บทที่ 2. คาร์น เควินคาร์น
มิริน... ตื่นมาในช่วงสายของวัน เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน ดวงตาที่บวมแดงดูก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก มิรินนั่งคิดอยู่สักพักว่าเธอควรจะไปมหา’ลัยยังไงไม่ให้เพื่อน ๆ สงสัยว่าที่บ้านของเธอกำลังเจอกับปัญหาอะไร ในขณะเดียวกันเพื่อน ๆ ก็อดที่จะเป็นห่วงเธอไม่ได้ "ทำไมวันนี้ยัยรินไม่มาอะ ปกติไม่เคยขาดของอาจารย์ธีระนะ มีอะไรรึเปล่าอะ" นานะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวันนี้ เพื่อนสนิทของเธอไม่ยอมมาเรียน "คงติดธุระมั้ง" ไวน์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือทักทาย เจเลอร์และมาร์ตินที่กำลังเดินเข้ามา "หรือว่า จะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานที่เธอปรึกษาอะ ยัยเบลล์" นานะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทุกคนขมวดคิ้วยุ่งทันที ก่อนที่เจเลอร์และมาร์ติน จะเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อน "งั้นเราก็โทรไปถามยัยรินเลยดี" "มีไร" มาร์ตินเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิทอีกคน "ก็วันนี้น่ะสิติน ยัยรินไม่มาเรียนอะ ปกติไม่เคยขาดวิชาอาจารย์ธีระนะ" เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อน ก่อนจะจ้องมองท่าทีของเพื่อนสนิทอย่างมาร์ติน "ก็โทรไปถามดิ เบอร์ก็มี" มาร์ตินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะนั่งลงข้างเฌอเบลล์ ในขณะที่มิรินกำลังคิดหาวิธีจัดการปัญหาอยู่นั้น อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นปรากฏชื่อของเฌอเบลล์ มิรินกดรับสายเพื่อนสนิทของตัวเองทันที ก่อนจะคิดหาคำโกหกด้วยท่าทีร้อนรน "ยัยริน ทำไมวันนี้แกถึงไม่มาเรียน มีอะไรรึเปล่า บอกพวกเราได้นะ" "เปล่าหรอก พอดีฉันพาพี่มิราไปทำธุระ ไม่มีอะไรขอบใจพวกเธอมากนะ ที่เป็นห่วง" "ฉันก็คิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่เฌอเบลล์ปรึกษาเมื่อวานซะอีก" นานะเอ่ยแทรกขึ้นทันทีที่หญิงสาวเอ่ยจบ เฌอเบลล์จ้องหน้าเพื่อนสนิทด้วยท่าทีไม่พอใจ เมื่อนานะเอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานต่อหน้าทุกคน มิรินเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที ก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้ไหลออกมา เธอไม่อยากยอมรับว่าเรื่องนั้นก็มีส่วนทำให้เธออ่อนแอ "ไม่หรอก ขอบใจมากนะ" มิรินกดตัดสายเพื่อนสนิทของเธอในทันที ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง เพล้ง! เสียงแจกันตกแตกดังสนั่นไปทั่วบริเวณบ้าน ทำเอามิรินสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าภายในบ้านนี้ มีแค่เธอกับพ่อเท่านั้น "คุณพ่อ!" มิรินนึกขึ้นได้ ก่อนจะทิ้งโทรศัพท์มือถือและวิ่งลงไปในทันที เพล้ง! เสียงชายฉกรรจ์ชุดดำนับสิบคนรุมทำร้ายพ่อเธอ โดยมีชายหนุ่มชุดสูทสีดำนั่งมองด้วยสายตาพอใจ "นี่หยุดนะ ปล่อยพ่อฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันแจ้งตำรวจ" "ริน ลงมาทำไมลูกขึ้นไป!" ทรงยศเอ่ยห้ามลูกสาว เมื่อเธอวิ่งลงมาจากบ้านด้วยท่าทีร้อนรน เขานั้นไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ "พ่อ! นี่มันเรื่องอะไรกัน คนพวกนี้คือใครคะ" มิรินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงสัย เมื่ออยู่ ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้เข้ามาทำร้ายพ่อของเธอ ชายชุดสูทสีดำราคาแพง ค่อย ๆ เดินย่างกรายเข้ามาหาเธอช้า ๆ ก่อนจะเชยคางมนของเธอขึ้น และยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก "พ่อเธอติดหนี้ที่บ่อนสามล้านห้า แต่ถ้าเธอยอมอ้าขาให้ฉันเอาตอนนี้ ฉันยกหนี้ให้เธอได้ฟรี ๆ เลย" เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนจะจ้องเรือนร่างเด็กสาวด้วยแววตาหื่นกระหาย "คุณคาร์นครับ ผมขอร้องครับ อย่าทำอะไรลูกสาวผมเลยนะครับ มิรินยังเด็กมากครับ" ทรงยศค่อย ๆ พยุงร่างสะบักสะบอมจากการถูกซ้อม คลานเข้ามากอดขาขอร้องมาเฟียหนุ่ม ที่ดูจะถูกใจตัวลูกสาวเขา มิรินวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ก่อนจะหยิบกุญแจรถสปอร์ตคันหรู ที่พ่อเธอซื้อให้ ในวันที่เธอสอบเข้ามหา’ลัยได้ ยื่นให้มาเฟียหนุ่ม พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง "มิริน อย่าลูก ไม่เอา" ทรงยศพยายามเอ่ยห้ามลูกสาว เมื่อเห็นว่าเธอเอารถคันแรกและเงินเก็บส่วนตัวมาใช้หนี้ให้เขา "หวังว่าทั้งหมดนี้ มันจะเพียงพอ กับที่พ่อฉันยืมมา" "ว้าว! คุณทรงยศนี่มีอะไรให้ผมเซอร์ไพรส์ตลอดเลยนะ ไว้ว่าง ๆ ไปเยี่ยมผมที่บ่อนอีกนะ" "บ่อนงั้นเหรอ" มิรินสบถขึ้นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะเอ่ยสั่งลูกน้องให้กลับ "ฉันถูกใจเธอมากนะสาวน้อย... ไว้เธอโตเต็มวัยเมื่อไหร่ เราได้เจอกันอีกแน่" "ฉัน คาร์น เควิล คาร์น จำชื่อนี้ไว้ให้ดีล่ะ" มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนเชยคางมนหมายจะฝังจมูกลงบนแก้มของเธอ ทว่าหญิงสาวกลับหันใบหน้าหลบได้ทันที ทำเอามาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีนึกสนุก ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีมีความสุข "คุณพ่อ! เจ็บมากไหมคะ" มิรินพยุงร่างผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินไปที่โซฟาช้า ๆ "พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ" "มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ บอกรินได้ไหม เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะคะ มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน รับรู้ปัญหาของกันและกันทุกเรื่องสิคะ" มิรินเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเช็ดเลือดที่มุมปากของพ่อเบา ๆ "ธุรกิจพ่อล้มละลายเมื่อตอนกลางปี พ่อเครียดมากเลยไปเข้าบ่อน หวังจะเอาเงินมายื้อบริษัท ตอนแรก ๆ มันก็โอเค แต่พอเวลาผ่านไปนาน ๆ เข้า ทุกอย่างมันแย่ไปมากกว่าเดิม มีผู้หญิงคนเข้าหาพ่อ และพาพ่อมาที่บ่อนของคุณคาร์น มาเฟียอิตาลีที่เพิ่งมาเปิดบ่อนที่นี่ แต่ยิ่งเล่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหมดไปมากเท่าไหร่ พ่อก็เลยไปกู้เงินเขามา จุนเจือครอบครัวเราและผู้หญิงคนนั้น" มิรินยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองทันทีราวกับคนสิ้นหวัง ก่อนจะร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก เธอไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าคนเป็นพ่อ แต่สิ่งที่เธอรับรู้ มันเกินกว่าจะรับไหว ทรงยศสวมกอดลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมาไม่หยุด "พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ" ทรงยศเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม มิรินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าธุรกิจที่บ้านล้มละลาย และพ่อของเธอจะติดหนี้มากมายขนาดนี้ "คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะ รินยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แล้วก็พวกกระเป๋าแบรนด์เนมต่าง ๆ เดี๋ยวรินจะเอาออกมาขาย ไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือนนะคะ หลังจากนี้คุณพ่อไม่ต้องทำอะไรแล้วค่ะ เดี๋ยวรินจัดการหนี้ที่เหลือของพ่อเอง " มิรินแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเข้มแข็ง แม้ว่าภายในใจจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี แล้วก็ตาม "ทำแผลกันนะคะเดี๋ยวรินไปหยิบกล่องยามาให้" มิรินเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาภายในห้องใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับมา กล่องยาในมือร่วงหล่น เมื่อคนเป็นพ่อกำลังจะคิดฆ่าตัวตายด้วยการเอาเศษแจกันหมายจะทิ่มกลางอก มิรินรีบวิ่งมาเอ่ยห้ามผู้เป็นพ่อทัน "พ่อ! ไม่เอา ไม่ทำแบบนี้ แล้วรินจะอยู่กับใคร" "ปล่อยพ่อริน หากพ่อตายไป เงินประกันของพ่อ จะช่วยรินให้มีอนาคตที่ดีได้นะ ให้พ่อตายเถอะ อย่าให้พ่ออยู่เป็นภาระของลูกเลย"มาร์ตินเดินย่างกรายออกไปจากห้องทันที ก่อนจะเห็นเฌอเบลล์และนานะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นานะรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ที่ไม่เห็นมิรินเดินออกมาพร้อมกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป"มีอะไร"มาร์ตินเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเธอมาหาเขาถึงที่นี่ เฌอเบลล์คิดหาข้ออ้างไม่ทัน จึงแกล้งชวนมาร์ตินคุยสัพเพเหระมิรินที่นั่งรอมาร์ตินนานพอสมควรจึงเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสารสัญญาจ้าง และภาพถ่ายงานของเธอ ต่าง ๆ นานา ที่เธอตั้งใจทำมัน มิรินกำรูปภาพเหล่านั้นด้วยความโกรธเคือง แปลว่าที่ผ่านมา มันไม่เคยมีสินค้าตัวไหนจ้างเธอจริง ๆ แต่มันจากมาร์ตินที่คอยจ้างเธอ ความโกรธเคืองและผิดหวังประเดประดังเข้ามาภายในใจ มิรินโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงให้ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามา เอกสารการจ้างนักสืบพร้อมรูปถ่ายของเธอต่าง ๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะ อย่างเป็นระเบียบเพื่อคำอธิบายจากเขา"ตินเราออกไปกินข้าวกลางวันกันร้านเดิมไหม เบลล์หิวแล้ว"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออดอ้อน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนชายหนุ่ม แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมของอีกคน ซึ่งเธอจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำหอมของมิริน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หญิงสาวชะงักไปค
ใช้เวลาเพียงไม่นานเควินมาถึง สิ่งแรกที่เขามองหาก็คือเธอ แต่ก็ต้องแปลกใจที่มิราไม่ได้อยู่รอเขา"คิดว่าเมียจะวิ่งมากอดซะอีก"เควินสบถขึ้นในใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแม่มิรารีบเข้าไปกอดเมลลี่ทันที ก่อนที่ย่าก็ถามด้วยความเป็นห่วง" ปลอดภัยแล้วนะลูก""ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ"ปู่เรียกเควินไปคุยอะไรนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ก่อนจะบอกว่า"พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกมัน"" เควินไปหามิราเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก มิราเขาปั๊มนมและฝากลูกกับแม่หนึ่งคืน"" ฝากด้วยนะครับ"เควินรีบขึ้นไปบนห้องด้วยความเร่งรีและตื่นเต้น เป็นในรอบหลายเดือนตั้งแต่เธอท้อง เขาก็ไม่เคยได้สอดแทรกเข้าไปในกายของเธอเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอจัดคืนนี้ให้หนำใจเลยแล้วกันเควินค่อย ๆ เปิดเข้ามาก่อนมองหาหญิงสาว แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อมิรานั้น ใส่ชุดนอนคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ นั่งรออยู่ มิราจ้องมองเควินด้วยสายตายั่วยวน" มาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงปล่อยให้รอนานจัง"มิราเอ่ยขึ้นก่อนจะย่างกรายเข้าไปชายหนุ่มพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อผ้าให้ช้า ๆ เควินที่รู้สึกอยากจะขย้ำเธอจึงลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ ทว่ามิรากลับห้ามเอาไว้"ใจเย็นๆสิคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน ไปอาบน้ำก
วันเวลาผ่านไปไวเกือบสามเดือนแล้วที่มิรานั้นออกมาอยู่บ้านกับปู่และย่าของมาเฟียหนุ่ม เธอโดนบังคับมาโดยให้เหตุผลว่า อยู่ใกล้พวกเขาจะปลอดภัยกว่า มิราไม่มีทางเลือก ถึงยอมมาในขณะที่เธอกำลังให้นมลูกอยู่ในสวน อยู่ ๆ ก็มีย่ากับแม่และเมลลี่ผู้จัดการช่วยเลี้ยงลูกของเธอ ทุกๆ คนเห่อหลานมาก" อะมาร์เวลล์ค่าบ กินนมอยู่เหรอค่าบ"ทุกคนต่างหยอกล้อเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษ ก่อนจะฝังจมูกลงแก้มเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษตอนนี้น้ำนมของเธอเยอะมากๆ ทว่าลูกของเธอก็กินเก่งมากเหมือนกัน น้ำนมเอ่อไหลจนต้องปั๊มนมใส่ตู้เก็บไว้จำนวนมาก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงตอนที่น้ำนมยังไม่มา ตอนนั้นเธอรู้สึกเครียดมาก แต่ก็ยังดีที่ได้กินน้ำขิงของนัทเชลล์ ทำให้เธอมีน้ำนมสต๊อกไว้ถึงสามตู้ฟรีชหลังจากที่มิราให้นมลูกของเธอเสร็จ เมลลี่ก็มาอุ้มมาร์เวลล์ออกไปทันที"มิไปพักเถอะ""มิแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จะต้องพักด้วยเหรอ"มิราเอ่ยขึ้นทว่าเมลลี่ไม่สนใจเธอ เอาแต่หยอกล้อหลาน"วันนี้แด๊ดดี้ไปไหน ทำไมห่างลูกนานจังเลย ปกติมาทุกสิบนาที"ว่าจบเควินก็เดินเข้ามากอดมิราจากทางด้านหลัง ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิด ทั้งสองสวีทหวานอย่างไม่อายใคร และทุกคนก็เริ่มชินแล้ว
ครอบครัวเควินและมิราย้ายมาอยู่บนเกาะด้วยกันแทบตลอดเวลา เควินเลือกที่จะเอางานมาทำที่เกาะและดูแลเธอแบบใกล้ชิดเพิ่มความปลอดภัยแบบเต็มกำลังเควินแทบไม่ให้หญิงสาวออกห่างจากตัว และยังสั่งให้เธอนอนดูซีรีส์ฟังเพลงอยู่โซฟาในห้องทำงาน แล้วถ้าเบื่อเขาก็พาออกไปเดินเล่น และไปหาแม่ที่อยู่อีกฟากของเกาะแม่เธอกับผู้จัดการก็มาอยู่ด้วยแต่ว่าขอให้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเกาะ พวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย จริง ๆ ทั้งสองอยากอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่มิราเป็นห่วงจึงขอร้องให้มาด้วยกัน แม่ก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวกับเควินต้องเป็นห่วงเลยอยู่ใกล้ ๆ กันจะได้สบายใจ และเชื่อว่าเควินจะดูแลทุกคนได้ปู่และย่าเอ่ยถามถึงข่าวเควินหลานชายจากลูกน้อง เพราะเควินไม่มาหาเขาเลย ด้วยความคิดถึงหลานชายคนเดียวจึงให้คนเป็นย่าแกล้งป่วย"คิดถึงมันมากก็แกล้งป่วยสิ""แกล้งหรือไม่แกล้ง ฉันก็เหมือนคนป่วยอยู่แล้ว"คนแก่ทั้งสองเริ่มปลงและทำใจยอมรับมิราและยิ่งได้รู้ว่านางใจเด็ดและไม่ยอมแพ้ที่จะรักเควินก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอเหมือนย่าของเควินในตอนนั้น ตอนแรกย่าก็อยากได้เมติน่าคู่หมั้นเควินมากเพราะคิดว่าจะทำทุกอย่างได้เพื่อเควิน แต่จริง ๆ แล้วเธอ
. ลูกเควินนั่งดูหมอตรวจหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น มิราเองก็พยายามส่งสายตาให้ชายหนุ่มออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอเอาแต่จ้องมองบนจอ แต่พอเห็นภาพลูกหน้าจอทั้งสองคนก็เงียบไป เควินเอ่ยถามหมอขึ้นว่าเสียงหัวใจเป็นของใคร คุณหมอก็เอ่ยตอบว่า"เสียงของตัวเล็กครับ"เควินนั่งฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เควินฟังหมออธิบายวิธีดูแลเมียกับลูกอย่างตั้งใจ สงสัยอะไรก็ถามทำเอาคนเป็นแม่อย่างมิรารู้สึกใจเต้นแรงและไม่คิดว่ามาเฟียอย่างเขาจะสนใจลูกขนาดนี้ และนึกภาพไม่ออกเลยว่าเควินจะโกรธมากแค่ไหนถ้าเธอทำแท้งจริงๆเควินเอ่ยถามเพศลูกขึ้น"เพศอะไรครับ""น้องเป็นผู้ชายครับ"เควินพอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังคงเก็บอาการพออัลตราซาวด์เสร็จหมอก็เอ่ยถามมิราขึ้นทันที"ยังแพ้ท้องอยู่มั้ย""ก็มีบ้างค่ะ""แล้วมีวิธีที่ทำให้หายแพ้ไหม"เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันที สร้างความมึนงงให้คนเป็นหมอเป็นอย่างมากมิรามองหน้าชายหนุ่มแบบงง ๆ"นี่โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่ใครจะรักษาอาการแพ้ท้องได้"มิราเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงอย่างหนักที
36.มิราค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับอาการของตัวเอง เพราะเธอมักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆมิรารู้สึกเครียดมาก ๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเธอนั้นไปทำชั่วอะไรไว้ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้"จะมีผัวทั้งทีก็เป็นผัวคนอื่นซะงั้น"มิราสบถขึ้นแต่พอพูดถึงผัวเธอก็มองหามาเฟียหนุ่ม ทว่ากลับไม่เจอแล้วก็มีเสียงใครบางคนมาเคาะประตูปู่กับย่าของมาเฟียหนุ่มตั้งใจแอบมาคุยกับเธอตอนที่เควินไม่อยู่ พร้อมกับบังคับเธอให้ทำตามข้อตกลง"เควินควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างเควิน เธอมันอ่อนแอเกินไปที่สู้เพื่อเควิน ออกไปจากชีวิตหลานฉันซะ!""ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกคุณต้องการนี่มันชีวิตของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไปจากเควิน" "ความปลอดภัยของครอบครัวเธอมั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคนที่จะเป็นเมียมาเฟียอย่างเควินจะต้องเป็นคนที่คู่ควร ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่เป็นภาระให้เควินเหมือนเธอ" "ยังไงเธอเองก็ไม่ได้รักหลานชายฉันอยู่แล้ว สู้เอาเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตราย ฉันจะให้เงิน