หากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ
“ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมากล้าได้กล้าเสียแต่พอเอาเข้าจริงก็ แข็งนอกอ่อนใน... "ผมพูดเล่นน่ะ ก็เห็นคุณแหย่มา ผมก็เลยเหย้ากลับแฟร์ ๆ ดี" "อ้อ!!!" ทำเสียงสูงลิ่ว บ้าชะมัดเมื่อกี้เผลอคิดเข้าข้างตัวเองแล้วว่าเขาแอบติดใจ เหอะ! เธอต่างหากล่ะ ทำไมเป็นคนใจง่ายขนาดนี้เนี่ยเมริสา รู้ถึงไหนอายถึงนั่น "ช่วงนี้ฉันไดเอทน่ะ รู้สึกว่าก่อนหน้าจะเอ็นจอยกับการกินมากไปหน่อยเริ่มลงพุงแล้ว" "คุณไม่เห็นจะอ้วนตรงไหนเลย..." ชายหนุ่มตั้งใจมองเรือนร่างแบบบางตั้งแต่หัวจรดเท้า "เหอะ คุณไม่รู้หรอก ฉันไปนอนดีกว่านี่ก็กี่โมงกี่ยามแล้ว ฉันนอนดึกมาตั้งหลายคืนหากคืนนี้นอนดึกอีกมีหวังหน้าได้โทรมแหง ๆ เลย" สองฝ่ามือยกขึ้นมาป้องปาก ย่อเข่าลงเล็กน้อย พร้อมเอ่ยขึ้น "โอ๊ย! รับไม่ได้" จากนั้นก็เดินตัวปลิวขึ้นไปชั้นบนของบ้าน หลังจากที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ากลายเป็นชุดนอนตัวโปรดเสร็จเรียบร้อยแล้วเมริสาก็มานั่งด้านหน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนจะหยิบเซรั่มครีมบำรุงที่ราคากระปุกละครึ่งแสนขึ้นมาชโลมบนใบหน้านุ่มนวล ก๊อก ๆ!! "เม...เมริสา" "ค่ะ ๆ " เธอวางขวดเซรั่มลงบนหน้าโต๊ะเครื่องสำอาง ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูให้กับธนาธิปโดยที่บนใบหน้านุ่มนวลแดงแจ๋เพราะพอกเซรั่มมะเขือเทศเอาไว้ให้นุ่มเด้งเนียนใสกิ๊งเหมือนก้นเด็กแรกเกิด แกร๊ก! "เชี้ย!" วินาทีแรกที่ประตูเปิดออกธนาธิปร้องอุทานด้วยความตกใจ อันที่จริงเขาก็คิดเอาไว้แล้วนั่นแหละว่าหากมาเคาะห้องผู้หญิงดึก ๆ ดื่น ๆเช่นนี้ก็คงจะเห็นสภาพเธอที่กำลังบำรุงผิวหน้าตัวเองอยู่แต่ก็ไม่คาดฝันว่ามันจะแดงแจ๋ขนาดนี้ "ฉันเองค่ะไม่ใช่เหี้ย เหี้ยอะไรจะสวยขนาดนี้ว่าแมะ" เมริสายกแขนขึ้นมาเท้าสะเอว "ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่ห้องฉันดึก ๆ ดื่น ๆ เนี่ย เอ๊ะ!" พูดพร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นทาบริมฝีปากคล้ายกับกำลังอุทาน ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วเรียวยาวลงไปวาดบนแผงอกแก่งกำยำพร้อมกับสายตายวนยั่ว "จะมาปู้ยี่ปู้ยำทำมิดีมิร้ายกับฉันเหรอ คุณสามีคะ ฉันเข้าใจนะคะว่าความสวยของฉันเนี่ยมันบาดตาบาดใจจนทำให้คุณหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหวแต่คุณก็ต้องยับยั้งบ้างนะคะ อย่าลืมสิว่าเราสองคนเนี่ยเป็นแค่สามีภรรยาปลอม ๆ กันไม่ใช่ผัวเมียกันจริง ๆ สักหน่อย" "เม" ธนาธิปกดเสียงต่ำ "ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ ก็เห็นช่วงนี้คุณไม่ค่อยทำตัวเก๊ก ๆ ขรึม ๆ กับฉันแล้ว เอ้า ๆ ว่าแต่คุณมีธุระอะไรไม่ทราบ" ท่าทีปกติชอบกวนตีนปั่นประสาทเขาเหมือนตอนที่ไม่มีเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นของเมริสาทำให้ธนาธิปรู้สึกแปลกใจไม่ใช่น้อยว่าทำไมเธอถึงได้ทำตัวปกติทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในทางกลับกันเป็นตัวเขาเองต่างหากที่บางครั้งทำตัวปั้นหน้าไม่ค่อยถูก เมริสามักจะมีอะไรให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อยเลย... เธอไม่เหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่เข้ามาในชีวิตเขา... ไม่ได้ต้องการทรัพย์สินเงินทองหรือหวังปอกลอกคงเพราะฐานะครอบครัวเธอเองก็ร่ำรวยมีกินมีใช้ตลอดชีวิตอยู่แล้วด้วยมั้ง... ไม่ได้มีมารยาเสแสร้งให้เขารักใคร่เอ็นดู ในทางกลับกันเธอทำตัวน่าหมั่นไส้จนอยากจะเคาะกบาลสักสองสามที... หลังจากที่พลาดพลั้งมีอะไรกัน เธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้ชีวิตปกติ พูดคุยหยอกล้อปั่นประสาทเขาเหมือนเดิม...หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะร้องห่มร้องไห้เรียกร้องให้เขารับผิดชอบหรือไม่ก็หลบหน้าไปแล้ว เอาจริงผู้หญิงแบบนี้...ไม่เหมาะกับการเป็นคู่ชีวิตกูมั้ง ดูแข็งแกร่งยืนด้วยตัวเองได้มากจนเกินไป เกิดวันหนึ่งคบหากันแล้วเฉดหัวกูทิ้งขึ้นมาขายหน้าชะมัดเลยโดนผู้หญิงเขี่ยออกจากชีวิตเนี่ย "เครื่องทำน้ำอุ่นที่ห้องเสีย ผมอาบไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำอุ่นขอมาใช้ที่ห้องคุณได้ไหม" เป็นประโยคร้องขอแกมบังคับเพราะสภาพของธนาธิปในตอนนี้คือกำลังใส่เพียงชุดคลุมและถืออุปกรณ์อาบน้ำหอบมาพะรุงพะรัง แน่นอนว่าถ้าเธอปฏิเสธคงดูใจจืดใจดำจนเกินไป “แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” เมริสาเลิกคิ้วถาม "คุณคงจะดูใจดำจนเกินไป เพราะดูสิผมอุตส่าห์หอบเข้าหอบของมาครบแล้ว" ธนาธิปตอบกลับไปตามที่เขาคิดเมื่อครู่อย่างตรงไปตรงมา "งั้นฉันก็ปฏิเสธไม่ได้สินะ" เมริสาลอบถอนหายใจเฮือกเล็ก ๆ และคงสมบทถ้อยคำลอบด่าเขาอยู่ในใจว่าไอ้แม่เย็บ ก่อนที่จะเอนทำตัวเอียงแล้วผายมือลากจากด้านหน้าเข้าด้านในเพื่อเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเชิญมึงเข้าไปได้เลยค่ะ "ขอบคุณครับ" ธนาธิปตอบรับอย่างมารยาทดี ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำอาบชำระร่างกายอยู่เกือบสามสิบนาทีโดยประมาณ ก่อนจะออกมาในสภาพชุดนอนชแขนยาวขายาวสีขาวสะอาด ผมเผ้ายังคงเปียกชุ่มเพราะเพิ่งจะสระไปหมาด ๆ ทอดสายตามองเห็นเรือนร่างบอบบางที่นั่งหลังตรงคอระหงอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แล้วชโลมครีมบำรุงลงบนผิวกาย ไม่อยากจะคิดเลยชคืนหนึ่งกว่าเมริสาจะนอนได้ต้องใช้เวลาบำรุงหน้าบำรุงผิวกายไปกี่ชั่วโมงวะ เมื่อครู่ก่อนที่เขาจะเข้ามาด้านในเธอก็น่าจะมาร์คหน้าอยู่ เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วตั้งสามสิบนาทีออกมาเธอก็ยังจัดการธุระของตัวเองไม่เสร็จสรรพ "ไงคะ อาบเสร็จแล้วหรอ ฉันก็ทาครีมเสร็จพอดีเลย" เมริสาหมุนเก้าอี้ที่เป็นล้อเลื่อนหันมาหาเขายกขาขึ้นไขว้ห้างแล้วแหงนหน้าขึ้นจ้องมอง "ครับ" "มา ฉันเป่าผมให้" "ห๊ะ...?" "ก็ผมคุณเปียกอยู่ ถ้าขืนไปนอนในสภาพนี้มีหวังหัวชื้นแหงเลย" เธอไม่พูดเปล่าลากตัวเขาลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่เธอใช้นั่งเมื่อครู่ ทั้ง ๆ ที่กูยังไม่ได้ตอบรับยินยอมด้วยซ้ำ เจ้ากี้เจ้าการ! ชอบบงการ! เหมือนแม่กูไม่มีผิด! ถอดนิสัยกันมาแบบเป๊ะ ๆ น่ามัดรวม ๆ เอาไปอยู่ด้วยกันสักวัน บ้านไม่แตกกูจะกราบตีนงาม ๆ เลยคอยดู พอกูทำท่าขยับหนี แม่คุณเขาก็ฉวยเส้นผมอย่างแรงแล้วดึงกลับมานั่งที บ้าฉิบ! หนังหัวกูแทบหลุด แม่ง แถมตะคอก ทำหน้ายักษ์หน้ามาร ถลนตาใส่กูอีก “นั่งนิ่ง ๆ ดิ้!!!” “…” อึ้ง พูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่นั่งเงียบ ไม่กล้ามีปากมีเสียง เพราะกลัวจะโดนกินหัวหากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ “ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปต
คุณผกาวรรณเข้าไปดึงหูลูกชายตัวดีของหล่อนก่อนจะลากพามันเข้าไปด้านในสะบัดตัวให้ทิ้งลงบนโซฟานุ่มพร้อมจ้องมอง ท้าวสะเอวอย่างคาดโทษ“ตาธันแกคิดอะไรอยู่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านห๊ะ! แกควรจะให้เกียรติเมียแกบ้าง! ไม่ใช่ทำอะไรประเจิดประเจิดประเจ้อขนาดนี้ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ทั้งลูก ทั้งผัวไม่ได้เรื่องสักคน!!!” มาถึงยังไม่ทันจะพูดจะจา หรือดื่มน้ำสักแก้ว ผกาวรรณก็เหวใส่ลูกชายเสียงดัง ซึ่งมันเป็นภาพธนาธิปเองก็คุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แม่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แรง ๆ ตรงไปตรงมา ปากกล้า คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ถึงได้เอาคุณพ่อที่เคยเป็นคาสโนวาตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่หมัดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยมั้งที่คุณแม่ของเขา ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู แม่หนูเมริสาอะไรนั่นหัวปักหัวปำ เพราะมีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่ละม้ายคล้ายกันละมั้งตอนอยู่อยู่กับเมลิสากูรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ยังไงก็ไม่รู้ อบอุ่นฉิบหาย!!! ฉิบหายแล้ว เหลือแต่อบอุ่น!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิญมาได้ยังไง” คราวนี้เขาพูดจริง ไม่ได้โกหกเหมือนครั้งก่อน ที่มักนัดเจอกับพิรญาแล้วบอกว่าบังเอิญเจอ แต่หนนี้เขาไม่รู้มาก่อนล
หลังจากที่พูดคุยตกลงกับธนาธิปเรื่องการสวมบทบาทการเป็นผัวเมียปลอม ๆ อีกระดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ปกติมันก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ อยู่แล้ว ก็ได้กลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้วนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่ารับปากไปเพื่ออะไรวะ?ตอนนี้เธอก็สุขสบายอยู่แล้วเราแค่วันที่จะได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น เมริสาเอ้ยหาเหาใส่หัวชัด ๆ !ปิ้ง!! จู่ ๆ ข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของรติมาเพื่อนที่เป็นดาราสาวซึ่งหูตากว้างขวางอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเด้งข้อความเข้ามา pv.rosese : -send photo- pv.rosese : พ่อมึงใช่ปะ หน้าคุ้น ๆ กูว่าใช่ เมริสาเองจั๊บ : มึงเจอที่ไหน pv.rosese : ภูเก็ต กูมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับผู้แล้วบังเอิญเจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมึงไม่มีผิด pv.rosese : มากับผู้หญิงว่ะ pv.rosese : พ่อกับแม่มึงมาฮันนีมูนกันที่นี่เหรอวะ โรแมนติกโคตร อีดอกกก ได้ห้องพักที่วิวดีที่สุดของโรงแรมด้วย เมริสาเองจั๊บ : กูโทรหาแม่แป๊บ ...เมริสามีลางสังหรณ์ใจแปลก เธอสันนิษฐานว่าผู้หญิงที่รติมาหมายถึงอาจจะไม่ใช่แม่ของเธอหรือเปล่าเพราะหากแม่ไปจริงๆก็คงจะโทรมาหาเธอแล้ว กริ้งง...my mom (เม ว่าไงลูก) เสี
เมื่อกลับมาจากห้องของเมริสา ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่ต่างไปจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มด้วยความคิดมากมายตีปนกันมั่วไปหมดภายในสมอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ ยังคงวนเวียนตามหลอกหลอนไม่เลิกราเน้นย้ำว่ามันคือความจริงที่ระหว่างเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะสำหรับชีวิตแต่งงานของพวกเขาแล้วหนทางไปต่อมันมองไม่เห็น ไม่มี รู้เพียงแค่อีกเจ็ดเดือนข้างหน้าก็จะได้หย่าขาดเป็นอิสระจากพันธะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียวันนี้ แต่เธอกลับหลบหน้าไม่พูดไม่จา ...ผ่านไปประมาณสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับเมริสาอีกเลย เพราะดูเหมือนเธอจะจงใจหลบหน้า ไม่พูดไม่จาและไม่มาให้เขาพบเจอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็กลับมานอนบ้านทุกคืน เมริสารู้ดีว่าเขาจะกลับจากทำงานช่วงประมาณหกโมงเย็นและเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มเธอจึงเล่นกลับเอาเที่ยงคืนเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน "เม" แต่คราวนี้เขาซัด
แสงแดดสีทองสดใสยามรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ทะลุเข้ามาด้านใน ตกลงบริเวณปลายเตียงนุ่มโดนเท้าเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผ้านวมผืนใหญ่ออกมาได้รับความร้อนระอุจนต้องรีบขดกลับขึ้นไป แล้วขยุกขยิกตัวไปมาเล็กน้อย แต่ก็พริ้มตาหลับตาเพราะอาการหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหน่วงอยู่ในศีรษะบวกกับอาการเหนื่อยล้าด้วยกิจกรรมรักอันเร่าร้อนที่เพิ่งจบลงเมื่อตอนตีสามกว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มของเมริสาพาดขึ้นมาวางบนหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลอนเรียงมัดเป็นกลม ก้อนใหญ่ราวกับขนมปัง ใบหน้านอนซบอยู่บนอกอกแกร่งกำยำ มีผ้านวมสีขาวผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารจนเกินไป ถึงแม้เมื่อคืนมันจะผ่านการสัมผัสจากริมฝีปากหยักมาแล้วทุกจุดก็ตาม..."อื้อ..." ส่วนธนาธิป นอนหงาย ส่งแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบร่างบางเอาไว้อย่างรักใคร่ พริ้มตาหลับเข้าสู่ภวังค์นิทราเพราะความเหนื่อยล้าเต็มที เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่อีกฝ่ายทำเอาไว้มากมาย"ฮือ..." เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยอัติโนมัติเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากทุก ๆ วัน ทำไมวันนี้หมอนในห้องเธอถึงได้แข็งโป๊ก! ท
อ้าว! คราวนี้แม่งหลอกด่ากูจริง ๆ ไอ้สัส คือกูสามารถโกรธคนเมาได้ไหมวะ? "เอ้าา โช้นนนนนนน" เมริสาชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วเลื่อนลงมากระดกเข้าปาก "กินดิ คออ่อนเหรองายยย ห๊า" ธนาธิปยินคำสบประมาทเช่นนั้นก็ยอมความไม่ได้ ยกแก้วไวน์ของตนขึ้นมากระดกเข้าปากแข่งกับเมริสาจนผ่านไปขวดที่เท่าไรต่อเท่าไรแล้วก็ไม่รู้...รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ศีรษะมันหนักอึ้ง ดวงตาพร่ามัว เดินโซซัดโซเซคล้ายกับบ้านหมุน ส่วนเมริสาเองก็ไม่ได้ต่างกัน เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ "เม ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดิ้" "อื้อ! เสือกรายยยอะ" เมริสาที่กำลังนอนฟุบอยู่บนอกแกร่งกำยำของธนาธิปแหงนหน้าขึ้นไปสบถถ้อยคำหยาบโดนใส่หน้าเขา "เมมม ปายยยนอนดีดี ดิ้" ธนาธิปดึงแขนเรียวยาวของเมริสาขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะพากันเดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนของบ้าน "อยากจะเมาห๊ายยลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย วู้วววว ความร๊ากกกกก" เมริสาแหกปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง เขาก็ต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงแบกร่างของเธอขึ้นไปจนถึงด้านบนให้จนได้! ภาระกูชัด ๆ ! เขาหลอกด่าอยู่ในใจโดยไม่ได้ออกเสียงออกมา ไม่เช่นนั้นเมริสาที่กำลังอยู่ในสภาพเมามายหัวราน้ำแบบนี้คงตบหัวเขาเข้าสักผ
เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา… เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่ง
ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเจ็บแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายจะไม่เสียเวลากับผู้หญิงพรรค์นั้นอีก... ไอ้เรื่องโกหกนอกใจมันไม่ควรมีอยู่แล้วในชีวิตคู่ แต่นี่ถึงขั้นนอกกาย เขาแม่งโคตรรับไม่ได้และที่สำคัญพิรญาไม่ได้นอกกายเขาด้วยการไปนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวแต่เป็นผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำราย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในชู้รักคือเพื่อนสนิทของเขา...พอกันที! ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกเจ็บกับความผิดหวังที่เพิ่งไปเจอมาไม่หาย เพราะบาดแผลมันยังสดและคงจะใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดี อาจเป็นเดือน เป็นปี ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีอาจมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้แผลเขาสมานเร็วกว่าเดิมก็ได้ ธนาธิปนั่งกินข้าวต้มกุ้งที่เมริสาซื้อให้จนหมดเกลี้ยง ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเก็บพวกรูปภาพรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิรญาเก็บใส่ในกล่องจนหมดก่อนจะเดินกลับลงด้านล่าง "เฟื่อง เอากล่องนี้ไปเผาทิ้งอย่าให้เหลือซาก" ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจจากผู้หญิงแบบนั้นก็จงตัดให้ขาดอย่าให้เหลือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน..."ค่ะคุณธัน" เฟื่องไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายจนเกินหน
ส่วนภาพที่เหลือก็เป็นภาพของพิรญาที่กำลังนัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูปเดียว วินาทีนั้นหยาดน้ำอุ่นคล่อหน่วยจนทัศนวิสัยพร่ามัวแล้วค่อย ๆ เอ่อทะลักพร่างพรูออกมาอาบสองพวงแก้มอย่างยากเกินกว่าจะกัดฟันขมกลั้นเอาไว้ไหว หมดสิ้นแล้ว...เขารู้สึกเหมือนแม่ง ไม่เหลืออะไรสักอย่างไม่มีแรงแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความถามออกไปด้วยซ้ำว่าเจ้าของแอ็กเคานต์มีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงแม้แต่หายใจยังโรยริน...ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฝืนทนกล้ำกลืนรับเอาความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ไม่ไหวเพราะมันรุนแรงทรมานเหลือเกินราวกับถูกควักหัวใจออกมาบีบเล่นให้แหลกละเอียดคามือ เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าชีวิตรักของผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟคทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ครอบครัว หน้าที่การงาน อย่างเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์โคตรผิดหวังแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาทั้งรัก ทั้งไว้เนื้อเชื่อใจและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น แต่ท้ายสุดแล้วกลับต้องมารู้ความจริงว่าเธอตอบแทนเขาด้วยการโกหกหลอกลวงและหักหลังแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น ประโยคที่ว่า 'กูคบกับมันเพราะกูต้องการให้ตัวเองสุขสบายเนาะ