LOGINเสียงรถทำให้มยุรินที่กำลังสั่งงานกับสาวใช้อยู่นิ่วหน้าและหันไปมองรถคันที่เธอไม่อยากจะคุ้นหูคุ้นตานั่นเสียเลย แต่พอเห็นร่างสูงของลวรรษเดินลงจากรถรอยยิ้มของมยุรินก็แย้มออกมาบนใบหน้าของเธอทันที ร่างบางถลาเข้าไปหาลวรรษอย่างยินดี แต่รอยยิ้มของแม่บ้านสาวก็ต้องเลือนหายไปจากใบหน้าเช่นเดียวกันเมื่อเห็นร่างบางของชงโคลงมาพร้อมกับลวรรษด้วยเช่นกัน นังชงโคนี่เกาะไม่ปล่อยจริงๆ เมื่อไรนะผู้หญิงคนนี้ถึงได้ออกไปจากเส้นทางความรักของเธอเสียที นับวันชงโคยิ่งใกล้ชิดกับลวรรษมากยิ่งขึ้น ดีนะที่ลวรรษไม่เคยเอ่ยปากออกมาว่าชงโคมีความสำคัญอย่างไรกับเขา แต่เธอก็ไว้ใจในตัวชงโคไม่ได้ ผู้หญิงด้วยกันดูออกว่าแท้ที่จริงแล้วชงโคคิดอย่างไรกับลวรรษ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ผู้ชายเขาไม่เคยแสดงออกมาว่าชอบตัวเองเลยสักครั้ง ยังมีหน้ามาตามตื้อเขาอยู่ได้
“ยุริน เดี๋ยวช่วยทำแกงส้มชะอมทอดให้ด้วยนะ ฉันจะเอาไปฝากคุณโชค”
“ได้ค่ะ...ยุรินขอไปเตรียมของก่อนนะคะ คุณลันขึ้นไปอาบน้ำเถอะค่ะ เหงื่อเต็มตัวขนาดนั้น ส่วน ‘แขก’ ยุรินดูแลให้เองค่ะ”
มยุรินจงใจเน้นคำพูดว่าแขกกับชงโคหมายจะให้อีกฝ่ายรับรู้ฐานะของตัวเอง แต่ใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินของชงโคกลับทำให้มยุรินเองที่หงุดหงิด
“จำปี...จำปีเอาน้ำให้แขกหน่อย คนเรานี่ก็แปลกนะจำปีมาได้ทุกวี่ทุกวัน ผู้ชายเขาก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรด้วยก็ยังหน้าด้านมาหาเขาถึงที่ จำไว้นะจำปี...แกอย่าได้ทำแบบนี้นะ เป็นผู้หญิงมันไม่งาม อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณชงโค ฉันมัวแต่อินกับละครไปหน่อยค่ะ ดูสิคะว่ามันหน้าด้านขนาดไหนตามพระเอกต้อยๆ ขนาดนั้น”
ชงโคเพียงแต่ยิ้มรับเล็กน้อยและเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกราวกับไม่สนใจในสิ่งที่มยุรินพูดแม้แต่นิดเดียว และนั่นก็ทำให้แม่บ้านสาวหงุดหงิดเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินหน้าง้ำเข้าไปในครัว ชงโคมองตามหลังมยุรินพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยพยายามไม่ถือสากับกิริยาของมยุริน แต่สิ่งที่มยุรินพูดก็เป็นเรื่องจริง ลวรรษไม่เคยแสดงอาการอะไรสักครั้งที่ทำให้เธอคิดไปว่าเขากำลังมีใจให้
รอยยิ้มของหญิงสาวแย้มออกมาอย่างขื่นๆ ก่อนจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนจนเห็นร่างสูงเดินลงมานั่งสมทบกับเธอที่โซฟาพร้อมกับสีหน้าที่สดชื่นขึ้น
“ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลันจะได้สบายตัวไงคะ”
ลวรรษยิ้มออกมานิดหน่อยกับคำพูดของชงโค ผู้หญิงคนนี้เข้าใจคนอื่นเสมอ ไม่ทวงถามกับสิ่งที่เขาพยายามอย่างมากที่จะให้เธอ แต่ยิ่งพยายามเท่าไร เขากลับลำบากใจเองทุกครั้ง จนเดี๋ยวนี้เขาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และคิดว่าความดีของชงโคจะทำให้หัวใจของเขาหันมามองเธอได้ในไม่ช้า
“ผมว่าเราไปกันเถอะครับ เดี๋ยวคุณโชคจะรอ”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกับชายหนุ่ม เป็นเวลาพอดีกับที่มยุรินถือปิ่นโตสำหรับใส่อาหารมาเช่นเดียวกัน
“นั่นไง ยุรินมานั่นแล้ว ไปกันเถอะครับ”
คิ้วเรียวของมยุรินขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากของลวรรษ เขาไม่ได้กินข้าวเย็นที่บ้านหรอกหรือ
“คุณลันไม่ได้กินข้าวเย็นที่บ้านหรือคะ ยุรินนึกว่าคุณลันให้ทำแกงเอาไปฝากคุณโชคแค่นั้น”
“เปล่า วันนี้ฉันจะไปกินข้าวกับคุณชงโค”
ร่างสูงพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินแตะข้อศอกให้ชงโคเดินตามเขาไป มยุรินเห็นภาพความสนิทสนมนั้นถึงกับเม้มเรียวปากตัวเองแน่น สายตาวาววับมองเขม็งตามหลังสองคนนั้นไปทันทีอย่างไม่พอใจ จนจำปีที่เดินมาสมทบตามหลังถึงกับถอยหลังไปอย่างรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เพราะถ้าคุณยุรินแสดงอาการแบบนี้อีกพักเดียวระเบิดต้องลงแน่ๆ
ดวงตาหวาดหวั่นของมัญชุลิกามองไปรอบด้าน เธอคาดคะเนเวลาเดินทางผิดไป กะว่าจะถึงเมืองกาญจนบุรีเร็วกว่านี้ เพราะคิดว่าเธอมีที่อยู่ในเมือของลวรรษแล้วเธอคงหาเขาได้ไม่ยาก แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด หญิงสาวมองเศษกระดาษหนังสือนิตยสารฉบับหนึ่งในมือด้วยประกายตาหวานวันนั้น เธอเห็นข่าวนี้โดยบังเอิญ ข่าวการสัมภาษณ์ของโชค เจ้าของไร่อ้อยที่มีชื่อเสียงของเมืองกาญจนบุรี และเพียงแค่เสี้ยวหน้าเล็กๆ ของคนงานกลุ่มหนึ่งนั้นมันก็ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงอย่างไม่คิดชีวิต เธอจำลวรรษได้อย่างแม่นยำ ต่อให้เห็นเขาในระยะไกล เห็นแค่ครึ่งหน้า แค่เสี้ยวหน้าด้านใดด้านหนึ่งก็เถอะเธอก็จำได้ มัญชุลิกาตัดข้อความพร้อมกับชื่อไร่นั้นมาเก็บเอาไว้ เพราะนี่เป็นเพียงข่าวสารชิ้นเดียวที่เธอได้รับจากลวรรษ ผู้ชายที่หายไปจากชีวิตเธอหลายปี
หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเต้นอย่างหวาดหวั่น เมื่อสองข้างทางรอบตัวเธอในตอนนี้มีแต่ต้นอ้อยเต็มไปหมด จากการสอบถามทำให้เธอได้รู้ว่าลวรรษมีไร่อ้อยเป็นของตัวเอง เขากำลังเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่พี่ชายของเธอตกต่ำแย่ลงไปทุกที และตอนนี้เมชัชก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ความร้อนผ่าววิ่งไปทั่วดวงตากลมโตของหญิงสาวอีกครั้งเมื่อคิดถึงพี่ชายที่จากไป ก่อนจะเธอจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความเข้มแข็งให้กับตัวเอง ตั้งแต่เช้าอาหารยังไม่ตกถึงท้องเธอแม้แต่นิดเดียว ด้วยความกังวล รีบเร่ง กลัวว่าจะหาไร่ของลวรรษไม่เจอทำให้เธอละเลยส่วนนั้นไป
เท้าเล็กชะงักกึกด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับมองเลิ่กลั่กไปรอบด้านด้วยความตื่นกลัว เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นเงาๆ อะไรรางๆ ตรงหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกนกยูง ใจเย็นๆ เข้าไว้...ไม่มีอะไร”
เสียงหวานพึมพำปลอบตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เธอตัดสินใจมาหาลวรรษทันทีที่งานศพของเมชัชเสร็จสิ้น ไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น มือบางกำเศษกระดาษชิ้นเล็กที่อยู่ในมือแน่น หญิงสาวชะงักฝีเท้าตัวเองอีกครั้งเมื่อเสียงของคนแว่วเข้ามาในหูของเธอ แววตายินดีของหญิงสาวปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอเห็นคนแล้ว...ความหวังที่จะได้เจอลวรรษเสียทีกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนของชนบทที่ห่างออกมาจากตัวเมืองมักมืดเร็วเสมอ เส้นทางตลอดทางเดินที่เข้าไร่มานี่ก็มีเพียงแสงไฟส่องทางนานๆ ที ไม่ได้ช่วยให้ความมืดนั้นจางลงไปเลย “ไอ้เทือง วันนี้เข้าเมืองกันไหม ไม่ได้เข้าเมืองมานานแล้ว”“เออ...ดีเหมือนกัน คิดถึงน้องกุ้งเหลือเกินแล้ว”เสียงหัวเราะของประสานดังขึ้นพร้อมกับประเทือง เมื่อคิดถึงหญิงกลางคืนคนหนึ่ง เขาไม่ได้ไปเที่ยวในเมืองพักผ่อนมาหลายวันแล้ว มัวแต่กรำกับงาน วันนี้ถือว่าสบโอกาสเสียที ก่อนที่ประเทืองจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นใครบางคนวิ่งตรงมาหาพวกมันอย่างยินดี แต่คนที่ยินดีเมื่อสักครู่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงประเทืองอุทานออกมาพร้อมกับมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาหวาดหวั่น“ไอ้สาน มึงตบกูหน่อยสิวะว่ากูฝันไปหรือเปล่า ที่เห็นนางฟ้าอยู่ตรงหน้า”ประสานก็ทำตามเพื่อนบอกทันที เขาฟาดมือไปที่ใบหน้าเพื่อนทันทีอย่างแรง จนทำให้ประเทืองร้องออกมาลั่นด้วยความเจ็บปวด“ไอ้สาน มึงจะตบกูทำไมวะ!”“อ้าว...ไอ้เทือง เมื่อตะกี้มึงบอกให้กูตบมึงเองนะ แต่ก็ขอบอกเลยว่ามึงไม่ได้ฝันหรอก นางฟ้าอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ ด้วย คนอะไรสวยฉิบ”สานตอบเ
เสียงรถทำให้มยุรินที่กำลังสั่งงานกับสาวใช้อยู่นิ่วหน้าและหันไปมองรถคันที่เธอไม่อยากจะคุ้นหูคุ้นตานั่นเสียเลย แต่พอเห็นร่างสูงของลวรรษเดินลงจากรถรอยยิ้มของมยุรินก็แย้มออกมาบนใบหน้าของเธอทันที ร่างบางถลาเข้าไปหาลวรรษอย่างยินดี แต่รอยยิ้มของแม่บ้านสาวก็ต้องเลือนหายไปจากใบหน้าเช่นเดียวกันเมื่อเห็นร่างบางของชงโคลงมาพร้อมกับลวรรษด้วยเช่นกัน นังชงโคนี่เกาะไม่ปล่อยจริงๆ เมื่อไรนะผู้หญิงคนนี้ถึงได้ออกไปจากเส้นทางความรักของเธอเสียที นับวันชงโคยิ่งใกล้ชิดกับลวรรษมากยิ่งขึ้น ดีนะที่ลวรรษไม่เคยเอ่ยปากออกมาว่าชงโคมีความสำคัญอย่างไรกับเขา แต่เธอก็ไว้ใจในตัวชงโคไม่ได้ ผู้หญิงด้วยกันดูออกว่าแท้ที่จริงแล้วชงโคคิดอย่างไรกับลวรรษ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ผู้ชายเขาไม่เคยแสดงออกมาว่าชอบตัวเองเลยสักครั้ง ยังมีหน้ามาตามตื้อเขาอยู่ได้“ยุริน เดี๋ยวช่วยทำแกงส้มชะอมทอดให้ด้วยนะ ฉันจะเอาไปฝากคุณโชค”“ได้ค่ะ...ยุรินขอไปเตรียมของก่อนนะคะ คุณลันขึ้นไปอาบน้ำเถอะค่ะ เหงื่อเต็มตัวขนาดนั้น ส่วน ‘แขก’ ยุรินดูแลให้เองค่ะ”มยุรินจงใจเน้นคำพูดว่าแขกกับชงโคหมายจะให้อีกฝ่ายรับรู้ฐานะของตัวเอง แต่ใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินของชงโ
“ฉันไม่มีสมบัติอะไรติดตัวอีกแล้ว นอกจากเสื้อผ้า ซึ่งฉันคงต้องรบกวนฝากไว้ที่บ้านแกก่อน ส่วนตัวฉันจะรีบไปทำในสิ่งที่ฉันสัญญาเอาไว้กับพี่ชัชให้เร็วที่สุด และเป็นสิ่งเดียวที่พี่ชัชอยากได้ยินก่อนตายนั่นก็คือคำยกโทษจากผู้ชายคนนั้นต่อให้เขาจะทุบจะตี โกรธและเกลียดฉันมากขนาดไหน ฉันก็จะพาเขามาอโหสิกรรมต่อหน้าเถ้ากระดูกของพี่ชัชให้ได้”พอสิ้นเสียงสั่นสะท้านของมัญชุลิกาเท่านั้นหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง นับตั้งแต่เมชัชสิ้นลมเธอก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของเพื่อนสาวอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ วันที่ร่างกายของเมชัชเหลือเพียงเถ้ากระดูก แต่พอพูดถึง ลวรรษ ความเสียใจ น้อยใจ สารพัดก็ถาโถมเข้าสู่หัวใจของเธอจนไม่อาจกินทนต่อความเจ็บปวดได้ไหว ทั้งๆ ที่เธอเพียรพยายามบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าให้ลืมเขา แต่ยิ่งทำอย่างนั้นภาพของลวรรษก็ยิ่งตราตรึงในหัวใจของเธอแน่นกว่าเดิม“แล้วแกรู้หรือว่าเขาอยู่ไหน”ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาเหม่อมองยอดเมรุนั้นอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอในภายภาคหน้า แต่สิ่งที่เธอสัญญากับเมชัชเอาไว้ เธอจะต้องทำให้ได้ ความหวาดหวั่นเกาะกินหัวใจดวงน้อยของเธอเมื่อคิดว่ายา
“งั้นฉันขอเงินที่ลงทุนของฉันคืน...แกก็รู้ว่านั่นคือเงินเก็บก้อนเดียวในชีวิตของฉัน”“ไอ้ลัน...อย่างแกบอกใครเขาจะเชื่อว่าแกจะมีเงินเก็บเยอะขนาดนั้น เอาน่า...คราวต่อไปฉันจะแบ่งให้แกเยอะกว่านี้”ใบหน้าของลวรรษซีดเผือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดวงตาคู่คมวาวโรจน์ด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดชั่วๆ ของเมชัช น้ำเสียง สีหน้า ไม่มีความสำนึกผิดสักเล็กน้อย ยังมีหน้ามาพูดกับเขาแบบนี้อีก“นี่แกคิดจะโกงกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้หรือ ไอ้ชัช”“ฉันจะบอกอะไรให้นะไอ้ลัน ในวงการธุรกิจมันไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันหรอก เล่ห์เหลี่ยมกลโกงมันมีเต็มไปหมด...ถ้าอยากยืนบนโลกแห่งธุรกิจ แกควรคิดหรือทำเสียว่าเรื่องที่กำลังเกิดกับแกเป็นเรื่องปกติ และวงการนี้มันเชื่อใจใครไม่ได้”“แม้แต่เพื่อนอย่างแกหรือไอ้ชัช”เสียงหัวเราะในลำคอของเมชัชยิ่งทำให้ลวรรษแค้นใจจนแทบกระอักเลือด ใช่...ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่ไว้ใจได้สักคนเดียว แม้กระทั่งคนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนแท้อย่างเมชัช“ทุกอย่างมันเป็นไปตามวัฏจักรของมัน แกควรคิดอย่างนี้ไอ้ลัน”ดวงตากร้าวเต็มไปด้วยโทสะและความผิดหวังมองข้ามไหล่ของลวรรษไปทันที เมื่อเห็นร่างบางข
เกล็ดน้ำตาใสวาวราวกับน้ำค้างหยาดรินไหลอาบสองแก้มบอบบางช้าๆ ประหนึ่งเม็ดฝนไหลรินจากท้องฟ้าอย่างไม่ขาดสายราวกับสายเลือด กระบอกตาทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวปวดร้าวไปหมด แต่ความรู้สึกทั้งหมดต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ริมฝีปากสั่นระริกค่อยๆ ฝืนแย้มรอยยิ้มออกมา มือเล็กสั่นระริกบีบมือที่ผอมซีด เห็นเส้นเลือดปูดออกมานอกผิวหนังจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของพี่ชายเอาไว้ หยาดน้ำที่คอยจะรินไหลออกมาอีกถูกผลักให้ไหลย้อนกลับเข้าไปในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เธอจะไม่ยอมให้พี่ชายที่เธอรักเป็นห่วงอีกต่อไป“นกยูง...นกยูงของพี่ พี่ขอโทษ...ขอโทษ...ที่คอยแต่ทำให้นกยูงเสียใจ พี่มันเลว...สมควรแล้วที่ชีวิตเป็นแบบนี้ อย่าโกรธพี่นะ...อย่าโกรธ”น้ำตาที่ถูกกล้ำกลืนเข้าไปในอกแทบจะไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินถ้อยคำแหบพร่าของพี่ชาย เรียวปากบางสั่นระริกพยายามฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอนั้นออกไปอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชัช...ไม่เป็นไรเลย พี่ชัชไม่ต้องพูดอะไรอีกนะคะ พักผ่อนเถอะ”“นกยูงน้องรักของพี่...พี่คงไม่ได้อยู่ดูแลน้องอีกแล้ว พี่ขอโทษ ถ้าพี่ไม่พูดตอนนี้คงไม่มีโอ







