วันต่อมา..
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติด ๆ กันปลุกให้สองหนุ่มสาวที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงเดียวกันค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
"เฮ้ย!"
"คุณ!"
ทั้งเจ้านายและเมษาต่างผงะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจวินาทีแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ากัน จากที่มีอาการงัวเงีย และมึนจากฤทธิ์ยานอนหลับบวกฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เมษาลอบกลืนน้ำลายหนี่ยว ๆ ลงคออึกใหญ่ ค่อย ๆ ก้มมองตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง หัวใจดวงน้อยของเธอกระตุกวูบอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มคลุมไว้ถึงหน้าอก
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกันมีผ้าห่มผืนเดียวกับเธอคลุมท่อนล่างเอาไว้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ความสงสัย และคำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นในสมองของเธอ พยายามจะคิดทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนก็จำได้ลาง ๆ ว่าตัวเองดื่มไวน์จนรู้สึกมึน ๆ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยเหมือนภาพมันตัดไป
ทว่าในตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นใจ และอับอายมากกว่าเพราะมีอีกคนนอนอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกอายจนไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว หรือเงยหน้ามองว่าอีกคนกำลังทำหน้าแบบไหน ได้แต่ใช้มือกำผ้าห่มบริเวณหน้าอกแน่นข่มความรู้สึกมากมายที่ประดังเข้ามา
แน่นอนว่าเจ้านายเองก็สับสนงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเช่นกัน มีคำถามมากมายผุดขึ้นในสมองไม่ต่างกัน
เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นทำไมตื่นเช้ามาเขาถึงได้อยู่บนเตียงกับผู้หญิงนี้ พยายามนึกเรื่องเมื่อคืนแล้วปะติดปะต่อก็ยังงุนงงอยู่ดีเพราะภาพมันตัดไปตรงที่เขานั่งดื่มไวน์กับพ่อแม่
สรุปเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แกร็ก!
ระหว่างที่ทั้งสองยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ก่อนจะได้ยินเสียงร้องอุทานดังลั่น
"ว้าย!"
"ตายแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน"
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือสาริกานั่นเองทำให้เมษากับเจ้านายถึงกับเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม ร้องเรียกชื่อคนที่ปรากฏกายอยู่หน้าประตูห้องด้วยความตกใจ
"แม่!"
"คุณสาริกา!"
เจ้านายรู้ได้ในทันทีว่ามันยิ่งกว่าฉิบหายอีก คงเข้าทางผู้เป็นแม่เพราะท่านอยากให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวอยู่แล้ว รีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วอธิบายกับท่านพัลวัน "ไม่ใช่อย่างที่แม่เห็นนะครับ"
"ชะ..ใช่ค่ะ" เมษาเองก็รีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งตามแล้วเอ่ยสมทบกับชายหนุ่มด้วยกลัวว่าสาริกาจะคิดว่าเธออยากได้ลูกชายท่าน โดยเธอไม่รู้เลยว่ามันเป็นแผนของสาริกาเองนั่นแหละ
ขณะที่เจ้าของแผนการอย่างสาริกาแอบแสยะยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็รีบปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมทำเหมือนไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
กดเสียงเอ่ยกับคนทั้งสองด้วยน้ำเสียงดุดัน "จะไม่มีอะไรได้ยังไงในเมื่อหลักฐานคาตาขนาดนี้"
"ผมอธิบายได้นะครับแม่"
"พอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แต่งตัวแล้วลงไปคุยกับแม่ที่ด้านล่าง" เธอเอ่ยตัดบทไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น ก่อนจะเลื่อนสายตามองหน้าเด็กสาวแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มต่างจากที่พูดกับบุตรชายสิ้นเสียง "หนูลียาก็ด้วยนะ"
ว่าจบก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที ภายในห้องจึงเหลือเพียงเมษากับเจ้านาย บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึมจนเมษารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
"อย่าคิดนะว่าเรื่องเป็นแบบนี้แล้วฉันจะยอมแต่งงานกับเธอ" เจ้านายกดเสียงเอ่ยพร้อมกับตวัดสายตามองร่างบางที่นั่งข้าง ๆ ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงแล้วโน้มตัวลงไปหยิบกางเกงที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมใส่
ขณะที่เมษานั้นรีบหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากเห็นภาพโป๊เปลือยของชายหนุ่ม มือทั้งสองกำผ้าห่มที่ปกปิดเนินหน้าอกแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่สุ่มอยู่ในอก
บางทีก็อยากจะบอกเขาออกไปเหลือเกินว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาสักนิด แต่ติดที่ว่ามันทำไม่ได้ พอคิดไปคิดว่าความคิดบางอย่างพลันผุดในสมอง
ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วทำไมเธอไม่ยกเรื่องนี้มาทำให้เขาเลิกกับแฟนสาวล่ะ
แม้ไม่อยากทำแต่นี่อาจจะเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำให้เธอได้รับอิสระ มันอาจจะเลว และดูเห็นแก่ตัวไปแต่หากได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี้ก็ถือว่าคุ้มค่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เธอหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เรียกความกล้าให้ตัวเอง ก่อนจะบอกกล่าวกับคนที่นั่งอยู่ริมเตียงอีกฝั่ง "คุณจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะเพราะฉันเสียหาย"
เจ้านายถึงกับหันมองหน้าเจ้าของคำพูดนั้นดังควับนึกโกรธเธอมากขึ้นไปอีก กดเสียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันสายตาจ้องมองใบหน้าเรียวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ "ฝันไปเถอะลียา เมื่อคืนฉันมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรเธอแน่นอน"
"แต่ฉันมั่นใจว่ามี ฉันรู้สึกได้ว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม" แม้จะรู้สึกหวั่นกับสายตาวาวโรจน์ แต่เมษาก็ยังทำใจดีสู้เสือสวนกลับไปด้วยคำพูดโกหก
ความจริงคือเธอไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายสักนิดค่อนข้างมั่นใจเลยแหละว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกับชายหนุ่ม
เธอเคยได้ยินมาว่าการมีอะไรครั้งแรกจะเจ็บตรงส่วนนั้น แต่เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บส่วนนั้นเลยสักนิด
"เหรอ..ไม่ใช่ว่าก่อนมาถึงฉันเธอผ่านมาไม่รู้กี่คนแล้วเหรอลียา" คำพูดแสนหยาบคายถูกพ่นออกจากริมฝีปากหนาทำเอาคนฟังอย่างเมษาถึงกับอารมณ์พุ่งต่อให้ชายหนุ่มจะว่าลียา แต่มันก็เหมือนกับว่าเธอเพราะตอนนี้เธอสวมรอยเป็นลียาอยู่
อดไม่ได้จะต่อว่าเขาไป "ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะมีความคิดสกปรกแบบนี้ด้วย ต่างจากหน้าตาสิ้นเชิง"
"มันจะมากไปแล้วนะลียา ผู้หญิงที่เที่ยววิ่งไล่จับผู้ชายอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน"
คำต่อว่าจากอีกคนทำให้เจ้านายโมโหจนหน้าแดงก่ำ ขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอด
"สิทธิ์ของความเป็นคนไงคะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันด้วยคำพูดจาหยาบคาย"
"ที่เธอโกรธมากขนาดนี้ไม่ใช่ว่าฉันพูดแทงใจดำหรอกเหรอ" ในสายตาของเจ้านายเมษาในคราบของลียาก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงใจแตกที่เที่ยวจับผู้ชายไปทั่ว
เขามั่นใจเลยว่าด้วยนิสัยแบบนี้ของเธอคงจะผ่านผู้ชายมาไม่มากก็น้อยเพราะหากเป็นสาวบริสุทธิ์คงมียางอายบ้างไม่ใช่หน้าด้านหน้าทนแบบนี้
"หรือเรื่องเมื่อคืนเป็นฝีมือของเธอ เธอแอบมอมเหล้าฉันใช่ไหม" ความอคติที่มีมากทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นแผนของลียาที่ต้องการจับเขาเพราะปกติเขาไม่ใช่คนที่เมาง่าย ๆ
"ฉันว่าคุณจะเลอะแทะไปใหญ่แล้วค่ะ" เมษาได้แต่ส่ายหน้านึกผิดหวังในตัวชายหนุ่มยิ่งนัก ก่อนหน้านี้เธอมองว่าเขาเป็นคนที่น่าจะจิตใจดี มีเหตุผลแต่ไม่เลยเขาตรงข้ามทุกอย่าง
"ฉันเชื่อว่าคนอย่างเธอสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ" เจ้านายมีอคติไปแล้วว่าเมษาในคราบลียาไม่ดีต่อให้เธอพูดยังไงก็เปล่าประโยชน์ไม่ได้ทำให้เขามองเธอดีขึ้นมา
เขาตวัดสายตาดุดันมองร่างบางที่นั่งหันหลังให้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
"เฮ้อ.." เมษาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รู้สึกหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อยเมื่ออีกคนออกจากห้องไป รีบลุกเดินไปใส่ล็อกประตูให้แน่นหนา
จากนั้นก็เดินไปยืนไล่สายตาสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนก้มมองจุดสงวนเช็คอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง
ซึ่งบนร่างกายของเธอล้วนปกติทุกอย่างไม่มีรอยใด ๆ และไม่ได้รู้สึกเจ็บส่วนใดสักนิดเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่กระนั้นก็อดคิดหนักไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่รู้สาริกาจะว่ายังไงกับเรื่องนี้ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
เธอยืนทำใจอยู่ครู่ใหญ่จึงเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ เสร็จแล้วออกมาแต่งตัว จากนั้นก็ลงไปยังชั้นล่างตามคำสั่งของสาริกา
ติ้ง ติ้ง~
ระหว่างที่กำลังจะก้าวลงบันใดเธอก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่เธอถืออยู่ในมือดังขึ้น ก่อนจะยกมันขึ้นมากดเปิดหน้าจอดู
คิ้วสวยพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะข้อความจากสาริกาที่โชว์หราบนหน้าจอโดยมีใจความว่า
'เรื่องเมื่อคืนฉันเป็นคนจัดฉากเองไม่ต้องตกใจแค่เล่นไปตามน้ำก็พอ และเมื่อลงไปที่ห้องโถงเธอจะเห็นชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองคนเป็นคนที่จ้างให้มาสวมรอยเป็นพ่อแม่ของลียา เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกชายฉันเธอต้องเล่นละครให้เนียนอย่าให้มีพิรุธจนลูกชายฉันจับได้'
พออ่านข้อความจากสาริกาจบเธอก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ยิ่งเธอแสดงไม่ค่อยเก่งด้วย
กลัวเหลือเกินว่าจะเผลอแสดงพิรุธออกไป แต่ก็นั้นแหละแม้รู้สึกกลัว และไม่เต็มใจทำเธอก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้เพราะมันคืองาน
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ