พิธีฉลองมงคลดำเนินไปอย่างราบรื่น จนถึงช่วงเวลาที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าว ควงคู่พากันเดินพบปะขอบคุณแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีกับพวกตนในวันนี้ งานนี้เจ้าบ่าวของงานจัดเต็มให้ลูกน้องจากประเทศไทย เพราะเขาได้จัดเครื่องบินส่วนตัวไปรับพนักงานจากบริษัทอเดลโมเดลลิ่ง ให้เดินทางมาร่วมงานในวันนี้ด้วย
“วันนี้น้องฮาน่าสวยมากเลยเนอะ ออร่าจับมากเลยอ่า” เจ๊ลูซี่เอ่ยออกมาขณะที่กำลังมองไปยังเจ้าสาว ที่ตอนนี้กำลังเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวสุดหล่อกล่าวทักทายแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ทุกคนต่างรู้สึกเห็นด้วยกับเจ๊ลูซี่ เพราะวันนี้ฮาน่าสวยสมกับที่เป็นเจ้าสาวของงานจริงๆ เจ๊ลูซี่เหลียวมองไปรอบๆ งาน เธอก็ได้เห็นว่ามีผู้ชายอเมริกันงานดีหลายคนอยู่ภายในงานนี้ เพราะพวกคนที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงต่างก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝ่ายเจ้าบ่าวมีหน้ามีตาขนาดไหน เธอกำลังคิดถึงอิงวรา นางแบบสาวในสังกัด ที่ตอนนี้ยังคงครองความโสดอยู่ “อิงค์...ปีนี้หนูยี่สิบห้าแล้วใช่ไหมคะ” “ใช่ค่ะเจ๊ลูซี่ ปลายปีนี้ก็ย่างเข้ายี่สิบหกแล้วค่ะ” อิงวราตอบเจ๊ลูซี่ออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ยังไม่เจอหนุ่มๆ ที่ถูกใจอีกเหรอ” คนถูกถามส่ายหน้าไปมา “หรือว่าผู้จัดการส่วนตัวของเราสั่งห้ามไม่ให้มีใคร” เจ๊ลูซี่เอ่ยถามต่อ พลางมองหน้าธัญญ่า ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบสาว เพราะเธอเห็นว่าอิงวราเป็นนางแบบที่อยู่ในกฎระเบียบเสมอมา เธอจึงอยากให้หญิงสาวได้มีความสุขในชีวิต และได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากทำงานหาเงินบ้าง “เปล่าค่ะ…อิงค์อยากโฟกัสที่งานก่อน ผู้หญิงเราจะใช้รูปร่างหน้าตาหาเงินได้อีกสักกี่ปีกันคะ” ทุกคนยิ้มออกมาให้กับความคิดของนางแบบสาว เมริสาจากที่ปลื้มรุ่นพี่อยู่แล้ว พอมาได้ยินอีกฝ่ายตอบคำถามแบบนี้ ก็ทำให้เธอยิ่งปลื้มรุ่นพี่ในวงการมากขึ้นไปอีก “บอสคะ...ถ้าน้องอิงค์จะมีแฟนบ้าง โมเดลลิ่งของเราจะได้รับผลกระทบอะไรไหมคะ” เจ๊ลูซี่หันไปถามผู้เป็นเจ้าของบริษัทอเดลโมเดลลิ่ง ราวกับว่าเธอนั้นอยากจะให้นางแบบสาวสละโสดให้ได้ “ไม่เลยครับ แค่คุณอิงค์ยังคงตั้งใจทำงานเหมือนที่ผ่านมาก็พอ คุณก็รู้นี่ว่าบริษัทของเราไม่เคยห้ามให้นายแบบและนางแบบมีคนรัก” ฮิวโก้ตอบลูกน้องสาวประเภทสองออกมา “ดีเลยค่ะ... มีแฟนได้แล้วนะเราน่ะ เกิดเป็นผู้หญิงถึงจะสวยหรือรวยขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีแฟน ชีวิตนี้ก็ไม่มีสีสัน เกิดมาเสียดายแย่น่ะสิ” เจ๊ลูซี่คะยั้นคะยอ ธัญญ่าแม้จะรู้สึกไม่เห็นด้วย กับความคิดของผู้จัดการใหญ่อย่างอดีตผู้จัดการมือทองของประเทศไทย แต่เธอก็ไม่สามารถขัดใจอีกฝ่ายได้ เป็นเพราะเจ๊ลูซี่นั้นมีตำแหน่งที่สูงกว่าเธอ และได้รับความไว้วางใจจากบอสมากที่สุด ในบรรดาพนักงานของบริษัท “เอาไว้อิงค์จะลองเก็บไปพิจารณาดูนะคะ” อิงวราบอกเจ๊ลูซี่ยิ้มๆ ใครบอกว่าเธอไม่อยากมีแฟน แต่ที่ผ่านมาเธอยังไม่ได้เจอคนที่ถูกใจต่างหาก และก่อนที่เจ๊ลูซี่จะให้คำแนะนำนางแบบสาวในสังกัดไปมากกว่านี้ เจ้าสาวก็เดินเข้ามาหากลุ่มของพวกตน “ฮาน่าดีใจจังเลยค่ะ ที่ทุกคนมาร่วมงานได้ ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ ถ้าทุกคนไม่มา วันนี้ฮาน่าคงเหมือนอยู่ตัวคนเดียว” เจ้าสาวของงานทักทายขอบคุณอดีตเพื่อนร่วมงาน ที่เดินทางมาจากประเทศไทย สามีของเธอนั้นแยกตัวไปชนแก้วกับกลุ่มเพื่อนและนักธุรกิจ เธอจึงขอปลีกตัวมาทักทายทุกคนก่อน หากทุกคนไม่ได้มาร่วมงานในวันนี้ เธอคงจะรู้สึกเหงาอยู่ไม่น้อย “ต้องขอบคุณสามีของหนูเลยค่ะ ที่เชิญพวกเรามาร่วมงานด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่ได้เห็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และมีแขกมาร่วมงานเยอะขนาดนี้” พุดซ้อนกระซิบบอกอดีตนางแบบสาวที่เธอเคยดูแลในฐานะผู้จัดการส่วนตัว “ดีนะที่พวกพี่มีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกากันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะได้ใช้อำนาจของสามีหนูแล้วล่ะ” ทุกคนหัวเราะออกมาหลังจากที่เจ๊ลูซี่พูดจบ อลินายืนพูดคุยกับพวกพี่ๆ อดีตเพื่อนร่วมงาน และอดีตเจ้านายของเธอ เพราะคำพูดที่ฟังแล้วซาบซึ้งทำให้เธอร้องไห้ออกมา อิงวราเป็นคนที่ส่งทิชชูให้เจ้าสาวคนสวย ที่แม้จะร้องไห้ก็ยังไม่อาจลบเลือนความสวยของเธอให้น้อยลงไปได้อยู่ดี เจ้าบ่าวสุดหล่อเดินเข้ามาซ้อนกายอยู่ข้างหลังของภรรยา ก่อนที่เขาจะจุมพิตลงบนแก้มนุ่มของเธออย่างอ่อนโยน จนทุกคนที่มองมาเห็นภาพนี้เข้าพอดีก็พอจะมองออก ว่าเจ้าบ่าวนั้นทั้งรักและทะนุถนอมเจ้าสาวคนสวยขนาดไหน “ขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานนะครับ และขอบคุณที่ช่วยดูแลภรรยาของผมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา” เอเดนบอกกับอดีตเพื่อนร่วมงานของภรรยา ก่อนที่เขาจะให้พนักงานนำแชมเปญมาเสิร์ฟให้กับทุกคน เขาชูแก้วขึ้น เสียงกล่าวแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง อิงวรามองภาพแห่งความสุขของการแต่งงานก็ได้แต่แอบคิดว่า สักวันหนึ่งเธอเองก็อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าโอกาสที่จะได้แต่งงานกับใครสักคนนั้นจะมีไหม เพราะเธอนั้นเป็นคนที่มีปมเรื่องความรักอยู่ภายในใจ เอเบลแอบมองหญิงสาวที่เขาพึงใจอย่างหมายมาดอยู่ไกลๆ และกำลังแอบคิดวางแผนอยู่ภายในใจ ไม่ว่าจะต้องใช้แผนการอะไร เขาก็จะทำให้เธอกลายมาเป็นของเขาให้ได้ ไม่ใช่แค่คู่นอนชั่วคราว แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปหลังจากงานเลี้ยงเลิกรา กลุ่มของนางแบบสาวชาวไทย ยกเว้นเมริสาและท่านประธานหนุ่มอย่างฮิวโก้ ที่ขอตัวพากันกลับโรงแรมไปก่อน ที่เหลือก็ได้ตัดสินใจพากันออกไปท่องราตรีกันต่อ เพื่อเปิดหูเปิดตาไปกับแสงสีในยามค่ำคืนของเมืองชิคาโก โดยมีสองหนุ่มเอวานและเอเบล พี่ชายของเจ้าบ่าวที่เสนอตัวเป็นเจ้าบ้าน พาทุกคนไปท่องราตรีในค่ำคืนนี้ และถึงแม้อิงวราจะไม่อยากไป แต่สุดท้ายก็ขัดใจเจ๊ลูซี่ไม่ได้อยู่ดี เธอจึงจำใจต้องติดตามทุกคนมาด้วย“ขอบคุณ คุณเอวานกับคุณเอเบลมากเลยนะคะ ที่สละเวลาพาพวกเรามาเที่ยว”เจ๊ลูซี่พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วยเสียงสองตามจริตของตน หลังจากที่เจ้าบ้านทั้งสองพาพวกเธอเที่ยวชมเมืองชิคาโก้ในยามค่ำคืนมาเกือบสองชั่วโมง และตอนนี้ก็ยังพามานั่งดื่มที่ไนต์คลับสุดหรูใจกลางเมืองแห่งนี้อีก“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณพวกเราเลยครับ พวกเราสองคนพี่น้องต่างก็รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติ ที่ได้มีโอกาสพาเพื่อนๆ ของน้องสะใภ้ เที่ยวชมเมืองชิคาโก้ในค่ำคืนที่แสนพิเศษเช่นนี้”เอวานเป็นฝ่ายตอบ รอยยิ้มที่เป็นมิตรและจริงใจของเขา ดึงดูดสายตาของทุกคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี จากที่หลายคนรู้สึกอึดอัดก็เริ่มที่จะผ่อนคลายความเครียดเกร็
“ทำไมนายไม่เข้าไปทำความรู้จักเธอเลยวะ เล่นจ้องเธอซะขนาดนั้น ถ้าเธอไม่รู้ตัวว่านายสนใจ เธอก็คงเป็นคนตาบอดที่มองไม่เห็นแล้ว” เอวานกระซิบที่ข้างหูของเอเบลพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะหันไปสนทนากับกลุ่มเพื่อนๆ ของน้องสะใภ้ต่อ“พวกคุณจะดื่มอะไรกันดีครับ จะรับเครื่องดื่มชนิดหนักๆ หรือชนิดเบาๆ กันก่อนดี”“เริ่มจากเบาๆ ก่อนดีกว่าค่ะคุณเอวาน ถ้าเริ่มจากหนักๆ ฉันกลัวว่าสาวๆ จะไม่ไหว แล้วพากันเมาหลับไปซะก่อน ได้หมดสนุกกันพอดี”เจ๊ลูซี่หันไปมองหน้าสองสาว ส่วนนายแบบหนุ่มและผู้จัดการส่วนตัวของเขาที่เป็นชายไม่จริงหญิงไม่แท้นั้น เจ๊ลูซี่ไม่นึกกังวลเพราะรู้ดีว่าสองคนนั้นคอแข็งกว่าพวกสาวๆ เป็นของแน่นอนอยู่แล้ว“รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะลุกไปสั่งให้”เอวานบอกเจ๊ลูซี่ยิ้มๆ จากนั้นจึงลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปสั่งให้บาร์เทนเดอร์จัดเหล้าเบาๆ มาเสิร์ฟให้กับสาวๆ ในกลุ่มเพื่อนๆ ของน้องสะใภ้ ส่วนของตัวเขาและน้องชายนั้นเป็นพวกดื่มเก่ง จึงเริ่มจากเหล้าแรงๆ อย่างเช่นเคยหลังจากสั่งบาร์เทนเดอร์เสร็จ เอวานจึงเดินเข้าไปทักทายสาวๆ อีกกลุ่ม ซึ่งเป็นเขาเองที่อนุญาตให้พวกเธอมาร่วมสังสรรค์ในค่ำคืนนี้ด้วย มาเฟียหนุ่มอัธยาศั
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบตีสาม เสียงเพลงในไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้ จึงเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร็วขึ้น บรรดานางแบบสาวชาวอเมริกันต่างพากันลุกจากเก้าอี้ แล้วโยกกายไปมาตามจังหวะของเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ส่วนทางด้านกลุ่มของนางแบบสาวชาวไทยเองก็ไม่แพ้กัน แน่นอนว่าถ้าเจ๊ลูซี่เป็นผู้นำทีมแล้วล่ะก็ มีหรือที่บรรยากาศฝั่งนี้จะไม่ครื้นเครงส่วนคนที่ดูจะไม่สนุกสนานไปกับคนอื่น ก็คงหนีไม่พ้นอิงวรา เธอเอาแต่นั่งจิบพันซ์สีสวยแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างเบื่อหน่าย จนเธอตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ทางด้านซ้ายของไนต์คลับ เอเบลที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มองตามนางแบบสาวชาวไทยไปจนร่างระหงลับสายตา“เอเบล... คุณต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่าคะ”คู่ขาของพี่ชายเดินเข้ามาสนทนากับเขา มาเฟียหนุ่มปรายตาไปมองหญิงสาวที่เพิ่งเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะถามเธอออกมาอย่างสนใจ“แล้วคุณจะช่วยผมยังไงครับ...รีน่า”“ผู้หญิงน่ะ มักจะไว้ใจผู้หญิงด้วยกัน...จริงไหมคะ” รีน่าเห็นน้องชายของคู่ขาสนใจในสิ่งที่เธอเสนอ จึงได้เอ่ยออกมา เอเบลเลิกคิ้วหนาขึ้นสูงพลางพยักหน้าขึ้นลง“ถ้าอย่างนั้นผมขอดูความสามารถของผู้หญิงที่ได้ใช้เ
“พี่ธัญญ่าไปสนุกเถอะค่ะ อืม...อิงค์รู้สึกร้อนๆ อิงค์ว่าจะขอตัวกลับโรงแรมก่อน” อิงค์วราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ร่างกายเธอร้อนวูบวาบแปลกๆ“หืม.. ให้พี่ไปส่งไหม” ธัญญ่าแม้ว่าเธอจะรู้สึกสนุกสนานกับค่ำคืนนี้ แต่ทว่าเธอก็ยังคงไม่ละเลยหน้าที่ดูแลนางแบบสาว“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอิงค์กลับเองดีกว่า นานๆ ทีพี่ธัญญ่าจะได้ปลดปล่อยสักที กลับไปสนุกกับทุกคนเถอะค่ะ” อิงวราปฏิเสธ เธอไม่อยากทำให้ธัญญ่าหมดสนุก เพราะนานๆ ทีผู้จัดการส่วนตัวของเธอคนนี้จะมีโอกาสดีๆ แบบนี้สักที“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ กลับไปถึงอาบน้ำแล้วพักผ่อนเลยนะ” อิงวราพยักหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าถือของเธอมาถือเอาไว้“ฝากบอกเจ๊ลูซี่กับทุกคนด้วยนะคะ ว่าอิงค์ขอตัวกลับก่อน” อิงวราเริ่มรู้สึกถึงอาการแปลกๆ เธอเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ธัญญ่าไม่ได้สังเกตอาการที่แปลกไปของหญิงสาว เธอรับปากก่อนที่จะรีบเดินกลับไปเข้ากลุ่ม โดยไม่หันกลับมามองอิงวราอีก นางแบบสาวชาวไทยจึงรีบเดินออกจากไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้ไป“ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วนะคะเอเบล”รีน่าเดินเข้ามาบอกคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมส่งยิ้มให้มาเฟียหนุ่ม เขาพยักหน้ายกแก้
ร่างสูงอุ้มผู้หญิงที่น่าจะมีน้ำหนักไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัม เดินมุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวของเขาอย่างไม่ลังเล แม้คนในอ้อมแขนจะพยายามดิ้นรนอย่างอ่อนแรงก็ตามที อิงวรารู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไป ทันทีที่ร่างกายของเธอหลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรง หญิงสาวจึงพยายามดึงทิ้งเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้าออก อย่างไม่สนใจสายตาของคนตัวโต ที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตาเอเบลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทันทีที่ได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่สมบูรณ์แบบสมวัยของหญิงสาวตรงหน้า จุดกลางกายหนุ่มที่เคยหลับใหลอยู่ กลับตื่นขึ้นมาจนเขาต้องห้ามใจตนเอง ไม่ให้รังแกคนที่ไร้หนทางสู้ เพราะไม่รู้ว่ารีน่าใส่สิ่งนั้นลงในพันซ์ให้หญิงสาวดื่มไปมากขนาดไหน อาการของเธอที่แสดงออกมาถึงได้รุนแรงขนาดนี้“คุณ!! ตามผมมา”พูดจบเอเบลก็รีบลากแขนหญิงสาวชาวไทยที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ให้เดินตามเขาเข้าไปภายในห้องน้ำ ก่อนที่จะเปิดน้ำจากฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ให้เธอ สายน้ำที่ไหลออกมาไม่ได้ดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นจากภายในให้อิงวราเลยแม้แต่นิดเอเบลที่เป็นคนพาเธอเข้ามาก็ตัวเปียกไม่ต่างกัน เขารีบผละกายออกจากห้องน้ำเพื่อไปหยิบสมาร์ทโฟน แล้วรีบต่อสายหาแพทย์ประจำ
“เธอเป็นว่าที่ภรรยาฉันเอง”เอเบลพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำความรู้จักกันกับหญิงสาวจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับขี้ตู่เอาว่าอีกฝ่ายคือว่าที่ภรรยาของตัวเองซะแล้ว“อย่ามาโกหกน่า...ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินนายท่านลูเซียโน่ กับมาดามเอวาน่าพูดถึงว่าที่คู่หมั้นของนายเลยสักที” โทนี่ไม่เชื่อเพื่อนสนิท เพราะเขาเองเป็นหมอประจำตระกูลวินเทอร์ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องราวภายในของคนในตระกูล“อีกไม่นานก็ใช่แล้วไง... อืม...อาการของเธอยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกไหม ต้องพาเธอไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” โทนี่อ้าปากค้าง เพราะทันทีที่เขาได้ฟังคำตอบของเอเบล เขาก็เข้าใจได้ในทันที ว่าเพื่อนสนิทคงจะชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถึงขั้นหมายตาเธอเอาไว้ให้เป็นว่าที่ภรรยาในอนาคต“อะ...แฮ่ม อืม...ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงแล้ว ให้เธอพักผ่อน แล้วถ้าเธอตื่นก็ให้ดื่มน้ำมากๆ แค่นั้นแหละ”นายแพทย์หนุ่มกระแอมไอก่อนที่จะตอบคำถามของเพื่อนสนิทออกมา ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผู้หญิงคนนี้กันแน่ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นว่าที่ภรรยาของมาเฟียลำดับที่สองของตระกูลวินเทอร์โดยไม่รู้ตัว“ถ้าอย่างนั้น นายก็กลับไปได้แล้ว”เอเ
แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาภายในห้อง ปะทะเข้ากับใบหน้าสวยที่ยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ เรียวแขนของเธอโอบกอดร่างหนาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เอเบลลืมตาตื่นขึ้นมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ลุกไปจากเตียง เขายังคงยินยอมให้เธอโอบกอดด้วยความเต็มใจ เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาต้องอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ใคร่ จนต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำถึงสองครั้งสองครา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ล่วงเกินหญิงสาว จนทำให้เธอเสียหาย แต่เขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษขนาดนั้นมือเล็กลูบไล้ไปบนแผงอกหนั่นแน่น ความเย็นจากผิวกายที่ได้สัมผัส ทำให้อิงวราคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง เปลือกตาคู่บางค่อยๆ เปิดออก ก่อนที่หญิงสาวจะชักมือที่กำลังลูบไล้แผงอกที่เปลือยเปล่าของชายหนุ่ม กลับมาด้วยความตกใจ อิงวรารีบพลิกกายกลับมานอนตรงๆ แต่ยังไม่กล้าที่จะลุกขึ้นในทันทีทันใด เพราะตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวว่าเธอนอนอยู่กับใคร และเธอกับคนข้างกายมีความสัมพันธ์ทางกายกันไปแล้วหรือยัง“ตื่นแล้วเหรอคุณ” เสียงทุ้มสำเนียงอเมริกันดังออกมาจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มอิงวราหันหน้าไปมองคนข้างๆ พอเห็นว่าเขาเป็นใครก็ต้องตกใจปนโล่งใจ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาสำรวจตัว
ฝรั่งหนุ่มนั่งไขว่ห้างกำลังอ่านบางสิ่งบางอย่างในสมาร์ทโฟนเครื่องหรู อยู่ที่เก้าอี้หัวโต๊ะของโต๊ะอาหารตัวยาว อิงวรามองเห็นเขาครั้งแรกก็ชะงักเท้า เธอยอมรับเลยว่าฝรั่งหนุ่มตรงหน้านั้น มีหน้าตาที่หล่อเหลา เป็นสเปกของสาวๆ หลายๆ คน หากเธอไม่ถูกเขาล่วงเกินเมื่อคืน เธอเองก็คงคิดกับเขาในแง่ดีเช่นกัน แต่หลังจากผ่านค่ำคืนที่เธอจดจำอะไรไม่ได้มาแล้ว ทำให้เธอมองเขาไม่ดี“นายคะ มาดามมาแล้วค่ะ”แม่บ้านรายงานมาเฟียหนุ่ม เขาเงยหน้าละสายตาจากตัวหนังสือในสมาร์ทโฟนราคาแพงที่อยู่ในมือแล้วมองไปยังร่างระหงที่ยืนอยู่หลังแม่บ้านของตน“เชิญนั่งก่อนสิคุณ กินมื้อเช้าก่อนแล้วผมจะพาไปส่งที่โรงแรม” เขาผายมือเชื้อเชิญแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นที่เคยได้ยิน แม่บ้านรู้หน้าที่จึงรีบผละตัวออกจากบริเวณนี้ไป“กระเป๋าฉันอยู่ไหนคะ คุณเห็นกระเป๋าฉันหรือเปล่า” เพราะเธออยากใช้สมาร์ทโฟนเพื่อติดต่อหาผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกเธอมา“กินมื้อเช้าก่อนเถอะครับ กระเป๋าคุณอยู่ในห้องนอนนั่นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก” มาเฟียหนุ่มบอกหญิงสาวยิ้มๆ“ฉันก็ไม่ได้กลัวว่ามันจะหายไปไหน ฉันเพียงแค่อยากจะใช้โทรศัพท์ โ
เอเบลเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนที่จะอุ้มหญิงสาว พาเธอเดินมุ่งหน้าไปยังเตียงนอน วางเธอลงแล้วโถมกายหนาตามไป มือทั้งสองข้างจับเรียวขาทั้งสองข้าง ให้แยกออกจากกันจากนั้นเขาจึงซุกใบหน้าหล่อเหลาลงไปตรงจุดกลางกายสาว มือทั้งสองข้างย้ายมาสัมผัสตรงจุดอ่อนไหวของเธอ ช่วยเปิดทางให้ลิ้นของเขาเข้าไปได้อย่างง่ายดายอิงวราเงยหน้าขึ้น พยายามขบเม้มริมฝีปาก ทว่าเธอก็ยังคงส่งเสียงครางหวานออกมาอยู่ดี เอเบลปรนเปรอเธอทั้งลิ้นและนิ้วเรียวยาว เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ริมสระว่ายน้ำร่างบางเกร็งกระตุก ปลดปล่อยน้ำรักออกมา จนน้ำใสๆ เปรอะเปื้อนที่นอน ร่างเพรียวระหง อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงเอเบลเอื้อมมือไปหยิบกล่องถุงยางอนามัย ที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงหยิบออกมาหนึ่งชิ้น ฉีกซองออก สวมใส่ลงไปบนแก่นกายแข็งขึงของตนอย่างรวดเร็วมือหนาจับเรียวขาของหญิงสาว ที่กำลังนอนตาปรืออยู่บนเตียงให้แยกออก จากนั้นจึงใช้นิ้วเรียวเปิดทางถ้ำงาม ซึ่งตอนนี้เปียกแฉะไปด้วยสายธารแห่งความสุข ที่เธอเพิ่งจะปลดปล่อยออกมาก่อนหน้า“เจ็บหน่อยนะที่รัก”เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะค่อยๆ กดแก่นกาย ให้แทรกผ่านเข้าไป
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ที่สระว่ายน้ำตามลำพัง นานเกือบสองชั่วโมง อิงวราดื่มไวน์เข้าไป จนจำไม่ได้แล้วว่า นี่เป็นแก้วที่เท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่า เธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเมาอย่างที่ควรจะเป็นเอเบลคอยเหลือบมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา เพราะเขารู้ดีว่า เธอนั้นคอไม่แข็งเท่ากับเขา ทว่าวันนี้เธอกลับดื่มเก่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก“อิงค์...ถ้าคุณเมาแล้ว กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนก็ได้นะครับ” มือหนาคว้าข้อมือบางที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเอาไว้ แก้วไวน์แก้วนั้น จึงทำได้เพียงแค่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ“อิงค์ยังไม่เมาค่ะ ใครบอกว่าอิงค์เมา” อิงวราดื้อดึง ไม่ยอมรับว่าตัวเองเมา ยกไวน์แก้วนั้นขึ้นมาดื่มจนหมดเดิมทีที่เธอตัดสินใจดื่ม ก็เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย และความกระอักกระอ่วน ที่ต้องมองเขาเปลือยท่อนบน เปิดเผยเรือนร่างน่ามองอยู่ในสายตาของเธอ ทว่าดื่มไปดื่มมาก็ชักจะติดลม การดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะทำให้คนเรารู้สึกมึนเมา แต่ก็สามารถทำให้คนเราหลงลืมความเขินอายไปได้เช่นกัน“แต่หน้าคุณแดงมากเลยนะ” เอเบลลุกขึ้นจากเตียงไม้ตัวยาวที่เขานั่งอยู่ ไปนั่งลงบนเตียงไม้ตัวเดียวกับหญิงสาวแทน“กะ...ก็อากาศร้อนนี่คะ” เธอ
อิงวราเห็นเขาเลิกสนใจเธอแล้ว เธอจึงเดินออกไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงระเบียงห้อง ทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศในเวลานี้ มีแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมากระทบผิวน้ำ ประกายระยิบระยับให้ความสวยงาม อิงวราสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรู้สึกผ่อนคลายจวบจนมื้อเที่ยง แอนนิก้าจึงได้มาตามเจ้านายและหญิงสาว ให้ไปรับประทานมื้อเที่ยง ที่พวกเธอจัดเตรียมเอาไว้ให้ที่ห้องอาหาร เอเบลเผลอหลับไปเช่นเดียวกับอิงวรา ที่กลับเข้าห้องมาก็ล้มตัวนอนบนเตียง แล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว“หลังจากมื้อเที่ยงแล้ว เราจะไปไหนกันดีคะ” อิงวราถามออกมาในขณะที่กำลังเดินตามเขาไปยังห้องอาหารที่อยู่คนละฝั่งกับห้องนอน“คุณอยากนอนพักอีกสักนิดหรือเปล่า ถ้าไม่อยากผมจะพาคุณไปว่ายน้ำย่อยอาหารกันสักนิด”อิงวรามองออกไปข้างนอกผ่านกำแพงกระจกใส แสงแดดไม่แรงมากเหมือนประเทศไทย คงจะไม่ร้อนเท่าไหร่ ออกไปว่ายน้ำเล่นก็ยังดีกว่าอยู่ในห้องกับเขาตามลำพัง บอกตามตรงว่าเธอค่อนข้างรู้สึกอึดอัด เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า เธอถูกสายตาของเขาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา“กินมื้อกลางวันเสร็จ พวกเราไปว่ายน้ำกันก็ได้ค่ะ”เธอดึงสายตากลับมาจากด้านนอก
อิงวราถูกมาเฟียหนุ่ม กึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปในห้อง ก็รู้สึกตื่นตระหนก แม้ว่าคืนนั้นเธอกับเขา จะเกินเลยกันไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะยอมปล่อยให้เรื่องผิดพลาดแบบคืนนั้น เกิดขึ้นซ้ำอีกหน อีกทั้งเธอก็ยังรู้จักเขาไม่มากพอ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเธอไม่อยากเป็นเพียงแค่ของเล่นของใคร“ดะ...เดี๋ยวค่ะ ที่คุณบอกว่า คืนนี้ ‘เรา’ จะพักที่นี่ด้วยกัน อย่างนั้นเหรอคะ” อิงวราเอ่ยถามพลางชะงักเท้า และพยายามชักแขนของตนเองกลับ“ก็ใช่น่ะสิครับ”ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงใหญ่หันกลับมาอุ้มเธอขึ้นจากพื้น แล้วพาไปยังเตียงนอน อิงวรายิ่งรู้สึกตกใจในการกระทำของมาเฟียหนุ่มตอนแรกเอเบลเพียงแค่อยากจะแกล้งหญิงสาวเท่านั้น ทว่ากลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ กลับชวนให้เขาหลงใหล เกิดความอยากที่จะแนบชิดกับเธอจริงๆ ขึ้นมาร่างเพรียวระหง ถูกวางลงบนเตียงนุ่มอย่างช้าๆ ก่อนที่คนตัวโต จะโน้มกายลงไปใกล้ชิด ริมฝีปากหนามีจุดมุ่งหมายคือริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว ทว่ายังไม่ทันจะได้แนบชิดกัน อิงวราก็ใช้มือขวางกั้นเอาไว้อย่างไม่เกรงกลัว“ยะ...อย่าค่ะ” อิงวราห้ามเขา นัยน์ตากลมโตจ้องมองมาเฟียหนุ่มอย่างไม่หลบหลีก เอเบลฉีกยิ้มทรงเสน่ห์“ทำไมล่ะครับ คน
หลังจากที่เครื่องบินลอยอยู่เหนือท้องฟ้านานเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็นักบินก็ประกาศลงจอดเสียที อิงวราถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เอเบลที่จิบไวน์อยู่ แอบปรายตามองหญิงสาวด้วยแววตาขบขัน ทว่าเขากลับเลือกที่จะไม่เปิดโปงให้เธอได้อาย“ถึงแล้วครับ ผมรับรองว่าคุณต้องชอบ” เอเบลลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือไปให้หญิงสาวจับอิงวรารู้สึกว่าตนเองวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย จากการนั่งเครื่องบินเล็กที่ไม่คุ้นชิน จึงยอมวางมือลงไปบนมือหนาของเขาแต่โดยดีสองหนุ่มสาวเดินกุมมือกัน ลงจากเครื่องบินส่วนตัวไป ทว่าบรรยากาศด้านนอก นอกจากที่อิงวราจะได้เห็นวิวของท้องทะเลสีฟ้าครามแล้ว ยังมองเห็นว่ามีบรรดาชายชุดดำ ยืนเรียงแถวกันอยู่ยาวเหยียดสองฝั่งซ้ายขวา ราวกับว่ากำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่และก็เป็นไปอย่างที่อิงวราคิด พอเอเบลพาเธอก้าวเท้า ลงมาจากบันไดเครื่องบินเล็กส่วนตัว ชายชุดดำทั้งหมดก็ส่งเสียง กล่าวทักทายมาเฟียหนุ่มขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน อิงวราถึงกับสะดุ้ง เอเบลหันกลับไปมองคนข้างๆ ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้อง แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน จากนั้นจึงเดินกุมมืออิงวรา มุ่งหน้าไปยังบ้านพักส่วนตัว“เกาะนี้เจ้านายยังไม่เคยพาผู้หญิงคนไ
อิงวรากลับมาถึงห้องพัก ก็พบว่าพี่ธัญญ่า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ไม่ได้อยู่ที่ห้องพักอย่างที่เธอคาดเดา นางแบบสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะเธอยังไม่พร้อม ที่จะตอบคำถามของผู้จัดการส่วนตัวในตอนนี้ ร่างระหงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก่อนเข้านอนระหว่างที่เธอกำลังใช้ไดร์เป่าผม ที่ยังคงเปียกชื้นอยู่นั้น เสียงของสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ถูกวางเอาไว้บนเตียงก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงวางไดร์เป่าผมลง แล้วเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนที่กำลังส่งเสียงร้องอยู่ ขึ้นมาดูรายชื่อ ของผู้ที่ติดต่อเข้ามามุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะสัมผัสหน้าจอ เพื่อเป็นการรับสาย สงสัยเขาคงจะกลับถึงเพ้นท์เฮ้าส์ท์แล้ว ถึงได้โทรมาหาเธอในตอนนี้“ฮัลโหล...” เสียงหวานส่งไปยังปลายสาย“คุณนอนหรือยัง ผมถึงเพ้นท์เฮ้าส์ครับ” มาเฟียหนุ่มรายงานออกมา เขาไม่เคยปฏิบัติกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน นอกจากมารดาคนเดียวเท่านั้น“ยังค่ะ...ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เอ่อ...เรื่องนี้ คุณไม่เห็นจะต้องโทรมารายงานฉันเลยค่ะ” อิงวราตอบปลายสายกลับไปยิ้มๆ ระหว่างที่เธอเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง“ผมกลัวว่าคุณจะเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ หรือว่าคุณไม่ได้สนใจอะไร”
“ผมชื่อเอเบล วินเทอร์ ชื่อเล่นว่า เดฟ อายุสามสิบสองปี อาชีพนักธุรกิจ เกิดที่เมืองชิคาโก้ แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ ครอบครัวของผมก็อย่างที่คุณรู้ มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน”เอเบลแนะนำตนเองออกมาให้หญิงสาวฟังบ้าง นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ของมาเฟียหนุ่ม เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน“เดฟ...”อิงวราเรียกชื่อเล่นของเขาออกมาพลางยิ้มหวานให้ มาเฟียหนุ่มใจเต้นแรงตอนที่มองเห็นรอยยิ้มนี้อีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน“นี่ก็ดึกแล้ว อิงค์ว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”เพราะเธอเอ่ยปากชวนเขากลับนั่นเอง เขายังรู้สึกว่าเวลาที่เขาได้ใช้กับเธอ เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย“กลัวผู้จัดการลงโทษเหรอครับ กลับดึกนิดหน่อยเธอคงไม่ว่าหรอก อีกอย่างคุณก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงานเสียหน่อย” เอเบลเย้าแหย่หญิงสาวตรงหน้า“การนอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ”อิงวราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้เวลากับเขาให้มากจนเกินไป เพราะถ้าถึงวันที่เธอต้องกลับประเทศไทย เธอกลัวว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขาจะเปลี่ยนไป“วันนี้เดตวันแรก ผมจะไม่ขัดใจคุณก็แล้วกัน แต่ถ้าวันต่อๆ ไป ต้องแล้วแต่ผ
ณ ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองชิคาโก้ วันนี้ทางร้านได้มีโอกาสต้อนรับทายาทมาเฟียตระกูลดังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พนักงานทุกคนต่างพากันตัวเกร็ง ไม่กล้ากระทำการใดๆ ให้มาเฟียหนุ่มหน้าตาดี ที่ควงสาวสวยชาวเอเชีย มาดินเนอร์ที่นี่ต้องรู้สึกขุ่นเคืองใจวันนี้เอเบลลงทุนปิดร้านอาหารชื่อดังร้านนี้ ก็เพื่อมาเดตกับอิงวราโดยเฉพาะ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมาก่อน และดูเหมือนว่าพวกพนักงานที่เคยได้ยินข่าวมาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ว่าหญิงสาวที่มาเฟียหนุ่มควงมาในวันนี้ ดูเป็นคนสำคัญของเขามากกว่าคู่ขาหรือคู่ควงทั่วไป“นี่คุณปิดร้านนี้เหรอคะ” อิงวราถามเขาออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าที่อยู่ในร้านเลยสักคน“ก็คุณบอกผมว่าไม่อยากเป็นข่าว ผมทำแบบนี้คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม”อิงวราหมดคำจะเอ่ย บริกรของร้านเข้ามารับรายการอาหารอย่างกล้าๆ กลัวๆ อิงวรามองอาการของพนักงานแล้วก็รู้สึกเห็นใจ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นเป็นคนโหดร้ายถึงขนาดไหน ถึงได้ทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงกลัวเขาได้ขนาดนี้สองหนุ่มสาวนั่งดินเนอร์กันใต้แสงเทียน เสียงดนตรีดังขึ้นให้บรรยากาศโรแมนติก อิงวรา
“ไม่ยากจริงๆ นั่นแหละ เห้ย!! รีบออกรถสิ ฉันง่วงนอนแล้ว”เอเบลพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะส่งเสียงดังสั่งลูกน้อง เขาง่วงนอนจริงๆ เพราะเมื่อคืน เขาต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงเกินหญิงสาว จนเขาต้องลุกไปช่วยเหลือตัวเองอยู่หลายครั้ง ชีวิตเขาไม่เคยต้องมาอดทนอดกลั้นเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงได้ขนาดนี้ หากนี่ไม่ใช่การที่เขาตกหลุมรักเธอคนนี้แล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมันจะเรียกว่าอาการอะไรไปได้อีกบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองสะดุ้ง ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถรีบออกรถทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเจ้านาย นี่สิถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้านายที่พวกเขารู้จัก ถึงแม้เจ้านายจะเป็นคนที่ขี้เล่น และทำตัวสบายๆ มากกว่าพี่น้องคนอื่น แต่ก็มีนิสัยจริงจังและโหดเหี้ยมอยู่ในสายเลือดไม่แพ้กัน ถ้าไม่อย่างนั้นจะดูแลลูกน้องทั้งทวีปได้อย่างไรอิงวรากลับถึงห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เดินขึ้นลิฟต์มาได้เพียงห้านาที ผู้จัดการส่วนตัวนั่งรอเธออยู่อย่างกระวนกระวายใจ เพราะได้ข่าวแค่ว่าเธอเกิดเรื่อง แล้วถูกเอเบลช่วยเหลือเอาไว้จากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอได้แต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้นางแบบสาวที่เธอดูแล กลับโรงแรมตามลำพัง“พี่ธัญญ่า อย่