Wanna be yours
ตอนที่ 1.2
มองผ่าน
ในระหว่างนี้เอง เสียงของพี่ชายก็ดึงสติเธอให้ตื่นจากภวังค์
“เย็นนี้พี่ไม่ว่าง ไว้ให้ไอ้เปอร์มันรับเรากลับห้องแทน” ว่าพลางนับคลื่นก็กอดคอน้องเข้าหาตัว สายตาดุ ๆ หลุบมองผ่านเรียวขาขาวเนียนพร้อมบ่นให้ได้ยินแค่สองคน “ใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้ ถ้าแม่รู้ได้โดนตีขาลาย”
“พี่คลื่นก็อย่าบอกแม่สิ” คนตัวเล็กอึกอักหน้างอ พยายามดึงชายกระโปรงทรงเอด้วยท่าทางปั้นปึ่งเหมือนทุกที “ถ้าพี่ไม่บอกแม่ก็ไม่รู้”
“มันน่าโดนตีสักที” นับคลื่นขมวดคิ้วผลักหัวน้องเบา ๆ หากไม่ติดว่านับดาวเป็นลูกสาวคนเล็กที่คนทั้งบ้านประคบประหงมเป็นอย่างดี ก็เขาเองนี่แหละที่จะฟาดให้สักที “อยู่กับพี่ต้องเชื่อฟังให้มาก ๆ เข้าใจไหม?”
“ไม่ฟังพี่คลื่นแล้วดาวจะฟังใคร?” คนอยู่เป็นรีบพยักหน้าหงึกหงัก กับพี่คลื่นเธอเป็นเด็กดีเสมอนั่นแหละ
ถึงอีกฝ่ายก็ถอนหายใจเบา ๆ กับท่าทีประจบประแจงด้วยสายตากึ่งขันระคนเอ็นดู “พูดรู้เรื่องก็ดี”
“อือ”
สำหรับคนอื่นนับคลื่นอาจเป็นคนเอะอะโผงผางไม่น่าคบค้าสมาคม แต่สำหรับน้องสาวอย่างนับดาว พี่ชายเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันภัยอย่างดี คุ้มครองจากผู้ชายที่รายล้อมรอบตัวในรั้วมหาวิทยาลัย เห็นจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พี่ ไว้วางใจ พอให้ได้ไปรับไปส่งน้องสาวบ้างในบางที
“ไอ้เปอร์เย็นนี้ฝากรอรับน้องกูไปส่งที่ห้องด้วย”
“อาฮะ” ฮาร์เปอร์ผงกศีรษะรับคำ สายตาจับมองใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาของคนในวงแขนเพื่อนสนิทที่เขามีโอกาสได้ดูแลบ่อยครั้ง “ให้กูพาดาวไปกินมื้อเย็นเลยไหม?”
“มึงพาไปกินดิ กว่ากูจะถึงห้องคงค่ำ ๆ”
“ไม่เป็นไร” นับดาวอึกอักค้านเสียงไม่เห็นด้วย เธอไม่ต้องการให้ใครต้องลำบากจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิพี่ชายด้วยหางตา และสายตาแบบที่ว่าก็ทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับเลิกคิ้วมอง
“ไปกับมันนั่นแหละดีแล้ว” นับคลื่นยอมรับว่าในบรรดาเพื่อนสนิทเขาวางใจฮาร์เปอร์มากที่สุดเพราะคบมานานกว่าทุกคน “หน้าแบบมันไม่ทำไรเราแน่ ถ้ามันทำเหี้ยใส่เราเมื่อไรก็มาฟ้อง”
“ดาวแค่เกรงใจ” อารามลนลานพลันวาบฉายผ่านดวงตากลมโต พี่ชายเธอพูดแบบนี้ได้ยังไง คนอื่นเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย ยิ่งคนถูกพาดพิงถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม…
นับดาวก็ยิ่งอาย…
“กูเนี่ยนะจะเหี้ยกับดาว? น้องมึงก็เหมือนน้องกู” ก็ฮาร์เปอร์คนนี้ไม่ใช่หรือไงที่ช่วยทำหน้าที่แทนพี่ชายตัวดีที่ชอบหายหัวไปบ่อย ๆ
“มึงประเสริฐสุดในปฐพี” นับคลื่นก็จำต้องเออออห่อหมกอวยยศให้คนซึ่งตั้งท่าแยกเขี้ยวด้วยเสียงกึ่งขันกึ่งหน่าย “ไม่งั้นน้องกูคงไม่ถามหาบ่อย ๆ”
“ดาวเปล่าสักหน่อย” แค่ได้ฟัง นับดาวก็ถึงกับตะกุกตะกักเสียงหลง “ดะ… ดาวไม่ได้ถามหาใคร”
แต่อีกสองคนก็คล้ายจะไม่ได้ยินคำแก้ตัวของเธอ…
“ก็แหงดิ กูประคบประหงมน้องมึงยิ่งกว่าพี่แท้ ๆ”
“อยากได้โล่พี่ชายดีเด่นว่างั้น?”
“ไม่ต้องได้โล่ ก็เห็นอยู่” ฮาร์เปอร์เหยียดยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี ขณะที่พี่ชายแท้ ๆ ก็ตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจจะต่อปากต่อคำ
“เอาเหอะ จะเอากี่โล่ก็เรื่องของมึง”
ในระหว่างที่สองหนุ่มสนทนา คนอื่นก็กำลังให้ความสนใจกับบางอย่างห่างออกไปทางด้านหนึ่ง และการพยักพเยิดเรียกของ สิบทิศ ซึ่งนั่งเท้าคางชำเลืองหางตาไปที่ฮาร์เปอร์ก็ดึงสายตาคนที่เหลือให้หันมองตามเป็นตาเดียว
“เจ๊มึงมาว่ะไอ้เปอร์” คนให้ข้อมูลคือ คีน หนุ่มสกินเฮดเพียงหนึ่งเดียวที่ผุดยิ้มมุมปากกับภาพที่ต่างได้เห็นโดยพร้อมเพรียง
เจ๊ ที่ได้รับการเอ่ยถึงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น น้ำฟ้า รุ่นพี่ปีสี่สุดฮอตที่หนุ่ม ๆ ค่อนคณะหมายตาต้องใจ
“เจ๊กูที่ไหน กูไม่มีพี่สาว” น้ำเสียงของฮาร์เปอร์เปลี่ยนไปก็ตอนนี้พร้อมกับการส่งสายตาปรามให้ทุกคนเงียบเสียงแซว ก่อนร่างสูงจะเร่งร้อนเดินผละห่างออกไป “เดี๋ยวกูมา”
“ตอแหลจริง ๆ เมื่อคืนแม่งเพิ่งโดนผัวชาวบ้านซัดหน้ามาแท้ ๆ” คีนส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา กระนั้นอารมณ์ตื่นเต้นก็ประดับชัดในสีหน้า “พวกมึงว่าเจ๊ฟ้ามาหาไอ้เปอร์ถึงที่แบบนี้หมายความว่าไง?”
“ไม่เลิกกับผัว ก็อยากให้ความหวังเพื่อนมึงไง” นับคลื่นตีหน้าเรียบเฉยให้ข้อสันนิษฐาน และคำที่ว่าก็ทำเอาทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน
กระทั่งนับดาวก็ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองคนที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจ ด้วยรู้ดีแก่ใจเรื่อง คนที่เธอแอบชอบ มีใจให้ ผู้หญิงคนอื่น มาได้นมนาน
แม้จะรู้สึกหน่วงหนักที่กลางอก แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสถานะเป็นแค่น้องสาวเพื่อนสนิทเขา อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่เคยรับรู้ว่าเธอมีใจให้ ทว่าภาพที่ได้เห็นก็ทำให้ต้องรู้สึกวูบโหวงในหัวใจอยู่ดี
กับสาวคนอื่นฮาร์เปอร์ก็แค่หมาหยอกไก่ใช่ว่าจะจริงจัง ต่างจาก คนนี้ ที่นานพอสมควรก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความสัมพันธ์ นับดาวกลัวก็แต่รุ่นพี่ที่ชื่อว่าน้ำฟ้าจะเลิกรากับแฟนแล้วจริงตามข้อสันนิษฐานของพี่ชายเธอ
หากเค้กซึ่งพี่เปอร์ให้ความสนใจเมื่อครู่ถูกวางทิ้งไว้เหมือนถูกลืม ตอนนี้นับดาวก็รู้สึกเหมือนถูกมองผ่านไม่ต่างกัน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้างกับผู้หญิงอีกคนมากเท่าไร ก็ยิ่งทำใจมองได้ยากมากขึ้นทุกที
“ดาวไปก่อนนะพี่คลื่น” ร่างเพรียวบางพลันหยัดกายขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกันเจ้าเอยก็ลุกตามด้วยสีหน้าปั้นยากแบบที่คงไม่มีใครเข้าใจ
“ถึงเวลาเรียนแล้วรึไง? จะรีบไปไหน?” นับคลื่นถึงกับยกข้อมือขึ้นดูเวลา ปกติหากน้องสาวมาหาก็มักจะนั่งอยู่ด้วยนานกว่านี้
“ดาวว่าจะไปซื้อน้ำที่แคนทีนก่อน แล้วจะขึ้นอาคารเลย” ซื้อน้ำที่ไหนกัน นับดาวแค่ไม่อยากมองภาพบาดตาบาดใจก็เท่านั้น
“งั้นตอนเย็นมีไรโทรหาพี่แล้วกัน” พี่ชายพยักหน้าให้โดยไม่ติดใจจะเซ้าซี้ให้มากความเช่นกัน
ส่วนคนซึ่งนั่งรวมกลุ่มก็เพียงส่งเสียงบอกลาสองสาวที่พากันจูงมือเดินห่างออกไป ไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าน้องสาวคนสวยของเพื่อนที่บัดนี้ฉายชัดถึง ความรู้สึกบางชนิด ที่ชัดจนไม่รู้จะชัดอย่างไร
นับดาวยอมรับว่าบางครั้งก็เก็บอาการได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ในจังหวะที่เดินผ่านร่างสูงของฮาร์เปอร์ และได้สานสายตาชั่วเสี้ยววินาที ก็ไร้รอยยิ้มน้อย ๆ ในสีหน้าเหมือนอย่างทุกที
ขณะเดียวกันฮาร์เปอร์ก็หรี่ตามองตามร่างบางคุ้นตาที่เดินห่างออกไปด้วยความงุนงง วันนี้เขายังไม่ทันได้หาเรื่องคุยเล่นกับหญิงสาวเลยแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับเดินไปนู่นเสียแล้ว
“เปอร์ ฟังเจ๊อยู่ไหม?”
“ว่าไง?” สติของเขาคืนกลับมาก็ตอนที่ฝ่ามือของคู่สนทนาโบกผ่านใบหน้า คิ้วหนาคลายปมซึ่งขมวดชิดพยายามปั้นยิ้มกว้างให้คนที่เขาเองมีใจให้มานานกว่าสามปี
“ถ้าเปอร์ว่างหาเวลาให้เจ๊สักวันสิ”
“ก็พอจะว่าง” แม้ปากคล้ายจะตอบรับ กระนั้นเจ้าของคำตอบก็เลียริมฝีปากด้วยใจลังเล
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ แม้คนตรงหน้าจะยังสวยเหมือนเดิม รอยยิ้มก็น่าประทับใจไม่ต่างจากเคย แต่เป็นฮาร์เปอร์เองที่วันนี้เอาแต่ขมวดคิ้วมองตามคนบางคนที่กำลังหยุดยืนคุยกับเพื่อนห่างออกไปทางด้านหนึ่ง
“แล้วเปอร์จะว่างเมื่อไร?”
“…”
“เปอร์?”
“เดี๋ยวผมบอกอีกที”
“บอกอีกที?” น้ำฟ้าอดไม่ได้ที่จะมองตามสายตาของคนที่ราวกับจะไม่มีสมาธิสนทนาเท่าที่ควร ก่อนจะไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก็แค่น้องสาวเพื่อนสนิทเท่านั้นเอง “งั้นคืนนี้เปอร์โทรมาบอกอีกทีแล้วกัน”
“อืม ไว้โทรไป”
“เจ๊จะรอนะ”
“เค”
ร่างเพรียวระหงของรุ่นพี่คนสวยผละจากไปแล้ว เหลือเพียงอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม นิ่งคิดเพียงครู่ฮาร์เปอร์ก็ปัดหน้าจอสมาร์ตโฟนเข้าแอปพลิเคชันสำหรับแชตในทันที
ฮาร์เปอร์ : ทำไมวันนี้ไปไว?
ฮาร์เปอร์ : จะขึ้นเรียนแล้ว?
ฮาร์เปอร์ : เค้กอร่อย อยากกินอีก
ระหว่างรัวนิ้วลงบนหน้าจอ ดวงตาคมกริบก็ทอดจับอยู่ที่บุคคลซึ่งต้องการจะสนทนา น้องสาวเพื่อนเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่ามีคนหล่อทักไป แต่เจ้าตัวกลับปั้นหน้างอ ยัดสมาร์ตโฟนเข้ากระเป๋าถือโดยไม่แม้แต่จะกดอ่าน อีกทั้งไม่คิดจะหันมองกลับมา
การตอบสนองที่ได้รับทำเอาคนส่งถึงกับต้องขมวดคิ้วอ่านข้อความที่ส่งไปอีกสักที ฮาร์เปอร์ก็พูดเล่นเป็นปกติ แต่ไหงวันนี้ต้องรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกเห็นแก่กิน คิดแต่จะแดกฟรี
“ทุเรศฉิบ”
แม้อยากพิมพ์อะไรเพิ่มอีกสักหน่อย ทว่าพิมพ์แล้วก็ต้องกระแทกนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อลบทิ้ง สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา ยัดสมาร์ตโฟนเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม