ตอนที่ 4
1/3
เป็นอันว่าเข้าใจตรงกันและไม่ต้องอธิบายอีก ขวัญข้าวรีบสาวเท้าออกไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซด์ ครู่ต่อมาก็มาถึงหน้าร้านกาแฟยี่ห้อดัง
"เขยิบหน่อยสิพี่"
เธอลงจากรถแล้วรีบจัดทรงผมให้เข้าที่ ยื่นหน้าเข้าไปส่องกระจกมอเตอร์ไซด์หันซ้ายทีขวาที พอสำรวจหน้าตาตัวเองว่าดูดีแล้วก็ถอยออกมายืนบนฟุตบาท
"ค่าวินหกสิบบาทน้อง"
"นี่จ๊ะ ไม่ต้องทอน"
แบงค์สีเขียวจำนวนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าพี่วิน เขารับมาแล้วก็นับแต่ปรากฏว่าที่เธอให้มานั้นมันหกสิบบาทพอดีเป๊ะ จึงได้แต่มองบนก่อนจะเลี้ยวรถบิดออกไปจากบริเวณนั้น ขวัญข้าวเดินเฉิดฉายเข้าไปในร้าน กวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นว่ากษิดิศนั่งอยู่มุมหนึ่ง เธอยิ้มเต็มใบหน้าด้วยความดีใจ รีบเดินเข้าไปสั่งกาแฟก่อน พอได้กาแฟมาแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปหาเขา
"อ้าว คุณต่อ"
หญิงสาวทักทายเสียงสูงขึ้นจมูก กษิดิศเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นขวัญข้าวก็ย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาเพิ่งจะคุยกับเธอ แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงมาโผล่ที่ร้านกาแฟได้ล่ะ หากไม่ใช่เพราะตามเขามายังจะคิดเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ
"บังเอิญจังนะคะ นึกว่าคุณต่อออกจากร้านไปแล้วซะอีก"
"บังเอิญมากครับ นึกว่าคุณตั้งใจมาหาผมซะอีก"
"ใช่ค่ะ เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ ข้าวไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอคุณเลยนะคะ ตอนที่ถามก็คิดว่าคุณต้องออกจากร้านไปแล้วแน่ ๆ ข้าวง่วงอะค่ะ เหมือนร่างกายต้องการคาเฟอีนก็เลยมาหากาแฟดื่ม"
ร่างกายต้องการคาแฟอีน แต่หัวใจต้องการคุณ คริ ๆ...
"คุณต่อว่างเหรอคะ งานสบายจังเลยนะคะมีเวลาว่างด้วย"
ขวัญข้าวคิดว่าเขาคงแค่ขับรถมาส่งเจ้านายทำธุระแถวนี้ ระหว่างที่เจ้านายทำธุระอยู่ก็เลยมาหากาแฟดื่มรอ
"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ"
"ครับ"
ที่จริงก็รอให้เขาเอ่ยปากชวนนานแล้ว ในเมื่อเขาไม่ชวนก็เลยเป็นฝ่ายขอนั่งร่วมโต๊ะเองเสียเลย พอนั่งลงแล้วกษิดิศก็ทำจมูกย่นก่อนจะปล่อยเสียงจามออกมาโดยที่ใช้มือข้างหนึ่งปิดปากไว้อย่างสุภาพ ขวัญข้าวรีบยื่นกระดาษทิชชู่ให้ เขารับมาก็เอาไปเช็ดมือจนสะอาดดี
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณต่อไม่สบายรึเปล่าคะ"
"เปล่าครับผมสบายดี"
แผนการเข้าหาเพื่อชวนคุยต้องมาสะดุด เพราะจู่ ๆ ขวัญข้าวก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะชวนเขาคุยอะไรต่อดี บรรยากาศจึงดูเหมือนจะเงียบกริบไม่ค่อยไหลลื่นเท่าที่ควร คำพูดที่เตรียมมาระหว่างทางก็ลืมไปเสียหมด
"คุณข้าวไม่ทำงานเหรอครับ"
"อ๋อ ช่วงนี้ข้าวมาช่วยงานเพื่อนค่ะ ปกติเป็นนักเขียนฟูลไทม์ แต่ตอนนี้งานตัวเองคงต้องเอาไว้ทำกลางคืนแทน ข้าวนอนดึกมากเลยนะคะ เที่ยงคืนก็ยังไม่นอนเลย แฮร่ ๆ"
อย่างน้อยก็ได้เกริ่นไปบ้างแล้วว่านอนดึก เผื่อบังเอิญเขามีแก่ใจอยากส่งข้อความมาหา อ่อยยังไงให้ดูเหมือนไม่ได้อ่อย และถึงจะทำเหมือนไม่อ่อยเขาก็ยังดูออกว่าเธอกำลังเปิดทาง สิ่งที่กัลยาเคยสอนมาขวัญข้าวลืมไปหมดแล้ว หากจะพูดตรงประเด็นหวังว่ากษิดิศจะแปลความหมายออก ก็หน้าตาเขาเฉลี่ยวฉลาดไม่ได้ดูโง่เหมือนเธอสักหน่อย เขาจะต้องดูออกบ้างแหละว่าเธอกำลังทอดสะพาน
"ปกติคุณต่อนอนดึกมั้ยคะ"
"ดึกทุกวันครับ ผมชอบอ่านหนังสือ บางวันก็ดูพวกสารคดี บางวันก็ทำงานจนดึก ฟังแล้วน่าเบื่อมากใช่มั้ยครับ"
จะเอาอะไรมาเบื่อล่ะ ในเมื่อเธอชอบเขามากขนาดนี้ แค่เขานั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ เธอก็ยังหลงไหลได้ปลื้มในตัวเขาไม่มีเบื่อ ยามที่ได้มองใบหน้าหล่อ ๆ ผสมกับการวางตัวเป็นผู้ดีเหมือนราชนิกูลขวัญข้าวยิ่งกรี้ดกร้าดในใจไปหลายตลบ ขนาดเขาอยู่เฉย ๆ ยังทำให้เธอคลั่งได้ขนาดนี้ แล้วที่เขาบอกว่ายังโสดอยู่จะยังเชื่อถือได้ไหม
"ไม่เลยค่ะ ดูสงบดีต่างหาก แต่ถ้าเบื่ออ่านหนังสือและเบื่อดูสารคดี อยากจะหาคนโทรคุยไปจนหลับก็...เอ่อ มีใครให้โทรหารึยังคะ"
"มีครับ ส่วนมาจะมีคนโทรมาแทบทุกวันเลย เป็นพวกเพื่อน ๆ ของผมเอง ถ้าคืนไหนพวกมันดื่มหนักจนขับรถกลับไม่ไหวก็มักจะโทรตามให้ผมขับรถไปรับ"
เพล้ง! เสียงเศษหน้าแตกกระจายดังมาก ขวัญข้าวยิ้มแห้งจนขากรรไกรจะค้าง อุตส่าห์อยากยัดเยียดตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา แต่กษิดิศก็ตัดเธอออกจากวงจรชีวิตอย่างสุภาพ ก่อนที่ขวัญข้าวจะทันได้ถามอะไรต่อ ก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นหยุดยืนข้างกษิดิศแล้วมองหน้าเธอแวปหนึ่ง ก่อนจะหันไปคุยกับคนที่นั่งตรงข้ามกับเธอแทน
"มึงมาถึงนานแล้วเหรอ"
"ยังไม่ถึงสิบนาที เอ่อ...นี่คุณข้าว" กษิดิศเองก็ไม่รู้จะแนะนำขวัญข้าวในฐานะอะไร จึงข้ามขั้นตอนนี้ไปก่อนแล้วหันไปแนะนำขวัญข้าวให้รู้จักกับเพื่อนของตนแทน "คุณข้าวนี่เพื่อนผมชื่อนัยน์"
"สวัสดีค่ะคุณนัยน์"
"สวัสดีครับ ผมจำคุณได้ละ วันนั้นคุณนี่เองที่ทักผิดคน อ๋อที่แท้ก็..."
นัยน์ลากเสียงยาวหันหน้าไปทางกษิดิศแล้วอมยิ้ม แต่ฝ่ายนั้นถลึงตาดุใส่
"ค่ะ ฉันก็จำคุณได้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นเพื่อนคุณต่อ เอ่อ...งั้นข้าวไม่รบกวนดีกว่าค่ะ วันนี้คุณต่อมีนัดแล้วถ้าอย่างนั้นเชิญคุณนัยน์กับคุณต่อตามสบายเลยนะคะ"
ขว้ญข้าวพูดพลางหยิบแก้วกาแฟของตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน ฝ่ายนัยน์จึงรีบร้อนพูดขึ้น
"นั่งอยู่ก่อนก็ได้นะครับ เหมือนเพื่อนผมจะอยากให้คุณอยู่"
"ไอ้นัยน์"
กษิดิศเรียกชื่อเพื่อนด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำ คล้ายเป็นการบอกว่าให้หยุดพูดสักที
"ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าวจะต้องกลับไปร้าน ข้าวแค่แวะออกมาซื้อกาแฟแปบเดี๋ยว ข้าวทำงานอยู่ร้านดอกไม้แถวนี้ค่ะ เอ่อ...ข้าวไปก่อนนะคะคุณต่อ"
พอเงาร่างของขวัญข้าวพ้นขอบเขตสายตาไปแล้วนัยน์ก็หัวเราะออกมา เหมือนว่ากลั้นขำไม่อยู่แล้วจริง ๆ กษิดิศก็ยิ่งมีสีหน้าดุดันกว่าเดิมหลายเท่า หากอยู่ด้วยกันสองคนสาบานได้เลยว่าเขาจะต้องตบกะโหลกเพื่อนรักไปสักป้าบ
"มึงหัวเราะอะไร"
"เค้ากำลังจีบมึง?"
"ไม่รู้"
"ชอบเค้ามั้ยล่ะ"
"เฉย ๆ"
ตอนพิเศษส่งท้าย"คุณต่อส่งอะไรไปบ้านข้าวคะ"ทันทีที่วางสายจากอารี ขวัญข้าวเดินเข้ามาถามกษดิศ เมื่อครู่นี้แม่ของเธอโทรมาบอกว่ามีรถขนส่งไปส่งของ รถหกล้อคันใหญ่บรรจุของมาเต็มรถ เป็นของใช้ในบ้านอาทิเช่น โฟซา ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ดีๆ และของใช้สำหรับตกแต่งบ้านอื่นๆ อีกทั้งยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกครบครัน ที่จริงอารีก็เล่าให้ขวัญข้าวฟังหมดแล้ว ขณะที่เล่าไปก็ตื่นเต้นไป แต่ขวัญข้าวก็ยังอยากถามอยู่ดีว่าคนที่ส่งไปนั่นจะใช้ฝีมือเขาหรือเปล่า"ก็ของใช้นิดหน่อยครับ""เต็มคันรถหกล้อนะเหรอคะนิดหน่อย""ตอนแรกว่าจะส่งไปสักชิ้นสองชิ้น แต่คิดไปคิดมาส่งไปหลายชิ้นเลยก็ดีเหมือนกัน พ่อกับแม่จะได้สะดวกสบายขึ้น"โอ้ย...อภิชาติราชบุตรเขย น่าหยิกแก้มเบาๆ สักที"คุณต่ออย่าทำแบบนี้อีกนะคะ"พอได้ยินเธอพูดเสียงดุ กษิดิศจึงเป็นกังวลว่าขวัญข้าวอาจจะไม่พอใจ เขาคว้าตัวเธอให้ลงมานั่งตัก เอาคางเกยที่ไหล่บอบบางพูดน้ำเสียงออดอ้อน"ทำไมละครับ ไม่พอใจเหรอ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะบอกก่อ
ตอนที่ 142/3เมื่อกลับมาถึงห้องก็เหงาเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะกษิดิศบินไปคุยงานต่างประเทศตั้งแต่สามวันที่แล้วยังไม่กลับ กว่าจะกลับก็น่าจะยาวนานเป็นอาทิตย์ ขวัญข้าวหยิบหมอนที่เขาเคยหนุนนอนมาสูดดมฟุดฟิดเธอคิดถึงเขามาก...แค่ได้กลิ่นอายจางๆ บ้างก็ยังดี ไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าหากมีความรักแล้วจะต้องทรมานเพราะความคิดถึง ขณะที่นั่งทำหน้าเซื่องซึมเสียงมือถือก็ดังขึ้น ขวัญข้าวรีบพุ่งตัวไปหยิบมาดู สายที่โทรเข้ามาคือกษดิศ เป็นการวิดีโอคอลทางไกลมาจากต่างประเทศ พอได้เห็นหน้าเขาก็ยิ่งอยากกอด นัยน์ตาดูเหงาหงอยเสียจนอีกฝ่ายมองออก"เป็นอะไร""คิดถึงคุณต่อมากค่ะ นับวันรอแล้ว กว่าจะกลับมาก็อีกตั้งอาทิตย์ข้าวคงใจขาดตายก่อนพอดี""คิดถึงเหมือนกัน อีกสองสามวันจะรีบกลับครับ""
ตอนที่ 141/3"สิ่งที่ข้าวรักก็คุณไงคะ ยกให้คุณต่ออยู่เหนือทุกอย่างเป็นเดอะเบสของข้าวเลยค่ะ แต่ข้าวก็ไม่ได้จะทิ้งสิ่งที่ข้าวทำนะคะ ทุกอย่างมันอยู่ในนี้" หญิงสาวหัวเราะสดใสแล้วชี้นิ้วเข้าหาขมับตัวเอง "อยู่ในสมองเอาออกมาใช้เมื่อไรก็ได้ ไว้ถ้าข้าวเรียนรู้งานกับคุณต่อจนสามารถซัปพอร์ตคุณต่อได้บ้างค่อยหาโอกาสกลับมาทำสิ่งที่อยากทำก็ยังไม่สายค่ะ ข้าวไม่อยากปิดโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ คนเราถ้าทำเป็นหลายอย่างก็ดีไม่ใช่เหรอคะ""จะเอาแบบนั้นก็ได้ งั้นค่อยเริ่มงานอาทิตย์หน้าเลย แต่คนที่สอนงานคงต้องให้มัดหมี่กับคุณนุชเป็นคนสอน ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะ""ได้ค่ะ""แล้วจะเอาเงินเดือนเท่าไรครับ""อืมมม"เธอใช้นิ้วชี้เคาะริมฝีปากจิ้มลิ้มแล้วทำหน้าครุ่นคิด ครั้งที่แล้วก็ได้จากเขามาค่อนข้างเยอะ หากจะเรียกเยอะเกินตัวก็อาจจะดูน่าเกลียดเกินไป"พิจารณาให้ต
ตอนที่ 132/3"คุณครับ คุณคนสวยเป็นแฟนเพื่อนผมจริงๆ เหรอครับ" อติหันไปทางขวัญข้าวแล้วพูดยิ้มๆ ใช้น้ำเสียงละมุนกว่าตอนที่พูดกับเพื่อนๆ หลายเท่า ขวัญข้าวตอบคำถามของเขาด้วยการพยักหน้าหงึกๆ"กูตกข่าวไปตอนไหนวะเนี่ย ไอ้วิณมึงก็รู้เหรอ""ไม่ กูไม่รู้ เพิ่งรู้พร้อมมึง""งั้น...เอ่อ คุณคนสวยครับ คืนนี้ผมขออนุญาตพาเพื่อนไปเที่ยวแล้วกลับดึกได้มั้ยครับ รับรองกลับก่อนพระออกบิณฑบาตแน่นอน"อันนั้นไม่เรียกว่ากลับดึกแต่เรียกว่ากลับเช้า อติไม่วายขออนุญาตขวัญข้าวอย่างถูกต้อง เพราะก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้ามาพวกเขากำลังคุยเรื่องนี้อยู่พอดี พอเธอมองไปที่กษิดิศจึงพอจะดูออกว่าเขาเองก็ไม่อยากออกไปนักหรอก เหมือนกำลังส่งสายตาเว้าวอนขอให้เธอปฏิเสธอติมากกว่า"ได้ค่ะ"
ตอนที่ 131/3"ข้าวเพิ่งรู้ว่าคุณต่อแพ้กุหลาบก็เลยอาบน้ำล้างตัวก่อนค่ะ แต่เมื่อกี้ก็เข้าครัวไปรอบนึงแล้วนะคะ คุณต่อไม่ได้กลิ่นไข่เจียวเหรอคะ""ถึงเป็นไข่เจียวก็ยังหอม""แล้วทำไมไม่บอกข้าวละคะว่าแพ้กุหลาบ หากข้าวรู้ข้าวก็จะ""จะทำยังไงครับ"นั่นนะสิ ถ้ารู้ว่าเขาแพ้กุหลาบขวัญข้าวก็คงหาคนอื่นไปส่งดอกไม้แทน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทุกครั้งที่เจอกันอาจเสี่ยงต่อการแพ้แต่กษิดิศก็ไม่คิดจะหลีกเลี่ยง หากขวัญข้าวคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็คงจะมีแค่เหตุผลเดียว..."เพราะอยากเจอข้าวเหรอคะ""ไม่บอก"กษดิศเฉไฉ ซึ่งก็คงหมายความว่าเธอพูดถูก ขวัญข้าวเอียงหน้ามาจุ๊บที่แก้มเขาเบาๆ แล้วลุกขึ้นจูงมือชายหนุ่มมาที่โต๊ะอาหาร หลังจากทานมือค่ำอิ่มแล้วก็มานอนดูหนังด้วยกัน ขวัญข้าวเลือกหนังผีมาเรื่องหนึ่ง ระหว่างดูก็คลุ
ตอนที่ 123/3"เอาไปเถอะ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบพกเงินสดเยอะ พอรู้ว่าจะได้ออกต่างจังหวัดก็เลยเตรียมมานิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพอมั้ย""แต่""ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ"เขายิ้มอบอุ่นแล้วบีบมือเธอเบาๆ เพิ่มความมั่นใจให้เธอมากยิ่งขึ้น ขวัญข้าวยิ้มตอบด้วยความตื้นตัน เปิดประตูลงจากรถแล้วเอาเงินนั้นไปมอบให้พ่อและแม่ กษิดิศนั่งมองเธออยู่ในรถเห็นผู้เฒ่าทั้งสองแย้มยิ้มด้วยความดีใจก็ยิ้มตาม หลังจากขวัญข้าวกลับขึ้นรถแล้วกษิดิศจึงขับจากไป ฝ่ายป้าข้างบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ร้องถามอารีด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ลูกสาวให้เงินไว้ใช้กี่พันล่ะแม่อารี""ยังไม่ได้นับดูเลยจ๊ะพี่ปริก""ก็คงจะให้ไว้ไม่กี่พันหรอก ว่าก็ว่าเถอะสมัยนี้เงินมันหายาก แต่นานๆ ทีกลับมาเยี่ยมบ้านน่าจะให้พ่อแม่สักห้าหกพันก็ยังดี"