Wanna be yours
ตอนที่ 4.1
ความลับของพี่ชาย
กลางดึก
ครืด ครืด ครืด
นับดาวไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลากี่โมง รู้เพียงต้องดึกมากแล้วแน่ ๆ
ทว่าแรงสั่นจากสมาร์ตโฟนซึ่งอยู่ในระยะใกล้ตัวทำให้เธอต้องควานมือหา ก่อนจะโผล่ศีรษะพ้นจากผ้าห่มเพื่อหรี่ตามองแสงสว่างจากหน้าจอ แต่นิ้วที่ตั้งใจจะกดตัดสายทิ้งในจังหวะแรกก็กลับต้องชะงักค้าง คิ้วบางเลื่อนขมวดเข้าหากันด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นชื่อซึ่งปรากฏบนหน้าจอ
“ฮัลโหลพี่เปอร์” เสียงงัวเงียเอ่ยเพียงแผ่วเบา ทว่าการตอบกลับจากปลายสายนั้นแผ่วกระซิบยิ่งกว่า
(ดาวนอนรึยัง?)
นับดาวถึงกับต้องดึงหน้าจอออกจากข้างหูเพื่อดูเวลา นี่มันเกือบตีสามแล้วเธอจะตื่นอยู่เพื่ออะไร
“ดาวนอนแล้ว พี่มีอะไร?” ความงุนงงยังคงปรากฏบนใบหน้าสวย โดยปกติหากฮาร์เปอร์จะมานอนค้างก็มักจะใช้วิธีกดกริ่งมากกว่าจะโทรเข้ามา และความสับสนก็ยิ่งพาดฉายผ่านดวงตากลมโตขึ้นไปอีกกับประโยคถัดมาที่ได้ฟัง
(เธอออกมาเปิดประตูให้พี่ที) ฮาร์เปอร์เว้นจังหวะราวกับจะคิดหาคำพูด ก่อนเสียงแผ่วต่ำจะเอ่ยต่อ (มาเปิดให้พี่ อย่าให้ไอ้คลื่นรู้ตัว)
“พี่เปอร์จะทำอะไร?” คิ้วสวยยิ่งขมวดผูกเป็นปมกับสิ่งที่ได้ยิน
ไม่ใช่ว่าจะไม่ไว้ใจอีกฝ่าย รวมถึงรู้ดีว่าเขาคงไม่คิดทำมิดีมิร้ายต่อตัวเธอ แต่นับดาวก็จำต้องเอ่ยค้านเสียงเบา
“ดาวจะเปิดประตูให้ผู้ชายดึก ๆ ดื่น ๆ ได้ยังไง?”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่เวลาที่ฮาร์เปอร์มานอนค้างก็ตัวเธอเองที่เป็นฝ่ายเปิดประตูให้เขา ทว่าที่ต่างคือโดยปกติจะมีนับคลื่นรับรู้ร่วมด้วยเสมอ
(พี่ไม่ทำอะไรเธอแน่ แต่มาเปิดให้ที)
“อะ… อือ” นับดาวรับคำในท้ายที่สุดเมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และก่อนจะได้เอ่ยคำใดต่อ สายก็ขาดไปเสียแล้ว
ร่างบางนอนนิ่งคิดเพียงอึดใจก็เคลื่อนตัวลงจากเตียงเพื่อทำตามคำร้องขอจากคนที่เรียกได้ว่าสนิทสนมกันมากเพียงพอ
บานประตูห้องนอนเล็กซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของเธอเปิดออกอย่างช้า ๆ บรรยากาศมืดทะมึนโดยรอบได้แสงสว่างจากภายนอกลอดผ่านม่านโปร่งแสงเข้ามา นัยน์ตากลมโตชำเลืองมองไปยังบานประตูอีกห้องซึ่งปิดสนิท แม้จะดึกมากแล้ว แต่เงาที่ขยับผ่านช่องแสงด้านล่างก็บ่งชัดว่านับคลื่นยังไม่นอน
นับดาวพยายามย่างฝีเท้าให้แผ่วเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจนพี่ชายได้ยิน แม้จะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่การที่ฮาร์เปอร์ร้องขอเธอแบบนี้อาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นก็เป็นได้ และเมื่อเดินถึงที่หมาย บานประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดออกในทันที
ที่ด้านนอกปรากฏร่างสูงคุ้นตาของผู้มาเยือน ยังไม่ทันที่จะได้พูดคำใด ฮาร์เปอร์ก็แทรกตัวผ่านเข้ามาที่ด้านใน ก่อนจะคว้าข้อมือของเธอพุ่งพรวดกลับเข้าห้องส่วนตัวโดยไร้การขยายความ
“พะ… พี่เปอร์ทำอะไร?” คนตัวเล็กที่สับสนไม่หายได้แต่กะพริบตางุนงง อึกอักไม่เป็นคำกับท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ ของคนตัวโต
“ไว้เล่าให้ฟัง” ฮาร์เปอร์ให้คำตอบแบบขอไปที ร่างสูงยืนจับลูกบิดจากด้านในห้องของหญิงสาว ใช้ช่องว่างระหว่างบานประตูซึ่งแง้มเปิดเล็กน้อยเพื่อสอดส่ายสายตาสังเกตการณ์ที่ด้านนอก
“เกิดอะไรขึ้น?” นับดาวที่บัดนี้สติตื่นครบร้อยเปอร์เซ็นต์ขยับก้าวเข้าหาพยายามเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “มีอะไร…” ทว่าเธอยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค เสียงที่ด้านนอกก็ดังขึ้นในจังหวะเดียวกัน
แอ๊ด…
เป็นเสียงเปิดประตูของนับคลื่นนั่นเอง…
ฮาร์เปอร์ที่ขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทผ่านความมืดส่งสัญญาณให้หญิงสาวเงียบเสียงเพื่อเงี่ยหูฟังบางสิ่งบางอย่าง เสียงที่ว่าเป็นเสียงของนับคลื่นซึ่งกำลังต่อสายคุยกับ ใครบางคน
แต่ยังไม่ทันจับใจความได้แม้แต่ประโยคเดียว เขาก็ต้องเลียริมฝีปากแห้งผากด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเบี่ยงทิศเดินตรงเข้ามาโดยไร้สัญญาณเตือน พร้อมกันเสียงเรียกหาคนเป็นน้องก็ดังให้ได้ยิน
“ดาว”
“…” / “…”
สองคนในห้องหันสบตากันเพียงเสี้ยววินาที นับดาวก็เป็นฝ่ายเบียดกายเข้าที่ด้านหน้าของคนตัวโต สองมือดันแผ่นอกร่างสูงให้หลบไปที่มุมหลังบานประตู จะอะไรก็ช่าง แต่หากพี่คลื่นเห็นว่าเพื่อนสนิทเขาอยู่กับเธอตามลำพังในยามวิกาลแบบนี้อาจเกิดปัญหาขึ้นได้
“ดาว…”
“วะ… ว่าไงพี่คลื่น” คนตัวเล็กแง้มประตูเปิดเพียงเล็กน้อยก่อนที่นับคลื่นจะเดินมาถึงเพียงชั่วเสี้ยววินาที
เธอจำต้องทำทีแสร้งว่าเพิ่งผละจากเตียงด้วยอาการงัวเงีย แม้เครื่องหน้าสะสวยจะไม่แสดงอาการใด แต่ใครเลยจะรู้ว่าหัวใจเธอขณะนี้เต้นถี่ระรัวด้วยความกรุ่นกังวล ยิ่งมองเห็นร่างสูงซึ่งหลบซ่อนตัวผ่านทางหางตา มือเย็นเฉียบก็ราวกับจะชื้นเปียกด้วยเม็ดเหงื่อซึ่งผุดซึม ทว่าสิ่งที่ทำได้ก็เพียงเงยหน้ามองพี่ชายด้วยสายตาง่วงงุน
“พี่คลื่นมีอะไร?”
“พี่น่าจะไม่อยู่สักสองคืน”
“พี่จะไปไหน?” นับดาวขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ทว่าคำถามแรกยังไม่ทันได้รับการไขข้อข้องใจ เธอก็ตั้งข้อสงสัยขึ้นอีก “แล้วดึกป่านนี้ทำไมพี่ต้องใส่แมสก์ด้วยล่ะ?”
“พี่จะไปทำธุระ”
“ธุระอะไร…”
“ระหว่างนี้เราก็ทำตัวดี ๆ อย่าเถลไถลเข้าใจไหม?”
“แต่พี่คลื่น…” นับดาวพยายามจะแหงนหน้ามองผู้เป็นพี่ที่ไม่คิดจะให้คำตอบอะไรกับเธอ ทว่าเพราะความสลัวของห้องทำให้มองหน้าเขาไม่ถนัดเท่าไรนัก อีกทั้งนับคลื่นก็เพียงก้มลงหอมศีรษะเธอก่อนจะผละออกห่าง ท่าทางราวกับไม่ต้องการจะสนทนา
“มีอะไรก็โทรหาพี่ เข้าใจไหม?”
“พี่คลื่น”
“เข้าใจรึเปล่า?”
“อะ… อือ” เพราะโดนจ้องด้วยสายตาดุ ๆ นับดาวจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังโดยไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ ขณะที่ร่างสูงของพี่ก็ผละเดินห่างออกไปโดยไม่เอ่ยคำใดเพิ่มเติมเช่นกัน
ทว่าจู่ ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าหยุดลง พร้อมกันกับที่สายตาของนับดาวสังเกตเห็นแสงไฟทางเดินระหว่างชั้นผ่านบานประตูใหญ่ซึ่งปิดไม่สนิท…
“ใครเปิดประตู?”
“!!!” / “!!!”
คงไม่ใช่แค่นับดาวที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินประโยคล่าสุดของพี่ แต่อีกคนซึ่งหลบซ่อนตัวก็ตกอยู่ในสภาวะเงยหน้ากลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคออย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน
ฮาร์เปอร์พึงระลึกได้ก็ตอนนี้ ว่าความเร่งร้อนเกินพอดีทำให้ตัวเขาดันสะเหล่อมาอยู่ร่วมห้องกับนับดาวแบบที่ไม่เหมาะไม่ควร ทั้งโสตประสาทก็รับรู้ได้ถึงเม็ดเหงื่อเย็น ๆ ผุดซึมผ่านกรอบหน้าแม้ขณะนี้เครื่องปรับอากาศจะทำงานได้ดีเยี่ยมเต็มประสิทธิภาพก็ตามที