Wanna be yours
ตอนที่ 3.1
เสนอตัวอีกครั้ง
หลายวันต่อมา
STUDIO M
นับดาวแทบไม่เจอหน้าฮาร์เปอร์เลยหลังจากเหตุการณ์ในโรงภาพยนตร์เมื่อคราวก่อน และคิดว่าอาจไม่ได้เจอไปอีกหลายวันหากเธอไม่ขอติดสอยห้อยตามนับคลื่นมาที่ สตูดิโอ
สตูดิโอถ่ายภาพขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนักตั้งอยู่ในระหว่างอาคารพาณิชย์สี่ชั้นทอดยาวไปตามแนวทางติดกับถนนในซอยละแวกไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยโดยมีลานจอดรถสำหรับลูกค้าที่ด้านหลัง
หลังจากกลุ่มเพื่อนรวมถึงตัวพี่ชายของนับดาวได้เปิดรับคิวงานถ่ายภาพ หนึ่งในสมาชิกร่วมหุ้นก็มักจะต้องแวะเวียนมานอนเฝ้าที่นี่เสมอ เพราะไม่ได้เปิดทำการตลอดเวลา จะเปิดเฉพาะวันที่มีนัดหมายกับลูกค้าเท่านั้น
ทว่าระยะหลังก็ได้ฮาร์เปอร์ที่แทบจะย้ายสำมะโนครัวมานอนที่นี่เป็นฝ่ายรับผิดชอบหน้าที่นี้แทนทุกคน นอกจากห้องย่อยที่ใช้สำหรับถ่ายภาพหลากหลายประเภทก็ยังมีห้องส่วนกลางที่บริเวณชั้นล่างสุด รวมถึงมีห้องพักผ่อนอยู่ที่ด้านบนชั้นดาดฟ้าอาคารด้วยอีกห้อง และห้องหลังนี้เองที่ฮาร์เปอร์ใช้สำหรับหลับนอนตอนกลางคืน
“ไงไอ้เปอร์” ร่างสูงของนับคลื่นเป็นคนแรกที่เดินเข้าสตูดิโอ ต่อด้วยนับดาวซึ่งกอดโน้ตบุ๊กแนบอยู่กับอกตามเข้ามาอีกคน
“หวัดดีพี่เปอร์” คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดกับกระโปรงยีนตัวสั้นเอ่ยทักทาย ริมฝีปากอิ่มผุดยิ้มหวานให้คนที่ไม่ได้เจอหน้านานหลายวัน
“ไง” ร่างโปร่งกำยำซึ่งทอดกายนอนบนโซฟาตัวยาวผงกศีรษะขึ้นมองการมาถึงของผู้มาเยือน ฮาร์เปอร์พยักหน้าให้สองพี่น้องเพียงเล็กน้อยก่อนตั้งท่านอนต่อ ทว่าก็ต้องสะดุ้งกายขึ้นนั่งเมื่อมีคนปาหมอนใส่เขาเต็มแรง
ปั้ก!
“ตื่นมาแดกข้าวก่อนแล้วค่อยนอน”
“เมื่อกี้ดาวกับพี่คลื่นแวะตลาดที่หน้ามอ พี่เปอร์ตื่นมากินก่อนสิ”
ร่างเพรียวบางรีบวางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะ กระวีกระวาดรับหน้าที่จัดการถุงอาหารเพื่อนำไปใส่จานอย่างกระตือรือร้น
ขณะเดียวกันฮาร์เปอร์ก็พยักหน้าส่ง ๆ ยกสองมือขึ้นกวาดลูบใบหน้าในท่าทางสะลึมสะลือหนักอย่างคนอดนอน สภาพท่อนบนเปลือยเปล่ารวมถึงเรือนผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ทำเอาคนเพิ่งมาถึงอย่างนับคลื่นส่ายศีรษะไปมา
“มึงได้นอนครั้งสุดท้ายชาติไหน?”
“ชาตินี้” คนอดนอนหัวเราะขึ้นได้ มุมปากเผยยิ้มขันกับคำที่ได้ยิน
โชคไม่ดีที่ก่อนหน้านี้ฮาร์เปอร์ดันรับคิวถ่ายภาพเพิ่มจนงานหลังบ้านล้นมือ ไม่ใช่เฉพาะต้องกดชัตเตอร์ถ่ายให้ได้แสงและเงาแบบที่ลูกค้าต้องการ เขายังต้องจัดการไฟล์ภาพเพื่อแต่งการแสดงสีบนจอแสดงผลด้วยอีกอย่าง
ก็หากยังมีลูกมือที่พอจะช่วยแบ่งเบาได้ก็คงดี แต่อย่างที่เห็นว่าไม่มีใครว่างพอจะมาช่วยงาน เพื่อนเขาก็มีเรื่องที่ต้องทำเช่นกัน ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะงานส่วนตัว ไหนจะเรื่องสาว บอกเลยว่าพวกแม่งยุ่งสุด ๆ ยุ่งฉิบหายจริง ๆ
“ไอ้คีนไปไหน?” นับคลื่นตั้งคำถามเมื่อสังเกตเห็นหมวกกันน็อกใบโตวางอยู่บนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบิ๊กไบค์ราคาแพงน่าจะอยู่แถวนี้ นอกจากฮาร์เปอร์แล้ว คีนก็เป็นอีกคนที่ขยันรับงานและเข้าสตูดิโอบ่อยที่สุด
“ไปตัดผมที่ร้านเฮียซ้ง ไอ้ทิศก็อยู่นั่นด้วย” คนให้คำตอบพยักพเยิดไปทางประตูกระจกบานโตซึ่งบัดนี้ปิดสนิท ร้านเฮียซ้ง ที่อ้างถึงเป็นร้านให้บริการตัดผม รวมถึงเปิดเป็นรับสักลายด้วยในตัว
“หัวแม่งก็โล้น ๆ ไม่รู้จะตัดเหี้ยอะไรนัก”
“เออ” ฮาร์เปอร์หัวเราะ ไม่รู้เพื่อนเขามันจะอยากเล็มเหี้ยอะไรนักผมก็มีอยู่ไม่กี่เส้นแท้ ๆ ทว่าจังหวะเดียวกันนี้เองที่ยิ้มกว้างเป็นอันต้องคลายลง เมื่อมีคนเดินกลับมาพร้อมจานใส่อาหารในมือ
แม้น้องสาวเพื่อนจะหน้าตาเหมือนเดิม ทั้งเรือนผมสีอ่อนที่มวยผมหลุดลุ่ย ทั้งยิ้มหวานแบบที่เจ้าตัวมักจะยิ้มให้เขาเสมอ กระทั่งท่อนบนอวบอัดที่ได้เห็นจนชินตาแม้ใส่เพียงเสื้อยืดธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ฮาร์เปอร์ถึงต้องดึงสติตัวเองหันเหความสนใจไปที่เพื่อนตัวโต
“มึงว่าไงนะ?” เขาไม่ทันได้ฟังสิ่งที่เพื่อนพูดจึงต้องถามย้ำทวนคำอีกครั้ง “อะไรเจ๊ฟ้า ๆ”
“กูบอกว่าไอ้คีนมันเจอเจ๊ฟ้า เห็นเขาว่าจะมาช่วยมึงทำงาน?” นับคลื่นถามอย่างให้ความสนใจ น่าแปลกที่ช่วงนี้ผู้หญิงคนนั้นโผล่มาบ่อย ๆ ต่างจากเมื่อก่อนที่ฝ่ายชายต้องเป็นคนวิ่งตาม
“เจ๊เขาโทรมาแล้ว” ฮาร์เปอร์ตอบรับส่ง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาสนใจผัดหมี่ตรงหน้ามากกว่า “กูก็ว่าจะตกลง มีคนช่วยดีกว่าไม่มี”
“ถ้ามึงว่างั้นก็ดี”
“ก็ดี ดีเหมือนกัน…” ทว่าจู่ ๆ เสียงห้าวก็ชะงักหยุดลง เมื่อบังเอิญสบตากับคนที่กำลังฉีกตะเกียบส่งต่อให้เขา
อาจเพราะได้ยินข้อมูลเมื่อครู่ เจ้าของริมฝีปากอิ่มจึงคลายรอยยิ้มลง ตาใสก็คล้ายจะมองค้อนเขาอยู่ในที เห็นท่าทีแบบนี้ฮาร์เปอร์ก็ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่านับดาวกำลังคิดอะไร
“ไอ้คีนมันให้กูตามไปที่ร้านเฮียซ้งว่ะ เห็นว่ามีรอยสักแบบใหม่มา”
“อาฮะ” ฮาร์เปอร์เพียงพยักหน้าให้ร่างสูงของเพื่อนที่ผุดกายขึ้นยืนกะทันหัน ขณะที่นับคลื่นก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาต่อ หันไปคุยกับคนเป็นน้องซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“เรานั่งเล่นอยู่นี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่มา”
“ดาวไปด้วยได้ไหม?”
“จะไปทำไม ที่ร้านนู้นมีแต่ผู้ชาย”
“เออ อยู่นี่แหละ” คนนอกร้องสนับสนุนอีกเสียง ฮาร์เปอร์พยายามคีบบะหมี่เข้าปากแต่เพราะสายตาไม่ได้ใส่ใจจะมองเลยคีบผิด ๆ ถูก ๆ ความสนใจทั้งหมดของเขาตอนนี้อยู่ที่ใบหน้าสวยซึ่งกำลังปั้นหน้างอ
“พี่คลื่นรีบมาแล้วกันนะ”
“เออ แป๊ปเดียวเดี๋ยวมา”
“อือ”
“เดี๋ยวกูมา”
“เออ” ฮาร์เปอร์โบกมือไล่เพื่อนอย่างไม่ใส่ใจ
และทันทีที่เหลือกันเพียงสองคน เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน ด้วยรู้ดีแก่ใจว่าท่าทางผิดปกติของหญิงสาวมาจากสาเหตุใด
“พี่ว่าเธอเอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่าจะมาช่วยพี่ทำงาน” เขาว่าตามจริง แต่คนตัวเล็กที่ราวกับจะมีอาการ น้อยใจ ก็ไม่แม้แต่จะตอบกลับ จนเขาจำต้องวางตะเกียบลง “โกรธทำไม? เธออยากมาเป็นลูกมือพี่นักรึไง?”
“ดาวไม่ได้โกรธสักหน่อย” นับดาวถึงกับขมวดคิ้วจ้องสบตา แน่อยู่แล้วว่าเธอ โกหก มีอย่างที่ไหนเธอเป็นฝ่ายเสนอตัวก่อนแท้ ๆ แต่ฮาร์เปอร์กลับเลือกคนอื่น
“ไม่โกรธ? แต่หน้างอเป็นตูด” ร่างสูงในสภาพเปลือยท่อนบนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้านั่งบนพนักพักแขนโซฟาตัวเดียวกันกับหญิงสาว “เรื่องแค่นี้เธอจะโกรธทำไม?”
“ดาวไม่ได้โกรธ แต่ดาวแค่… แค่งงว่าทำไมพี่ถึงจะรับคนอื่นก่อน ทั้งที่ดาวเสนอตัวก่อนตั้งหลายวัน”
“เธอจะมาช่วยทำไม?” ฮาร์เปอร์รู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากช่วย แต่มันก็พูดยากกว่าที่คิด สุดท้ายจึงทำทีเอ่ยส่งเดชเพื่อแก้สถานการณ์ “พี่จ้างคนอื่นก็ดี อย่างน้อยก็ให้เขาช่วยนู่นนี่แบบที่เธอช่วยไม่ได้”
“อะไรที่ดาวช่วยไม่ได้?” ใบหน้าสวยถึงกับค้อนตามอง แม้รู้ตัวว่าเริ่มออกอาการงอแง แต่นับดาวก็ห้ามปากไว้ไม่ทัน “พี่จะให้ทำอะไรดาวก็ทำเป็นทั้งนั้นแหละ”
“งั้นเธอมาลองนวดตัวให้พี่ดิ เธอทำได้รึไง? แต่ถ้าเป็นสาวคนอื่นนี่ทำได้แน่ คุ้มค่าจ้างกว่าจ้างเธอเห็น ๆ” ฮาร์เปอร์อ้างเหตุผลส่งเดชอีกเหมือนเคย แม้รู้ว่าไม่เกี่ยวกัน แต่เขาก็คร้านจะหาคำอธิบาย
เขาเพียงคิดว่าหากเอ่ยไปเช่นนั้นนับดาวคงไม่กล้า และเขาจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปคุยกับไอ้ห่าคลื่น ทว่าก็ดูเหมือนจะคิดผิด เมื่อจู่ ๆ ร่างบางก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดมายืนที่ด้านหน้า
ขาอ่อนขาวเนียนของน้องเบียดแทรกตัวเข้าหาจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดวงตาคมกริบจึงจำต้องเงยหน้าขึ้นประสานสายตาในตอนที่ฝ่ามือนุ่มวางประทับเหนือบ่ากว้างเปล่าเปลือยพอดิบพอดี