และในเวลาเดียวกันผู้ทำหน้าที่เฝ้าหน้าประตูสองคนก็ลอยลงมาขวางด้านหน้าบันไดทางขึ้นเช่นกัน
“ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว ไม่ทราบว่าอาจารย์ปู่มาสำนักฝั่งใต้ด้วยเรื่องอันใด”
หนึ่งในนั้นเอ่ยสีหน้าจริงจัง
“มีผู้บุกรุกสำนักฝั่งเหนือ และขโมยของสำคัญไป ทางเราจับคนน่าสงสัยมาได้และนางใส่ชุดศิษย์สำนักฝั่งใต้ ข้าจึงนำตัวมาให้ศิษย์น้องสามสอบสวน”
อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งตอบทันใด
สายตาของผู้เฝ้าเวรยามสองคนเหลือบมองไปยังร่างที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ อีกฝ่ายยิ่งก้มหน้างุดดูมีพิรุธ
“เช่นนั้น ขอเชิญอาจารย์ปู่ที่ลานฝึกกระบี่ก่อน ข้าน้อยจะไปเรียนให้ท่านเจ้าสำนักทราบ”
จากนั้นคนหนึ่งก็เร่งรีบขึ้นบันได อีกคนนำทางไปอีกด้าน ซึ่งไม่นานก็ถึงลานกว้างมีป่าไผ่สูงรายล้อม
เทียนเหวินมีเฉิงเคอกับศิษย์อาวุโสอีกคนตามประกบไม่ห่าง ทว่าชายหนุ่มไม่ได้กังวลสิ่งใด สายตาคู่คมกริบเพียงคอยจับตาดูเจ้าของร่างเล็กที่ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน ทั้งสีหน้าก็กระวนวายอย่างเห็นได้ชัดมากกว่า
“ห่วงคนของเจ้าสินะ”
หลี่ไห่ฉินหันมากระซิบน้ำเสียงหยัน ทว่าเทียนเหวินกลับไม่โต้ตอบ
เพียงไม่นานอาจารย์เจียงซินเจ้าสำนักฝั่งใต้ก็มาพร้อมศิษย์ทั้งสำนักเลยทีเดียว
“ขออภัยศิษย์พี่ที่ต้องให้รอ”
“ศิษย์น้องสามอย่าได้เกรงใจไป ข้ามาอย่างกะทันหัน ต้องรบกวนเจ้าเสียมากกว่า”
เจ้าสำนักทั้งสองต่างคารวะกันและกัน อาจารย์ฝูหมิงเองก็คารวะอาจารย์หญิง
“ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์ของเราขโมยของสำคัญในสำนักฝั่งเหนือ เรื่องใหญ่ถึงกับต้องให้สวรรค์ออกโรงเช่นนี้ หากเป็นจริงข้าย่อมต้องลงโทษสถานหนัก”
อาจารย์เจียงซินเอ่ยพลางปรายตามองไปทางทหารสวรรค์ที่มีมากกว่าคนของสำนักฝั่งเหนือ บ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เพราะถึงกับต้องรายงานสวรรค์ให้รับรู้ และร่างเล็กบอบบางที่ถูกมัดไว้ ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหน้าทหารสวรรค์ก็ดึงความสนใจของเจ้าสำนักฝั่งใต้
“เจ้าขโมยสิ่งของจากสำนักฝั่งใต้มาจริงหรือ”
คำพูดนี้หวังให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นปฏิเสธ เจ้าสำนักกับเหล่าศิษย์จะได้เห็นว่าผู้ทำผิดในครั้งนี้เป็นใคร ทว่าเจ้าตัวกลับก้มหน้ามากขึ้น
“เจียอิน ไปเอาตัวนางมา”
“เจ้าค่ะ อาจารย์ใหญ่”
เจียอินเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักฝั่งใต้ เป็นหลานสาวของเจ้าสำนักฝั่งใต้มาจากเผ่าวิหค ทว่าอยู่ในสำนักก็ถือเป็นศิษย์อาจารย์ นางก้าวเข้าไปจับแขนของผู้ที่เอาแต่ก้มหน้าหลบเลี่ยงมายืนกลางลาน เบื้องหน้าอาจารย์ใหญ่กับเหล่าศิษย์ในสำนัก หากก็พยายามเพ่งพิศไปด้วยก่อนเอ่ย
“นางหาใช่ศิษย์ของเราไม่”
“ว่าอย่างไรนะ”
เมื่ออาจารย์ใหญ่ถามซ้ำ เจียอินก็จับคางของคนที่ก้มให้เงยขึ้น อีกฝ่ายเม้มริมฝีปากแน่น ทว่าแววตาหวาดหวั่นลอกแลก
“เหตุใดเจ้าแสร้งเป็นศิษย์ของสำนักเรา หรือต้องการให้สองสำนักผิดใจ”
เจ้าสำนักฝั่งใต้คิดว่าไม่ชอบมาพากลนัก หากหญิงสาวกลับส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”
“เจ้าเข้ามาก่อกวนสำนักซ่างเซียนเราชัดๆ และเมื่อเจ้าเข้ามาสิ่งสำคัญในสำนักก็หายไป เจ้าต้องร่วมมือกับผู้ใดผู้หนึ่งแน่นอน”
หลี่ไห่ฉินยังพยายามโยงเข้ามาหาเทียนเหวิน
“ในเมื่อนางไม่ยอมพูด ข้าขอให้อาจารย์อาหญิงทำการไต่สวนอย่างจริงจังด้วยเถิด”
เจ้าสำนักเจียงซินสีหน้าเคร่งเครียด นางกำลังถูกกดดันจากทั้งทหารสวรรค์และสำนักฝั่งเหนือ
“เพราะเจ้าปลอมตัวเป็นศิษย์ของสำนักข้า หากไม่ทำสิ่งใด ที่ปฏิเสธว่าเจ้าไม่ใช่ศิษย์อาจดูเป็นการปกป้อง ฉะนั้นข้าจะลงโทษทำลายปราณเซียนของเจ้าห้าร้อยปี แล้วขับไล่ลงจากเขาผิงเหิงไปเสีย”
“ท่านเจ้าสำนักเมตตาด้วยเถิด ข้าเป็นเพียงภูตดอกบัวที่บำเพ็ญตนจนสำเร็จเซียน พลังปราณน้อยนิด หากสูญเสียไป ข้าต้องกลับไปเป็นภูตเช่นเดิมเป็นแน่”
เจ้าตัวรีบคุกเข่าลงทันที ใบหน้าเรียวขาวซีดเผือด ท่าทางอับจนหนทาง
“ความผิดข้อแรก เจ้าขึ้นมาบนเขาผิงเหิงทั้งที่เป็นเพียงเซียนปลายแถว ไม่ได้รับสิทธิ์ให้เป็นศิษย์ของสำนักซ่างเซียน ผิดที่สอง เจ้าแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักเรา”
เจียอินบอกกล่าวให้รู้ว่าเซียนดอกบัวสมควรได้รับโทษ
“และผิดข้อสาม เจ้าขโมยของในสำนักซ่างเซียน”
หลี่ไห่ฉินยังไม่ทิ้งข้อนี้
“ข้าไม่ได้ขโมย”
เสี่ยวเหลียนเสียงเครือ
“อย่างไรเจ้าก็มีความผิด ไม่อาจละเว้นได้”
สุดท้ายเจ้าสำนักเจียงซินก็วาดมือก่อนจะยื่นมาด้านหน้าร่ายเวททำลายปราณเซียนของเซียนดอกบัว
“ได้โปรด อย่าทำลายปราณของข้าเลย”
ดวงหน้าเล็กส่ายไปมาด้วยความหวาดกลัว ร่างกายยังถูกมัดไว้แทบขยับตัวไม่ได้ นางไม่อยากสูญเสียปราณเซียนพันปีของตน แต่ก็ไม่อาจต่อต้านได้
พลังรุ่มร้อนที่ทำให้นอนไม่หลับซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาสามวันมานี้พลุ่งพล่านมากขึ้น เหมือนนางกำลังถูกพลังร้ายแรงทำลายอวัยวะภายใน อีกไม่นานร่างกายต้องแหลกสลายเป็นแน่ เมื่อทานทนต่อไปไม่ไหวเสี่ยวเหลียนจึงกรีดร้องด้วยความทรมาน
“ไม่...กรี๊ดดด”
=====
ฮือ…เสี่ยวเหลียนโดนทำลายปราณเซียนซะแล้ว T^T
ต่างฝ่ายต่างแตะต้องกันและกัน มือกระด้างบีบนวดผิวบางในทุกสัดส่วน มือนุ่มก็เคล้นไปตามกล้ามแน่น ทั้งแขนกำยำ แผงอกกว้าง หน้าท้องแกร่ง รวมถึงต้นขาชายหนุ่มที่แข็งแรงชวนให้ต้องกลืนน้ำลาย ยิ่งยามที่มืออุ่นทาบทับแนบดอกไม้แสนงาม หญิงสาวก็เกาะกุมตัวตนแกร่งร้อนไว้ในมือตนเช่นกันสองหนุ่มสาวแบ่งปันห้วงอารมณ์วาบหวาม เร่งเร้านำพาให้ร่างกายทั้งคู่ค่อยๆ พลุ่งพล่านขึ้น ตาสบตา ขณะที่ต่างก็หอบหนัก เอินเอินรู้สึกได้ว่ามือตนแทบไหม้ทีเดียว อึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่จึงขยับมาชิดบดเบียดเรือนกายเสียดสีเร้าใจเปลือกตาบางปิดลงพร้อมครางเสียงหวานข้างใบหูชายหนุ่ม สองแขนเรียวกอดร่างหนา กางกรงเล็บเล็กเกาะเกี่ยวข่วนบางเบาบนแผ่นหลังอีกฝ่าย ทั้งฟันเล็กยังกัดใบหูชายหนุ่มยั่วเย้า“อา คนดีของข้า เจ้าทำให้ข้าร้อนยิ่งกว่าร้อนแล้วในตอนนี้”เทียนเหวินเสียวสยิวไปทั้งกาย เพราะร่างที่แนบชนิดทั้งหอมกรุ่นและนุ่มนิ่ม ทั้งเจ้าตัวยังรู้ดีว่าต้องปลุกเร้าตนเช่นไร นานวันที่ได้ร่วมรัก เอินเอินสั่งสมประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขากระตุ้นนาง นางก็กระตุ้นกลับไม่แพ้กัน หากนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มยิ่งพอใจในคนรักของตน เพราะหญิงสาวเร่าร้อนได้ถึงเพียงนี้ก็เพื่อ
ณ ศาลาริมสระน้ำตำหนักเทียนหลันอีกหมื่นปีต่อมาปลายนิ้วเรียวงามกรีดไปตามเส้นสายบรรเลงพิณตามที่ผู้เป็นเจ้าของตำหนักชี้แนะอย่างช้าๆ ด้วยความตั้งใจ ดวงหน้างามมีความจริงจังจนคิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากอิ่มเม้มจดจ่อร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ห่างออกมา ทอดสายตามองภาพที่คล้ายตนเคยฝันถึง ทว่าในเวลานั้นเทพธดาจันทราผิงเชี่ยนบรรเลงพิณได้ไพเราะยิ่ง ขณะที่เอินเอินไม่เคยแตะต้องมาก่อน เวลานี้หญิงสาวกำลังเรียนรู้ในสิ่งที่มารดากับท่านยายของเขาสอนสั่งเอินเอินต้องฝึกฝนตนให้เหมาะสมกับที่กำลังจะเป็นสตรีที่เคียงข้างทายาทสวรรค์ ด้วยอีกไม่นานองค์จักรพรรดิสวรรค์จะแต่งตั้งเทียนเหวินขึ้นเป็นรัชทายาท เนื่องจากชายหนุ่มอุทิศตนในหน้าที่ของตนมาตลอดหมื่นปีมานี้จนกระทั่งได้ตำแหน่งหนึ่งในแม่ทัพสวรรค์ นับว่าเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่ชายหนุ่มจะเข้าไปช่วยงานราชกิจของเทพสงครามกับองค์จักรพรรดิเต็มตัวและงานอภิเษกขององค์รัชทายาทก็จะตามมา แม้จะไม่เร็ววันนี้ก็ตาม เพราะเอินเอินสำเร็จเซียนขั้นสูงแล้ว หญิงสาวจึงฝึกหัดสิ่งที่สตรีชาววังสรรค์ต้องสามารถทำได้ไปพลางยืนมองจนพอใจแล้วเทียนเหวินก็ก้าวเข้าไปที่ศาลา และผู้
“ข้าต้องการเจ้า”ชุดบางลอยเหนือผิวน้ำแทบไม่ปกปิดร่างกายงดงาม เทียน เหวินเองก็ใส่เพียงกางเกงตัวเดียว สองเรือนกายแทบเปลือยเปล่า เมื่อโอบกอดเสียดสี ความรุ่มร้อนย่อมก่อเกิด แรงบดเคล้าจากตัวตนเบียดสะโพกอวบ มือกร้านกระด้างวนเวียนเหนือเกสรอ่อนบางทำเอาร่างอรชรอ่อนระทวยแทบทรงกายไม่ได้เพียงอึดใจต่อมาแรงแทรกลึกก็ล่วงล้ำอย่างรวดเร็ว เสียงหวานครางแผ่วอย่างหมดแรงต้านทาน จิตใจหญิงสาวหวั่นไหวไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระทึกกับสถานที่อันแปลกใหม่ ได้เพียงรับกายแกร่งไว้ยามอีกฝ่ายส่งตัวตนดุนดันแนบสะโพก สองมือหนาย้ายมาโอบตระกองปทุมถันคู่งามราวโอบร่างเล็กไว้กลายๆทว่ายิ่งเบียดเร้าหญิงสาวยิ่งขาอ่อนแรงจนตัวลอย ชายหนุ่มจึงกอดเอวเล็กไว้แล้วพาไปยืนชิดโขดหินก้อนใหญ่ ให้เจ้าตัวได้เกาะพยุงกาย ก่อนปลายนิ้วแกร่งจะกลับมาระรานเกสรดอกไม้แสนงาม บดขยี้พร้อมแรงรักจากสะโพกหนาภายในกายเอินเอินกำลังถูกพายุอารมณ์ร้อนแรงบ้าคลั่งพัดโหมอยู่ภายใน ความเสียวสยิวพุ่งสูงละลิ่วรวดเร็วจนกระตุกรุนแรงกะทันหัน“อื้อ”หญิงสาวครวญครางเสียงพร่าด้วยสุดจะทานทน เรือนร่างงามสั่นรัวพร้อมหอบหนัก เอนอิงพิงหลังกับแผ่นอกหนาขณะเดียวกันนั้นเทียนเหวินปลดชุ
สองร้อยปีในดินแดนมนุษย์ของเทียนเหวินกับเอินเอินผ่านไป ทว่าความหวานชื่นของคู่สามีภรรยากลับไม่ลดลง ทั้งสองดำรงชีวิตด้วยการลงไปขายของป่า และไม่ได้ต้องการทรัพย์สมบัติเงินทองมากไปกว่านี้ พอใจที่จะอยู่เพียงบนภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบแต่การที่ลงไปในตัวเมืองก็จำต้องพานพบผู้คน ในบางครั้งความงดงามของเอินเอินก็เป็นปัญหา เมื่อขายผักผลไม้ป่าตามลำพัง ในยามที่เทียนเหวินไปซื้ออาหารหรือข้าวของบางอย่างเพราะเขาไม่ต้องการให้นางลำบากดอกไม้งามย่อมมีภมรเข้ามาดอมดม เอินเอินก็ย่อมมีบุรุษเข้ามาเกี้ยวพา“แม่นาง เจ้าจะลำบากอยู่กับสามีที่ยากจนไปไย นายท่านของข้ายินดีรับเจ้าเป็นอนุ พาไปอยู่ในจวนอย่างสุขสบาย รับรองว่าเจ้าไม่ต้องนั่งตากแดดขายของป่าทั้งวันให้เหนื่อยยากเช่นนี้”“ใช่ นายท่านของพวกข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเครื่องประทินโฉม หรือชุดสวยงาม เจ้าเพียงแต่งเนื้อแต่งตัวให้งดงาม ยิ้มหวานรอปรนนิบัติพัดวียามนายท่านกลับมาที่จวนก็เพียงเท่านั้น”บางครั้งผู้ที่เข้ามาถามไถ่พูดคุยก็ไม่รู้ว่านางสามีแล้ว ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปนาน หากก็มีบ้างที่รู้แก่ใจ ทว่ายังไม่วายตามตอแย ภูเขาที่เทียนเหวินกับเอินเอิน
“ข้าอยากแตะต้องเจ้า”“สุดแล้วแต่ท่านต้องการ ข้าไม่ได้ห้าม”บอกแล้วเอินเอินก็กลับมาจูบซ้ำเหนือริมฝีปากได้รูป ครั้งนี้ปลายลิ้นเล็กไล้เย้ายวนตามมาด้วย แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมต้องเปิดรับหญิงสาว ทั้งสองรวบรัดเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือหนาเริ่มเคลื่อนไล้ไปตามเนื้อตัวหญิงสาว สัดส่วนงดงามกับผิวเนียนน่าสัมผัสทำให้เขาไม่อาจอยู่นิ่งได้ฝ่ามือกระด้างไต่ข้างเอวบางกับสะโพกอวบ ส่วนอีกข้างเคล้าคลึงหน้าอกหน้าใจนุ่มหยุ่น เอินเอินเริ่มกายอ่อยระทวยกับความเร่าร้อนที่ตนเป็นฝ่ายจุดชนวน และชายหนุ่มสานต่ออย่างเร้าใจ หญิงสาวทรุดกายลงช้าๆ พร้อมมือบางก็ลูบไล้แผงอกหนาขณะริมฝีปากอิ่มขยับลงจูบคางแกร่ง แตะแผ่วไซ้ลำคอหนาและได้ยินเสียงเครางเข้มในลำคอเทียนเหวินปลายนิ้วเรียวเกลี่ยสะกดเหนือยอดอกที่แข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ขณะที่เขายังบีบเคล้นหน้าอกตน มือบางอีกข้างวางยันต้นขาแกร่งเพื่อพยุงกาย โดยลืมคิดไปว่านั่นเป็นการกระทำสุดล่อแหลม ยิ่งทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ถอนหายใจแรง ทว่าที่ทำเอาเขาต้องครางเสียงเข้มต่ำก็เพราะริมฝีปากนิ่มจูบเม้มยอดอกสีเข้ม“อืม”เหมือนเอินเอินจะค่อยๆ รับรู้ได้ว่าตนต้องทำอย่างไรให้ชายหนุ่มพ
หลังจากช่วยกันขนย้ายข้าวของมายังกระท่อม โดยที่เทียน เหวินยกของหนักเสียเป็นส่วนใหญ่จนเสร็จ ทั้งยังใจดีตักน้ำมาให้เอินเอินอาบในส่วนที่เขาล้อมไม้ไผ่กั้นแบ่งด้านหลัง แม้นางจะเกรงใจบอกว่าไปอาบที่น้ำตกเช่นเดิมได้ หากชายหนุ่มก็ยืนยัน“ข้าตั้งใจทำไว้ให้เจ้า...”ใบหน้าขาวคมขยับมาใกล้พร้อมส่งสายตาวาววามพร้อมเอ่ยเสียงกระเส่าทำเอาใจสาวหวิว“กับข้าลงอาบในถังด้วยกัน”หลังปลายนิ้วแกร่งไล้แก้มนวล ทว่าสีหน้าแววตากลับเปลี่ยนไปเป็นแสนเสียดายแทน“แต่วันนี้เจ้าอาบคนเดียวเถิด ข้ายังต้องไปหาอาหารด้วย คงอาบจากที่น้ำตกมาเลย”เพราะวันนี้ค่อนข้างวุ่นวาย เร่งมือสร้างกระท่อมเสร็จ พาเอินเอินมาที่นี่แล้วก็ขนของ ชายหนุ่มจึงยังไม่ได้จัดการเรื่องอาหารเย็น“ลำบากท่านแล้ว หรือข้าไปช่วยท่านดีกว่า”“อย่าเลย เจ้าเหนื่อยขนของขึ้นลงทางลาดชันหลายรอบแล้ว อาบน้ำพักให้สบายใจเถิด”“ท่านเหนื่อยกว่าข้าเสียอีก”“เถิดน่า หากข้าอยู่ด้วยเจ้าคงไม่ได้อาบน้ำเสร็จง่ายๆ”สุดท้ายเอินเอินก็เชื่อฟัง เพราะหาคำมาแย้งไม่ได้ จำต้องพยักหน้ารับอย่างเขินอายค่ำคืนมาเยือนหลังจากทานอาหารมื้อเย็น เทียนเหวินก็นอนเอนกายรับลมเย็นที่ระเบียง สองมือยกขึ้นรองใ