ติ๊ดดด
เสียงเปิดประตูทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟาโดยอัตโนมัติ ฉันหันไปมอง พบชายชุดดำยืนอยู่พร้อมกับผู้หญิงที่เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกน้องของคุณเหนือ มารับคุณปรียาไปซื้อเสื้อผ้าค่ะ”
“อ่า... สวัสดีค่ะ” ฉันรีบลุกขึ้น พร้อมเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ
“นี่เป็นชุดเปลี่ยนออกไปข้างนอกค่ะ คุณเหนือบอกว่าขอให้คุณปรียาแต่งตัวเหมือนที่เคยแต่งเป็นประจำได้เลยค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับคำเบา ๆ แล้วรับถุงกระดาษมาไว้ในมือ
“งั้น... รอสักครู่นะคะ” ฉันเอ่ยอย่างประหม่า ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องไปทันที
เมื่อเปิดถุงออกมา ฉันก็พบว่าเป็นชุดเดรสสีขาวเรียบหรู ภายในถุงยังมีเครื่องสำอางขนาดเล็กพอให้แต่งหน้าได้อยู่บ้าง
ฉันจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว...แม้ปกติฉันจะใช้เวลาแต่งตัวไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง แต่วันนี้ฉันพยายามรีบสุด ๆ แล้ว เพราะไม่อยากให้คนที่รออยู่ข้างนอกต้องรอนาน
“รอนานเลยใช่ไหมคะ...” ฉันเอ่ยขึ้น พลางยิ้มแห้ง ๆ แต่นี่รีบที่สุดเท่าที่ฉันทำได้แล้วจริง ๆ นะ
“ไม่นานเลยค่ะ คุณปรียาสวยมาก ๆ เลยค่ะ”
ฉันยิ้มเขินทันทีเมื่อโดนชม จากนั้นลูกน้องของคุณเหนือก็พาฉันตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง พร้อมกับเอ่ยบอกถึงคำสั่งของเขา
“นี่เป็นบัตรเครดิตที่คุณเหนือฝากเอามาให้ค่ะ”
“คะ... นี่มันแบล็คการ์ด...” ฉันมองบัตรในมือด้วยความตกใจสุดขีด เขาเล่นเอาบัตรระดับนี้มาให้เลยเหรอ? ไม่กลัวฉันรูดเพลินหรือยังไงกันนะ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็บอกกับตัวเอง ว่าจะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เพราะลึก ๆ แล้วรู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อย ที่ต้องมาใช้เงินเขาอีก ทั้งที่ยังเป็นหนี้เขาตั้งสามสิบล้านบาทอยู่แบบนี้
“คุณเหนือบอกว่าใช้ได้ตามสบายเลยค่ะ เขาจะโกรธมากถ้าคุณไม่ทำตามคำสั่ง”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ รวบรวมสติ และพยายามนึกถึงตอนที่เคยมีเงินมาก ๆ สมัยยังร่ำรวย เอาความรู้สึกนั้นกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง
2 ชั่วโมงต่อมา
“ฉันว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ...”
“คุณเหนือบอกว่าเงินเพิ่งตัดไปแค่สองแสนเองค่ะ ต้องใช้ให้ครบห้าแสนค่ะ”
ฉันเบิกตาโตทันที ใช้เงินห้าแสนในวันเดียวเนี่ยนะ!?
ตอนนี้พนักงานที่ตามมาช่วยถือของยังไม่พอ จนต้องเอารถเข็นมาใช้แล้ว แล้วอีกสามแสนจะให้ฉันซื้ออะไรอีกเนี่ย ของเต็มรถจนแทบล้นอยู่แล้วนะ!
“งั้น... ฉันขอคุยกับคุณเหนือได้ไหมคะ?”
“สักครู่นะคะ” เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันทันที
“คุณเหนือ...”
(ครับ)
“คือว่า... แค่นี้ก็พอแล้วจริง ๆ ค่ะ ฉันซื้อครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเสื้อผ้า รองเท้า หรือของใช้ต่าง ๆ ทุกอย่างครบแล้วจริง ๆ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มอีกแล้ว”
(ปกติคุณใช้เงินแค่นี้เหรอครับ)
ฉันนิ่งไปนิด “แค่นี้” งั้นเหรอ... นี่เขาคิดว่าสองแสนคือแค่จิ๊บจ๊อย!?
“จริง ๆ แล้วก็... มากกว่านี้ค่ะ ฉันเคยชอบซื้อกระเป๋า...” แต่ตอนนี้มันไม่ได้จำเป็นอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้อยากได้เหมือนเมื่อก่อนเลย
(แล้ว... ซื้อรึยังครับ กระเป๋าน่ะ)
“เอ่อ... ยังค่ะ แต่ฉันไม่ต้องการแล้วจริง ๆ ฉันใช้กระเป๋าที่ราคาไม่แพงก็ได้ค่ะ ตอนนี้ฉันไม่ชอบของแพง ๆ พวกนั้นแล้ว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และจริงใจอย่างที่สุด ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาสั้น ๆ
(งั้นก็ตามใจครับ กลับบ้านดี ๆ)
“ขอบคุณนะคะ คุณเหนือ...” ฉันถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่เซ้าซี้อะไรอีก
(ไม่เป็นไรครับ เจอกันที่บ้านครับ)
ประโยคสุดท้ายของเขาทำฉันใจเต้นแรงขึ้นมาเฉย ๆ ... “เจอกันที่บ้าน” ฟังดูคล้ายกับคนรักที่กำลังรอกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?
“เอ่อ... คุณปรียาเป็นอะไรไหมคะ หน้าแดงเชียว...”
“คะ!? ไม่ค่ะ! ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ นี่โทรศัพท์ค่ะ... กลับกันเลยไหม ไปค่ะ! กลับบ้านกันค่ะ” ฉันรีบตอบเสียงสูงพลางเดินหนีอาการเขินของตัวเองแบบไม่มีสติ พร้อมพุ่งตัวออกไปอย่างหน้าตาเฉย
❤️
"หืม?" ฉันมองอย่างงุนงงก่อนจะเปิดกล่องนั้นออกสร้อยคอเส้นบาง ๆ ที่ห้อยจี้รูปหัวใจสองดวงไขว้กัน พร้อมสลักชื่อว่า 'Priya & Nuea'"คุณเหนือ " น้ำตาของฉันรื้นขึ้นมาทันที "แบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ ฮึก ""ผมไม่ได้จะแกล้ง ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจะรักคุณไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเจออะไรอีก ผมจะปกป้องคุณกับของขวัญให้ดีที่สุด""จะให้ฉันร้องไห้ในวันครบรอบจริง ๆ เหรอคะ""งั้นก็ไม่ต้องร้อง แต่จูบได้ไหม?"ฉันหน้าแดงทันที ก่อนจะยกมือปิดหน้าเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามา"ลูกตื่นอยู่นะคะ!""ก็จูบบอกรักเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรมากนี่นา~"ฉันได้แต่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปล่อยให้เขากอดไว้แน่น ๆ พร้อมกับเสียงกระซิบว่า "สุขสันต์วันครบรอบนะครับภรรยา"…หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็พากันไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก วันนี้คุณเหนือขอลางานเพื่อใช้เวลากับครอบครัวเต็มที่ ฉันเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะตั้งแต่มีของขวัญ เราก็ไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปข้างนอกกันพร้อมหน้าสามคนเท่าไหร่"ดูสิคะคุณเหนือ ดอกคอสมอสกำลังบานเต็มเลย~""สวย แต่คุณสวยกว่า""นี่แน่ะ!" ฉันหยิกแขนเขาเบา ๆ ด้วยความเขิน "ชมฉันแบบนี้ทุกวัน เดี๋ยวฉันก็ลอยข
3 ปีต่อมา“ของขวัญ ทักทายคุณย่าสิคะ”เสียงของฉันเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อลูกสาวตัวน้อยยกมือไหว้ผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องเยี่ยมของเรือนจำ“สวัสดีค่ะคุณย่า” น้ำเสียงใสแจ๋วที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ นั้น ทำเอาฉันกับคุณเหนืออดยิ้มไม่ได้เขาอุ้มลูกขึ้นนั่งตักอย่างเคย ก่อนที่แม่ของเขาจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาด้วยใบหน้าอิดโรย แต่แฝงด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ“น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เลยนะ”ท่านมองหลานสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความรักที่มาช้าเกินไปตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันกับคุณเหนือมาเยี่ยมท่านเป็นครั้งคราว แม้คุณเหนือจะให้อภัยแล้ว แต่ฉันก็รู้ เขายังโกรธ ยังเจ็บ แต่เขาก็เลือกจะไม่ตัดท่านออกจากชีวิต เพราะเขารู้ว่า "การให้อภัย" ไม่ได้แปลว่า "ลืม"“ทำไมคุณย่าถึงอยู่ในนี้คะ?” ของขวัญเอ่ยถามขึ้นอย่างใสซื่อ“เพราะย่าทำผิดน่ะจ้ะ เลยต้องถูกลงโทษ” ท่านตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางโรคประจำตัวของท่านเริ่มกำเริบบ่อยขึ้น และเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า ท่านจะอยู่ถึงวันพ้นโทษหรือไม่…“ลูกล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”“ผมสบายดีครับ พ่อเองก็เช่นกัน” คุณเหนือตอบเสียงเรียบ แม้จะดูนิ่ง แต่ฉันรู้ เขากำลังกลั้นอารมณ์มากแค่ไหนเมื่อหมดเ
EP 31 - ฉันรักคุณ“ปรียา คุณต้องตื่นนะครับ ”เสียงนั้นดังอยู่ปลายหู ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะพบกับแสงไฟสลัวจากเพดานห้องกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลลอยแตะจมูก ฉันขยับตัวได้เพียงเล็กน้อยก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมาอีกครั้ง “คุณเหนือ ”เสียงที่ฉันพร่ำเรียกคนที่รักที่สุดในชีวิต ไม่รู้เลยว่าเขาจะได้ยินมันหรือเปล่าแต่ฉันภาวนา ขอให้เขาได้ยิน …โรงพยาบาลตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด เสียงชีพจรดังอย่างสม่ำเสมอแต่ไร้การตอบสนอง ฉันได้แต่นั่งฟังเสียงนั้นอย่างเหม่อลอย…นี่เข้าสู่วันที่ห้าแล้วแต่คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลืมตาขึ้นมาแม้คุณเหนือจะรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่หมอก็บอกฉันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่าอาการของเขาหนักมาก และที่เลวร้ายที่สุดคือ เขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยตลอดชีวิต…“กลับบ้านไปพักสักหน่อยเถอะ”เสียงทุ้มของคุณพ่อคุณเหนือเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นฉันยังคงนั่งจับมือคนบนเตียงไม่ไปไหน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย”ฉันเงยหน้าขึ้นตอบกลับท่านอย่างอ่อนแรง ถึงแม้ร่างกายของฉันเองจะยังไม่ฟื้นดีจากการล้มเมื่อวันก่อนก็ตามหลังจากที่ท่านรู้เรื่องทุกอย่าง
EP 30 - อย่าทิ้งฉันกับลูกไป“ทำไมถึง อ๊ะ!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ร่างของตัวเองก็ถูกกดให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองรีบโอบรอบท้องทันทีเพื่อรองน้ำหนักไม่ให้กระแทก แต่ถึงอย่างนั้นแรงสั่นสะเทือนจากพื้นก็ยังทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง ร่างกายฉันไม่ปกติเลยแม้แต่นิด ทั้งเหงื่อที่ไหลซึมทั่วใบหน้า มือที่สั่นเทา และหัวใจที่เต้นแรงรัวจนหายใจแทบไม่ทัน“เป็นไงล่ะ มีความสุขใช่มั้ย ที่ได้นั่งอยู่บนกองเงินกองทองจากลูกชายฉัน!” เสียงตะคอกของผู้หญิงตรงหน้าทำเอาฉันตัวสั่น เธอกำลังเดือดดาลอย่างสุดขีด พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ใช่ความยินดีเลยสักนิด แต่มันคือความสะใจ ความสะใจที่ได้เห็นฉันเจ็บฉันพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อจะอธิบาย แต่มีดที่จ่อคอฉันอยู่ก็ยิ่งกดลึกลงมา“คุณแม่คะ คือ ”“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่! ฉันมีลูกชายคนเดียว!”เธอตวาดใส่ฉันทันที ก่อนจะคว้าผมฉันแล้วกระชากอย่างแรง น้ำตาของฉันร่วงพร่างไปตามแรงกระชาก ทั้งเจ็บทั้งตกใจ รู้สึกถึงเลือดซึมออกมาจากลำคอที่ถูกปลายมีดเฉือนเบาๆ อย่างจงใจ“ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย ” เสียงเย็นเยียบจนขนลุกเอ่ยออกมา“ออกไปจากชีวิตลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!”ฉันกั
EP 29 – เพราะเธอคนเดียว2 เดือนต่อมาดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี ช่วงนี้สุขภาพของลูกในท้องฉันแข็งแรงสมบูรณ์อย่างน่าพอใจ คุณหมอก็แจ้งว่าไม่มีภาวะเสี่ยงแท้งอีกแล้ว ส่วนฉันเองแม้จะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่บ้าง แต่น้ำหนักก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ และพวกวิตามินหรือยาบำรุงครรภ์ฉันก็ไม่เคยขาดเลยสักครั้งชีวิตประจำวันของฉันตอนนี้เรียบง่าย มีแค่กินกับนอน และบ่นว่าตัวเองน่าเบื่อส่วนคุณเหนือ เขาเองก็ลดเวลาทำงานลง เพื่อจะได้กลับมาอยู่กับฉันและลูกให้เร็วที่สุด พอเขารู้ว่าฉันท้อง เขาก็เปลี่ยนตารางชีวิตไปเลยทันที แม้เขาจะยังมีงานต้องรับผิดชอบอยู่มาก แต่เขาก็ยังหาทางจัดสรรเวลามาอยู่กับฉันให้ได้ทุกวัน“ผมได้ยินว่าวันนี้คุณกินข้าวได้น้อย”เสียงของเขาดังขึ้นจากมือถือขณะที่ฉันกำลังเอนหลังอยู่บนโซฟา“ค่ะ ช่วงนี้กลิ่นอาหารมันแรงมาก แค่ได้กลิ่นก็คลื่นไส้แล้ว”ฉันตอบไปตามตรงพร้อมถอนหายใจเบาๆ ยังดีที่แม้จะกินข้าวได้น้อย แต่ร่างกายก็ยังได้รับสารอาหารครบจากวิตามินและอาหารเสริมที่คุณหมอจัดมาให้“งั้นไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมลางานช่วงบ่ายพาคุณไปเอง”เสียงเขาเร่งรีบขึ้นนิดหน่อย“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนได้ แค่ต้องปรับตัวอ
EP 28 - ต่อให้เป็นคุณแม่ผมก็ไม่ให้อภัย “แม่ผมเกือบฆ่าหลานตัวเองแล้วนะ!”ประโยคนั้นทำฉันสะดุ้งเงียบไปทันที หัวใจรู้สึกหนักขึ้นอย่างประหลาดฉันกลัวเหลือเกินว่า ทางฝั่งนั้นจะไม่ยอมรับลูกของฉัน ถ้าแค่ไม่ยอมรับฉัน ฉันยังพอทนไหว แต่หากลูกต้องถูกปู่และย่าแท้ๆ เกลียดชังขึ้นมา ฉันคงทนไม่ไหวจริงๆ“แต่ว่า ”“คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”เขายกมืออีกข้างมาวางแนบที่แก้มของฉันเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากกลางหน้าผากฉันแผ่วเบามือหนาของเขากอบกุมใบหน้าฉันไว้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังหน้าท้องของฉันที่มีลูกของเขาอยู่ในนั้นแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมา แต่แววตานั้นก็ส่งผ่านความรู้สึกทุกอย่างออกมาจนฉันสัมผัสได้เขารักลูกของเรามากแค่ไหน “งั้น ผมไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับ ฝันดีนะครับ”“ฝันดีค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง พร้อมกับมองเขาที่เดินจากไปอย่างเงียบๆ แม้จะอยากรั้ง อยากห้ามไว้มากแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ดีว่า อีกฝ่ายคงไม่ยอมหยุดแน่ๆ เพราะเขามีเรื่องที่ต้องจัดการหลังจากคุณเหนือออกไป ลูกน้องของเขาก็เข้ามาแทนเธอเข้ามานั่งข้างเตียงและขอโทษฉันทันที ที่ไม่สามารถปิดเรื่องนี้เป็นความ