เข้าสู่ระบบบทที่4.ล่อเสือเข้าถ้ำ
กาสะลองชะงักกึก เธอเสียจังหวะไปชั่วประเดี๋ยว เมื่อถูกสายตาคมดุของชายหนุ่มโลมเลีย ผิวกายเธอสั่นกระตุก สะท้านเยือกไปทั้งตัว จึงหลุบเปลือกตาลง พยายามเต้นให้ดีที่สุด เพื่อบรรลุถึงเป้าหมาย ดวงตาหวานเยิ้มทิ้งสายตาตามถ้วงทำนอง เดินนวยนาดตามจังหวะดนตรี แต่ไม่วายทิ้งสายตาให้ชายหนุ่มอย่างมีจุดหมาย
“แกๆ เสือติดกับแล้ว” แก้วกุดั่นและเพรียืนลุ้นอยู่ข้างฟลอร์ สองสาวตื่นเต้นแทนกาสะลอง เมื่อชายหนุ่มสลัดคนข้างกายอย่างไม่ใยดี เขาก้าวมาจนชิดขอบฟลอร์ พร้อมทั้งจ้องเพื่อนสาวอย่างไม่วางตา
“อืม ดูๆ ยัยลิซ่าตามมาติดๆ จะเสียเรื่องไหมนี่หะ?” เพรีบ่นอุบเมื่อสาวโสภาเกาะติดชายหนุ่มเป้าหมายไม่ยอมห่าง
“ดูต่อไปมะลิ ไม่มีใครหลุดจากแผนของเราหรอก ดูตาคุณเปรมของดอกปีบก็รู้”
“ใช่ผู้ชายเจ้าชู้มักหลงกลกับแผนตื้นๆ”
“อืม! ดูต่อไปว่าพ่อเจ้าประคุณจะหาทางเข้ามาหาดอกปีบยังไง”
สองสาวตบมือรัวๆ ให้เพื่อนรัก เมื่อเสียงเพลงกระชากอารมณ์จบลงพร้อมเสียงเป่าปากและเสียงชื่นชมอยู่รอบตัว กาสะลองยิ้มสดใส เดินออกจากกลางฟลอร์ที่คนยืนมุงขยับเปิดพื้นที่ให้
“ตื่นเต้นชะมัดเลยแก้ว มะลิ” เสียงสั่นๆ ของกาสะลองพูดบอก
“แกทำดีมากดอกปีบ วันนี้แกสวยสุดๆ ถ้าแก้วเป็นผู้ชายคงตกหลุมรักดอกปีบไปแล้วล่ะ”
“ใช่ๆ มะลิด้วย” สามสาวพากันเดินกลับไปที่ชั้นของตัวเอง โดยมีสายตานับสิบคู่ของบรรดาชายหนุ่มมองตาม และหาโอกาสจะเข้าไปสานสัมพันธ์
“คุณเปรมของแกนี่สุดยอดเลยดอกปีบ ขนาดมีหญิงหนีบติดมาด้วยยังไม่เห็นจะแคร์”
“คุณเปรมไม่ใช่ของดอกปีบจ้ะแก้ว เธอเป็นหลานคุณท่าน มีศักดิ์เป็นเจ้านายของดอกปีบ” กาสะลองกล่าวแก้เสียงอ่อนๆ
“โธ่ๆ มันก็เหมือนกันนั่นล่ะดอกปีบ”
“ไม่เหมือนจ้ะ ดอกปีบเป็นแค่ลูกจ้าง แค่เด็กในบ้านไม่คิดจะทำตัวเสมอท่านหรอก”
“แก้วขอโทษที่พูดผิด หลานท่านก็หลานท่าน”
“แก้วๆ ยัยลิซ่าลากคุณเปรมหายไปทางนู้นแล้วเอาไงต่อดี”
“รอมะลิ! รอไม่นานหรอก” แก้วกุดั่นพูดด้วยเสียงที่มั่นใจ
ช่วงเวลารอคอย สามสาวพูดคุยกันอย่างสนุกโดยมีหนุ่มๆ แวะเวียนเข้ามาทักทายตลอด แต่เป้าหมายที่รอคอยยังเงียบเฉย แก้วกุดั่นชำเลืองมองไปยังโซนVIPของเขาบ่อยๆ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า จึงเผลอตัวบ่นพึมพำออกมา
“ผิดพลาดตรงไหนนะ ทำไมเหยื่อไม่ติดกับ?”
“นั่นสิ มะลิว่าดอกปีบทำได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้เสียอีก”
“คุณเปรมเธอมากับลลิตา คงไม่มีสายตาไปมองใครหรอกมั้ง” กาสะลองแก้ตัวเสียงอ่อยๆ
“ใครสนยัยหน้าพลาสติกนั่นกะโง่เต็มทีล่ะ ดูไม่ออกหรือไงว่าแม่นั่นโมดิฟายมาทั้งหน้า”
“แต่ดอกปีบก็เห็นลลิตาก็มีคนสนใจอยู่ตลอดนะ”
“มันก็จริง แต่มีใครคบยัยนั่นเกินสามเดือนไหมล่ะ”
“อย่าไปว่าเขาเลย ดึกแล้วกลับกันเถอะ ดอกปีบหายมานานแบบนี้ เป็นห่วงคุณท่าน ไม่สำเร็จก็ช่างมันเถอะ”
“ได้ไง ลงแรงมาตั้งครึ่งค่อนแล้ว รออีกหน่อยน่า นะๆ เดี๋ยวแก้วไปส่งถึงตีนบันไดบ้านเลย”
“ก็ได้ ดอกปีบขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ แก้วไปด้วยไหม?”
“ไปเถอะๆ ให้มะลิไปเป็นเพื่อนหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ต้องก็ได้ แค่นี้เอง” กาสะลองปฏิเสธ เมื่อเพื่อนรักทั้งสองกำลังจับตามองไปยังโซนของชายหนุ่มเป้าหมาย
หญิงสาวผ่อนลมออกจากปอดแผ่วๆ หนักใจตัวเองที่ไม่สามารถหาวิธีชักจูงชายหนุ่มกลับไปหาญาติผู้ใหญ่ได้สำเร็จ เสน่ห์ที่เธอมีคงไม่มากพอที่จะรั้งชายหนุ่มไว้ได้ เมื่อข้างตัวของเขาไม่เคยร้างราผู้หญิงสะคราญโฉม
“แก้วคิดผิดแล้วที่ให้ดอกปีบใช้วิธีนี้! คุณเปรมเธอคงไม่หวั่นไหวกับเด็กกะโปโลแบบดอกปีบหรอกจ้ะ” หญิงสาวล้างมือหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ รองเท้าส้นสูงสีแดงแปร๋น ตัดกับชุดสีขาวมุกบนตัว เป็นความต่างที่เหมาะสม เธอเดินออกจากห้องน้ำช้าๆ ตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง แต่แล้ว...ก็เกิดสิ่งที่ไม่ได้คาดไว้ มีใครบางคนคุกคามเธอ มือร้อนผ่าวนั่น...เอื้อมมาฉุดเธอไว้ ตอนที่เดินผ่านที่นั่งของชายหนุ่มเป้าหมาย ร่างอวบอุ่นถลาลงไปก่ายเกยอยู่บนหน้าตักแกร่งเข้าพอดีเหมือนจับวางกาสะลองยกมือเรียวขึ้น พยายามดันตัวออกห่างและร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ด้วยความตกใจ
“ปล่อยๆ ปล่อยนะ ดอกปีบร้องให้คนช่วยจริงๆ ถ้าคุณคิดจะทำอะไรทุเรศๆ” เสียงหวานตวาดเสียงสั่นๆ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ พร้อมทั้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยคนสวย คุณกังวลเกินเหตุไปแล้วล่ะ” เสียงทุ้มๆ คุ้นหูกาสะลองจึงลืมตาขึ้นมอง...ก่อนจะตกตะลึง
ดวงตาพราวระยับตรงหน้า กับวงหน้าที่คุ้นชินทำให้หญิงสาวหยุดดิ้นโดยปริยาย
“คุณสวยกว่าที่ผมคิดไว้อีก เมื่อมองใกล้ๆ ขนาดนี้” เสียงแหบพร่าชิดกลีบปากหวานฉ่ำ ตอนที่ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปชิด เรียวปากร้อนชื่นทาบทับเบียดบดกลีบปากที่เผยออ้าแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ปลายลิ้นสากหนาบุกทะลวงไปข้างหน้าไม่เปิดโอกาสให้สาวเจ้าได้ตั้งตัวทัน ปลายลิ้นร้อนชื้นตะลุยลุกไล่เรียวลิ้นเล็กๆ ที่กระถดตัวหนีหัวซุกหัวซุน เขาดูดซับความหวานละไมด้วยความชื่นชม เสียงครางแผ่วๆ ที่ลอดออกมาจากปากที่ประกบกันแน่นจนไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเป็นเสียงของใคร? ชายหนุ่มเสือกปลายลิ้นเลาะเล็มตามอุ้งปากหวานหอม ดูดดื่มความหวามหวานอย่างพึงพอใจ อุ้งมือร้อนผ่าวขยับลูบไล้ตลอดสีข้างของหญิงสาวในอ้อมกอด จนกระทั่งไปหยุดอยู่ใต้ฐานอกอวบอิ่ม ปลายนิ้วสะกิดตุ่มไตบนยอดอก บีบบี้ขยี้ขยำเนินทรวงอย่างเร้าอารมณ์ นำพาความสุขสันต์ซาบซ่านที่กาสะลองไม่เคยพบเจอ ลำคอเรียวถูกปลายลิ้นสากๆ ไล้เลียเมื่อชายหนุ่มผละออกมาจากกลีบปากหวานละไมที่ดื่มชิมจนสมใจ ริมฝีปากแกร่งเม้มแผ่วๆ ตามผิวอ่อนบางจนหญิงสาวในอ้อมกอดสะท้านเยือกเพราะความไม่คุ้นชิน จนลืมขืนตัว
“กรี้ด!”
“ขา...” เสียงรับคำหวานเชื่อม“คืนนี้ทะเลสวย พระจันทร์ก็สวย แต่สองสิ่งนี้สู้คุณไม่ได้เลยสักนิดเดียว” เสียงกระซิบแผ่วพร่าบอกความรู้สึกจากข้างในกาสะลองสะเทิ้นสะท้าน รับฟังคำพูดที่กระซิบบอกด้วยความปลื้มปริ่ม หัวใจในอกด้านซ้ายพองฟูจนเกือบจะทะลุออกมาให้เขาได้เห็นว่าตัวเธอเองยินดีปรีดากับน้ำคำที่เขาพร่ำละเมอขนาดไหนชายหนุ่มช้อนอุ้มเรือนกายอ่อนระทวยขึ้นสู่วงแขน เดินดุ่มๆ กลับที่พักด้านหลัง ทิ้งทั้งหมดไว้ที่ชายหาดเพราะร่างกายเกิดประจุไฟฟ้าจนเกือบจะรัดวงจร แผงอกหนากระเพื่อมด้วยแรงหอบหายใจ ดวงตาคมดุเปล่งประกายหยาดเยิ้ม ทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์และพลังงานบางอย่างที่ตีกระเตื้องมาจาช่วงล่างของลำตัว ประตูห้องพักเปิดอ้าชายหนุ่มใช้เท้าเตะให้ปิดลงอย่างไม่ใส่ใจ เดินย่างสามขุมท่ามกลางแสงพระจันทร์ที่ส่องนำเป็นทางเป็นเงาสลัวๆ เลือนราง ผิวที่นอนเย็นเยียบ จนกาสะลองผวาสะท้าน เมื่อเปรมบรรจงวางร่างกายอ่อนบางบนที่นอนหนา แสงจันทร์กระจ่างทอดยาวผ่านช่องหน้าต่าง กระทบกับร่างเปลือยเปล่าที่คลุกเคล้าแอ่นตัวเข้าหากัน เสียงลมหายใจหอบโยนดังประสานกับเสียงครางแผ่วๆ ประกอบกับเสียงกุกก
บทที่14.คืนหวานก่อนพายุ“สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตแม้จะหม่นมัวเพียงใด แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ถ้าเราไม่ยอมปล่อยมันไปเราจะพลาดโอกาสที่จะรับสิ่งดีๆ เขามาในชีวิต เราไม่ควรไปยึดติดกับอดีตปล่อยวางมันลงเสียบ้างแค่นี้เราก็จะสบายใจ” เสียงแม่ดังสะท้อนก้องอยู่ในหู ขณะที่เปรมเดินทอดน่องเอื่อยๆ ลงมาจากตัวบ้านพักในรีสอร์ทริมหาดทราย หลังจากขอคำปรึกษาจากพิทีเซีย เขาสบายใจมากขึ้น แม้จะยังสับสนกับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจตัวเอง รอยยิ้มอ่อนเชื่อมส่งให้กาสะลอง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาจากเตาไฟ กลิ่นปลาหมึกย่างลอยฟุ้งยั่วน้ำลายให้สอ ท้องไส้ปั่นป่วนร้องโครกคราก เพราะไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะมัวแต่เย้าหยอกกาสะลอง สลับกับคอยดูแลคุณหญิงประกาย หลังจากปล่อยวางความชิงชังในหัวใจ เปรมรู้สึกว่าร่างกายเบาบางขึ้นกว่าเดิม ตามความจริง...ต้องขอบคุณคุณหญิงประกายด้วยซ้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นในวันนี้เปรมคงไม่ได้เดินอยู่บนถนนนักธุรกิจได้อย่างเต็มภาคภูมิ ความคับแค้นในอดีตผลักดันให้ชายหนุ่มมีความมานะอดทน เขาสามารถสร้างฐานะด้วยสองมือตัวเองโดยไม
“ใช้ใจสัมผัสดูสิลูก ว่าตัวลูกต้องการอะไร แม่ไม่เคยสอนให้ลูกเกลียดพวกเขานี่ เราสามารถยืนด้วยกำลังของเราเอง เป็นความภาคภูมิที่คุณตาปลื้มจนสามารถคุยฟุ้งได้ นี่คือความสามารถของเราโดยที่เขาได้แต่มอง” พิทีเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ปลอบประโลมเปรมด้วยความรักทั้งหมดที่มี“ครับแม่ผมจะลองพยายามดู”“ดีมากเจนาส วันที่ลูกทำสำเร็จ ความสุขจะโถมเข้าใส่จนลูกแทบจะสำลักตาย” พิทีเซียพูดเสียงกลั้วหัวเราะ“แม่ครับผม…”“มีอีกรึ เอ... พักนี้ลูกมีปัญหาเยอะนะ” พิทีเซียท้วงเสียงนิ่มๆ“ผมกำลังสับสน ผมไม่เข้าใจตัวเองครับ ครั้งแรกที่ผมยอมเข้าใกล้คนพวกนี้เพราะมีบางสิ่งจูงใจ เวลานี้ผม! ผมกำลังไม่เข้าใจตัวเองครับแม่ หรือว่าผมอ่อนแอ ถึงได้รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น”“มีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนใช่ไหมเจนาส ลูกถึงได้ถามแม่แบบนี้”“ครับ”“อืม... เอาไงดีลูกสับสนตรงไหน แม่จะได้ทำความเข้าใจกับมันถูก” พิทีเซียวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะทำงาน พิงบั้นท้ายกับขอบโต๊ะปักห
“คนบ้า คนหื่น” เธอกระซิบเบาๆ ต่อว่าผู้ชายหน้าด้าน ด้านหลังที่หลังจากปล้นจูบจนพอใจ เขาก็ถอยหลังกลับไปนั่งรออาหารเช้า ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่แววตาพราวระยับ“เร็วๆ หน่อยทูนหัว เดี๋ยวผมเปลี่ยนใจไม่กินข้าว มากินคุณแทนจะเดือดร้อนนะเออ” เสียงเร่งเร้าด้านหลัง ทำให้หัวใจสาวเต้นระส่ำมากขึ้น แม้จะขัดอกขัดใจ แต่ดวงตาหวานก็กระจ่างใสแอบอมยิ้มเต็มมุมปาก“กึก!” ชามข้าวต้มชามใหญ่เบิ้ม ถูกกระแทกวางบนโต๊ะ โดยที่คนถือมาปั้นใบหน้าบึ้งตึง“ผมรู้นะว่าคุณชอบจูบผม ยอมรับมาดีๆ ดอกปีบ อย่าให้ผมเค้นเอาเอง” เปรมเอื้อมมือคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่กาสะลองจะหลบหนี“ข้าวต้มชามสุดท้ายค่ะ ถ้าคุณเปรมไม่รีบทานเสียก่อน คุณจะต้องรับกาแฟแก้วเดียวเป็นอาหารมื้อเช้า” มือเล็กๆ ไล่แกะปลายนิ้วแข็งแรงที่จับยึดไว้แน่น พูดเสียงกระเส่า ก้มใบหน้าหลบปลายจมูกร้อนๆ ที่พยายามจะฝังบนผิวแก้ม“ผมทานข้าวเก็บแรงเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะถึงยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นหรอก คืนนี้หลังคุณย่านอนหลับ ผมจะฟัดคุณยันเช้า โทษฐานให้ผมนอนหนาวมาหลายคืน เปลี
บทที่13.สายตาที่เปลี่ยนไปนับจากวันนั้นเป็นต้นมาเปรมมองกาสะลองด้วยสายตาแตกต่างกว่าเดิม หญิงสาวยังคงสงบปากสงบคำเหมือนเคย ที่เปลี่ยนไปคือสายตาที่เจือกระแสแห่งความหวานที่ชายหนุ่มรู้สึกได้ สายตาตัดพ้อจางหายไป มีกระแสบางอย่างโยงใยกันและกันเอาไว้ มันกระชับแน่นเกี่ยวรัดเอาไว้ด้วยหัวใจสองดวง เปรมเริ่มปล่อยวางความรู้สึกโกรธเกลียดญาติทางฝั่งพ่อ กับคุณหญิงประกายชายหนุ่มเริ่มมองหญิงชราในแง่มุมที่ตัวเองไม่แม้จะคิด ในสังคมมีหน้ามีตา มันคงเป็นความจำเป็นที่จะต้องรักษาเอาไว้ เมื่อบิดาและมารดาทำไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก เปรมจึงพยายามทำใจให้ยอมรับคุณหญิงประกายมากขึ้นกว่าเดิมวันหยุดพักผ่อนครั้งแรกในรอบสิบปี เขาพาคุณหญิงประกายและกาสะลองไปนอนพักกินลมทะเลที่ริมชายหาดระยอง ‘หาดทรายทอง’ ความสงบเงียบ กลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ปะปนมาในอากาศ สายลมหอบกลิ่นไอหอมหวานมากระทบลำตัว คุณหญิงประกายสดชื่นขึ้นทันตาเห็น ไม่ใช่เพราะอากาศเปลี่ยนไป แต่เพราะหลานชายเริ่มเปิดรับคนอื่นๆ มากขึ้น รอยยิ้มกระจ่างใส กระจายอยู่เต็มหน่วยตาฝ้
“คุณท่าน!”“นะดอกปีบ อดทนเพื่อฉัน ฝากดูแลเขาแทนฉันที”“คุณท่าน! ดอกปีบ...เอ่อ ดอกปีบ” กาสะลองก้มใบหน้าหลบสายตาผู้สูงวัย“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเปรม แต่อยากขอร้อง? เปรมแข็งกระด้างเพราะเขาขาดความรัก เขาดำรงอยู่ด้วยการใช้ความผิดหวังและความเกลียดเป็นตัวผลักดัน เขาจึงปิดบังตัวตนเอาไว้จากทุกคน คนที่เดินเคียงข้างเปรมต้องอดทนจนกว่าเขาจะกะเทาะเปลือกออกมาได้เอง นึกว่าทำเพื่อฉันได้ไหมดอกปีบ ครั้งสุดท้ายเพื่อผู้หญิงแก่ๆ ที่อยากไถ่โทษคนนี้”“คุณท่าน! ได้ค่ะดอกปีบรับปาก วันใดที่คุณเปรมไม่ต้องการดอกปีบถึงจะไป”“ขอบใจ! ขอบใจจริงๆ” มือเหี่ยวย่นบีบกระชับแน่น รอยยิ้มแต้มเต็มใบหน้า ถึงแม้จะเหนื่อยล้าก็ยังยินดีกาสะลองป้อนข้าวป้อนยา ดูแลคุณหญิงจนกระทั่งหลับไปอีกเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป ดวงตากลมโตมองร่างผายผอมด้วยความเศร้าสลด“ดอกปีบ คุณหญิงหลับไปแล้วรึ” เปรมกระซิบถามเบาๆ“ค่ะ” กาสะลองรับคำเสียงแผ่ว หมุนตัวกลับมามองชายหนุ่มด้านหลัง&







