ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
ชีวาพรเปิดประตูห้องด้วยมือสั่นเทา เธอไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง คิดไว้ว่าเมื่อเปิดประตูได้ เธอจะรีบพาลูกเข้าไปข้างใน แล้วล็อกประตูเสียหากเธอทำได้เพียงแค่คิด เพราะเมื่อเธอปลดล็อกกุญแจ มือแข็งแรงก็ยื่นมาจากด้านหลัง แล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้างเสียเองชีวาพรถูกบังคับให้เดินเข้าไปในห้อง หากเธอพยายามรวบรวมความกล้า หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา“ออกไป”ออกปากไล่ทั้งที่กลัวเขาจับใจ ชีวาพรไม่รู้ว่าธีทัตตามเธอมาทำไม แม้เธอบอกว่ามีคนอื่นพักอยู่ในห้องด้วย แต่เขาก็ยังตามเข้ามา“ลูกของใคร”“คุณถามอะไร”“เด็กคนนี้...เป็นลูกของใคร”เสียงของธีทัตสั่นพร่า ชีวาพรดูออกว่าเขาพยายามทำให้มันปกติ แต่เขาทำได้ไม่แนบเนียนสักนิด“ลูกเป็นลูกของกวางกับคนที่ช่วยกวางเลี้ยงแกมา...ไม่เกี่ยวกับคุณธีร์”ชีวาพรไม่ได้โกหก เธอเป็นแม่ ส่วนนิสาเป็นแม่ทูนหัว น้องพร้อมจึงเป็นลูกของเธอกับเพื่อนของเธอเท่านั้น เธอจะไม่ยอมให้ธีทัตเข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกอย่างเด็ดขาด“ไหนล่ะ คนที่ช่วยกวางเลี้ยงล
ธีทัตไม่รู้ว่าชีวาพรกำลังทำอะไร เขาได้ยินเพียงเสียงกุกกักดังมาจากห้องครัว ส่วนเจ้าตัวกลมที่ทำท่าเหมือนหิวจนกินกำปั้นของตัวเองได้นั้น ในเวลานี้กลับสงบ ยืนเกาะขอบคอกกั้นแล้วมองเขาตาแป๋ว“สวัสดี นายชื่ออะไร”เมื่อคนเป็นแม่ไม่อยู่ เหลือแต่เจ้าตัวกลม เขาจึงชวนเจ้าตัวคุย ซึ่งไม่ผิดหวัง เด็กน้อยตอบรับโดยไว แถมด้วยน้ำลายที่ไหลย้อยถึงคางกลมๆ“แอ...แอ๊...แอ๊...”“นายยังพูดไม่ได้เหรอ แต่นายไม่ถึงหนึ่งขวบนี่นา สงสัยยังเดินไม่ได้ด้วย”“เอิ๊กๆ”ถูกเผงเลย...ถ้าเจ้าตัวกลมพูดได้คงตอบเขาเช่นนี้ ธีทัตหัวเราะ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อยที่กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่เขา ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กทุยที่มีผมสีดำปกคลุม แล้วเพ่งมองดวงหน้าเล็กกลม...เมื่อมองมากเข้า เขาก็รู้สึกหายใจติดขัดเสียดื้อๆมือหนายื่นไปจับปลายคางมน เด็กตัวกลมไม่ถอยหนี ไม่กลัวเขา มันทำให้เขารู้สึกทึ่ง เพราะเขายังติดภาพจำมาจากหลานสาว...กว่าฟ้าใสจะยอมให้ลุงธีร์เข้าใกล้ เขาต้องรอจนหลานอายุเกือบครบหนึ่งขวบ ทั้งที่เขาเห็นฟ้าใสมาตั้
“กล้องวงจรปิดที่บ้านของกวาง กวางพาลูกไปที่บ้าน กวางพูดกับกล้องว่ากวางพาลูกชายไปเดินเล่น เพราะลูกชอบสนามหญ้ากับต้นไม้ใหญ่”ธีทัตไม่มีทางเดาสุ่ม เพราะเขายกคำพูดของเธอมาทั้งดุ้นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เธอตั้งใจบอกเจ้าของบ้านคนใหม่อย่างนั้นจริงๆ เพราะต้องการให้รู้ว่าเธอไม่มีเจตนาร้ายในการเข้าไปในบ้าน“พี่ซื้อบ้านจากคุณพ่อของกวางเก็บไว้เอง”ชีวาพรครางอยู่ในใจ...นึกอยู่แล้วเชียวว่าทำไมธีทัตถึงรู้เรื่องของเธอได้ละเอียดขนาดนี้“งั้นกวางขอโทษคุณที่บุกรุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นค่ะ”“เราเป็นผัวเมียกัน พี่ซื้อบ้านไว้ มันก็จะกลายเป็นบ้านของเรา”ในขณะที่ชีวาพรพยายามถอยห่างไปตั้งหลัก แต่เขากลับโยนบ่วงมาคล้องเธอ แล้วกระชากให้เธอกลับไป...เขาสนุกกับเกมนี้นักหรือไง“บ้านเป็นของคุณแล้วค่ะ คุณใช้เงินของคุณซื้อมา กวางกับลูกไม่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนั้น”“พี่เปิดประตูรั้วเล็กเอาไว้ตั้งแต่วันนั้น เผื่อกวางจะพาลูกเข้าไปเดินเล่นในบ้านอีก แต่กวางก็ไม่ได้พาลูกไป”หญิงสาวกลอกตามองเพดาน...ดูเขาทำสิ
“อย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อของแท้เลย”“ทำไม เขาก็เลี้ยงลูกดี”“เพราะพ่อจะปั้นลูกให้เป็นซุปต้าร์น่ะสิ ไม่ต้องสงสัยเลย ตอนนี้ธีร์เข้าชมรมคนเห่อลูกเรียบร้อยแล้ว”แพทริเซียพูดกับสามีในขณะนั่งดูคลิปผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คลิปนี้ปรากฏขึ้นบนไอจีของธีทัต ส่วนรูปถ่ายจำนวนมากนั้นอยู่ในเพจของราชเวคิน กรุ๊ป“พวกเขาน่าจะกลับมาคืนดีกันแล้ว”“แพทรู้มาว่าพวกเขาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว ก็บ้านเดิมของคุณกวางนั่นแหละ เห็นผู้จัดการบอกว่าคุณธีร์ไปส่งคุณกวางที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ”“ดีนะ โรงแรมของเราได้ยกระดับไปในตัว เพราะลูกสะใภ้ของราชเวคินมาทำงานด้วย”“นั่นสิ ตอนแรกแพทไม่ได้คิดอะไร มองแค่ว่าคุณป๊อบช่วยคุณกวางให้มีงานทำ เพราะคุณกวางต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แต่พอรู้ว่าคุณกวางมีความสามารถด้านภาษาในระดับดี ได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน แถมภาษาสเปนอีกนิดหน่อย แพทก็คิดว่าถ้าหลุดไปคงจะเสียดายมาก เพราะโรงแรมสาขานี้ไม่มีพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านภาษาเลย ตอนนี้กลายเป็นเราได้โบนัสเพราะรับพนักงานที่ชื่อชีวาพรเข้า
น้องพร้อมอายุครบหนึ่งขวบ เด็กชายได้ตัดเค้กวันเกิดอีกรอบไปเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเดินได้คล่องมากขึ้น แถมยังขยันทำท่าทางตลกให้คนทั้งบ้านได้หัวเราะถึงแม้ธีทัตยังมองไม่เห็นจุดบรรจบของความสัมพันธ์แบบผัวเมียกับชีวาพร แต่ในฐานะพ่อของลูก...เขาทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าทุ่มเทสุดตัว“วันนี้พ่อต้องไปทำงาน น้องพร้อมจะไปกับพ่อไหมครับ”“คุณพาลูกไปได้หรือคะ”“หนูตอบคุณแม่ไปสิครับว่าได้แน่นอน ตอนนี้หนูโตเป็นหนุ่มแล้ว ไม่ใช่เด็กทารกแล้วนะ ดูสิ หนูมีฟันขึ้นตั้งหลายซี่ แถมยังเดินได้คล่องอีกด้วย ไหน! น้องพร้อมเดินโชว์ให้คุณแม่ดูหน่อยสิครับ”เมื่อคุณพ่อทำเสียงเล็กเสียงน้อยกับตัวเอง น้องพร้อมก็ยิ้มร่าเริงเป็นเชิงตอบรับ สองมือป้อมยันพื้นเอาไว้ แล้วยกก้นโด่งขึ้น กระทั่งท่อนขาสั้นป้อมยืนได้อย่างมั่นคง เจ้าตัวน้อยก็ออกเดินหัวซุนไปหาแม่ชีวาพรยิ้มกับความน่ารักของลูก เธอยกเจ้าร่างป้อมขึ้นมาอุ้มและหอมแก้มนุ่มๆ นั้นอย่างแสนรัก“เป็นไงครับ ผมโตพอที่จะไปทำงานกับคุณพ่อได้หรือยัง”น้องพร้อมออกอากา
“เมื่อไรกวางจะกลับไปอยู่ที่บ้านราชเวคิน”คนที่ตามเข้ามาป้วนเปี้ยนถึงในห้องครัวถามขึ้นมา วันนี้เขาไปรับเธอกลับมาจากที่ทำงาน หลังจากที่เมื่อเช้าเขาเซ้าซี้เพื่อไปส่งเธอรอบหนึ่งแล้ว...“อยู่บ้านหลังนี้ก็สบายอยู่แล้วนี่คะ หรือว่าคุณธีร์อึดอัด คุณกลับไปบ้านโน้นบ้างก็ได้ คุณมานอนค้างคืนอยู่ที่นี่บ่อยเกินไป”“ใครสอนให้พูดอย่างนี้”ธีทัตเคาะหน้าผากเมียเป็นการทำโทษ หญิงสาวปัดมือหนาออก เธอทำหน้ามุ่ยได้อย่างน่ารัก จนเขารู้สึกมันเขี้ยว...นึกอยากจับเมียมาทำโทษด้วยการจูบปากเสียให้เข็ดคนตัวโตมองหญิงสาวที่ง่วนอยู่หน้าเตาตาปรอย อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เขาไม่อาจแตะแม้กระทั่งปลายนิ้วของเธอ ทั้งที่ข้างในกายรุ่มร้อน โหยหาเมียเหลือเกิน...ชะรอยดวงตาของเขาคงสื่อความรู้สึกให้เธอรู้ ตะหลิวในมือจึงถูกเงื้อขึ้นมาขู่ จนเขาต้องกระแอมในลำคอ แล้วบอกเธอเสียงอ่อน“พี่ไม่ได้อึดอัดที่จะอยู่ที่นี่หรอก พี่อยู่ที่ไหนก็ได้ที่กวางกับน้องพร้อมอยู่ พี่แค่อยากให้กวางได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่มากกว่านี้”“บ้านหลังนี้ไม่ควรอยู่หรือคะ?
ในช่วงเวลาบ่ายใกล้เย็นของวันนั้น รถคันสีครีมคุ้นตาแล่นเข้ามาในบ้าน ชีวาพรยืนมองด้วยความสงสัยว่ามันเป็นรถของใครกัน กระทั่งได้เห็นรถคันนั้นอย่างชัดตา เธอจึงหันไปมองธีทัตด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“รถของกวาง...พี่ให้คนขับรถที่บ้านโน้นเอามาคืนให้ รถคันนี้พี่ซื้อให้กวาง ในช่วงที่กวางไม่อยู่ คนขับรถดูแลรถเป็นอย่างดี เช็กสภาพรถไว้ตลอด และไม่ได้ให้ใครใช้รถคันนี้ด้วย ตอนนี้รถติดคาร์ซีตแล้ว กวางจะได้ขับรถพาน้องพร้อมออกไปข้างนอกได้”“คุณเป็นบ้าไปแล้ว คุณทำอะไรของคุณ”“นั่นสิ พี่ทำอะไรของพี่”ธีทัตยิ้มขื่น เมื่อย้อนนึกถึงพฤติกรรมของตัวเอง เขาคงเป็นบ้าตามที่ชีวาพรพูดจริงๆ เขาทำเหมือนชีวาพรยังอยู่กับเขา ทั้งที่เป็นตัวเขาเองที่บอกให้เธอไปหลังจากครบกำหนดที่ทั้งสองคนเคยตกลงว่าจะหย่าจากกันตลอดหนึ่งปีกว่าที่ชีวาพรไม่อยู่กับเขา เขาไม่ได้ออกตามหาเธอ แต่ทุกขณะจิตเขายังคิดว่าตัวเองมีภรรยาแล้ว แม้ภายนอกใครจะมองว่าเขากลับมาเป็นโสดก็ตาม เขาใช้ชีวิตแบบคนโง่ไปวันๆ คนโง่ที่รู้ใจตัวเองแต่แบกอีโก้ไว้สูงเกินไป เขาทำให้เรื่องมันแย่ไปเสียหมด สุดท้ายเขาถ
“จะเป็นไรไปล่ะ”แค่เพียงวางน้องพร้อมลงบนโต๊ะ เจ้าตัวก็โผนไปหาเค้กแฟนซีที่เป็นตุ๊กตาหมีอยู่บนหน้าเค้กในทันที สองมือน้อยๆ คว้าหมับไปที่หน้าเค้ก ซึ่งแน่นอน...มันเละคามือป้อมๆน้องพร้อมออกอาการงุนงง ทำไมลูกหมีที่ประดับอยู่บนเค้กถึงได้เละคามือ เจ้าตัวน้อยยกมือที่เลอะครีมขึ้นมาดู ฉับพลันดวงหน้ากลมก็บิดเบ้“ไม่เป็นไรนะครับ มันเป็นเค้กวันเกิดของหนู หนูจะทำอะไรกับมันก็ได้”คนเป็นพ่อกล่อม แถมยังช่วยลูกเล่นเค้กด้วยการจิ้มครีมแล้วป้ายบนแก้มกลมๆ ชีวาพรรู้ว่าลูกกำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกเสียดายเค้ก ซึ่งพี่เลี้ยงของลูกก็อ่านความคิดของเธอได้“น้องพร้อมได้สัมผัสและได้ขยำเค้ก ถือเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กไปในตัวค่ะ”“แต่มันเป็นของกิน เฮ้อ! กวางต้องทำใจสินะคะ”“ทำไมต้องทำใจ ลูกกำลังตัดเค้กให้เรากินอยู่นี่ไงล่ะ”ธีทัตแย้ง ส่วนพี่เลี้ยงของน้องพร้อมก็ลอบยิ้ม...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพ่อกับลูกได้เจอกันแค่เพียงไม่กี่วัน แต่ลูกก็ติดพ่อหนึบแล้วน้องพร้อมจะตัดเค้กยังไง? ...ชีวาพรยังรู้
มันเป็นความเคยชินสำหรับช่วงนี้ไปแล้วที่หากมีเรื่องอะไร ธีทัตจะโทร.ไปหาก่อฤกษ์...เรียกได้ว่าน้องชายฝาแฝดเป็นที่ปรึกษาของเขา“มึงห้ามผู้หญิงไม่ได้หรอก เธอมีเหตุผลของเธอ ถ้ามึงอยากเข้าใจเธอ มึงต้องยืนอยู่ในจุดของเธอ”คำตอบเฉียบคมเหมือนเดิม จนธีทัตนึกสงสัยตงิดๆ ขึ้นมาว่าก่อฤกษ์กำลังดึงเขาเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าอยู่หรือเปล่า เพราะเรื่องที่เกิดกับเขานั้นดันคล้ายกับเรื่องที่กำลังเกิดกับเจ้าตัวฝนแก้วกำลังเรียนระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่เมืองเพิร์ท ถึงแม้น้องสะใภ้ต้องเลี้ยงลูกถึงสองคน แต่เธอมีความตั้งใจสูงที่จะเรียนต่อ ดังนั้นก่อฤกษ์จึงรับหน้าที่เลี้ยงลูกไปโดยปริยายเพื่อให้เมียเรียนจบตามที่ตั้งใจว่าก็ว่าเถอะ...ธีทัตรู้สึกค้านมาตลอด เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฝนแก้ว แถมไม่เข้าใจน้องชายที่สนับสนุนเมีย แต่เขาพูดอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของน้องชายหากเมื่อถึงเวลานี้ ธีทัตกลับเจอปัญหาคล้ายกัน มันเป็นคำถามที่อยู่ในใจของเขามา 2-3 วันแล้วว่าทำไมชีวาพรจะต้องออกไปทำงานข้างนอก ในเมื่อเขายินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขายินดีจะให้เธอมากกว่านี้ด
นาตาลีรู้สึกคาใจกับเด็กหน้ากลมผมดกดำคนนั้นมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักในตอนค่ำ หญิงสาวจึงติดต่อไปหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทยซึ่งเคยส่งรูปถ่ายของเด็กคนนั้นมาให้เธอ“มีอะไรเหรอแพม”“เด็กคนนั้นเป็นใคร”“เด็กคนไหน?”“คนที่เธอเอารูปจากไอจีของคุณธีร์ส่งมาให้ฉันดูไง”“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจไง แล้วมาถามอะไรอีก”“อย่าเรื่องมากนะจูลี่”อารมณ์ของนาตาลีเริ่มขุ่นมัว แต่เพื่อนไม่ได้ถือสาหาความเธอ ได้แต่ตอบเธอไปตามความรู้สึกแท้จริง“ฉันมั่นใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณธีร์ ฉันไม่ได้มีข้อมูลลับอะไรหรอก ฉันแค่ประมวลจากคอมเมนต์จากเพื่อนและคนใกล้ชิดของเขาตอนที่เห็นรูปถ่ายบนไอจี รวมถึงข่าวเมื่อวานที่บอกว่าเด็กเป็นทายาทราชเวคิน อ้อ! เขามีรูปถ่ายของเด็กอีกชุดหนึ่ง คราวนี้ลงในข่าวออนไลน์เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นหรือยัง”“เห็นแล้ว”เพราะเห็นว่ารูปถ่ายของเด็กคนนั้นถูกนำไปลงเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ เธอจึงไม่อาจวางเฉย อีกทั้งฉากหลังของรูปถ่ายยังเป็นบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เ
ธีทัตเปิดประตูรั้วด้วยกุญแจที่ตนถือไว้ จากนั้นจึงนำรถไปจอดในโรงจอดรถ แล้วเข้าไปในบ้านโดยใช้รหัสเปิดประตูบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เขาเดินเข้าไปในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่าง แต่ลูกไม่อยู่ในนี้ ชะรอยว่าลูกยังอยู่ในห้องนอนชั้นบน เมื่อคิดจะตามขึ้นไป หากต้องชะงักเท้า เพราะฉุกคิดได้ว่าชีวาพรได้สั่งห้ามเขาไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปก่อนที่จะได้รับอนุญาตธีทัตจำใจถอยออกมา หากเมื่อกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก เขาจึงเบนทิศทางไปยังห้องครัวชีวาพรยืนอยู่หน้าเตา เธอกำลังทำอาหาร เขาได้กลิ่นขิงจากอาหาร มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากลับติดรสมือของเธอ อาหารธรรมดาแต่เธอมักคิดไว้แล้วว่าแต่ละเมนูนั้นทำเพื่ออะไร‘กวางทำไก่ผัดขิงให้พี่ธีร์ค่ะ ช่วงนี้เริ่มหนาว เมื่อวานพี่ธีร์จามตั้งหลายหน เสียงขึ้นจมูกเหมือนคนเป็นหวัดด้วย เช้านี้กวางเลยทำไก่ผัดขิงให้กินไล่หวัด ไม่รู้ว่าพี่ธีร์กินเป็นมื้อเช้าได้หรือเปล่า ตอนแรกจะทำโจ๊กใส่ขิงเยอะๆ แต่แม่บ้านบอกว่าพี่ธีร์ไม่ชอบกินโจ๊ก’อยากได้ความใส่ใจนี้คืนมา ตลอดหนึ่งปีกว่าที่เธอหายไป เขาได้รู้ว่าบางอย่างในชีวิตข
ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำอยู่ในสายตาของน้องชายทั้งสองคนที่เดินมาหยุดยืนฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ของเขาสักพักใหญ่ ทั้งสองคนหันไปสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีท่าทางแปลกไปธีทัตนิ่งเงียบ ท่าทางเหมือนคนกำลังเศร้า...มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อกี้พี่ชายใหญ่เพิ่งเล่านิทานให้ลูกฟัง เขาควรมีความสุขมากกว่านั่งคอตกเช่นนี้“กลับมานานแล้วหรือเฮีย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”ชนกันต์ถาม...คนถูกถามสะดุ้ง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ายังมีคนอื่นอยู่แถวนี้ แต่เขายังไม่เงยหน้าขึ้นมา ภพธรจึงถามซ้ำไปด้วย เพราะเห็นท่าทางของพี่ชายชักน่าเป็นห่วง“เมื่อกี้เฮียคุยกับลูกไม่ใช่เหรอ แล้วนั่งคอตกทำไม ผมไม่ได้แอบฟังนะ แค่จะมาชวนเฮียให้ไปกินเบียร์ด้วยกัน แต่เห็นเฮียติดสายก็เลยรอ แล้วมันก็ได้ยินเอง”“น้องพร้อมไม่ยอมนอน กูเลยเล่านิทานให้ลูกฟัง”ธีทัตเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาจากก่อฤกษ์ แต่เขาจำเนื้อหานิทานไม่ได้หรอก เพราะเขาได้แต่ฟังผ่านๆ ในตอนที่น้องชายเล่านิทานให้หลานๆ ฟัง อาศัยการฟังหลายครั้งก็เลยปะติดปะต่อเข้าด้