หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดีเพราะสาริกาไม่ได้โทรมาระราน หรือทำอะไรตามที่พูดขู่เอาไว้กับส้มทำให้เจ้านายสบายใจได้บ้าง
และได้แต่หวังว่าท่านจะยอมหยุดขัดขวางเรื่องการแต่งงานของเขากับแฟนสาวสักที
วันนี้เขาจึงคิดไว้ว่าจะเอาคำตอบจากแฟนสาวเพราะให้เวลาเธอได้คิดมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แล้ว
ครืดดด~
ระหว่างที่กำลังขับรถไปหาแฟนสาวที่บ้านเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาชะลอความเร็วของรถลงเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยครั้นเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ว่าท่านมีอะไรถึงได้โทรมาแต่เช้า ๆ จึงกดรับสาย
"ว่าไงครับแม่"
(ลูกทำอะไรอยู่เหรอ)
"กำลังขับรถครับ แม่มีอะไรรึเปล่าโทรหาผมแต่เช้า"
(ลูกไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว เย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านนะแม่คิดถึง)
คำตอบจากผู้เป็นแม่ทำให้เจ้านายแปลกใจเล็กน้อย แต่พอได้ฟังน้ำเสียงแสนเศร้าของท่านก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดน้อย ๆ
ปกติท่านไม่เคยใช้น้ำเสียงเศร้าระคนน้อยใจแบบนี้เอาจริง ๆ เขาก็ผิดที่โกรธจนลืมไปว่ายังไงท่านก็เป็นแม่
"ได้ครับ" คิดได้ดังนั้นจึงตอบตกลงไปโดยไม่คิดเอะใจอะไรสักนิด
(แม่จะรอนะ)
"ครับ"
ครั้นวางสายจากผู้เป็นแม่เขาก็ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ทะเลาะกับเขาเรื่องการแต่งงานอีกนะเพราะเขาอุตส่าห์ยอมกลับบ้านหลังจากที่ไม่กลับไปถึงหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ
สาเหตุคือไม่อยากทะเลาะกับท่านนั่นแหละ
เขาลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะสลัดความคิดเรื่องผู้เป็นแม่ออก แล้วบึ่งรถตรงไปบ้านแฟนสาวด้วยความเร็ว เพียงไม่นานรถคันหรูก็เคลื่อนตัวมาจอดลงยังจุดหมาย
เจ้านายหอบถุงขนมพะรุงพะรังที่ซื้อมาฝากเด็กน้อยภริตากับแฟนสาวเดินเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่อให้จะเจอเรื่องอะไรมาแค่มาถึงบ้านแฟนสาว และคิดว่าจะได้เจอเด็กน้อยภริตาก็ทำให้เขายิ้มได้ทันทีมันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์
"พ่อนายย.."
ทันทีที่เขาย่างกรายเข้าไปในบ้านเสียงใส ๆ ของคนที่เขากำลังคิดถึงก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ส่งมาให้ แบบนี้จะไม่ให้เขาหลงรักเด็กน้อยคนนี้ได้ยังไงกัน
"สวัสดีตอนเช้าครับคนสวย" เขาเอ่ยทักทายเด็กน้อยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ วางถุงขนมในมือลงบนโต๊ะกระจก ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะเล็กทุยแล้วขยี้เบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดูโดยมีแฟนสาวนั่งมองอยู่บนโซฟาอีกตัว
เขานั่งหยอกล้อกับเด็กน้อยภริตาครู่ใหญ่จึงหันไปเอ่ยกับแฟนสาว "วันนี้พี่มาเอาคำตอบครับ น้องมีคำตอบให้พี่รึยัง"
"มีแล้วค่ะ ส้มตกลงค่ะ" ส้มตอบพลางระบายยิ้มอ่อนให้หนุ่มคนรัก ความจริงเธอได้คำตอบตั้งแต่สามวันที่แล้วเพียงแต่รอให้เขาทวงคำตอบเท่านั้นเอง
เธอคิดไตร่ตรองมาดีแล้วว่าจะเร่งงานแต่งให้เร็วขึ้นตามที่เขาขอเพราะเธอเชื่อมั่นในตัวเขาเชื่อว่าเขาจะทำได้ตามที่สัญญาเอาไว้
"จริงเหรอครับ พี่ดีใจที่สุดเลย"
เจ้านายดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่จากที่แอบกลัวกับคำตอบก็ใจฟูขึ้นมาทันทีหากไม่ติดว่ามีเด็กน้อยอยู่เขาอยากจะกระโดดเข้าไปกอดเข้าไปหอมแก้มแฟนสาวสักฟอดใหญ่ขอบคุณที่เธอยอมตกลงแม้จะมีปัญหามากมายก็ตาม
"งั้นพี่จะไปหากฤษ์เลยนะครับ"
"ค่ะ"
"เรื่องนี้พ่อกับแม่น้องรู้แล้วใช่ไหมครับ"
"รู้แล้วค่ะ ส้มโทรบอกพวกท่านแล้วว่าจะเลื่อนงานแต่งให้เร็ว พวกท่านก็ไม่ว่าอะไร"
"ครับ ขอบคุณน้องอีกครั้งนะพี่สัญญาว่าจะทำให้น้องกับลูกมีแต่ความสุข" เขาเอ่ยขอบคุณแฟนสาวด้วยความซาบซึ้งสุดใจที่ยอมตกลงทั้งที่มีปัญหาเรื่องแม่กับว่าที่คู่หมั้นอะไรนั่นอยู่แท้ ๆ
"ค่ะ ส้มก็ต้องขอบคุณพี่เช่นกันที่แสนดีกับส้ม และลูกเสมอมา" ส้มยิ้มตอบหนุ่มคนรักก่อนจะเลื่อนสายตามองหน้าลูกที่นั่งมองหน้าเธอกับชายหนุ่มตาปริบ ๆ คงสงสัยว่าพวกเธอพูดอะไรกันอยู่
"น้องริตาดีใจไหมครับอีกไม่นานพ่อนายก็จะได้อยู่กับน้องริตาตลอดแล้วเพราะพ่อนายกับแม่ส้มกำลังจะแต่งงานกันครับ" เป็นเจ้านายที่เอ่ยบอกเด็กน้อย
"จริงเหรอคะ เย้ ๆ! น้องริตาดีใจจังเลยค่ะ"
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็ลุกกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจทำให้ส้มกับเจ้านายพลอยหัวเราะออกมาอย่างนึกเอ็นดู
บรรยากาศภายในห้องโถงเป็นไปอย่างอบอุ่นให้ความรู้สึกเสมือนว่าทั้งสามเป็นพ่อแม่ลูกกันจริง ๆ เจ้านายอยู่เล่นกับเด็กน้อยและแฟนสาวจนเที่ยงจึงขอตัวกลับคอนโด
ครั้นตกเย็นเขาก็ขับรถกลับบ้านตามที่ได้รับปากผู้เป็นแม่ไว้
เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ต้องแปลกใจเพราะบริเวณลานสนามหญ้าหน้าบ้านมีการตั้งโต๊ะ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้คล้ายกับว่ามีงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรสักอย่าง แต่มันงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรนี่สิเพราะวันนี้ไม่ได้เป็นวันเกิดใคร หรือวันพิเศษอะไรเลย
เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน ทว่าพอเดินมาถึงห้องโถงเขาก็ต้องอารมณ์เสียขึ้นมาดื้อ ๆ เพียงเห็นหน้าผู้หญิงที่อยากเป็นเมียเขาจนตัวสั่นนั่งอยู่กับพ่อแม่ด้วย
แม้ไม่สบอารมณ์ แต่เขาก็ทำได้แค่เก็บเอาไว้แล้วเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวที่ยังว่างอยู่
"มีงานอะไรกันรึเปล่าครับเห็นแม่บ้านเหมือนกำลังเตรียมของอยู่ที่สนามหน้าบ้าน"
เอ่ยถามพ่อแม่ถึงสิ่งที่กำลังสงสัยโดยทำเหมือนอีกคนที่นั่งอยู่เป็นอากาศไม่มีตัวตน เขาไม่แม้จะชายตามองเธอสักนิด ต้องการทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้มีค่ามีตัวตนในสายตาเขาสักนิดถึงอยู่บ้านหลังนี้ไปก็เปล่าประโยชน์
"อ่อ แม่อยากเปลี่ยนบรรยากาศในการทานข้าว และอยากจะถือโอกาศนี้สังสรรค์กันในครอบครัวน่ะเลยให้แม่บ้านเตรียมสถานที่ด้านนอก" สาริกาตอบบุตรชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่าในแววตากลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างหากสังเกตดี ๆ ถึงจะเห็น
"แม่มาอารมณ์ไหนครับ" คำตอบจากผู้เป็นแม่ทำเอาเจ้านายฉงนไม่น้อยมองหน้าของท่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ร้อยวันพันปีท่านไม่เคยมีความคิดแบบนี้มันแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้
"ก็ช่วงนี้บ้านเราบรรยากาศมันอึมครึมไง" สาริกาพูดโกหกไปทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เธอมีแผนบางอย่างอยู่ในใจต่างหากจึงจัดงานสังสรรค์ภายในครอบครัวและเรียกให้บุตรชายกลับมา
"ครับ" เจ้านายเลือกจะสลัดความระแวงที่มีต่อผู้เป็นแม่ออกหลงเชื่อสนิทใจว่าท่านคงอยากทำให้บรรยากาศภายในครอบครัวดีขึ้นมาจริง ๆ
ส่วนเมษาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องเช่นกันว่าสาริกามีแผนบางอย่างเธอเองก็เชื่อสนิทใจว่าสาริกามีจุดประสงค์อย่างที่พูดจริง ๆ
ทว่าเธอยังแอบติดอยู่นิดหนึ่งคือทำไมสาริกาต้องให้เธออยู่ร่วมด้วยในเมื่อรู้ ๆ กันอยู่ว่าลูกชายตัวเองไม่ชอบหน้าเธอเลย
ดูอย่างตอนนี้สิหน้าเธอเขาก็ไม่แม้จะชายตามองทำราวกับว่าตรงนี้ไม่มีเธออยู่ด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละเธอทำได้แค่คิด และเก็บความสงสัยเอาไว้นั่งฟังสามคนพ่อแม่ลูกคุยไปเงียบ ๆ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแม่บ้านที่จัดเตรียมอาหารก็มาบอกว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทานแล้ว
สาริกา สามี และเจ้านายจึงพากันเดินออกไปยังลานสนามหญ้าหน้าบ้านซึ่งเป็นสถานที่ทานมื้อเย็น และสังสรรค์กันในคืนนี้โดยมีเมษาเดินตามหลังไปติด ๆ
ความอึดอัด และลำบากใจเข้าเล่นงานเมษาฉับพลันเมื่อทุกคนนั่งลงบนโต๊ะอาหาร โดยสาริกานั่งข้างคนเป็นสามี เจ้านายนั่งอยู่อีกฝั่งคนเดียวซึ่งไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่าเธอต้องนั่งข้างเขาเพราะเก้าอี้มีสี่ตัวพอดี
'อ่า..ให้ตายสิ' เธอได้แต่สบถในใจยิ่งเห็นสายตาที่ชายหนุ่มตวัดมองมาอย่างเอาเรื่องก็ยิ่งทำให้เธอแทบลืมหายใจ อยากจะหายไปจากตรงนี้ด้วยซ้ำแต่ติดที่เธอไม่มีมนต์วิเศษนี่สิ
สุดท้ายจึงทำได้แค่พาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ คนที่กำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตลอดการทานข้าวเธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากจนข้าวก็แทบกลืนไม่ลง ความจริงไม่ได้รู้สึกหิวเลยด้วยซ้ำยิ่งมีอีกคนนั่งอยู่ใกล้ยิ่งแล้วใหญ่แม้บรรยากาศรอบตัวจะดีก็ตาม
แต่นั่นแหละเธอขัดสาริกาไม่ได้ต้องฝืนทานไปเรื่อย ๆ จนข้าวหมดจาน
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ