั่นเอี้ยวหน้ากลับมาตะโกนถาม“ไม่ได้อ่ะ ต้องเรียนพิเศษ”พอพูดจบฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงนั่งซ้อนท้ายเงียบ ๆ มองพื้นถนนขณะที่รถมอเตอร์ไซค์พาฉันไปเรื่อย ๆ รู้สึกมือไม้เกะกะจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน ถ้าซ้อนไอ้ปืนฉันจะโอบเอวมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับกำปั่นแล้วฉั
บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่านอันที่จริงผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ และ ... มีไอ้นั่นกลางหว่างขาผมขยับตัวพลิกตะแคงไปอีกด้านสะกดใจตนเองไม่ให้รับรู้ถึงกลิ่นอันอ่อนหวานและร่างนุ่มนิ่มจากคนข้าง ๆ ที่ยังเอามือพาดเอวผมไว้ - - ผมต้องหันหนีก็เพราะไอ้นั่นมันดันเคารพธงเช้าผมจับมือไอ้แก้มไว้แน่นแล้วเหม่อลอยมองฝาหนัง มือมันพาดเอวทาบกางบนพุงผมพอดี อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หากมันเลื่อนลงสักห้าเซนติเมตรปลายนิ้วก้อยมันจะโดนส่วนหัวพอดิบพอดี - - ถอนหายใจครั้งที่ล้านแล้วกู“มึงตื่นแล้ว” แก้มทำเสียงงัวเงียแล้วพลิกตัวออกไปอีกด้าน“อือ ตื่นแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อน” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแล้วพลันรู้สึกว่าคงยังไม่ได้จึงนั่งนิ่งไว้ก่อนเอาผ้าห่มปิดไว้“อ้าว ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ” ไอ้แก้มพลิกตัวกลับมานอนตะแคงกอดผ้าห่มยกขาพาดขาผมไว้เขี่ยเล่นเบา ๆสายตาผมมองเท้าเล็กขาวเนียน มันเอานิ้วเท้าคีบผ้าห่มเล่น ผมจึงดึงผ้าห่มออก มันชักเท้ากลับแล้วแหย่มาข้างหน้าต่อหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เพราะแผ่นหลังผมร้อนวูบวาบพิกล เลยแกล้งมันจับข้อเท้าไว้กำแน่นกำลังสะบัดออก มันดันยกขึ้นอย่างแรงผล







