บทนำ
ณ มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เสียงฮือฮาของเหล่าบรรดานักเรียนทั้งชายและหญิง ดังกึกก้องไปทั่วสนามฟุตบอลที่รุ่นพี่กำลังแข่งกีฬาอยู่ ทันทีที่อาจารย์ผู้สอนเดินออกจากสนาม เหล่าบรรดารุ่นน้องหญิงชายก็วิ่งตรงเข้ามาหาคนที่ตัวเองปลื้มพร้อมกับดอกไม้และตุ๊กตาหมีที่เป็นสิ่งแทนใจ ในวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่า คนที่ได้สิ่งของแทนความรักมากที่สุดก็คือ.... เฌอเบลล์ หญิงสาวตัวเล็กสเปกชายที่ฮอตตั้งแต่มอต้นยันมอปลาย นอกจากความสวยสดใสและรอยยิ้มบาดใจแล้ว เฌอเบลล์ยังเป็นคนเฟรนด์ลี่พูดคุยเก่งเข้าได้กับทุกคนอีกด้วย และยิ่งกว่านั้นเฌอเบลล์ยังเรียนเก่งและให้คำปรึกษารุ่นน้องในเรื่องการเรียนได้ดีกว่ารุ่นพี่คนอื่น ๆ เรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่างจริง ๆ “เบลล์แม่งฮอตฉิบหาย” ไวน์ หนุ่มหล่อพ่อรวยเพื่อนสนิทในกลุ่มของเฌอเบลล์พูดขึ้นมาขณะที่มองดูกลุ่มรุ่นน้องกำลังรุมล้อมเพื่อนของตน ถึงจะเป็นภาพที่ทุกคนเห็นบ่อยแล้ว แต่ก็รู้สึกอึดอึดแทนเพื่อนทุกครั้งที่เห็นอะไรแบบนี้ “ไม่ฮอตได้ไง เบลล์มันน่ารักขนาดนั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกัน ใครบางคนแม่งจีบไปนานแล้ว จริงไหมวะ!” ประโยคหลังเจเลอร์ตั้งใจหันไปถาม มาร์ติน เพื่อนชายอีกคนที่นั่งมองเฌอเบลล์ไม่วางตา โดยที่ข้าง ๆ มี มิริน กำลังยื่นขวดน้ำให้เหมือนทุกครั้งที่เรียนพละเสร็จ “แสนรู้นะมึง” มาร์ตินตอบทีเล่นทีจริงพร้อมกับรับขวดน้ำจากมิรินมาดื่มด้วยท่าทางปกติไม่แม้แต่จะมองดูและไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เพื่อนพูด “กูไม่ได้แสนรู้ แต่กูเป็นคนที่รู้ใจมึงที่สุด แนะนำในฐานะเพื่อนนะเว้ย ชอบก็บอกว่าชอบดิวะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกก่อนหรอก” เจเลอร์ บอกเพื่อนรักและตบไหล่เบา ๆ ตามประสาคนรู้ใจ ตามมาด้วยเสียงเชียร์ของเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่อยากให้มาร์ตินสารภาพรักกับเฌอเบลล์ เพราะทุกคนเข้าใจว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน เว้นก็แต่มิรินที่ไม่ยอมรับความจริง “มีอะไร?” มาร์ตินขมวดคิ้วถามมิรินที่เอาแต่ยืนมองหน้าเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ “ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” มิรินตอบพร้อมรอยยิ้มและเก็บสิ่งของที่เตรียมมาใส่กระเป๋า แน่นอนว่าคนสนิทกันดูออกจึงได้ถามต่อ “มีอะไรก็พูดมา” สายตาคมมองจ้องที่ดวงตาของอีกฝ่ายจนเธอทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกประหม่า จนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่มองใบหน้าหล่อของเพื่อนสนิทอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งหัวใจมันทนต่อความอยากรู้ไม่ไหวจนต้องออกคำสั่งให้เธอถามเขาออกไป “นายชอบเบลล์เหรอ” คำถามของคนตรงหน้าทำให้มาร์ตินหยุดชะงักไปชั่วขณะ เขาจ้องมองดวงตาคู่สวยด้วยแววตาเกินจะคาดเดาเช่นเดียวกับคำถามที่ถูกส่งมาหา “อยากให้ชอบไหมล่ะ?” “มะ...ไ....” ยังไม่ทันที่มิรินจะได้ตอบสิ่งที่อยู่ในใจ หมับ! เจเลอร์ก็พุ่งเข้ามากอดคอมาร์ติน “ไปช่วยเบลล์ถือหน่อย กูกลัวแขนมันจะหัก” “อืม ค่อยคุยกัน” มาร์ตินบอกมิรินก่อนจะเดินไป ทำให้เธอต้องคิดไปเองว่า..... “ฉันไม่สำคัญกับนายเลยสินะ” มิรินได้แต่บอกตัวเองในใจพร้อมกับความรู้สึกที่จมดิ่ง และอึดอัดใจที่ต้องทนเก็บบางอย่างไว้ในใจต่อไป ...ความรู้สึกนั้นยังต่อเนื่องมาจนถึงเวลาเลิกเรียน มิรินก็ยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้สักที มันช่างเป็นอะไรที่อยากจะอธิบายเสียจริง จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปตรง ๆ ก็ไม่ได้ เพราะก็กลัวจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป “เฮ้อ....” “เป็นไรมากปะ ฉันเห็นแกนั่งถอนหายใจแบบนี้นานแล้วนะ” นานะ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มหันไปถามด้วยความสงสัย ทำให้ทุกคนจับจ้องมาที่มิรินเป็นตาเดียว “ไม่มีอะไรหรอก" มิรินแสร้งยิ้มและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นกลบเกลื่อนความว้าวุ่นใจ ขณะที่รอหนุ่ม ๆ หอบหนังสือไปส่งอาจารย์ แต่อยู่ ๆ เฌอเบลล์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกแก ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” น้ำเสียงจริงจังของเฌอเบลล์ทำให้สาว ๆ หันไปมองหน้าเธอเป็นตาเดียวรวมถึงคนที่กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องตัวเองด้วย และสิ่งที่เฌอเบลล์นั้นเอ่ยออกมาก็ยิ่งทำให้ความว้าวุ่นในใจของมิรินพุ่งทยานขึ้นไปอีกหลายเท่า “ฉันชอบติน พวกเธอช่วยฉันคิดหน่อยได้ไหม ว่าฉันจะสารภาพรักยังไงไม่ให้เสียเพื่อน” เฌอเบลล์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าของมิรินตลอดเวลา ราวกับกำลังจับผิดว่าเพื่อนรักของเธอจะรู้สึกยังไง “ฉันชอบติน ฉันชอบติน ฉันชอบติน” คำพูดของเฌอเบลล์ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของมิรินจนไม่ทันได้ฟังว่าเพื่อนพูดอะไรกันต่อ ในหัวของเธอตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ต่างจากหัวใจที่บีบรัดแน่นจนจุกอก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะทำใจกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ เธอกลับทำใจไม่ได้ “เธอช่วยฉันคิดหน่อยสิริน ว่าฉันควรจะทำยังไงดี ฉันชอบตินมาก ๆ เลยนะ” “เอ่อ...” มิรินได้แต่อ้ำอึ้งเหมือนคนน้ำท่วมปาก ขณะที่เฌอเบลล์ก็จ้องมองเธอราวกับกำลังจับผิด อีกทั้งสายตาของเพื่อนรอบข้างก็มองกดดันเธอราวกับว่าเธอเป็นส่วนเกินที่ไปแทรกกลางความรักของคนสองคน เพราะใคร ๆ ก็คิดว่าเขาสองคนนั้นมีใจให้กัน “มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเธอเองก็ชอบติน” ใช่ ฉันชอบติน ชอบมานานแล้วด้วย ชอบก่อนที่เธอจะชอบตินสะอีก มิรินได้แต่สารภาพรักอยู่ภายในใจพร้อมหัวใจที่เจ็บปวด ถ้าให้เลือกระหว่างเธอกับเฌอเบลล์ ไม่ว่าใครก็คงจะเลือกเฌอเบลล์อยู่แล้ว เฮ้อ...นี่ฉันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งเลยเหรอ มิรินถอนหายใจออกมาอย่างสุดปลง เมื่อรู้ชะตาตัวเอง เธอควรจะทำใจแล้วสินะ ก่อนที่จะเสียเพื่อนทั้งสองคนไป “เธอชอบตินใช่ไหม” เฌอเบลล์ถามย้ำอีกครั้ง เมื่อมิรินเอาแต่เงียบ “เปล่า ไม่ได้ชอบ ถ้าเธอชอบหมอนั่น ก็สารภาพรักไปตรง ๆ เลย” มิรินพยายามบอกออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อไม่ได้เสียเพื่อนทั้งสองคนไป เธอยอมรับว่าเธอรักมาร์ติน แต่เธอก็รักเฌอเบลล์เหมือนกัน ถ้าพวกเขาจะรักกันจริง ๆ เธอก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ “เธอพูดจริงเหรอ” “จริงสิ เพื่อนกัน จะไปชอบกันได้ไงล่ะ ไม่มีทางหรอก” มิรินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อให้สมบทบาท โดยไม่รู้ว่าคำพูดของเธอทำให้คนที่พึ่งจะเดินเข้ามาเข้าใจทุกอย่างชัดเจน “ติน!” มิรินเอ่ยชื่อชายหนุ่มที่รักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะสมองก็คิดหาคำอธิบายกับสิ่งที่เธอพลั้งพูดออกไปว่ามันไม่ใช่ความจริง หมับ! คนตัวสูงไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาเดินตรงไปหาเพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะจูงมือเธอออกไป ท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์ของคนอื่น ๆ มิริน เม้มริมฝีปากเข้าหากันทันทีที่เผลอพลั้งปากออกไป แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อทางเลือกของเธอมันมีไม่มาก ตอนนี้เธอทำได้เพียงมองทั้งสองคนค่อย ๆ เดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่ปวดหนึบ แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไปเองมาร์ตินเดินย่างกรายออกไปจากห้องทันที ก่อนจะเห็นเฌอเบลล์และนานะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นานะรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ที่ไม่เห็นมิรินเดินออกมาพร้อมกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป"มีอะไร"มาร์ตินเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเธอมาหาเขาถึงที่นี่ เฌอเบลล์คิดหาข้ออ้างไม่ทัน จึงแกล้งชวนมาร์ตินคุยสัพเพเหระมิรินที่นั่งรอมาร์ตินนานพอสมควรจึงเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสารสัญญาจ้าง และภาพถ่ายงานของเธอ ต่าง ๆ นานา ที่เธอตั้งใจทำมัน มิรินกำรูปภาพเหล่านั้นด้วยความโกรธเคือง แปลว่าที่ผ่านมา มันไม่เคยมีสินค้าตัวไหนจ้างเธอจริง ๆ แต่มันจากมาร์ตินที่คอยจ้างเธอ ความโกรธเคืองและผิดหวังประเดประดังเข้ามาภายในใจ มิรินโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงให้ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามา เอกสารการจ้างนักสืบพร้อมรูปถ่ายของเธอต่าง ๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะ อย่างเป็นระเบียบเพื่อคำอธิบายจากเขา"ตินเราออกไปกินข้าวกลางวันกันร้านเดิมไหม เบลล์หิวแล้ว"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออดอ้อน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนชายหนุ่ม แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมของอีกคน ซึ่งเธอจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำหอมของมิริน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หญิงสาวชะงักไปค
ใช้เวลาเพียงไม่นานเควินมาถึง สิ่งแรกที่เขามองหาก็คือเธอ แต่ก็ต้องแปลกใจที่มิราไม่ได้อยู่รอเขา"คิดว่าเมียจะวิ่งมากอดซะอีก"เควินสบถขึ้นในใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแม่มิรารีบเข้าไปกอดเมลลี่ทันที ก่อนที่ย่าก็ถามด้วยความเป็นห่วง" ปลอดภัยแล้วนะลูก""ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ"ปู่เรียกเควินไปคุยอะไรนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ก่อนจะบอกว่า"พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกมัน"" เควินไปหามิราเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก มิราเขาปั๊มนมและฝากลูกกับแม่หนึ่งคืน"" ฝากด้วยนะครับ"เควินรีบขึ้นไปบนห้องด้วยความเร่งรีและตื่นเต้น เป็นในรอบหลายเดือนตั้งแต่เธอท้อง เขาก็ไม่เคยได้สอดแทรกเข้าไปในกายของเธอเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอจัดคืนนี้ให้หนำใจเลยแล้วกันเควินค่อย ๆ เปิดเข้ามาก่อนมองหาหญิงสาว แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อมิรานั้น ใส่ชุดนอนคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ นั่งรออยู่ มิราจ้องมองเควินด้วยสายตายั่วยวน" มาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงปล่อยให้รอนานจัง"มิราเอ่ยขึ้นก่อนจะย่างกรายเข้าไปชายหนุ่มพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อผ้าให้ช้า ๆ เควินที่รู้สึกอยากจะขย้ำเธอจึงลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ ทว่ามิรากลับห้ามเอาไว้"ใจเย็นๆสิคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน ไปอาบน้ำก
วันเวลาผ่านไปไวเกือบสามเดือนแล้วที่มิรานั้นออกมาอยู่บ้านกับปู่และย่าของมาเฟียหนุ่ม เธอโดนบังคับมาโดยให้เหตุผลว่า อยู่ใกล้พวกเขาจะปลอดภัยกว่า มิราไม่มีทางเลือก ถึงยอมมาในขณะที่เธอกำลังให้นมลูกอยู่ในสวน อยู่ ๆ ก็มีย่ากับแม่และเมลลี่ผู้จัดการช่วยเลี้ยงลูกของเธอ ทุกๆ คนเห่อหลานมาก" อะมาร์เวลล์ค่าบ กินนมอยู่เหรอค่าบ"ทุกคนต่างหยอกล้อเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษ ก่อนจะฝังจมูกลงแก้มเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษตอนนี้น้ำนมของเธอเยอะมากๆ ทว่าลูกของเธอก็กินเก่งมากเหมือนกัน น้ำนมเอ่อไหลจนต้องปั๊มนมใส่ตู้เก็บไว้จำนวนมาก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงตอนที่น้ำนมยังไม่มา ตอนนั้นเธอรู้สึกเครียดมาก แต่ก็ยังดีที่ได้กินน้ำขิงของนัทเชลล์ ทำให้เธอมีน้ำนมสต๊อกไว้ถึงสามตู้ฟรีชหลังจากที่มิราให้นมลูกของเธอเสร็จ เมลลี่ก็มาอุ้มมาร์เวลล์ออกไปทันที"มิไปพักเถอะ""มิแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จะต้องพักด้วยเหรอ"มิราเอ่ยขึ้นทว่าเมลลี่ไม่สนใจเธอ เอาแต่หยอกล้อหลาน"วันนี้แด๊ดดี้ไปไหน ทำไมห่างลูกนานจังเลย ปกติมาทุกสิบนาที"ว่าจบเควินก็เดินเข้ามากอดมิราจากทางด้านหลัง ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิด ทั้งสองสวีทหวานอย่างไม่อายใคร และทุกคนก็เริ่มชินแล้ว
ครอบครัวเควินและมิราย้ายมาอยู่บนเกาะด้วยกันแทบตลอดเวลา เควินเลือกที่จะเอางานมาทำที่เกาะและดูแลเธอแบบใกล้ชิดเพิ่มความปลอดภัยแบบเต็มกำลังเควินแทบไม่ให้หญิงสาวออกห่างจากตัว และยังสั่งให้เธอนอนดูซีรีส์ฟังเพลงอยู่โซฟาในห้องทำงาน แล้วถ้าเบื่อเขาก็พาออกไปเดินเล่น และไปหาแม่ที่อยู่อีกฟากของเกาะแม่เธอกับผู้จัดการก็มาอยู่ด้วยแต่ว่าขอให้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเกาะ พวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย จริง ๆ ทั้งสองอยากอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่มิราเป็นห่วงจึงขอร้องให้มาด้วยกัน แม่ก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวกับเควินต้องเป็นห่วงเลยอยู่ใกล้ ๆ กันจะได้สบายใจ และเชื่อว่าเควินจะดูแลทุกคนได้ปู่และย่าเอ่ยถามถึงข่าวเควินหลานชายจากลูกน้อง เพราะเควินไม่มาหาเขาเลย ด้วยความคิดถึงหลานชายคนเดียวจึงให้คนเป็นย่าแกล้งป่วย"คิดถึงมันมากก็แกล้งป่วยสิ""แกล้งหรือไม่แกล้ง ฉันก็เหมือนคนป่วยอยู่แล้ว"คนแก่ทั้งสองเริ่มปลงและทำใจยอมรับมิราและยิ่งได้รู้ว่านางใจเด็ดและไม่ยอมแพ้ที่จะรักเควินก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอเหมือนย่าของเควินในตอนนั้น ตอนแรกย่าก็อยากได้เมติน่าคู่หมั้นเควินมากเพราะคิดว่าจะทำทุกอย่างได้เพื่อเควิน แต่จริง ๆ แล้วเธอ
. ลูกเควินนั่งดูหมอตรวจหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น มิราเองก็พยายามส่งสายตาให้ชายหนุ่มออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอเอาแต่จ้องมองบนจอ แต่พอเห็นภาพลูกหน้าจอทั้งสองคนก็เงียบไป เควินเอ่ยถามหมอขึ้นว่าเสียงหัวใจเป็นของใคร คุณหมอก็เอ่ยตอบว่า"เสียงของตัวเล็กครับ"เควินนั่งฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เควินฟังหมออธิบายวิธีดูแลเมียกับลูกอย่างตั้งใจ สงสัยอะไรก็ถามทำเอาคนเป็นแม่อย่างมิรารู้สึกใจเต้นแรงและไม่คิดว่ามาเฟียอย่างเขาจะสนใจลูกขนาดนี้ และนึกภาพไม่ออกเลยว่าเควินจะโกรธมากแค่ไหนถ้าเธอทำแท้งจริงๆเควินเอ่ยถามเพศลูกขึ้น"เพศอะไรครับ""น้องเป็นผู้ชายครับ"เควินพอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังคงเก็บอาการพออัลตราซาวด์เสร็จหมอก็เอ่ยถามมิราขึ้นทันที"ยังแพ้ท้องอยู่มั้ย""ก็มีบ้างค่ะ""แล้วมีวิธีที่ทำให้หายแพ้ไหม"เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันที สร้างความมึนงงให้คนเป็นหมอเป็นอย่างมากมิรามองหน้าชายหนุ่มแบบงง ๆ"นี่โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่ใครจะรักษาอาการแพ้ท้องได้"มิราเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงอย่างหนักที
36.มิราค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับอาการของตัวเอง เพราะเธอมักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆมิรารู้สึกเครียดมาก ๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเธอนั้นไปทำชั่วอะไรไว้ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้"จะมีผัวทั้งทีก็เป็นผัวคนอื่นซะงั้น"มิราสบถขึ้นแต่พอพูดถึงผัวเธอก็มองหามาเฟียหนุ่ม ทว่ากลับไม่เจอแล้วก็มีเสียงใครบางคนมาเคาะประตูปู่กับย่าของมาเฟียหนุ่มตั้งใจแอบมาคุยกับเธอตอนที่เควินไม่อยู่ พร้อมกับบังคับเธอให้ทำตามข้อตกลง"เควินควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างเควิน เธอมันอ่อนแอเกินไปที่สู้เพื่อเควิน ออกไปจากชีวิตหลานฉันซะ!""ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกคุณต้องการนี่มันชีวิตของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไปจากเควิน" "ความปลอดภัยของครอบครัวเธอมั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคนที่จะเป็นเมียมาเฟียอย่างเควินจะต้องเป็นคนที่คู่ควร ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่เป็นภาระให้เควินเหมือนเธอ" "ยังไงเธอเองก็ไม่ได้รักหลานชายฉันอยู่แล้ว สู้เอาเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตราย ฉันจะให้เงิน