Wanna be yours
ตอนที่ 2.2
สัมผัส
สองชั่วโมงต่อมา
นับดาวเคยคิดว่าหากมีโอกาสได้ทำอะไร สองต่อสอง กับคนที่เธอแอบชอบก็คงจะดีต่อใจมิใช่น้อย กระทั่งคิดว่าบางทีอาจพอมีตัวตนในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง และหากจะคิดไปไกลกว่านั้นก็ไม่ปฏิเสธว่าหวังที่จะได้รับความชิดใกล้มากยิ่งกว่าที่เคย ทว่าเมื่อถึงเวลาจริงก็ราวกับจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
โรงภาพยนตร์ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในขณะนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนซึ่งจับจองที่นั่งจนเต็ม เพราะเป็นวันแรกที่หนังจากค่ายใหญ่เข้าฉายคนข้าง ๆ จึงสำรองที่นั่งชั้นพิเศษไม่ทัน ตอนนี้ระหว่างทั้งคู่เลยรายล้อมด้วยลูกค้าคนอื่นที่นั่งติดกันแบบเบาะชนเบาะ
เวลาฉายเดินหน้าไปนานกว่าค่อนชั่วโมงระหว่างเธอและเขาก็ยังไร้วี่แววว่าจะได้ชิดใกล้แบบที่คนคิดไม่ซื่อหวังจะให้เป็น แต่แม้จะ หวังสูง นับดาวก็ใช่ว่าจะใจกล้าอย่างที่สมองคิด สุดท้ายเลยได้แต่นั่งกอดอกกะพริบตามองภาพบนจอขนาดยักษ์โดยสาระสำคัญของภาพยนตร์แทบไม่เข้าโสตประสาทเลยแม้แต่นิดเดียว
กระทั่งวินาทีหนึ่งจู่ ๆ ฮาร์เปอร์ก็ยกพนักพักแขนระหว่างเบาะขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ขยับมา”
น้ำเสียงที่ผิดปกติไปจากทุกทีของเขาทำเอานับดาวต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะได้เห็นดวงตาคมกริบหันมองไปที่อีกข้างของตัวเธอ ไม่ทันได้ทำตามคำสั่ง ร่างบางก็ต้องแข็งเกร็งเมื่อคนตัวโตสอดมือผ่านแผ่นหลังรวบดึงบั้นเอวเธอเข้าประชิดตัวอย่างแรง
“พะ… พี่” เสียงแผ่วกระซิบอึกอักในลำคอเมื่อจู่ ๆ ก็ได้รับความชิดใกล้โดยไม่ทันได้ตระเตรียมใจ ทว่าฮาร์เปอร์ก็ยังคงไม่อธิบายความ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่สงบนิ่งจนคนตัวเล็กจำต้องเงียบเสียงลง
นับดาวอ่านท่าทีของเขาถึงได้รู้ว่าที่เบาะถัดไปอีกข้างคือกลุ่มผู้ชายสามคนกำลังกระซิบกระซาบมองเรียวขาของเธอซึ่งนั่งไขว่ห้างด้วยสายตาแทะโลม ทว่าเมื่อกลุ่มคนแปลกหน้ารับรู้ถึงการตอบสนองแบบที่เรียกได้ว่า ไม่พอใจ จากคนบางคน ก็พากันละความสนใจกลับไปด้วยท่าทีลนลาน
“พี่เปอร์” นับดาวยังคงตะกุกตะกักเสียงแผ่ว หันมองกลับมาที่คนซึ่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว
เพื่อนของพี่ชายไม่ได้ขยายความการกระทำ มีเพียงสัมผัสราวกับจะจงใจ แสดงความเป็นเจ้าของ เท่านั้นที่ยังคงแนบชิด ฝ่ามือกระด้างวางบริเวณตำแหน่งอันตรายอย่างระหว่างขาอ่อนกับกระโปรงตัวสั้น กระทั่งท่อนแขนแข็งแรงก็เบียดชิดใต้ทรวงอกนุ่มนิ่มโดยที่เขาก็คงไม่รู้ตัว หรือแม้แต่จะรู้ นับดาวก็ไม่คิดปฏิเสธสัมผัสที่เธอเองก็อยากจะได้รับเช่นเดียวกัน
เพราะรู้จักกันมานาน นับดาวรู้ดีว่าในสายตาคนนอกฮาร์เปอร์ก็เป็นคนประเภทใกล้เคียงกับพี่ชายของเธอ แม้จะไม่เคยได้รับท่าทีเยือกเย็นดุดันจากเขาโดยตรง แต่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น
และแม้รู้ดีว่าการกระทำในขณะนี้ของเขามีจุดประสงค์เพียงเพื่อข่มขวัญคนอื่น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดเข้าข้างตัวเองจนใจเต้นแรง
กระดุมเสื้อนิสิตซึ่งรัดรึงทรวงอกแทบจะปริจากกันอยู่แล้วเพราะเต้าอวบอัดมีขนาดใหญ่เกินมาตรฐาน ก็หากหัวใจยังกระหน่ำเต้นโครมเต้นครามไม่หยุดแบบนี้มีหวังเม็ดกระดุมคงได้หลุดกระเด็นในสักวินาทีเข้าให้จริง ๆ
“หยุดขยับตัวแล้วดูหนังไป”
“อือ” นับดาวช้อนสายตามองเจ้าของคำสั่ง อีกฝ่ายคงนึกรำคาญที่เธอเอาแต่ขยุกขยิกตัวไปมา สุดท้ายเธอจึงต้องพยายามข่มความรู้สึกตัวเอง เอนกายเข้าซบความอบอุ่นจากอกกว้างอย่างคนฉวยโอกาสเอากำไร
อย่างไรก็ต้องไม่กระโตกกระตาก อย่างไรก็ต้องเลียนแบบท่าทางนิ่งสนิทของคนตัวโตเข้าไว้ ต้องทำเป็นไม่คิดอะไรเหมือนอย่างที่เขาทำ…
ขณะเดียวกันฮาร์เปอร์ก็ยังตวัดหางตาไม่ชอบใจไปที่ไอ้พวกเวรที่ตอนนี้เสือกจะตั้งอกตั้งใจดูหนังกันได้ เขาสังเกตมาสักพักแล้วว่ามีสายตาประหลาดแอบมองมาที่น้องสาวเพื่อนด้วยท่าทีแบบที่อ่านกันเข้าใจเฉพาะผู้ชาย ไอ้พวกเวรนี่ แม่งน่าเอาส้นตีนยันถีบหน้าเข้าให้สักทีจริง ๆ
รู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กก็มาอยู่ในวงแขนกำยำ ทั้งขณะนี้ความหอมหวานแบบผู้หญิงก็ราวกับจะทำให้เขาเสียสมาธิยิ่งกว่าเดิม ไหนจะบางจังหวะที่ตากลม ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองนี่ก็ด้วย
แม้จะกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจในตอนแรก แต่ฮาร์เปอร์ก็เพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้ว่าเรือนร่างผอมบางของคนที่เขาให้การดูแลนุ่มนิ่มไปทั้งตัว
และแม้อยากจะผละสัมผัสออกห่างจากสิ่งเย้ายวนใจชาย แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ อีกทั้งแม้สมองจะสั่งการแบบหนึ่ง ทว่าร่างกายเขากลับนิ่งสนิทไม่คิดจะแผ่วสัมผัสแม้แต่ขยับเดียว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“สนุกไหม?”
“อือ”
“เธอโทรบอกไอ้คลื่นทีว่าพี่กำลังพากลับ”
“อือ”
ภาพยนตร์จบลงแล้ว บัดนี้คนทั้งคู่อยู่บนรถญี่ปุ่นราคาแพงซึ่งกำลังแล่นไปตามเส้นทางโปร่งโล่งยามค่ำคืนด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ด้วยคนขับเกรงว่าอาจดึกดื่นเกินไปที่จะพาน้องสาวเพื่อนไปส่งให้ถึงที่หมาย
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศบนรถนานกว่านาที มีเพียงเสียง ต๊อกแต๊ก ต๊อกแต๊ก จากการรัวนิ้วบนหน้าจอของหญิงสาวเท่านั้นที่กำลังดัง
“ไอ้คลื่นว่าไง?” ฮาร์เปอร์ตั้งคำถามโดยไม่หันมอง เมื่อชั่วโมงก่อนนี้เองที่เพื่อนโทรหาเขาระหว่างที่กำลังอยู่ในโรงหนัง
“พี่คลื่นไม่ว่าอะไร บอกแค่ว่ารีบกลับ”
นับดาวหันหน้าจอสมาร์ตโฟนส่วนตัวให้คนขับได้ดู เธอสังเกตเอาจากการเหยียบคันเร่งที่เร่งร้อนเกินพอดีของเขา พี่เปอร์อาจเกรงว่าจะโดนพี่คลื่นซักไซ้ถาม สุดท้ายเธอจึงเสนอทางออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้สบายใจ
“เดี๋ยวดาวจะบอกพี่คลื่นว่าดาวอยากดูเองเลยชวนพี่ดูด้วยกัน”
“ไม่ต้อง” ฮาร์เปอร์ปัดตกเสียงเรียบ เรื่องอะไรที่เขาต้องให้น้องนุ่งออกหน้าแทน “มันถามว่าไงก็ตอบตามนั้น” ก็แค่อย่าเผลอหลุดปากถึงความชิดใกล้ในโรงภาพยนตร์ก็เป็นพอ
“แล้วพี่จะกลับเลยรึเปล่า? กินอะไรที่ห้องก่อนก็ได้นะ อยากกินอะไรดาวจะทำให้กิน”
“ไม่เป็นไร พี่มีนัดกับเพื่อนต่อ”
“ตอนนี้เหรอ?”
“ตอนนี้”
“อือ” นับดาวเพียงแค่ขานเสียงรับโดยไม่ละลาบละล้วงเพิ่มเติม
ความอบอุ่นเมื่อชั่วโมงก่อนยังไม่คลายจากตัวเธอเลยแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้ก็รับรู้ได้ว่าทั้งเธอและเขากำลังพยายามทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีความใกล้ชิดใด ๆ ที่จะต้องมานั่งถกประเด็นพูดถึงให้ใครต้องลำบากใจ แต่ความเงียบชวนรู้สึกวูบหวิวที่ภายในก็ดำเนินผ่านได้ไม่นาน
ถึงนับดาวไม่ต้องการละลาบละล้วงว่าอีกฝ่ายจะไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร ทว่าสายเรียกเข้าที่ดังขึ้น ประกอบกับชื่อบนหน้าจอสมาร์ตโฟนของฮาร์เปอร์ก็ราวกับจะเป็นคำตอบอย่างดีให้กับตัวเธอ
Rrrrrr
“ว่าไงเจ๊”
ทันทีที่คนขับยกสายขึ้นที่ข้างหู นับดาวก็ได้แต่ชำเลืองสายตามองเสี้ยวหน้าหล่อที่ไม่ทันได้หันสนใจกัน ก่อนเธอเองจะต้องเบือนหน้ามองไปด้านนอกกระจกรถด้วยความรู้สึกที่ต้องเผชิญอยู่บ่อย ๆ
รู้ดีแก่ใจว่าต้องพยายามไม่สนใจเสียงสนทนาของอีกฝ่ายกับคนปลายสาย แต่แม้ไม่อยากสอดรู้ให้ต้องปวดใจ กระนั้นสองหูก็ทำหน้าที่ได้ดียิ่งกว่าทุกวัน
สัมผัสชวนคิดไปไกลที่ได้รับนานนับชั่วโมงก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็เป็นเพียงการแก้ไขเหตุการณ์จำเป็นเฉพาะหน้าของเขาเท่านั้นเอง