“คีแรน แผลที่หัวเป็นไงบ้าง ปวดมั้ย ไปหาหมอป่าว”
“ดีขึ้นแล้วอ่ะ คือคริส..” “มีอะไรรึเปล่า?” “ขอโทษนะที่ทำไม่ได้” คีแรนมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาตัดพ้อ “เก่งมากแล้ว พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษคีแรนที่ทำให้ลำบาก” “เรามีกันแค่นี้ มันไม่ลำบากเลย ก็แค่ต้องพยายามมากกว่านี้” “สู้ๆนะ พี่ก็จะสู้ เนี่ยเอาข้าวเอายามาส่ง ต้องกลับเข้าห้องแล้ว อีก2วันเจอกันนะ” คริสยิ้มกว้างให้กับคีแรนหลังจากให้กำลังใจกันและกัน คีแรนที่ทานข้าวทานยาเสร็จ ก็ทำได้เพียงลุกขึ้นเดินไปส่งพี่ชายเข้าห้องอีกฟากฝั่งของบ้านด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าเขาผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่คีแรนยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องจำกัดพื้นที่อิสระของพี่ชาย ไม่ว่าจะช่วงมีอาการฮีทหรือวันพระจันทร์เต็มดวง พอกลับจากห้องคริสคีแรนก็ตรงไปยังห้องพักโอเมก้าทั้ง3คนที่พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านหลังนี้ หลังจากที่กลับจากงานประมูลในคืนก่อน คีแรนยังไม่มีโอกาศได้พูดคุยกับทั้งสามคนเลย แม้สภาพของเขาวันนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ร่างบางก็ยังอยากเจอพวกเขาอยู่ “หวัดดี” เสียงใสของคีแรนส่งเข้าไปทักทายคนที่อยู่ภายในห้องอย่างเป็นมิตร “คุณช่วยปล่อยพวกผมไปเถอะนะครับ” เสียงสั่นเคลือของโอเมก้าหนึ่งในสามคนตอบกลับมาอย่างหวั่นกลัว “ผมจะไม่ทำอะไรพวกคุณ ผมแค่อยากช่วยครับ” คีแรนเดินเข้าไปช้าๆอย่างไม่กดดันเจ้าของห้องเกินไป “คุณจะไม่ทำอะไรพวกผมจริงหรอครับ” “ผมแค่อยากช่วยให้พวกคุณรอดจากคนพวกนั้น ตอนนี้พวกคุณไม่ต้องกลัวนะครับ อยู่กับผมพวกคุณจะปลอดภัย” ร่างบางนั่งลงช้าๆที่เก้าอี้ใกล้ๆพวกเขาทั้งสามคน เมื่อทั้งสามเห็นว่าคีแรนไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร เขาจึงวางใจและทำตัวผ่อนคลายมากขึ้น คีแรนสัมผัสได้จากกลิ่นฟีโรโมนที่เริ่มอ่อนลงและดูผ่อนคลายกว่าตอนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา “พวกนายอยากกลับบ้านกันมั้ย?” “พวกเราไม่มีบ้านให้กลับแล้วครับ ผมกับน้องชายถูกญาติขายให้คนพวกนั้น” เด็กหนุ่มอายุราวๆ19ปีตอบกลับพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อนอง “แล้วนายหละ อยากกลับรึเปล่า?” คีแรนหันไปถามโอเมก้าคนสุดท้ายที่เขาช่วยมา “ผมต้องตามหาเพื่อนผม” “เพื่อนนาย?” “เราถูกจับมาพร้อมกัน” “แต่ทั้งงานมีแค่พวกนาย3คน” “นั่นแหละคือสิ่งที่ผมอยากรู้ พวกมันพาเพื่อนผมไปไว้ไหนกันแน่” คำตอบของเด็กหนุ่มทำเอาคีแรนถึงกับต้องขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะมีโอเมก้าคนนึงหายไปจากการประมูลครั้งนี้ เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนคีแรนเองก็ต้องหาคำตอบนี้ให้ได้เช่นกัน “งั้นพวกนายอยู่ที่นี่เถอะ ส่วนเพื่อนนายฉันจะช่วยตามหาเอง” “ผมขอช่วยคุณได้มั้ยครับ ผมอยากช่วยเพื่อนผมเหมือนกัน” นิกเกิล พูดขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่น คีแรนจึงยอมให้เขาช่วยเรื่องนี้อีกแรง “ส่วน เดลกับดีน ฉันได้ยินว่าทำขนมเป็นใช่มั้ย อยากช่วยคริสทำขนมที่ร้านมั้ย?” “อยากครับ พวกผมอยากทำ” “งั้นอีก3วันค่อยเริ่มงาน รอคริสผ่านช่วงฮีทไปก่อนแล้วกัน” ”ขอบคุณคุณคีแรนมากนะครับ” “นิกเกิล มากับฉัน” คีแรนพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อบ้านคนสำคัญอย่างแม็กเวลส์ฟัง เพื่อปรึกษาปัญหานี้ “ผมฝากลุงช่วยตามเรื่องนี้ให้ทีนะครับ เดี๋ยวผมมา” “คุณหนูจะไปไหนครับ คุณหนูยังไม่หายดีนะครับผมว่าอย่าไปเลยดีกว่า เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับ” “ผมไม่สามารถอยู่เฉยได้จริงๆ ฝากลุงช่วยหาห้องให้นิกเกิลด้วยครับ ต้องการอะไรบอกแม็กเวลส์ได้เลยนะ” หลังจากฝากงานกับแม็กเวลส์แล้ว คีแรนไม่ลืมหันไปบอกกับสมาชิกใหม่ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังจะเข้ามาทำงานช่วยเขาสองคนอีกแรง เซฟเฮาท์ตระกูลเบรค รถหรูสีคันดำสนิทจอดลงที่หน้าบ้านพักของบิรอน ทำให้ลูคัสและเนย์อาร์มองหน้ากันด้วยความสงสัย ว่านั่นคือแขกของใครกัน “บิรอนอยู่ไหน?” น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามสองหนุ่มที่นั่งเล่นเกมอยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน “คีแรน มันมาทำอะไรที่นี่ว่ะ?” “กูจะรู้กับมันมั้ย สงสัยนัดกับไอ้บิรอน” ลูคัสตอบเนย์อาร์อย่างกระซิบกระซาบ “มาหาไอ้บิรอนหรอ สงสัยมันยังไม่ตื่นมั้ง ยังไม่เห็นมันลงมาเลยหวะ” เนย์อาร์ตอบทั้งที่มือยังถือจอยเกมและสายตายังคงจ้องมองที่หน้าจอ “ห้องมันอยู่ไหน?” “ขึ้นบันไดไปเลี้ยวซ้ายห้องริมสุด” คีแรนรีบสาวเท้าตรงขึ้นไปยังห้องริมสุดฝั่งซ้ายทันที ก่อนมือเรียวจะทุบประตูห้องเสียงดังลั่น ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! “ไอ้บิรอน ออกมา” “ใครว่ะ!” “มึงออกมาคุยกับกูให้รู้เรื่อง” ประตูห้องถูกเปิดออกโดยบิรอน ก่อนร่างหนาจะมองคนที่รบกวนการนอนของเขาในเช้าวันนี้ “ไม่คิดว่าจะคิดถึงกูไวขนาดนี้” บิรอนส่งยิ้มเยาะให้กับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู “มึงเอาเรย์ไปไว้ที่ไหน?” “ใคร?” “มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง” “กูไม่รู้จักคนชื่อเรย์” “โอเมก้าที่พวกเหี้ยๆของมึงจับมาไงไอ้สัตว์” “อาจจะมีคนซื้อไปแล้วมั้ง” บิรอนตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร “มึงพูดง่ายนะบิรอน” “แค่โอเมก้าคนเดียวมึงจะอะไรนักหนาว่ะคีแรน” “มึงขายให้ใครไป?” “กูว่ามึงอย่าตามหาเลยดีกว่าคีแรน กูเตือนด้วยความหวังดี” “งั้นมึงก็บอกกูมา” “กูบอกไม่ได้” คีแรนยืนกำหมัดแน่นกับคำตอบของบิรอน ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปต่อยหน้าเจ้าของห้อง บิรอนที่ถูกต่อยเข้าเต็มๆเมื่อได้สติก็รีบเข้ามารวบตัวคีแรนเอาไว้ ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันพักใหญ่ ข้าวของภายในห้องถูกทั้งคู่ชนกระจัดกระจายเสียงดังลงไปถึงด้านล่าง จนสองคนที่เล่นเกมอยู่ถึงกับอึ้งแต่ก็ไม่ได้ขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น คีแรนที่ฝืนแรงบิรอนไม่ไหวก็ค่อยๆสงบแล้วทิ้งตัวลง ปล่อยให้คนที่กอดเขาอยู่ต้องตกใจ ที่จู่ๆร่างบางก็หมดสติไป “คีแรน คีแรน!!!” บิรอนร้องเรียกร่างในอ้อมกอดแต่กลับไร้เสียงตอบรับ ร่างหนาทำได้เพียงแค่พาร่างไร้สติขึ้นไปนอนบนที่นอนก่อนจะเรียกหมอมาตรวจร่างกาย “เป็นยังไงบ้างคับหมอ” “เหมือนคุณคีแรนกำลังใช้ยาระงับอาการรัทเกินขนาดนะครับ” “แล้วต้องทำยังไง” “ต้องงดยาครับ เหมือนร่างกายกำลังต่อต้านเลยทำให้เกิดผลข้างเคียง พบได้ทั่วไปสำหรับอัลฟ่าที่ไม่ต้องการคู่” “งั้นคงไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ?” “เคสคุณคีแรนไม่ปกตินะครับ เหมือนเขาเคยใช้ยาบางตัวที่แรงกว่ายาทั่วไป” “เรื่องนั้น เดี๋ยวผมจัดการเองหมอกลับได้เลยครับ” บิรอนที่พอจะรู้สาเหตุก็ไม่นึกสงสัยอีกต่อไป ร่างหนาส่งหมอกลับก่อนจะเดินเข้าห้องมาหาคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง “สรุปคีแรนมันเป็นอะไรว่ะ” ลูคัสที่เข้ามาสมทบเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างสงสัย “ใช้ยาระงับรัทเกินขนาด” “โห รุนแรงขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” “จริงๆก็ไม่ แต่มันเคยใช้ยาตัวอื่น” “อย่าบอกนะว่ามันทดลองใช้ยาที่ผลิตให้พี่มันกับตัวเอง” “กูว่าไม่ใช่ เรื่องนี้มีใครบางคนที่มีคำตอบ” บิรอนทำหน้าครุ่นคิด เขาเดาว่าตัวเองนั้นคิดไม่ผิดแน่ หลังจากที่เพื่อนทั้งสองออกไป บิรอนก็ทำการเช็ดตัวให้คนที่หลับอยู่อย่างเบามือ ก่อนจะเปลี่ยนพลาสเตอร์ที่มุมหน้าผากให้แล้วออกไปทำธุระบางอย่าง ร่างหนานัดพบใครบางคนในช่วงค่ำที่ริมทะเลสาบชานเมือง ม้านั่งตัวสีดำตอนนี้มีชายสองคนกำลังนั่งสนทนากันอยู่ “คีแรนเป็นอัลฟ่าแรร์ใช่มั้ย” “ก็อาจจะใช่” “ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือคุณสินะ?” “ฉันอยากให้นายได้เห็นจริงๆ มันงดงาม” “ผมมีอีกคำถาม” “ว่ามาสิ” “เรย์เป็นยังไงบ้าง?” “ดูเหมือนว่ายังไม่ชินกับบ้านใหม่ คงต้องให้เวลาปรับตัวสักหน่อย” ทั้งคู่ไม่ได้ต่อบทสนทนาใดๆ ก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทาง ส่วนบิรอนก็รีบตรงกลับบ้านทันที เซฟเฮาท์ตระกูลเบรค เสียงโวยวายดังขึ้นภายในบ้านจนบิรอนได้ยินหลังจากที่ลงจากรถมา ร่างหนารีบก้าวเข้าบ้านด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ก็พบเพียงเพื่อนของเขาสองคนที่ยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นชั้นสอง “มีอะไร?” “คีแรนมันฟื้นแล้ว” “แล้วมันเป็นอะไร?” “มันส่งกลิ่นไปทั่วชั้นสองเลย เหมือนมันกำลังรัท พวกกูทนไม่ไหวเลยขึ้นไปดูไม่ได้” คำตอบของลูคัสทำเอาบิรอนดวงตาเบิกโพรง ร่างหนารีบวิ่งขึ้นชั้นสองด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาคนที่ส่งกลิ่นอยู่ภายในห้องนอน แต่กลับพบแค่เตียงที่ว่างเปล่า “คีแรน มึงเป็นอะไร?” บิรอนเอ่ยถามคนที่ขังตัวเองในห้องน้ำ “ออกไป อย่าเข้ามาใกล้กู” “มึงกำลังรัท มึงต้องการคู่” “เอายามาให้กู กูขอยา” คีแรนอ้อนวอนเสียงสั่น “มึงใช้ยาไม่ได้แล้วคีแรน ร่างกายมึงมันต้านไม่ไหวแล้ว” “กูต้องการบิรอน กูขอร้องเถอะนะ” “โอเคๆ งั้นมึงออกมาสิ มาเอายาของมึง” “กูออกไปไม่ได้” “มึงออกมาได้ มึงจะปลอดภัยกูสัญญา” “กูออกไปสภาพนี้ไม่ได้ เอายามาให้กู” บิรอนพยายามเกลี้ยกล่อมร่างบางอยู่นานแต่ไม่เป็นผล คีแรนยังคงอยู่ในห้องน้ำไม่ยอมออกมา “มึงเป็นอะไร กูช่วยมึงได้คีแรน ออกมาเถอะ” “มึงจะไม่กลัวกูใช่มั้ย?” “ไม่ กูสัญญา” หลังจากคีแรนได้คำตอบนั้นร่างบางก็ค่อยๆเปิดประตูออกมาช้าๆ ดวงตาสวยเต็มไปด้วยม่านน้ำตา ใบหน้าใสขึ้นสำแดงจากการร้องไห้ แต่ร่างกายคีแรนมีบางอย่างที่แปลกไป สายตาของบิรอนจับจ้องไปที่ร่างบางด้วยอาการตาค้าง คีแรนในตอนนี้มีหนูเล็กๆสีขาวสองข้างที่บนหัว ดูเหมือนว่ามันพึ่งจะงอกขึ้นมาใหม่ “กูน่าเกลียด” คีแรนทรุดตัวลงที่หน้าประตูห้องน้ำก่อนจะร้องไห้ออกมาหนักขึ้น “มึงใจเย็นๆ” บิรอนค่อยๆพยุงร่างคีแรนขึ้น ก่อนจะสังเกตเห็นหางสีขาวฟูที่ด้านหลังราวกับหางของหมาป่าน้ำแข็ง สิ่งที่ร่างหนาได้เห็นในตอนนี้มันทำให้บิรอนรู้สึกตื่นเต้น จนร่างกายบิรอนเริ่มส่งกลิ่นฟีโรโมนออกมาอย่างไม่รู้ตัว อีนิกม่าหนุ่มที่กลบกลิ่นมาตั้งนานตอนนี้กลับควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เขากำลังล่อเหยื่อให้มาติดกัป และเหยื่อที่ว่าคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอัลฟ่าที่กำลังรัทอยู่ในตอนนี้ สายตาของคีแรนที่มองบิรอนนั้นเปลี่ยนไป จากที่เคยโศกเศร้าตอนนี้กลับเปล่งประกายราวกับลูกแก้ว ดวงตาสวยมองมาที่อีนิกม่าหนุ่มอย่างคลั่งไคล้ คีแรนพ่ายให้กับสัญชาตญาณที่มี ตอนนี้เขาไม่ได้มองบิรอนเป็นศัตรู และบิรอนเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็ต้องการ และไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไว้ได้อีกต่อไป“คีแรน แผลที่หัวเป็นไงบ้าง ปวดมั้ย ไปหาหมอป่าว” “ดีขึ้นแล้วอ่ะ คือคริส..”“มีอะไรรึเปล่า?”“ขอโทษนะที่ทำไม่ได้” คีแรนมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาตัดพ้อ“เก่งมากแล้ว พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษคีแรนที่ทำให้ลำบาก”“เรามีกันแค่นี้ มันไม่ลำบากเลย ก็แค่ต้องพยายามมากกว่านี้”“สู้ๆนะ พี่ก็จะสู้ เนี่ยเอาข้าวเอายามาส่ง ต้องกลับเข้าห้องแล้ว อีก2วันเจอกันนะ” คริสยิ้มกว้างให้กับคีแรนหลังจากให้กำลังใจกันและกัน คีแรนที่ทานข้าวทานยาเสร็จ ก็ทำได้เพียงลุกขึ้นเดินไปส่งพี่ชายเข้าห้องอีกฟากฝั่งของบ้านด้วยความเจ็บปวดแม้ว่าเขาผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่คีแรนยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องจำกัดพื้นที่อิสระของพี่ชาย ไม่ว่าจะช่วงมีอาการฮีทหรือวันพระจันทร์เต็มดวงพอกลับจากห้องคริสคีแรนก็ตรงไปยังห้องพักโอเมก้าทั้ง3คนที่พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านหลังนี้หลังจากที่กลับจากงานประมูลในคืนก่อน คีแรนยังไม่มีโอกาศได้พูดคุยกับทั้งสามคนเลย แม้สภาพของเขาวันนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ร่างบางก็ยังอยากเจอพวกเขาอยู่“หวัดดี” เสียงใสของคีแรนส่งเข้าไปทักทายคนที่อยู่ภายในห้องอย่างเป็นมิตร“คุณช่วยปล่อยพวกผมไปเถอะนะครับ” เสียงสั
สำหรับคีแรนแล้วคริสคือคนที่เหมาะสมกับรอยยิ้มมากที่สุด หากเลือกได้เขาอยากเกิดเป็นโอเมก้าแทนพี่ชายแต่ร่างบางกลับทำไม่ได้หากคริสเป็นแค่เพียงโอเมก้าธรรมดาแบบคนทั่วไปก็คงไม่เป็นไร แต่พี่ชายของเขานั้นผ่านการทดลองในโครงการของปู่ตั้งแต่เด็กนับจากนั้นชีวิตของคริสก็เปลี่ยนไปปู่ของคีแรนเดิมทีมีทีมวิจัยที่ดีที่สุดในเมืองเอส แถมยังคิดค้นตัวยาที่จะช่วยเปลี่ยนโอเมก้าให้เป็นอัลฟ่า แต่เขานั้นทำไม่สำเร็จตระกูลครูซที่ร่ำรวยเบื้องหลังเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าขยะแขยงที่ปู่เขาเคยทำเอาไว้ มีที่ไหนจับหลานชายตัวเองไปทำการทดลอง จนฝากรอยแผลขนาดใหญ่ไว้ในใจครอบครัวของเขาเรื่อยมาโชคดีที่พ่อของคีแรนรู้สึกเอะใจ อีกทั้งยังรักลูกปานแก้วตาดวงใจ แอบสืบโครงการนี้จนรู้ชัดว่าพ่อของเขากำลังใช้ลูกชายตนเองในการทดลองยาจึงพาตัวคริสออกมา และยื่นคำขาดตัดพ่อลูกกันแม้เรื่องราวจะผ่านมาหลายปีจนตอนนี้อาการคริสกำลังแย่ลง แต่คีแรนไม่เคยถอดใจ ยังคงหาทางช่วยพี่ชายเรื่อยมาอาการของคนพี่นั้นจะรุนแรงในช่วงที่เขาฮีท คริสไม่สามารถควบคุมตัวเองจากคนที่มีเพศรองตรงข้ามได้ เขาต้องการคู่อย่างกระหายยิ่งกว่าอัลฟ่าที่อยู่ในช่วงรัทเสียอีกนับจากที่คริ
“ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่นะคีแรน” คำทักทายจากน้ำเสียงที่คุ้นเคยทำเอาคีแรนถึงกับมีสีหน้าไม่พอใจสายตาคมช้อนขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยอารมณ์ครุกรุ่น เขาพยายามหลบสายตาผู้คนเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ไม่น่าอภิรมย์แล้ว แต่ก็ยังหนีไม่พ้นสายตาของบิรอนไปได้ “กูไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่เลยสักนิด”“นั่นสิ แต่ก็มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ หรือแค่อยากมาเจอหน้ากู” รอยยิ้มเจ้าเลห์ส่งไปยั่วยุร่างบางที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่าตั้งใจ“อย่าว่าแต่เจอหน้าเลยบิรอน แค่ใช้อากาศหายใจร่วมกับมึงกูก็ไม่อยากใช้” คำตอบของคีแรนทำเอาบิรอนถึงกับแค่นหัวเราะออกมา เขาแพ้ให้กับคีแรนทุกครั้งที่ตีฝีปากกัน ในเมืองเอสแห่งนี้ไม่มีใครไม่อยากเข้าหาเขา และไม่เคยมีใครกล้าต่อกลอนกับเขาจนบางทีชีวิตก็ดูน่าเบื่อเกินไป คงจะมีคีแรนเพียงคนเดียวที่ทำให้ชีวิตเขามีสีสันขึ้นมาบ้าง“โบราณเขาว่า เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น ระวังไว้แล้วกันจะได้กูเป็นผัว” บิรอนก็ยังคงเป็นบิรอน ชอบทิ้งระเบิดไว้ให้คีแรนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วก็เดินจากไป ร่างหนานั่งลงที่โต๊ะห่างออกไปไม่ไกลมากนักก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นเป็นเชิงชักชวนให้คีแรนดื่มด้วยกัน งานประมูลได้เริ่มขึ้นหลังจาก
ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง และเสียงร่ำไห้ของโอเมก้าหลายชีวิต ที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมแสนโหดร้ายและพี่ชายของ คีแรน เองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกพวกคนที่ร่ำรวยเงินตราตามล่าราวกับจะฉีกทึ่งร่างเขาเป็นชิ้นๆเหมือนกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย “คีแรนหนีไป!”เสียง คริส ตะโกนบอกให้ร่างบางหนีจากฝูงอัลฟ่าที่กำลังไล่ล่าตามหลังมาไม่ไกล ดวงตาสีหม่นจ้องมองไปที่พี่ชายที่ล้มลงเพราะคริสเริ่มหมดแรงจะหลบหนี แต่ไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรทุกอย่างก็ต้องหยุดลง สองพี่น้องถูกจับได้เสียแล้ว“ไอ้บิรอน” เสียงทุ้มต่ำของคีแรนเล็ดลอดออกมาตามไรฟันที่สบกันแน่นราวกับกำลังข่มอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้“นึกว่าใคร ที่แท้ก็สองพี่น้องตระกูลครูซ” รอยยิ้มเจ้าเลห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อ“แล้วมึงจะทำไม” สายตาดุส่งไปถามอัลฟ่าจ่าฝูงอย่างไม่หวั่นกลัว “ว้าว ขู่เป็นแมวเลยหวะ ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะชอบใจของคนเจ้าเลห์ดังขึ้น ก่อนบิรอนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้คีแรนที่ยืนบังพี่ชายอย่างคริสอยู่ “ถอยไปไอ้สวะ!” เสียงเข้มร้องขู่คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่เหมือนว่าบิรอนจะไม่สนใจแม้แต่น้อย แถมยังนึกสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมา“กูไม่ถอย เรื่องอะไรที่กูต้