ค่ำคืนแสงไฟหลากสีสันสวยงามตาในยามค่ำคืนของใจกลางเมืองใหญ่ ท้องถนนปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่จะแสนวุ่นวาย การกลับบ้านของใครหลายๆ คน ที่พึ่งเลิกจากทำงาน
(คืนนี่แกอย่าดื่มเยอะนะเดี๋ยวกลับไม่ไหว) (รู้แล้วน่าา อย่าบ่นได้ไหม) .... (คืนนี้ไปดื่มที่ร้านใหม่กัน) เสียงเจี๊ยวจ๊าวกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นนัดสังสรรค์ดื่มเที่ยวท่องราตรีตามคลับบาร์ที่ต่างๆ ของใครหลายคนชอบแวะนั่งดื่มเพื่อคลายเครียดและปลดปล่อยความรู้สึกเหนื่อยท้อแท้สิ้นหวังไปกับแก้วน้ำสีอำพันรสชาติบาดคอ ..ปึก!! (อ๊าา...เอามาอีกแก้วสิ) ตลาดริมทางอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตในยามค่ำคือของใครหลายคน ที่ต้องแวะเวียนหยิบจ่ายใช้สอยซื้ออาหารหวานคาวและของใช้มากมายหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาวางขายตามลูกค้าต้องการใช้สอย... “ป้าคะ กระปุกออมสินน้องหมูตัวนั้นเท่าไหร่คะ” “ตัวนี้เหรอหนู 299จ๊ะ” เด็กสาวคลี่ยิ้มบางเมื่อได้ยินคำตอบจากแม่ค้าแล้วก้มดูเงินในกระเป๋าสตางค์ที่ตนถืออยู่ในมือ...เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเงินอยู่ในกระเป๋ามีเพียงแค่สองร้อยกับเศษเหรียญอันน้อยนิด “ป้าค่ะ ป้าช่วยลดราคาให้หนูได้ไหมคะ หนูมีแค่สองร้อยห้าสิบ ป้าช่วยลดให้หนูได้ไหมคะ” “ไม่ได้หรอกหนู ป้าเองก็รับเขามาขายเหมือนกัน ถ้าป้าลดให้หนูมากขนาดนั้นป้าคงขาดทุนแย่ หรือหนูจะเอาตัวนี้ไหม อาจจะใบเล็กกว่าตัวนั้นราคาก็จะถูกกว่า ตัวนี้แค่199” น้ำขิงมองกระปุกออมสินที่แม่ค้ายื่นมาให้เธอดู แล้วทำหน้ามุ่ยเหมือนขัดใจ เธอไม่อยากได้กระปุกใบเล็กแต่เธอต้องการกระปุกออมสินใบใหญ่ที่สามารถเก็บเงินค่าขนมที่เธอแบ่งเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นที่อยู่ในกล่องปิ๊บขนมใบเล็กๆ ได้หมดทุกบาท “แต่หนูอยากได้ตัวนั้น มันตัวใหญ่พอเก็บเงินของหนูที่อยู่ในปิ๊บขนมได้หมดทุกบาท แต่ถ้าหนูซื้อน้องหมูตัวเล็ก หนูก็ต้องซื้อสองตัวซึ่งหนูก็มีเงินไม่พอที่จะซื้อสองตัวเหมือนกัน แต่ถ้าป้าสุดสวยไม่ลดให้หนู งั้นหนูขอติดเงินที่เหลือได้ไหมคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูเลิกเรียนแล้วเดี๋ยวหนูจะแวะเอามาให้ที่หลัง” น้ำขิงทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์เพื่อที่จะให้แม่ค้านั้นเห็นใจยอมลดราคาให้ “นี่นังหนูอย่าหาว่าป้าใจร้ายเลยนะ มันลดให้ไม่ได้จริงๆ อีกอย่างค่าที่มันก็แพง แล้ววันนี้ป้าเองก็ขายไม่ค่อยจะได้” แม่ค้าอธิบายเหตุผลให้เด็กสาวฟังด้วยสีหน้าบึ้งตึง เพราะตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ตั้งร้านมาจนถึงมืดค่ำเธอขายได้ไม่ถึงสิบตัว แล้วมันก็ไม่คุ้มค่าเช่าที่ ที่เธอจ่ายไป น้ำขิงยืนมองกระปุกออมสินหมูตัวนั้นแล้วถอนใจหายออกมาอย่างเซ็ง แล้วทำปากยุกยิกเดินออกจากร้าน ...หนูจ๊ะหนู!! หยุดก่อน น้ำขิงหยุดแล้วหันกลับไปมองที่ร้านขายออมสินที่เธอพึ่งเดินออกมาเมื่อกี้ แล้วทำหน้าตาคิ้วขมวดสงสัยว่าใครเรียก “อ่ะ ฉันซื้อให้เธอ” หญิงสาวไฮโซหน้าตาดีวัยกลางคนยื่นกระปุกออมสินหมูตัวใหญ่ให้น้ำขิง น้ำขิงเกาหัวทำหน้างุนงง พลางปรายตามองหญิงสาวนึกสงสัยว่าคนที่ซื้อกระปุกออมสินให้เธอคือใคร แล้วทำไมต้องซื้อให้เธอทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน “คุณน้าซื้อให้หนูเหรอ” “ใช่จ้ะ” “แต่หนูกับคุณน้าไม่รู้จักกัน ทำไมถึงซื้อของให้หนูล่ะคะ!” หญิงสาวไฮโซแค่นเสียงหัวเราะให้กับเด็กขี้สงสัย เธอเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงถูกชะตากับเด็กคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือพบเจอกันมาก่อน “ฉันชื่อทับทิม แล้วหนูชื่ออะไร” “หนูชื่อน้ำขิงค่ะ” น้ำขิงเอ่ยตอบพลางยิ้มหวานให้หญิงสาวไฮโซอย่างเป็นมิตร “เดินคุยกันไหม” ถึงน้ำขิงจะอยู่ในความมึนงง แต่เธอก็ยอมเดินตามที่หญิงสาวไฮโซบอกอย่างว่าง่าย “เด็กสมัยนี้น้อยคนนะ ที่จะซื้อกระปุกออมสินไปหยอดค่าขนม สมัยนี้สิ่งล่อตาล่อใจมันมีอยู่เยอะเงินที่พ่อแม่ให้ไปโรงเรียนไม่ค่อยจะเหลือไว้หยอดกระปุกเหมือนหนูหรอก” “ลูกคุณน้าใช้เงินเก่งเหรอคะ " “ไม่รู้สิ ตั้งแต่พวกเขามีหน้าที่การงานของเป็นตัวเอง เรื่องเงินน้าก็ไม่ค่อยยุ่งกับพวกเขาหรอก แต่พวกเขาก็ไม่เคยมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินจากน้านะ” “แสดงว่าลูกๆ ของคุณน้าก็โตกันหมดแล้ว แล้วคุณน้ามีลูกกี่คนเหรอคะ” “น้ามีลูกสองคนจ๊ะ หญิงหนึ่งผู้ชายหนึ่ง ผู้ชายเป็นลูกคนเล็กเขาเป็นหมอที่อยู่โรงพยาบาลฝั่งตรงโน้มที่ห่างจากตลาดไม่ไกลนัก” น้ำขิงมองตามหญิงสาวชี้นิ้วไปอีกฝั่งที่มีป้ายไฟชื่อโรงพยาบาลหน้าตึก “ส่วนลูกสาวคนเล็กเขาเป็นนางแบบ แต่น้าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอกกับพวกวงการบันเทิง แต่ก็นะ มันห้ามความชอบกันไม่ได้ น้าเลยปล่อยให้เขาทำตามที่ชอบ” น้ำขิงเดินฟังทับทิมพูดอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ และปรายตามองเธอที่เล่าเรื่องของลูกๆ ของตัวเองอย่างภูมิใจ ที่แต่ละคนต่างมีหน้าที่การงานที่ดี “แล้วหนูน้ำขิงอายุเท่าไหร่หรอกจ๊ะ” “หนูอายุ17ค่ะ” “แสดงว่าหนูก็เรียนอยู่ชั้นม.5” “ใช่ค่ะ แต่หนูว่าจะพักเรียนสักปีเพราะอยากทำงานช่วยพี่สาวหาเงินรักษาแม่ เพราะแม่ของหนูป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้วก็โรคอื่นๆ ที่แทรกซ้อนมาอีก ลำพังแค่พี่สาวหนูหาเงินคนเดียวเลี้ยงทั้งครอบครัวคงไม่ไหว เพราะไหนจะค่าเทอมหนูค่ายาค่ารักษาแม่แล้วค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก แถมบ้านหนูยังเป็นหนี้นอกระบบอีกด้วย ส่วนพ่อก็ต้องดูแลแม่ เพราะแม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้” น้ำขิงตัดพ้อความทุกข์ใจให้ทับทิมฟังอย่างอัดอั้นที่ไม่เคยระบายให้ใครฟังมาก่อน “พี่อิงฟ้าของหนูเก่งมากๆ เลยนะ พี่สาวหนูเปรียบเสมือนซูปเปอร์เกิร์ลที่พลังแกร่งกล้าสามารถทำงานคนเดียวได้หลายๆ อย่างพร้อมกัน หนูน่ะ! อยากทำงานหาเงินเยอะๆ อยากเห็นพ่อกับแม่และพี่สาวของหนูอยู่สุขสบายเหมือนกับคนอื่นๆ ” รอยยิ้มสดใสปรากฎอยู่บนใบหน้าของเธอทุกครั้งเมื่อพูดถึงผู้เป็นพี่ที่เปรียบเสเมือนไอดอลในดวงใจ ทับทิมที่ได้ฟังก็คลี่ยิ้มบางที่มุมปากสีแดงสวย เมื่อเธอนึกถึงชีวิตของตัวเองที่เคยรันทดมาก่อน เพราะก่อนที่เธอจะมีชีวิตที่สุขสบายมีเงินมีทองใช้ล้นฟ้าแบบนี้ เธอก็เคยลำบากเหมือนกับเด็กสาวคนนี้เหมือนกัน เธอดิ้นดนทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาได้ทำงานดีๆ และดันตัวเองให้อยู่ลำดับสูงเหมือนคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพราะสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอก็คือ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน“ฮึก ฮือ~ นายมันทุเรศ ฮึกเลว เลวที่สุดที่ฉันเคยรู้จักผู้ชายในบนโลกใบนี้ นายมันเป็นผู้ชายที่เฮงซวย ชาติชั่ว ชั่วที่สุด ฮึกฮือ~~~~""____" ผมจะเอายังไงกับเธอดีวะ แม่งร้องบีบน้ำตาอยู่นั่นล่ะ ร้องตั้งอยู่คอนโดจนตอนนี้ย้ายก้นมานั่งบนรถล่ะ แม่ง เธอก็ยังไม่หยุดร้องอีก แถมร้องไปด่าผมไปอีกต่างหาก ไอ้ที่เธอร้องจนน้ำตาหลั่งเป็นทะเลนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเสียใจเรื่องที่ผมจิ้มซิงเธอ หรืออารมณ์เธอมันค้างอยู่กันแน่“ฮึก~ ฮือ~?” สั่งขี้มูกใส่เสื้อตัวเอง ผมเห็นแล้วต้องเบื่อนหน้าหนีอย่างไว คิดในใจกูเอาลงไปได้ยังไง วะ เห็นหน้าเธอตอนนี้ผมล่ะอยากจะอ้วก ทั้งน้ำตาทั้งขี้มูกไหลอยู่รวมกันหมด ....หยี๋!!! ขนลุกฉิบหาย“นี่เธอคิดจะหยุดร้องสักแป๊บจะได้ไหมวะ! "“ฮึก~ฮืออ~นายไม่เป็นฉัน นายไม่รู้หรอกว่าการที่เราเสีย สูญเสียของสำคัญไปมันเจ็บแค่ไหน รู้ไม่ว่ามันเจ็บ ฮึก~ฮือ~?" สั่งขี้มูกอีกรอบ“รู้ ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ ครั้งแรกมันก็เจ็บกันธรรมดา "“รู้ว่าฉันเจ็บแล้วทำไมถึงทำฉันไม่เลิก! ฮึก~ฮืออ~น ฮึก นายน่ะ จับฉันกดฉันกัดฉัน..."“ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่หยิกหลี่เธอ ติดดีฉิบหาย" ผมพูดพร้อมเอาลิ้นเลียริมฝีปากล่าง พลางเหล่ตามองไปที่
กรี๊ดดดด!!“เฮือก!!" ฉันสะดุ้งตื่นลืมตาพร้อมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดผุดขึ้นอยู่ในหัวตอนที่ฉันหลับอยู่ แล้วเสียงกรี๊ดนั้นไม่ใช่เสียงใครที่ไหน มันเป็นเสียงฉันเองที่อยู่ในความฝัน“เฮ้อ" ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆพลางตวัดสายตามองดูรอบๆที่ไม่ใช่ห้องฉัน..แต่เป็นห้องของนายโรคจิตนั่นต่างหาก พอนึกถึงนายนั่นขึ้นมา ตาของฉันก็เริ่มตวัดตาสำรวจมองหานายโรคจิตนั่นทันที ว่าเขายังอยู่ในห้องรึเปล่าแต่เท่าที่ฉันสำรวจดูรอบๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยู่ ทุกอย่างดูเงียบไปหมด ..ก็ดีเหมือนกันฉันก็ไม่อยากจะเห็นหน้านายโรคจิตนั่นก่อนจะกลับบ้านเป็นภาพอัปมงคลตามหลอกหลอนฉันไปตลอดชีวิต....ตื่นขึ้นก็มองหาผัว? ขวับ!! “นาย!!! (;ŏ﹏ŏ)" มองหาตั้งนานที่ไหนได้ ก็นอนอยู่ข้างฉันนี้เอง“ นายยังอยู่อีกเหรอ" “นี่มันห้องฉัน-_- " "___" นั่นสิ! ไม่น่าถามให้เสียหมาเลยฉัน “"บ้านเธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง"เขาหันมาถามฉันพร้อมเอามือกอดอกพร้อมเอาลิ้นดันแก้มตัวเอง“เป็นใบ้หรือไง ถามไม่ตอบหรืออยากจะโดนกดเหมือนเมื่อกี้" เขาพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงค้างไว้ แล้วมองหน้านิ่งๆ“เรื่องอะไรฉันจะบอกนาย" “ตอบให้ตรงคำถาม " “ฉันกลับเองได้ นา
ณ..เวลา 01:30พั่บ~พั่บ“อ๊ะ~อ๊า ม ไม่ไหว อ๊ะอ๊ะ อ กรี๊ดด!! "ปึก!!“อ๊าาาส์” ผมเปล่งเสียงคำรามพร้อมกระแทกเอว ครั้งสุดท้ายก่อนแท่งร้อนจะกระตุกหลั่งน้ำกามเข้าในร่องเธอหมดทุกหยดทุกหยาดที่หลั่งออกไป เส้นผมที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ'ถูกเสยขึ้นด้วยมือหนาของผม'พร้อมกับลมหายใจที่พ่นออกจากปากเบาๆ“ หวังว่าเธออคงจะรู้จักกินยาคุม""___" “ถ้าเธอท้อง ฉันคงต้องคิดหน่อยว่านั้นใช่ลูกฉันรึเปล่า ไม่แน่เธออาจจะติดใจรสชาติของมันแล้วไปเอา.." ผมหยุดชะงักปากค้างพลางขมวดคิ้วยุ่งทันทีเมื่อตวัดสายตาขึ้นไปมองผู้หญิงที่ผมลากมาระบายอารมณ์ ตอนนี้ได้แน่นิ่งสลบเป็นผักเหี่ยวตายไปแล้ว"___" ผมหลับตาปรือพลางพ่นลมหายใจออกจากปากอีกครั้ง ถึงผมจะรู้สึกเบาตัวขึ้นมาบ้าง แต่แท่งร้อนของผมมันก็ยังเรียกร้องต้องต่ออีกสักยก หรืออาจจะหลายยกใครจะไปรู้ “อื้ม~” ผมเปล่งเสียงครางอยู่ในลำคอเบาๆเมื่อสะโพกของผมมันเริ่มขยับส่ายเอวขึ้นลงอีกครั้ง..และอีกครั้งจนกว่าฤทธิ์ยาในตัวผมจะหมด _______________เช้าวันใหม่ “อื้อ~" เปลือกตาที่ระบมจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง'มันทำให้ฉันรู้สึกหนักๆและปวดลูกตาเป็นอย่างมาก ฉันได้แต่สะลึมสะลือค่อยๆลืมตาข
หลายชั่วโมงต่อมา..ณ คอนโดหรู ตับ~ตับ~ตับ "อื้อส์ พะ พอแล้ว อ๊ะอ๊า" “อ๊า~" คิดว่าผมจะจบแค่ที่เดียวงั้นเหรอ ไม่มีทาง ตราบใดยาที่ไอ้แม็กซ์มันแอบเอาให้ผมกินยังไม่หมดฤทธิ์ “พะ..พอได้แล้ว..มะ..ไม่ไหว " เธอเอ่ยเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมตาที่สะลึมสะลือกับเรียวแขนของเธอที่ก่อนหน้านั้น เอาแต่ทุบตีผม แต่พอดูคราวนี้สงสัยว่ายัยนี่คงจะเริ่มหมดฤทธิ์ ผมจับเปลี่ยนท่าไหนก็ท่านั้น ไม่มีท่าที่เธอจะขัดเหมือนตอนแรก ผมก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ทำไงได้มันมาถึง ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าไอ้แม็กซ์มันวางยาผม ผมคงไม่ฉุดเธอมารับกรรมแบบนี้ " อึก อ๊ะอ๊ะ ฮึกก" เสียงที่เธอสะอื้นปนกับเสียงครางหวานๆของเธอ..ฟังแล้วแม่งโคตรได้อารมณ์พั่บ~พั่บ~พับ~ “อ๊าาอื้อมอ๊าา " เรียวมือเล็กบีบที่ไหล่ผมไว้แน่น ก่อนเธอจะเลื่อนมือบางลงมาจับที่ท่อนแขนแล้วเอาปลายเล็บจิกมันลงไปอย่างแน่น “อ๊า~" มันใสๆปนขาวนิดๆมันเอ่อล้นตรงช่วงล่างระหว่างเชื่อมต่อกับท่อนเอ็นใหญ่ มันเคลือบชโลมแท่งร้อนจนมันวาวทุกครั้งเวลาขยับเข้าออก "อ๊า" สองมือหนาบีบเคล้นคลึงเต้าอวบเล็กกำลังพอดีมือไม่ใหญ่เกินไป ผมว่ามันธรรมชาติดี ดีกว่านมปลอมๆจับที่ไรแล้วเสียอารมณ์ท
เพียงเวลาไม่นานหลังที่เขาเดินออกมา เขาก็เริ่มมีอาการร้อนผ่าววูบวาบทั้งร่างกาย รู้สึกมีอะไรบางอย่างมากระตุ้นอารมณ์ความป่าเถื่อนให้มันตื่น และอยากจะปลดปล่อยกับใครสักคนที่ช่วยเขาได้..ตอนนี้ “ ฮึกฮือ~ปะ..ปล่อยหนูไปเถอะ อย่าทำอะไรหนูเลย ฮึก ฮือ~น หนูขอร้อง”ร่างบางยกมือที่สั่นเทาขึ้นพนมมือไหว้ขอร้องชายหนุ่มทั้งน้ำตา พร้อมส่งสายตาอ้อนวอน วิงวอนโปรดให้เขาเห็นใจแล้วยอมปล่อยเธอไปแต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์..ต่อให้เธอกราบไหว้ขอร้องเขายังไง เขาก็ไม่เห็นใจหรือคิดจะสงสารเธอเลยสักนิด เขานิ่งเฉยเอาแต่มองหน้าน้ำขิงแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ไร้สิ้นหวังต่อจากนี้"___" “ฉันคง...ปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ" จบประโยคคำพูดของชายหนุ่ม กางเกงของน้ำขิงก็ถูกมือหนาของชายหนุ่มดึงออกจากสะโพกด้วยความรวดเร็ว ผ่านสายตาวิงวอนและเสียงสะอื้นพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย ถึงชายหนุ่มจะเห็นยังไง มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านสงสารหรือเห็นใจเธอเลยสักนิด “ฮึกกฮือ~ปะ ฮึกฮึก ปล่อยหนูไปเถอะ ฮึกกหนูยังเรียนอยู่ ได้โปรดอย่าทำหนูเลย ฮึกกฮือออฮืกก" "___" ไร้คำตอบจากชายหนุ่ม'ที่จะสนใจคำพูดขอร้องจากเธอ เขาคิดแค่ได้ปลดป
“ฮัลโหลพี่อิงฟ้าน้ำขิงอยู่หน้าผับแล้วนะ พี่จะให้น้ำขิงเอาเข้าไปให้หรือว่าพี่จะออกมาเอง ” [ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ออกไปเอาเองรอพี่อยู่หน้าผับแป๊บนะ พี่กำลังเดินออกไป ] “โอเคค่ะ ” ...ฉันวางสายจากพี่สาวก่อนจะเก็บมือถือลงใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กราคาถูก เพราะคนอย่างฉันคงไม่มีปัญญาซื้อของแพงๆมาใช้หรอก เพราะบ้านของฉันมันจน แต่ถึงจะจนฉันก็มีความสุข ฉันยืนรอพี่อิงฟ้าไม่นานนักพี่อิงฟ้าก็เดินออกมาจากในคลับ “ รอนานไหม” “ ไม่ค่ะ อ่ะนี่ชุดทำงานของพี่ แล้วก็นี่ข้าวกล่องที่หนูแวะซื้อจากตลาด หนูรู้ว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าวหนูเลยซื้อข้าวมาให้ ” ฉันยืนถุงกระดาษสีน้ำตาลพร้อมถุงข้าวกล่องให้พี่อิงฟ้า พี่อิงฟ้ารับของจากฉันก่อนจะยกมือขยี้หัวฉันเบาๆ“ ขอบใจนะ แล้วน้ำขิงกินข้าวยัง” “ หนูกินแล้วค่ะ ” “ อืม งั้นพี่เข้าไปทำงานต่อก่อนนะ เดี๋ยวผู้จัดการจะว่าเอา ” “ พี่เหนื่อยไหมที่ต้องทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน เวลานอนของพี่แทบไม่มีเลยนะ ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะพี่อย่าหักโหมจนเกินไป หนูเป็นห่วงพี่มากนะรู้ไหม ” ..อิงฟ้าคลี่ยิ้มบางๆให้กับน้องสาวตัวเล็กของเธออย่างเอ็นดู ที่มักจะพูดย้ำคำนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าเธอจะทำ
“หนูเหมือนน้าในตอนสมัยที่เป็นวัยรุ่น รุ่นเท่าหนูนี่ล่ะ น้าเองก็เคยผ่านความยากลำบากเหมือนกัน”“จริงเหรอคะ แต่ดูคุณไม่เหมือนคนธรรมดาเลย ดูไปทางไฮโซมากกว่า” น้ำขิงมองสำรวจการแต่งตัวของคนข้างๆ อีกครั้ง เครื่องประดับหรูหราตกแต่งอยู่บนเรือนหญิงสาววัยกลางคนแค่เพียงนิด ก็สามารถทำให้หญิงสาวไฮโซคนนี้เปล่งประกายอ่อร่าเด็ดกว่าใครๆ ที่เดินอยู่ตลาดสักอีก“หนูคิดว่าฉันเป็นไฮโซงั้นเหรอ” คุณหญิงทับทิมเอียงคอถามน้ำขิงอย่างทะเล้น"ค่ะ หนูว่าหนูคงเดาไม่ผิดนะคะ” น้ำขิงพูดเชิงติดตลกพลางขำคิกคักออกจากปากเบาๆ“ฮ่าฮ่า หนูนี่เป็นหมอดูที่แม่นมากเลยรู้ไหม งั้นหนูดูดวงให้น้าทีสิว่า น้าจะได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้หรือเปล่า น้าอยากได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้" คำพูดของคุณหญิงทับทิม ทำเอาเด็กสาวหุบยิ้มแล้วหยุดชะงักเดินทันที“หืม มีอะไรรึเปล่า” เมื่อคุณหญิงทับทิมเห็นเด็กสาวหยุดเดิน เลยเกิดความสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่า เพราะสิ่งที่เธอพูดล้วนแต่เป็นความจริง ที่เธออยากได้น้ำขิงเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่เพราะความสงสารแต่เป็นความเอ็นดูและถูกชะตากับเด็กคนนี้มากซะจนอยากเอาเธอใส่กระเป๋าเอากลับบ้านไปด้วย แค่เธอเห็นปุ๊บแล้วใช่เลย แถมเด็กคน
ค่ำคืนแสงไฟหลากสีสันสวยงามตาในยามค่ำคืนของใจกลางเมืองใหญ่ ท้องถนนปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่จะแสนวุ่นวาย การกลับบ้านของใครหลายๆ คน ที่พึ่งเลิกจากทำงาน(คืนนี่แกอย่าดื่มเยอะนะเดี๋ยวกลับไม่ไหว)(รู้แล้วน่าา อย่าบ่นได้ไหม).... (คืนนี้ไปดื่มที่ร้านใหม่กัน)เสียงเจี๊ยวจ๊าวกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นนัดสังสรรค์ดื่มเที่ยวท่องราตรีตามคลับบาร์ที่ต่างๆ ของใครหลายคนชอบแวะนั่งดื่มเพื่อคลายเครียดและปลดปล่อยความรู้สึกเหนื่อยท้อแท้สิ้นหวังไปกับแก้วน้ำสีอำพันรสชาติบาดคอ ..ปึก!! (อ๊าา...เอามาอีกแก้วสิ)ตลาดริมทางอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตในยามค่ำคือของใครหลายคน ที่ต้องแวะเวียนหยิบจ่ายใช้สอยซื้ออาหารหวานคาวและของใช้มากมายหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาวางขายตามลูกค้าต้องการใช้สอย...“ป้าคะ กระปุกออมสินน้องหมูตัวนั้นเท่าไหร่คะ”“ตัวนี้เหรอหนู 299จ๊ะ” เด็กสาวคลี่ยิ้มบางเมื่อได้ยินคำตอบจากแม่ค้าแล้วก้มดูเงินในกระเป๋าสตางค์ที่ตนถืออยู่ในมือ...เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเงินอยู่ในกระเป๋ามีเพียงแค่สองร้อยกับเศษเหรียญอันน้อยนิด“ป้าค่ะ ป้าช่วยลดราคาให้หนูได้ไหมคะ หนูมีแค่สองร้อยห้าสิบ ป้าช่วยลดให้หนูได้ไหมคะ”“ไม่ได้หรอกหนู ป้าเอ